เป็ยามเช้า ที่เงียบสงบอีกวันหนึ่ง... เพราะทุกคนยังไม่ตื่นนอน
แต่ท่ามกลางความมืดสลัว ก็ได้กำหนดแล้วว่าวันนี้คงเป็เช้าตรู่ที่ไม่ธรรมดานัก เพราะเฉินไฮว่ชิงที่มักจะยอมให้เด็กๆ เหล่านี้นอนจนกว่าจะตื่นเองมาตลอดนั้นได้ถือฆ้องทองแดงเอาไว้ในมือ เขาวิ่งไปหน้าประตูห้องของเยว่เยียนเยียนและเหยียนเฟยอย่างอึกทึกครึกโครม ส่งเสียงเอะอะโวยวายปลุกทั้งสองคนขึ้นมา…
“เฉินไฮว่ชิง——!”
เหยียนเฟยขยี้ดวงตาอันงัวเงียของตน แทบอยากจะชักดาบออกมาฟันเฉินไฮว่ชิงตาแก่คนนี้เสียเดี๋ยวนั้น ถึงอย่างไรหัวตัดได้ เืไหลได้ แต่ความฝันอันชื่นมื่นนั้นจะมายุ่งวุ่นวายไม่ได้! นี่เป็หลักการที่เขายึดถือ!
ทว่าโชคดีที่เหยียนเฟยที่ยังไม่ได้ตื่นเต็มตาดี แข้งขายังคล่องแคล่วว่องไวไม่สู้มือเท้าแก่ๆ ของเฉินไฮว่ชิง เพียงพริบตาเฉินไฮว่ชิงก็วิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะๆ ข้ารู้ว่าพวกเ้ายังนอนไม่พอ แต่ว่าข้าไม่มีเวลาแล้ว คุยจบแล้วพวกเ้าจะกลับไปนอนต่อก็ได้!” เฉินไฮว่ชิงที่หลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งเอ่ยอธิบายให้คนทั้งสองที่กำลังมีไฟลุกบนหัวอย่างงกๆ เงิ่นๆ พูดจบก็นิ่งเงียบรอพวกเขาตอบสนอง เพื่อยืนยันความเป็ความตายของตน
“หากบอกว่าบนโต๊ะข้าวเช้าวันนี้ไม่มีซาลาเปาถั่วแดงที่ตกลงกันแล้วเมื่อวานละก็ ข้าจะฆ่าท่านให้ตายเลย”
เหยียนเฟยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดกับเฉินไฮว่ชิง แต่เมื่อนึกถึงชีวิตที่ยังเหลืออยู่ของเฉินไฮว่ชิง เพื่อไม่ให้ตนกลับไปสู่ชีวิตที่มีแต่น้ำแกงใสผักกาดขาวทุกวี่ทุกวัน ดังนั้นเขาจึงเก็บมือที่ชี้ไปยังเฉินไฮว่ชิงกลับมา
เยวี่ยเยียนหรานที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนนั้นอยู่ในสภาพเหมือนยังไม่ตื่นนอน นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าตรงหน้าเกิดเื่น่ารำคาญอะไรขึ้นกันแน่ นางยกมือขึ้นเกาหัวอย่างุนงง แล้วเอ่ยพึมพำขึ้นมา “อาจารย์ ปลุกพวกเราลุกขึ้นมาเช้าขนาดนี้ ท่านมีเื่อะไรกันแน่หรือ... เยียนเยียนง่วงมากเลย...”
ว่าตามตรง เมื่อได้ยินเสียงของเยว่เยียนเยียน เหยียนเฟยก็หันไปมองนางอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่นึกว่า… ไม่นึกว่าเยว่เยียนเยียนที่ยังไม่ตื่นนอนเต็มที่จะมีท่าทางการพูดจาเช่นนี้? ทั้งอ่อนโยน ทั้งนุ่มนวล และน่ารักมากเลย!
โอ๊ะๆ หาวเสียด้วย?
เหยียนเฟยที่ถูกเยว่เยียนเยียนที่น่ารักอย่างคาดไม่ถึงดึงดูดเข้าให้แทบจะลืมเื่ที่เฉินไฮว่ชิงทำให้ตนตื่นนอนไปแล้ว ใจทั้งดวงได้ถูกภูตน้อยที่กำลังงัวเงียผู้นั้นล่อลวงไปหมดแล้ว~
เฉินไฮว่ชิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อไรเด็กสองคนนี้ถึงจะโตเป็ผู้ใหญ่เสียที หากตนจากไปตอนนี้ ก็วางใจไม่ค่อยได้เลยจริงๆ ! ไม่มีทางเลือก เฉินไฮว่ชิงยกมือขึ้นลูบเคราขาวของตน แล้วเอ่ยเสียงเบา “ตื่นกันพอสมควรแล้วใช่หรือไม่... ตามข้ามา ข้ามีเื่สำคัญต้องคุยกับพวกเ้า”
เื่สำคัญ? ถุย! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าตาแก่นี่จะมีเื่สำคัญอะไรได้! เหยียนเฟยที่คิดเช่นนี้ไม่พูดอะไรมากความ เขาเพียงเบ้ปากลง แล้วพยายามลากเยว่เยียนเยียนที่ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นดีข้างๆ เดินตามเฉินไฮว่ชิงไปด้วยกันต้อยๆ
“พรูด...”
ฉับพลันที่ได้ยินข่าวนี้เหยียนเฟยที่มือกำลังยกถ้วยกรอกน้ำเข้าปาก ก็ราวกับจะหายใจไม่ออก แล้วพ่นทั้งหมดออกมา… พ่นใส่เต็มตัวเฉินไฮว่ชิง
“ให้ตายเถอะตาแก่ ท่านไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม??? ท่านคิดจะทำอะไรกันน่ะ!”
เฉินไฮว่ชิงจัดแจงเสื้อผ้าของตนเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่สนใจรอบข้าง “เอาเถอะ เสื้อผ้าที่ตั้งใจเลือกมาอย่างดีคงต้องไปเปลี่ยนอีกครั้งเสียแล้ว... เฮ้อ...”
เยว่เยียนเยียนที่อยู่ข้างๆ เองก็ได้สติขึ้นมาในที่สุด นางขมวดคิ้วดึงแขนของเฉินไฮว่ชิงเอาไว้อย่างไม่ยอมให้ไป “อาจารย์ ท่านจะทิ้งข้าไว้ไม่เหลียวแลไม่ได้นะ... โธ่เอ๊ย ไม่ได้นะอาจารย์ ไม่ได้จริงๆ ไม่ได้นะ!”
เมื่อเห็นเยว่เยียนเยียนใกล้จะร้องไห้ เหยียนเฟยเองก็ใกล้จะคลุ้มคลั่ง เฉินไฮว่ชิงจึงทอดถอนใจเอ่ยอย่างจนใจ “ครั้งนี้ข้าเองก็ไม่อยากจะไปนักหรอก แต่ว่า... แต่ว่าข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
ถึงอย่างไรก่อนนี้เฉินไฮว่ชิงนั้นเป็อิสระไร้ข้อผูกมัด นั่นก็เพราะเื้ัไม่มีเยว่เยียนเยียนและเหยียนเฟยสองคนนี้มารอกินข้าวเปล่าๆ ปลี้ๆ ไม่ทำอะไร ดังนั้นสมบัติอันน้อยนิดนั้นของเฉินไฮว่ชิงจึงพอประคับประคองไปได้่หนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เหยียนเฟยและเยว่เยียนเยียนล้วนเป็คุณหนูคุณชายจากตระกูลผู้ลากมากดี เป็คนที่จะปฏิบัติอย่างไม่เป็ธรรมด้วยไม่ได้เด็ดขาดไม่ใช่หรือ?
เช่นนี้ไปๆ มาๆ ต่อให้เฉินไฮว่ชิงเป็คนมีอันจะกินอย่างไรก็คงไม่เหลือเสบียงอาหารอะไรเหมือนกันนั่นแหละ…
เฉินไฮว่ชิงเอ่ยกับเหยียนเฟยและเยว่เยียนเยียนอย่างเอาจริงเอาจัง “ข้าจะบอกพวกเ้าสองคนนะเ้าตัวป่วน พวกเ้านึกว่าข้าอยากจะไปซูโจวดูอาการมีบุตรยากของอนุภรรยาอวี้สื่อต้าฟู [1] อะไรนั่นหรือ? ที่ข้าเชี่ยวชาญไม่ใช่ด้านหมอตำแยเสียหน่อย! หากไม่ใช่เพราะราคาค่าจ้างที่เขาส่งมามันน่าเย้ายวนเกินไป ข้าก็คงี้เีจะไปเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น นี่ก็เพื่อเป็ทุนค่าอาหารไว้ให้พวกเ้าด้วย หากไม่มีข้าวกินกันหมดทั้งสามคนคงได้จบเห่กันแน่...”
เฉินไฮว่ชิงพูดจบแล้วก็อดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ ก่อนเม้มปากหยิบถุงใบเล็กบวมตุงใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ วางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าทั้งสอง “นี่คือ... ค่ายังชีพที่ข้าเหลือไว้ให้พวกเ้า ข้าไปซูโจวเที่ยวนี้ ระยะเวลาไปกลับไม่สั้นนัก อย่างต่ำก็คงประมาณหนึ่งเดือน เงินพวกนี้แม้จะไม่นับว่ามากมาย แต่ก็เพียงพอให้พวกเ้าใช้ได้”
คำพูดยังเอ่ยไม่ทันจบ เหยียนเฟยก็พยายามจะฉวยถุงนั้นไป แต่ครั้งนี้กลับถูกเฉินไฮว่ชิงดึงหลบพ้นไปได้ด้วยความโชคดี “นี่! ห้ามแย่ง ถุงเงินนี้ ข้าจะมอบให้เยียนเยียนเก็บรักษาไว้ แล้วเ้าก็ห้ามแอบมาฉกไป ได้ยินแล้วหรือไม่?!”
ยามปกติแม้ว่าเหยียนเฟยจะเป็คนมุทะลุ แต่คำพูดของเฉินไฮว่ชิงนั้น อย่างไรเขาก็ยังยอมฟังอยู่บ้าง เหยียนเฟยแบมือทั้งสองข้าง แล้วเบะปากเอ่ยอย่างดูแคลน “ใครสนใจกัน ภาระหนัก ข้าไม่อยากได้หรอกน่า~ เฮอะ!” แต่สายตากลับจ้องมองอยู่ที่ถุงเงินใบนั้นอยู่ตลอดไม่วางตา กระทั่งเห็นเยว่เยียนเยียนรับถุงมาด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง เหยียนเฟยถึงตัดใจไปโดยสมบูรณ์
“เช่นนั้นก็ได้ เ้าต้องเก็บของเอาไว้ดีล่ะ ห้ามทำหายเชียว ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเ้าเสียเลย!”
“รู้แล้วน่า! เ้าบื้อ ยังต้องให้เ้ามาบอกข้าอีกหรือ?” ใบหน้าเล็กของเยว่เยียนเยียนพลันเชิดขึ้น ซ่อนถุงเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจยิ่ง ก่อนจะผูกเอาไว้ที่เอวของตนจริงๆ อย่างไรที่นี่ก็ไม่มีใครอื่น ‘หมาป่าหิวโหย’ ที่ต้องรับมือก็มีเพียงเหยียนเฟยเองไม่ใช่หรือ?
เฉินไฮว่ชิงยืนขึ้นโดยไม่สนใจรอบข้าง แล้วเอ่ยกับทั้งสองคน “ข้าจะกลับไปเปลี่ยนชุด จากนั้นก็จะออกเดินทาง พวกเ้าอยู่บ้านกันดีๆ อย่าก่อเื่ทะเลาะกันล่ะ เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจแล้ว!”
เมื่อเห็นเหยียนเฟยและเยว่เยียนเยียนขานตอบเป็เสียงเดียวกัน เฉินไฮว่ชิงถึงพยักหน้า แม้ใจจะยังเป็กังวลอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเื่ราวมาถึงจุดนี้ ต่อให้ไม่สบายใจก็สายไปเสียแล้ว ไม่สู้คิดให้ดีว่าจะกอบโกยให้ได้มากหน่อยอย่างไรดีกว่า ทนลำบากสักครั้งให้พ้นปัญหาเื่อาหารการกินของเ้าตัวยุ่งทั้งสองคนนี้
โดยไม่ได้เอ่ยอะไรอื่น เฉินไฮว่ชิงก็ออกจากห้องไปด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เหลือเพียงเยว่เยียนเยียนและเหยียนเฟยสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น เยว่เยียนเยียนลุกยืนขึ้น หยิบถุงเงินเก็บซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ดึงดูดความสนใจของเหยียนเฟยอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องซ่อนหรอก ข้าไม่รังแกคุณหนูใหญ่ที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะมัดไก่อย่างเ้าหรอก ขอแค่เ้าอย่าปล่อยให้ข้าหิวก็พอ”
“ฮึ นั่นไม่มีทางอยู่แล้ว เพราะกินแต่น้ำแกงใสผักกาดขาวก็อิ่มได้เหมือนกัน...”
“แบบนั้นไม่ได้ ั้แ่วันนี้ไป หากเ้าทำอาหารข้าจะต้องควบคุมอยู่ข้างๆ เงินมากมายขนาดนั้น จะกินแต่น้ำแกงใสผักกาดขาวทุกวี่วันไม่ได้เด็ดขาด!” เหยียนเฟยผุดลุกขึ้นด้วยความโมโห ทำเอาเยว่เยียนเยียนใจนถอยหลังไปหลายก้าว...
เชิงอรรถ
[1] อวี้สื่อต้าฟู (御史大夫) หมายถึงตำแหน่งสมุหพระอาลักษณ์ เป็ผู้ตรวจราชการราชสำนัก ตรวจสอบป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบของข้าราชสำนัก รับผิดชอบหนังสือราชการทั้งปวง รวมถึงฎีกาที่จะถวายฮ่องเต้ และเป็ผู้รับสนองพระราชโองการ
