เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีกบิน
เมื่อหิมะหลอมละลาย เพียงพริบตาก็ถึงฤดูใบไม้ผลิ วิวทิวทัศน์ที่มีชีวิตชีวาเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง
การฟื้นตื่นของมิติมายาสุญญตาส่งผลกระทบต่อแผ่นดินเซียนฉยงมหาศาล ทำให้การเตรียมการของขั้วอำนาจต่างๆ ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนผันตามไปด้วย
เมื่อเทียบกันแล้ว การต่อสู้ในการประลองสุริยันของทวีปไท่เซวียนครั้งนี้กลับไม่ได้รับความสนใจอย่างที่คิดเอาไว้ ผลสรุปสุดท้ายกลับอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน
หลังจากนั้นหอเหนือฟ้าได้ตั้ง ‘ทำเนียบบุตรแห่ง์’ และประกาศลำดับบุตรแห่ง์ทั้งสิบคน
คนแรกคือยอดอัจฉริยะแห่งราชวงศ์ต้าิ เซียวอี้หราน เขาเอาชนะเถี่ยมู่จ้านเฟิงกับฉี่เหยียนเจินหย่าแห่งราชวงศ์ต้าหยวน การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่ง ‘บุตรแห่ง์อันดับหนึ่งของทวีปไท่เซียน’ นั้นได้รับการสรรเสริญจากผู้คนจำนวนมาก
อีกทั้งเซียวอี้หรานปัจจุบันอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น หรือก็คือเขาอาจครองตำแหน่งผู้นำของทำเนียบเอาไว้อีกนานหลายปี ด้วยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดนี้ จึงเป็ที่้าตัวของขั้วอำนาจต่างๆ แม้แต่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าิยังตัดสินใจยกองค์หญิงเก้าแห่งต้าิให้กับเขา ทำให้ผู้คนล้วนอิจฉา
สำหรับเถี่ยมู่จ้านเฟิงกับฉี่เหยียนเจินหย่า ถึงแม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเซียวอี้หราน แต่ยังชิงตำแหน่งบุตรแห่ง์อันดับสองและอันดับสามมาได้ ไม่เสียทีที่ราชวงศ์ต้าหยวนถูกขนานนามว่าเป็ราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุด
บุตรแห่ง์อันดับที่สี่ ถูกชิงไปโดยบุตรของขุนนางแห่งราชวงศ์ต้าหมั่น น่าหลานฮวงจี๋
บุตรแห่ง์อันดับที่ห้าคืออัจฉริยะวิถีกระบี่แห่งราชวงศ์ถัง จั๋่วหรูเซวียน
บุตรแห่ง์อันดับที่หกคือองค์ชายแห่งต้าิ จูจิ่งเทียน
บุตรแห่ง์อันดับที่เจ็ดและอันดับที่แปดคือองค์ชายแห่งต้าซ่ง จ้าวหงฉี และนายน้อยแห่งตระกูลข่ง ข่งเหวินฉี
องค์ชายแห่งต้าถัง ถังเซ้าเฟิงอยู่อันดับที่เก้า และอันดับสุดท้ายคือ ท่านหญิงแห่งราชวงศ์ต้าหมั่น เยี่ยเห่อเชียนเซียง
ถึงแม้งานประลองสุริยันจะค่อนข้างดุเดือด แต่ความเป็จริง นอกจากบุตรแห่ง์สามอันดับแรกแล้ว ทุกคนไม่ได้สนใจบุตรแห่ง์คนอื่นๆ นัก
บุ๋นไม่มีที่หนึ่ง บู้ไม่มีที่สอง เป็เช่นนี้มาั้แ่โบราณ
……
ณ เขตตะวันตกแห่งต้าถัง ตระกูลจั๋วแห่งเมืองตงหลิง
ไม่ว่าด้านนอกจะเกิดเื่ใหญ่เพียงใด จั๋วอวิ๋นเซียนยังคงปิดด่านฝึกตนโดยไม่สนใจสิ่งใด
แต่ไม่ว่าเวลาจะกระชั้นชิดเพียงใด ทุกวันจั๋วอวิ๋นเซียนมักจะเข้าไปในสุสานโบราณครึ่งชั่วยาม…เอาการบำเพ็ญ ความรู้สึก การรู้แจ้ง และรายละเอียดประสบการณ์ทั้งหมดมาเรียบเรียง แม้กระทั่งพึมพำกับตัวเองเป็บางครั้ง เล่าความสุข ความทุกข์ ความสำเร็จและความล้มเหลวทั้งหมดของตัวเอง
จั๋วอวิ๋นเซียนได้เอาสุสานโบราณเป็สถานที่ระบายอารมณ์ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
……
ในความว่างเปล่า กงล้อแห่งธรรมยังคงหมุนวน
ดวงดาราไม่ได้หนาวเย็นอีกต่อไป พวกมันราวกับมีชีวิต ส่องแสงสว่างไสว โคจรรอบกายจั๋วอวิ๋นเซียน
่เวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ มีดวงดารานับร้อยในธารดาราที่สว่างไสว ตอนนี้จั๋วอวิ๋นเซียนกำลังทดลองครั้งสุดท้าย หวังว่าจะทำได้เหมือนบิดาของเขา ควบรวมตราประทับระดับสูงเป็รูปร่าง ‘กระเรียนเมฆา’
‘กระเรียน’ คือวิหคเซียนในยุคโบราณชนิดหนึ่งและเป็หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งวิถีเซียน ซึ่งมันหมายถึงความรุ่งโรจน์และอายุยืนยาว เป็สัตว์ิญญาที่ชื่นชอบของตระกูลเซียน ทว่าน่าเสียดายที่ ‘กระเรียนเซียน’ ได้สูญพันธุ์ตามกาลเวลาจากภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า
และตราประทับตระกูลจั๋ว อ้างอิงมาจากสัตว์ร้ายที่มีสายเืของวิหคเพลิงจากยุคซานไห่ สัตว์ชนิดนี้มีศีรษะคล้ายหงส์ มีขาข้างเดียว รูปร่างราวกับกระเรียน ขนสีแดงราวกับเปลวเพลิง มีความสง่างามดังกระเรียนเซียน และมีความดุร้ายดังวิหคเพลิง ในหมู่ตราประทับมากมายนั้น ระดับของมันนับว่าอยู่ในจุดสูงสุด มิเช่นนั้นบรรพบุรุษรุ่นแรกของตระกูลจั๋วคงมิอาจอาศัยเพียงตราประทับระดับกลางก็สามารถก่อตั้งตระกูลวิถีเซียนในเขตชายแดนได้
ความว่างเปล่าราวกับผ้าขาว ดวงดาราเป็ดั่งจุด มีดวงจิตเป็ชนวน…
ดวงดาราสามสิบหกดวง ควบรวมขึ้นรูป เป็ระดับต่ำ
ดวงดาราเจ็ดสิบสองดวง ควบรวมขึ้นกระดูก เป็ระดับกลาง
ดวงดาราหนึ่งร้อยแปดดวง ควบรวมขึ้นชีพจร เป็ระดับสูง
……
เมื่อจั๋วอวิ๋นเซียนจุดแสงดาราดวงที่หนึ่งร้อยแปดได้ เงากระเรียนเซียนที่สง่างามและน่าเกรงขามก็ปรากฏในทะเลจิตสำนึกของเขา
ทุกครั้งที่ดวงดาราส่องแสง ราวกับสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหว
ทุกครั้งที่กงล้อแห่งธรรมหมุน ราวกับเส้นชีพจรกำลังไหลเวียน
ตราประทับกระเรียนเมฆาระดับสูง ควบรวมสำเร็จ!
จั๋วอวิ๋นเซียนจิตใจสั่นสะท้าน อารมณ์ซับซ้อนปรากฏในใจ…เขาทั้งตื่นเต้น ดีใจ และมีความสุข ทั้งยังมีความรู้สึกเ็ปเงียบงัน
ความพยายามตลอดหกปีโดยไม่เคยยอมแพ้! ความล้มเหลวและผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน คำดูถูกถากถางครั้งแล้วครั้งเล่า เขาล้วนแบกรับเอาไว้เงียบๆ
หลังจากวันนี้เป็ต้นไป เขาเป็ผู้บำเพ็ญเซียนครึ่งหนึ่งแล้ว มีคุณสมบัติเปิดประตูเซียนแล้ว
……
เช่นนั้นต่อไปก็คือการจุดเพลิงิญญา ปลุกพร์!
ทว่าขณะที่จั๋วอวิ๋นเซียนกำลังจะจุดเพลิงิญญา ทันใดนั้นส่วนลึกในิญญาก็มีคลื่นสั่นไหวน่าหวาดกลัวสายหนึ่ง ทำให้ธารดาราเดือดพล่าน!
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนตกตะลึง แม้แต่สมองก็หยุดทำงาน
เพราะธารดาราเดือดพล่าน ดวงดาวมากมายส่องแสงอีกครั้ง ความเร็วของมันทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกหายใจไม่ออก
หนึ่งร้อยสิบดวง หนึ่งร้อยยี่สิบดวง หนึ่งร้อยสามสิบดวง…
สองร้อยดวง สามร้อยดวง…
จนดวงดาราดวงที่สามร้อยหกสิบสว่างขึ้น ปรากฏการณ์ประหลาดถึงค่อยๆ หยุดลง
จั๋วอวิ๋นเซียนจิตใจสั่นสะท้าน ตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่
ดวงดาราสามร้อยหกสิบดวงกำลังส่องแสงและหลอมรวมเข้ากับตราประทับกระเรียนเมฆา ทำให้รูปร่างของมันประณีตมากขึ้น สมบูรณ์แบบมากขึ้น…
ไฟ! ไฟ! ไฟ!
กระเรียนเมฆากำลังลุกไหม้กลายเป็เปลวเพลิง
จากนั้นความเ็ปรวดร้าวถึงิญญากำลังแผดเผาจิตใจของจั๋วอวิ๋นเซียน มิอาจขัดขืน มิอาจกรีดร้อง…ความเ็ปเช่นนี้ทำได้เพียงพึ่งความอดทน ไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว
เปลวเพลิงแผดเผารุนแรงยิ่งขึ้น จนทั้งทะเลจิตสำนึกอาบด้วยสีแดงชาด
“วิ๊ด…”
กระเรียนเมฆาเกิดใหม่ในเปลวเพลิง เสียงคำรามดังกึกก้อง ขนสีแดงราวกับเปลวเพลิง ร่างกายแผ่กลิ่นอายเก่าแก่โบราณออกมา
หากกล่าวว่ากระเรียนเมฆาก่อนหน้านี้คือสิ่งมีชีวิตรักสงบชนิดหนึ่ง เช่นนั้นกระเรียนสีชาดหลังจากเกิดใหม่ก็เสมือนเทพิญญาผู้สูงส่งที่ก้มมองทุกสรรพชีวิต
กระเรียนสีชาดราวกับเปลวเพลิง สง่างามราวกับเซียน
ความรู้สึกที่คาดไม่ถึงแล่นผ่านสมองของจั๋วอวิ๋นเซียน…ั้แ่สมัยโบราณ ดวงดาราสามร้อยหกสิบดวงคือจำนวนสมบูรณ์แบบของ์ สามารถเปลี่ยนแปลงไร้ขีดจำกัด หมุนเวียนเปลี่ยนผัน สืบเนื่องไร้ที่สิ้นสุด และตราประทับดวงดาราสามร้อยหกสิบดวงสามารถก่อเกิดิญญา ทั้งยังมีระดับสูงสุด…นี่คือบทเรียนแรกที่อาจารย์เฒ่าบรรยายในสถาบันเซียนเต้า
ตราประทับระดับสูงสุด! นี่คือตราประทับระดับสูงสุด ‘กระเรียนสีชาด’!
ไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ต้าถัง ต่อให้เป็ในประวัติศาสตร์แผ่นดินเซียนฉยง คนที่สามารถควบรวมตราประทับระดับสูงสุดนับได้ด้วยมือข้างเดียว พวกเขาล้วนเป็บุคคลมีชื่อเสียงโด่งดัง มีอำนาจล้นฟ้า
นี่ไม่ใช่ปัญหาเื่พร์อีกแล้ว แต่ต้องมีโอกาสและโชคมหาศาล!
หลังจากสงบอารมณ์แล้ว จั๋วอวิ๋นเซียนครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทำได้เพียงคิดว่าเป็รางวัลที่ผู้าุโเฉียนโม่มอบให้
……
กงล้อแห่งธรรมโคจร ตราประทับก่อเกิดรูปลักษณ์
ด้วยอำนาจของกระเรียนสีชาด เพลิงิญญาของจั๋วอวิ๋นเซียนถูกจุดอย่างราบรื่น ครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันแต่อย่างใด
และในที่สุดจั๋วอวิ๋นเซียนก็ได้ก้าวเดินสู่เส้นทางบำเพ็ญเซียนที่เขาใฝ่ฝันถึง
……
และในเวลาเดียวกัน สำนักหอดูดาวของราชวงศ์ทั้งห้าแคว้นต่างยุ่งวุ่นวายครั้งใหญ่
จั๋วอวิ๋นเซียนจุดแสงดาราและควบรวมตราประทับระดับสูงสุด ดวงดาราบนท้องฟ้าต่างััได้ ทำให้เกิดคลื่นั์บดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน ถึงแม้ปรากฏการณ์นี้จะสั้นมาก แต่มิอาจมองข้ามได้
ด้วยเหตุนี้สำนักหอดูดาวจึงเริ่มทำนายและรายงานให้แคว้นของตนเอง
เนื่องจากสาเหตุยังไม่แน่ชัด ท้ายที่สุดจึงต้องปล่อยผ่านไป เพียงแค่บันทึกใน ‘ตำราศักราชเซียน’ อย่างง่ายว่า ศักราชเซียนที่เก้าพันแปดร้อยเจ็ดสิบสอง ่ต้นฤดูใบไม้ผลิ วันที่มีฝนตกเล็กน้อย เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ดวงดาราโคจรย้อนกลับ บดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน สงสัยว่าดวงอสูรจุติ เป็ลางร้าย!
