โยวหยวนยิ้มหยันพลางกล่าว “ลำบากฉิงชางจวินแล้วที่เข้าใจได้ในที่สุด...แน่นอนว่าหากฉิงชางจวินยอมมอบิญญาของหลี่อวิ๋นเฉินออกมาในตอนนี้จะสะดวกกับพวกเรา และข้าน้อยจะไม่ทำให้ฉิงชางจวินลำบากเช่นกัน ท่านไปตามทางของท่าน ส่วนข้าก็ไปตามทางของข้า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
เจียงเฉิงเยว่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะดัง ‘พรืด’ เป็เวลานาน เขายืดตัวขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเ็า จากนั้นมองไปยังโยวหยวนแล้วบอก “เ้าเมืองยวนโส่วไม่ได้ทำอย่างชัดเจนหรอกหรือ? ตอนนี้สิ่งที่เ้าควรคิดไม่ใช่ทางที่จะไป แต่เป็เ้าจะยังมีทางให้ถอยหรือไม่หลังจากที่ถูกข้าจับได้ต่างหาก!” ถ้อยคำสองสามคำสุดท้าย เขาพูดพร้อมกัดฟันแน่นอย่างอาฆาตแค้น ท่าทางดูเหมือน้าจะลงมือ
โยวหยวนกลั้นยิ้ม เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นเยียบ “ไม่ประมาณตน!”
เมื่อเห็นว่าด้านโยวหยวนเองก็มีเจตนาสังหาร หลี่อวิ๋นอี้รับรู้ได้ว่าถึงเวลาแล้วจึงรีบออกคำสั่งกับแม่ทัพที่อยู่ด้านหลัง “ยิง!!!”
ภายใต้การโบกมือออกคำสั่งของนายพล ลูกธนูนับหมื่นลอยออกไปพร้อมกันยังทิศทางของเจียงเฉิงเยว่ ราวกับตัวต่อที่มารวมตัวกันในจุดเดียว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคือ...หลังจากลูกธนูเ่าั้อยู่ห่างจากเจียงเฉิงเยว่เพียงเสี้ยวกลับแข็งตัวอยู่ในอากาศหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว เขตอาคมสีแดงโปร่งแสงที่ควบรวมโดยหยกคู่เพลิงสุวรรณราวกับลูกหนังแสงที่ถูกอัดแน่นด้วยลูกธนู
‘ฟิ้ว’ หลังจากลูกธนูเ่าั้เล็งไปที่เจียงเฉิงเยว่ซึ่งแข็งตัวในอากาศเป็เวลานาน ฉับพลันบินกลับไปทางเดิม ทุกคนต่างตกตะลึง มือธนูจำนวนไม่น้อยล้วนกรีดร้องและตกลงมาจากหลังคากับกำแพง ภายหลังทุกคนคืนสติ เหงื่อเย็นไหลรินลงมา จึงพบว่าลูกธนูเ่าั้ไม่ได้ย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อสังหารพวกเขา ลูกธนูทั้งหมดตอกลงกับพื้นที่ห่างจากเท้าของพวกเขาไม่เกินหนึ่งชุ่น
มือธนูทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล หลี่อวิ๋นอี้ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง รู้สึกว่าลำคอของตนเองถูกพลังที่แข็งกร้าวซึ่งมองไม่เห็นบีบเอาไว้ จากนั้นร่างกายกลับลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างควบคุมไม่ได้ไปยังตำแหน่งของฉิงชางจวิน
“ฝ่าา! ฝ่าา!” นายพลที่อยู่ด้านหลังะโอย่างร้อนใจ แต่กลับช้าไปหนึ่งก้าวจึงไม่สามารถคว้าไว้ได้
หลี่อวิ๋นอี้ถูกบังคับให้ดิ้นรนด้วยความหวาดผวาท่วมศีรษะ ขาทั้งสองข้างเตะอย่างสะเปะสะปะลอยไปมาอยู่ตรงหน้าเจียงเฉิงเยว่ เจียงเฉิงเยว่สบตาอย่างเ็า กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ข้าเคยสัญญากับคนผู้หนึ่ง...ว่าั้แ่นี้ไปจะไม่ทำร้ายชีวิตมนุษย์อีก นี่เป็เหตุผลเดียวที่เ้าสามารถเอาชีวิตที่ต่ำช้ากลับคืนไปจากมือของข้าในวันนี้...”
เขายังไม่ทันพูดจบ ด้านหลังมีลมหนาวกระโชกแรงพัดมา เขารีบโยนหลี่อวิ๋นอี้ไปเป็เกราะกำบัง หลังจากที่หลี่อวิ๋นอี้หลุดลอยออกไปราวกับกระสอบทราย อีกฝ่ายถูกกลุ่มคนที่ด้านล่างจับไว้อย่างเป็พัลวันโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ทันใดนั้นเจียงเฉิงเยว่พลันรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง กำลังจะหันศีรษะกลับมา ที่ไหล่ซ้ายกลับ็ถกตบอย่างแรง ทั้งร่างบินออกไปจนชนเข้ากับป้อมปราการที่กำแพงของวัดเสวียนชางดัง ‘เปรี๊ยะ’ อิฐและกระเบื้องแตกเป็เสี่ยงๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงบนพื้นอย่างไร้กำลัง
เจียงเฉิงเยว่เพียงรู้สึกเ็ปจนภาพตรงหน้ามืดมิด สุดท้ายจึงใช้เวลานานในการฟื้นคืนสติ บริเวณหน้าอกมีความร้อนพลุ่งพล่าน ภายในลำคอมีรสหวาน จากนั้นพลิกตัวกุมหน้าอกส่งเสียง ‘แหวะ’ กระอักเืออกมาคำใหญ่
โยวหยวนยืนอยู่บนหลังคาวิหารขนาดใหญ่ที่คนทั้งสองยืนอยู่เมื่อครู่ เหลือบมองต่ำลงมาที่เขา ยกรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนดเสียงดัง “ฉิงชางจวินในตอนนี้ กลับกังวลเกี่ยวกับความเป็ตายของมนุษย์ธรรมดาเช่นนี้หรือ? ชิ ก็แค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้?”
เจียงเฉิงเยว่กำหยกคู่เพลิงสุวรรณในมือแน่น ภายในใจเริ่มจมดิ่งลง เขาจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่าเมื่อเขาจับหลี่อวิ๋นอี้ได้โยวหยวนต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงกางเขตอาคมหยกคู่เพลิงสุวรรณด้วยความระมัดระวังเต็มเปี่ยม โยวหยวนก็เหมือนกับเขาซึ่งเป็ ‘พลังหยินชั่วร้าย’ เดิมทีสมควรถูกหยกคู่เพลิงสุวรรณขับไล่และยับยั้งไว้ถึงจะถูก กลับคาดไม่ถึงว่าโยวหยวนจะ...สามารถทำลายเขตอาคมของหยกคู่เพลิงสุวรรณได้ตามที่ใจปรารถนา
สมบัติล้ำค่าของตระกูลจิ้งจอกเพลิง! เ้าเด็กนี่ห่างไกลกับเขาในอดีตและครั้งนั้นที่ได้ประมือ ยามนี้แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยอย่างที่คาดคิด!
เกรงว่าโยวหยวนในยามนี้อาจไม่รู้ว่าหลังจากที่เขา ‘เข่นฆ่าเมืองและทำลายประเทศ’ เขาถูกตี้จวินริบพลังิญญาไปกว่าครึ่ง เวลานี้เหลือจากในอดีตเพียงประมาณสิบส่วนจากร้อย...ส่วนฝั่งตรงข้าม ยามนี้อยู่ในยุคที่มีพลังิญญารุ่งเรือง...เจียงเฉิงเยว่จึงไม่กล้าที่จะดึงดันว่าตนเองจะสามารถชนะเอาได้อย่างสบายๆ เช่นนั้น
ช่างเป็การไม่พบกันสามวันแล้วต้องมาดูกันใหม่1 เสียจริง! เ้าเด็กนี่! สุดท้ายแล้วใช้วิธีการใดในการบ่มเพาะกัน?! เหน็บแนมก็ส่วนเหน็บแนม แต่คำสาปร้อยผีกลืนใจ คำสาปประเภทนี้ขัดต่อฟ้าดินมากเกินไป หากมีการใช้บ่อยครั้ง์จะส่งคนลงมาทำลาย การเพิ่มพูนการบ่มเพาะเช่นนี้ล้วนเป็ไปไม่ได้!
ไม่สามารถชนะได้แล้วจะทำอย่างไร? พ่ายแพ้อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ? หากตนเองพ่ายแพ้ ิญญาของหลี่อวิ๋นเฉินจะแตกสลายโดยธรรมชาติ...การลงเอยของตนเองเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไรนัก...
พ่ายแพ้?
ดวงตาของเจียงเฉิงเยว่เป็สีแดงเล็กน้อย เขาเช็ดคราบเืที่ริมฝีปาก ยืดตัวขึ้นแล้วยกยิ้มอย่างเ็า แววตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง หากกล่าวถึงปีนั้น ่ที่เขาออกมาจากการหลอมของนรกขุมที่สิบแปด ยังไม่มีชื่อเสียงภายใต้นามของฉิงชางจวินไปทั่วทั้งสามโลก กลับมีอีก ‘ฉายา’ สำหรับเขาในปรโลกว่า ‘หมาบ้า’
ดังคำกล่าวที่ว่า คนจนจะกลัวคนหยิ่งผยอง คนหยิ่งผยองจะกลัวคนโง่เง่า และคนโง่เง่าจะกลัวคนที่ไม่เกรงกลัวต่อความตาย...เมื่อคิดว่าในปีนั้นที่ฉิงชางจวินยังอ่อนประสบการณ์ แต่กลับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเพียงคนเดียว ทั้งยากจน หยิ่งผยอง โง่เขลา ไม่กลัวความตาย...นี่จึงทำให้เหล่าาาผีน้อยใหญ่ในปรโลกปวดหัวไม่หยุดเมื่อกล่าวถึงเขา ทั้งเกลียดชังและหวาดกลัว
อีกด้านหนึ่ง หลี่อวิ๋นอี้ที่กำลังร้องห่มร้องไห้ราวกับผีสางถูกกลุ่มคนประคองเอาไว้ ซ่อนอยู่หลังประตูโดยไม่ยินยอมโผล่ศีรษะ ราวกับกำลังหดศีรษะอยู่ในกระดองเต่า
แสงจันทร์ดุจการชำระล้าง...ทว่าแสงจันทร์ที่สวยงามเช่นนี้กลับถูกย้อมไปด้วยโลหิต
แม่ทัพผู้นั้นยังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่าง้าทำภารกิจให้สำเร็จ เริ่มโบกมือให้กลุ่มคนอีกครั้ง เล็งเป้าไปที่เจียงเฉิงเยว่พลางะโ ‘ยิง!’
ลูกธนูบินมารวมกันบนร่างของเขาเสียงดัง ‘ฟิ้วๆ’ หลังจากนั้นเจียงเฉิงเยว่ก้มตัวลงไปเพื่อฟาดหยกคู่เพลิงสุวรรณลงบนพื้น เขตอาคมที่ทรงพลังโผล่ขึ้นมา แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ถึงสิบเท่า ตัวเขาเองใช้ค่ายกลพลังิญญาเพื่อเพิ่มการสนับสนุน ลูกธนูเ่าั้จึงราวกับยิงเข้ามายังกำแพงเหล็กกล้าที่ฟันแทงไม่เข้าแล้วกระเด็นกลับออกไป ก่อนบินออกไปอย่างสะเปะสะปะทั่วพื้นที่
เพื่อประหยัดพลังิญญาและความสะดวกในการควบคุม เขากางเขตอาคมสำหรับห่อหุ้มร่างกายของหลี่อวิ๋นเฉินอย่างพอดี ค่ายกลเขตอาคมที่เพิ่มขึ้นนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงพลังหยินชั่วร้าย แม้แต่มนุษย์ก็ไม่อาจทะลุผ่านได้ อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจโดยพลันว่า ค่ายกลนี้อาจประคองไว้ไม่ได้นาน จำเป็ต้องรีบเสร็จสิ้นการต่อสู้โดยเร็ว!
หลังจากวางค่ายกลสำเร็จ หลี่อวิ๋นเฉินร่างกายอ่อนปวกเปียก นอนลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว เจียงเฉิงเยว่ลุกขึ้นจากร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาใช้ร่างเดิมของตนเองบินขึ้นมายืนตรงข้ามกับโยวหยวนอีกครั้ง เมื่อไม่มีพันธนาการของร่างมนุษย์ เขากลับร่างกายเบาหวิวราวกับนกนางแอ่น อยู่ในอากาศได้อย่างตามอำเภอใจ ค่อยๆ ร่วงหล่นอย่างคล่องแคล่วและสง่างาม ดวงตาทั้งสองแปรเปลี่ยนเป็สีแดงเล็กน้อย ฝ่ามือขวายกขึ้นมาบนอากาศ มีเสียงแ่เบาราวกับปลาที่พลิกตัวจนน้ำกระเซ็น จากนั้นปลาหลีฮื้อหลายตัวด้วยรูปร่างควันสีดำโปร่งแสงก็ได้แหวกว่ายอยู่ที่ปลายนิ้ว ก่อนควบแน่นเป็ดาบเหล็กสีนิล
เมื่อโยวหยวนเห็นว่าเขาเรียกโม่หลง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวอย่างแท้จริงแล้ว เขายิ้มเล็กน้อย ค่อยๆ ดึงวัตถุชิ้นหนึ่งออกจากในแขนเสื้อ
นั่นคือแส้กระดูกหยกขาว
เจียงเฉิงเยว่รู้จัก นั่นคือหนึ่งในอาวุธวิเศษที่รู้จักกันดีในสามโลกเช่นกัน เป็หลียาง
อาวุธวิเศษในสามโลกมีหลากหลายประเภท โยนอาวุธเทพโบราณที่ก่อตัวเป็รูปร่างใน่แรกเริ่มของาเ่าั้ทิ้งไปไม่จำเป็ต้องกล่าวถึง สำหรับเซียนจวินแห่งแดน์ ปกติจะอยู่ที่โลกมนุษย์ด้วยตนเอง โดยใช้วัตถุหนึ่งเลือกชมาหลอม เหมือนกับตอนที่ตนเองเลื่อนขั้นและประสบกับด่านเคราะห์ อาวุธวิเศษเช่นนี้ย่อมเกิดมาเพื่อพวกเขา อาวุธวิเศษเปรียบเหมือนร่างอวตารของพวกเขา อานุภาพจะมากน้อยเท่าไรขึ้นอยู่กับพลังิญญาของเซียนจวิน อาวุธวิเศษเช่นนี้ถูกเรียกว่า ‘อาวุธวิเศษดั้งเดิม’ จะเข้ากันได้กับเ้าของในระดับสูงสุด จึงไม่จำเป็ต้องบอกให้มันร่วมเป็ร่วมตาย อีกทั้งยังไม่ยอมให้ผู้อื่นใช้ แน่นอนว่าหลังจากที่เหล่าเซียนจวินเลื่อนขั้นก็จะสามารถหลอมอาวุธวิเศษได้อีกครั้ง แต่อาวุธวิเศษที่ได้มาหลังจากนั้นจะไม่ใช่อาวุธวิเศษดั้งเดิมแล้ว อาจด้อยกว่าชิ้นดั้งเดิมเล็กน้อย นี่คือคำกล่าวของพวกเขา...โดยพลังิญญาของเซียนจวินนั้นแตกต่างกัน พลังิญญาดั้งเดิมกับอาวุธวิเศษอื่นๆ จึงย่อมแตกต่างกันเป็อย่างมาก นอกจากนี้ อาวุธวิเศษอื่นๆ จะเทียบไม่ได้กับอาวุธวิเศษดั้งเดิมที่มีข้อจำกัดให้เ้าของสามารถใช้ได้เท่านั้น
คนอื่นในสามโลกเหมือนกับเจียงเฉิงเยว่ เป็อาวุธวิเศษของเหล่าภูตผีปีศาจที่ยังไม่เคยประสบด่านเคราะห์ ส่วนโยวหยวนนั้น...คือได้รับมาจากภายนอก หลอมด้วยตนเองไม่ได้ เป็เพียงแบบสำเร็จรูป ถึงขั้นต้องใช้วิธีบางอย่างเพื่อรับมา มีความผิดพลาดเพียงเสี้ยวอาจทำให้เกิดความแตกต่างนับพันลี้
อาวุธิญญาของเหล่ามนุษย์ธรรมดา ไม่ต้องกล่าวถึงว่าปกติแล้วจะหลอมด้วยตนเอง วัสดุในการหลอมคือวัสดุที่เป็สมบัติ์ นั่นคือการยืมใช้พลังจากสรวง์หรือพลังิญญาของเหล่าเซียนจวิน...เจียงเฉิงเยว่กับโยวหยวนแตกต่างกันเช่นนี้ ร่างเดิมของอาวุธวิเศษจะมีจิติญญา โม่หลงของเจียงเฉิงเยว่ถูกหลอมโดยจิติญญาของปลาหลีฮื้อตัวหนึ่งที่ล้มเหลวในการประสบด่านเคราะห์ และมีความสัมพันธ์ทางสัญญากับเ้านายของมัน โม่หลงผูกพันกับเขา เพียง้าคลายพันธสัญญา โม่หลงจะเลือกเ้าของใหม่ และถูกใช้โดยผู้อื่นได้ นี่นับได้ว่าเป็อาวุธวิเศษกับเ้านาย ความสัมพันธ์ที่อยู่ร่วมกันนั้น สิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดคือความสามัคคี
ส่วนร่างที่ประกอบเป็หลียางของโยวหยวน ได้ยินว่าสร้างขึ้นจากับาปที่ถูกแดน์ลงโทษและถอดกระดูกัออก โยวหยวนไม่เหมือนกับเจียงเฉิงเยว่ที่มีพันธสัญญาร่วมกันกับโม่หลง แต่เป็ความสัมพันธ์แบบนายบ่าว ัชั่วร้ายที่บ่มเพาะิญญามาอย่างยากลำบากกลับถูกโยวหยวนใช้เป็ทาสอย่างสมบูรณ์ หากฝ่าฝืนเ้าของิญญาจะแตกสลาย นับว่าไม่เป็ธรรมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเภทยังมีจุดที่เหมือนกัน คืออาวุธิญญากับเ้านายจะมีพลังิญญาร่วมกัน อานุภาพของอาวุธวิเศษจะขึ้นอยู่กับความสามารถของเ้าของ
แน่นอนว่ายังมีประเภทที่สาม ความสัมพันธ์แบบเลือกเ้าของ อาวุธวิเศษกับเ้านายค่อนข้างเป็อิสระต่อกัน อาวุธวิเศษดั้งเดิมมีพลังิญญา โดยปกติแล้วจะมีพลังิญญาที่ทรงพลังเป็อย่างยิ่ง จากนั้นจะเลือกเ้านายของมันเองและขับเคลื่อนด้วยความเต็มใจ อาวุธประเภทนี้ปกติแล้วมีอยู่ในตำนานเท่านั้น นับได้ว่าเป็ประเภทที่มีระดับสูงสุด นอกเหนือจากอาวุธวิเศษของเหล่าเซียนจวินแห่งแดน์ ความศรัทธาของอาวุธวิเศษนั้นทรงพลังยิ่ง เ้าของที่ถูกเลือกไม่จำเป็ต้องบอกว่ามีพลังิญญาแบบใด
สำหรับอาวุธวิเศษที่มีความสัมพันธ์แบบเลือกเ้านาย แม้ว่าจะเป็เจียงเฉิงเยว่กับโยวหยวน ปกติแล้วอาจทำได้เพียงคิดเท่านั้น
เวลานี้โยวหยวนดึงหลียางออกมาแล้ว เจียงเฉิงเยว่พลันรู้ว่าตนเองกับอีกฝ่ายกำลังจะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้น
เมื่อกล่าวถึงด้านอาวุธวิเศษดั้งเดิม หลียางคือับาปที่์ขับไล่ลงมา สำเร็จในการประสบด่านเคราะห์ ส่วนโม่หลงเป็ิญญาปลาหลีฮื้อที่ล้มเหลวในการประสบด่านเคราะห์...ซึ่งด้อยกว่าหนึ่งส่วน และหากกล่าวในด้านการพึ่งพากัน หนึ่งคือร่วมมือซึ่งกันและกัน อีกหนึ่งคือเชื่อฟังคำสั่งอย่างเด็ดขาด จึงด้อยว่าอีกฝ่ายอีกหนึ่งส่วน!!!
ซึ่งปัญหาร้ายแรงที่สุดในตอนนี้ คือเจียงเฉิงเยว่มีพลังิญญาเหลือเพียงสิบส่วนจากร้อย แม้แต่โม่หลงก็ไม่มีอานุภาพเหมือนกับเมื่อก่อน...ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ในสนามนี้
อย่างไรก็ตาม เจียงเฉิงเยว่กลับไม่ได้ปราศจากวิธีการต่อกร
การต่อสู้อย่างดุเดือดนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองไม่พูดมากความ ปะทะดาบกันอย่างอย่างรวดเร็วจนส่งเสียงดัง เจียงเฉิงเยว่ถือโม่หลง บางครั้งกลายเป็ดาบเหล็ก ทว่าบางครั้งกลับกลายเป็เงาดำนับไม่ถ้วนที่แหวกว่าย ทั้งรวบรวมและแยกย้ายเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ โยวหยวนเคยประมือกับเขามาก่อน จึงรู้ว่ากลวิธีของเขานั้นไม่แน่นอน หากไม่ตั้งสติเพียงเล็กน้อยอาจล้มลงจึงไม่ประมาท สะบัดแส้กระดูกสีขาวราวกับสายฟ้าฟาด ทั้งสองคนอยู่บนอากาศและต่อสู้กันมาถึงบนพื้น จากบนพื้นไปยังหลังคา ผู้คนต่างมองอย่างละลานตา ล้วนเกิดความประหลาดใจไม่รู้จับ
ช่างเป็การต่อสู้ของสองาาผีผู้ยิ่งใหญ่ในปรโลกเสียจริง
ทั้งสองคนต่อสู้กันเป็เวลานานจนฟ้าดิน สายลมและเมฆเปลี่ยนสี แม้ว่าพลังิญญาของเจียงเฉิงเยว่จะด้อยกว่า แต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่วและมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด เขาใช้จุดแข็งและเลี่ยงจุดอ่อนโดยไม่ฝืนรับ บดขยี้ความอดทนของโยวหยวนทีละน้อย สะกดกลั้นนิสัยและรอคอยจังหวะอย่างรอบคอบ เมื่อรอเป็เวลานานก็นับว่าทำให้เขามองเห็นถึงช่องโหว่เพียงนิด จึงถือโอกาสที่โยวหยวนเอียงตัวเพื่อสะบัดแส้และยังไม่ทันได้หันกลับมา ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อยย้ายชั่วพริบตาอย่างกะทันหันบินไปไกล ดึงโม่หลงของเขา เริ่มพลิกมือและคว้าเอาไว้ จากนั้นใช้กลยุทธ์ที่เหนือความคาดหมายโจมตีโดยไม่ให้ทันเตรียมตัว โยวหยวนที่ป้องกันไม่ทันเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่ากำลังจะทำสำเร็จ ทันใดนั้นเจียงเฉิงเยว่กลับรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ซ้ายอย่างรุนแรง จึงก้มศีรษะลง เห็นว่าเป็ดาบสีขาวล้ำค่าเล่มหนึ่งทะลวงผ่านหน้าอก
เขามองโยวหยวนที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ฉิงชางจวิน ดูถูกข้าเกินไปหน่อยกระมัง? ความคล่องแคล่วว่องไวของฉิงชางจวิน ผู้น้อยเคยได้รับการชี้แนะมาแล้ว คิดว่ายังไม่สามารถป้องกันได้อีกหรือ? การละเล่นเล็กน้อยเช่นนี้ ก็แค่หาทางหนี...ใครจะทำไม่ได้กัน?”
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
โยวหยวนโน้มตัวมาที่ข้างหูของเขาด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย และหัวเราะเสียงเบา “การเปลี่ยนแปลงอย่างคาดเดาไม่ได้ของโม่หลงนั้นทั้งสามโลกล้วนรับรู้...ฉิงชางจวินยังคิดว่าหลียางของข้าเหมือนกับในอดีต ไม่อาจเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้หรือ? หากข้าไม่จงใจเผยช่องโหว่เพียงเล็กน้อย...จะสามารถล่อให้ฉิงชางจวินติดเบ็ดได้อย่างไร?”
เจียงเฉิงเยว่ข่มกลั้นความเ็ป พูดประชดประชัน “ช่างมีความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่...”
โยวหยวนยกยิ้ม “ชมเกินไปแล้ว”
เจียงเฉิงเยว่ยังคงหัวเราะ “ก็อนุญาตให้เ้าจงใจเผยจุดอ่อนอย่างไรเล่า?”
ยังไม่ทันกล่าวจบ บริเวณไกลและใกล้มีเงาสีดำยาวราวกับลูกธนูพุ่งเข้ามา บินมาจากเื้ัของโยวหยวน เขาใจึงรีบหลบหลีก ทว่าหลียางบนฝ่ามืออยู่บนร่างของเจียงเฉิงเยว่ ไม่คาดคิดว่าอาวุธวิเศษเมื่ออยู่ห่างจากฝ่ามือแล้วจะถูกขัดขวางการเคลื่อนไหว เขาเคลื่อนไหวช้ากว่าครึ่งจังหวะ หลังจากนั้น เมฆควันสีดำพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วอย่าง้าจะทำร้าย โยวหยวนไม่มีทางเลือกอื่นจึงทำได้เพียงหลบหลีก ท้ายที่สุดถูกฟันเข้าที่แขนขวา
ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายอาจยังมีทางหนี หลังจากได้รับาเ็โยวหยวนไม่กล้าที่จะยืนกรานอีกต่อไป จึงรีบะโไปไกลเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
‘ติ๊ง’ มุมที่ขาดหายไปของโม่หลงกลับมาที่เดิม
เจียงเฉิงเยว่ถอยหลังไปสองสามก้าว ร่างโงนเงนอยู่สองครั้ง แต่ไม่อาจเผยจุดอ่อน เขารีบใช้ดาบแทงไปที่พื้นก่อนที่ตนเองจะล้มลง พยายามพยุงร่างให้มั่นคง ค้ำไว้อย่างแข็งแกร่งและมองกลับไปที่สีหน้าซีดขาวของโยวหยวน
รูหนึ่งบนไหล่ซ้ายกำลังส่องแสงสีแดงเพลิงจางๆ ราวกับเปลวเพลิงสีแดงบนกองเพลิง เปล่งแสงเปลี่ยนเป็โปร่งใสเล็กน้อย เจียงเฉิงเยว่ทำได้เพียงไม่สนใจพลางมองโยวหยวนด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
โดยเฉพาะหลังอีกฝ่ายมองดูเปลวเพลิงสีเขียวแผดเผาปากแผลบนแขนขวาที่ได้รับาเ็ของตนเองยังคงลามไปตามร่าง จึงรีบใช้พลังิญญาทั้งหมดในมือซ้ายยื่นมือไปกดาแ ใช้เวลานานจึงหยุดเปลวเพลิงนั้นไว้ได้ หลังจากนั้นหันศีรษะกลับมามองเจียงเฉิงเยว่ เผยให้เห็นร่องรอยของความโกรธแค้นอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่
ภายหลังเผชิญหน้ากันเป็เวลานาน โยวหยวนแค่นเสียงเ็า “ฉิงชางจวินช่างเป็หมาบ้าเสียจริง กลับทำให้ข้าป้องกันไว้ไม่ได้!”
เจียงเฉิงเยว่ยิ้มอย่างพึงพอใจอีกครา “ชมเกินไปแล้ว ชมเกินไปแล้ว”
โยวหยวนมองเขาด้วยความเวทนาเล็กน้อย ถากถางด้วยรอยยิ้มเย็น “แต่การที่สามารถบีบคั้นฉิงชางจวินมาจนถึงขั้นนี้ได้ ผู้น้อยคิดไม่ถึงจริงเชียว ถึงกับต้องใช้เคล็ดวิชาแผดเผาิญญาแล้วหรือ? “
สีหน้าของเจียงเฉิงเยว่ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงหัวเราะต่อไป “ออมมือแล้ว ออมมือแล้ว”
โยวหยวนตกตะลึงกับใบหน้าของเขาจนพูดไม่ออกเป็เวลานาน...เดิมทีไม่ได้ชมเ้ามิใช่หรือ? ใบหน้าของเขาขาวซีดและเปลี่ยนสีไปมา ผ่านไปชั่วครู่จึงเอ่ย “ใช้วิธีดื่มเหล้าพิษเพื่อดับกระหาย2 และฆ่าไก่เพื่อเอาไข่3 มาต่อสู้กับข้า...ยามนี้ฉิงชางจวินยังจะปากแข็งบอกว่าการบ่มเพาะและพลังิญญาของตนเองยั่งยืนอีกหรือ? “
เจียงเฉิงเยว่ไม่สนใจว่าจะถูกล่วงรู้ ยังคงยิ้มอย่างงดงาม “ดื่มเหล้าพิษเพื่อดับกระหายและฆ่าไก่เพื่อให้ได้ไข่ก็ยังดี...แต่การที่เ้ากลืนกินิญญาของหลี่อวิ๋นเฉินจะสามารถเพิ่มการบ่มเพาะได้กี่ปีกัน? ถูกข้าใช้เคล็ดวิชาแผดเผาิญญาทำร้ายต้องาเ็ไปกี่ปีของ่เวลาในการบ่มเพาะ? แม้ว่าข้าจะสูญเสียไปยิ่งกว่านี้ แต่สุดท้ายแล้วคืนนี้เ้าอย่าได้คิดว่าจะได้รับผลประโยชน์ใดจากที่แห่งนี้อีก! หากประมืออีกครั้ง เ้าแน่ใจหรือว่าตนเองจะไม่โดนข้าทำร้ายแม้แต่น้อย? หากเปรียบเทียบกันเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเ้าจะลำบากโดยเปล่าประโยชน์ อาจยังต้องตอบแทนด้วยการบ่มเพาะอีกสักหน่อย...ซึ่งข้าก็มีความสุขยิ่งนัก!”
ใบหน้าของโยวหยวนมืดมนก่อนยิ้มเย้ยหยัน “ใครบอกว่าเปล่าประโยชน์กัน? วันนี้ได้แยกิญญาของฉิงชางจวินเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าข้าได้รับผลประโยชน์หรอกหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่หัวเราะเยาะ “เช่นนั้นก็น่าเสียดายแล้ว ทุกคนในโลกคิดว่าิญญาของข้าสลายไปนานแล้ว ไม่เช่นนั้นหากเผยแพร่ออกไป คงยังสามารถสร้างผลงานที่คู่ควรแก่การโอ้อวดกับเ้าได้”
โยวหยวนได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปนาน แล้วจึงยิ้มเย็น “ฉิงชางจวิน เ้าคิดว่าข้า้าแยกิญญาของเ้า เพียงเพื่อสร้างผลงานที่ควรค่าแก่การโอ้อวดหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่เอ่ยอย่างสงสัย “ไม่เป็เช่นนั้นหรือ? เ้าเคยพ่ายแพ้ในมือข้ามาก่อนมิใช่หรือไร?”
โยวหยวนนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนเงียบไปเป็เวลานาน จากนั้นมองเจียงเฉิงเยว่แล้วยิ้มขึ้นมา ภายใต้รอยยิ้มไม่มีความเ็าหรือการประชดประชัน...กลับดูขมขื่น
เจียงเฉิงเยว่ค่อนข้างงุนงง เขาระงับรอยยิ้มเสแสร้งแล้วมองอีกฝ่ายด้วยความสับสนเล็กน้อย
ผ่านไปเป็เวลานาน โยวหยวนเหลือบมองเขาแล้วพูด “ฉิงชางจวิน...เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้ถลกหนังเจ็ดแปดชั้นเพื่อ้าชีวิตของเ้าด้วยความสนุกบ้างเล่า? ลองคิดให้ถี่ถ้วนสิ...เ้าคู่ควร!”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้ว่าเขากับเ้าเด็กนี่จะไม่ถูกชะตากันั้แ่วันแรกที่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน...แต่หากคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าจะไม่มีความอาฆาตแค้นนองเือะไร แม้ว่าจะมีชื่อเสียงเร็วกว่าเขาในฐานะผู้าุโ แต่ก็คงไม่ทำให้อีกฝ่ายอิจฉาจนถึงขั้นนี้ใช่หรือไม่?
หลังจากโยวหยวนพูดจบ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสูญเสียการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิง จึงไม่สนใจและพุ่งเข้าหาเจียงเฉิงเยว่อย่างบ้าคลั่ง เคลื่อนไหวอย่างดุร้าย ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ใบหน้าพลันดุร้ายขึ้นมา
เจียงเฉิงเยว่รู้สึกทนไม่ได้เท่าไร ในระหว่างการต่อสู้ ทั้งสองถึงขั้นทำให้หลังคาของวิหารหลักในวัดเสวียนชางพังทั้งหมด เจียงเฉิงเยว่พ่ายแพ้ต่ออีกฝ่ายและตกลงมาบนไหล่ของรูปปั้นเทพเ้าพอดี แต่โยวหยวนไม่ยอมปล่อยทั้งยังไล่ตามโดยไม่ใช้แส้อีกต่อไป เพียงถือหลียางในรูปทรงดาบเท่านั้น ส่วนเจียงเฉิงเยว่ที่อยู่บนร่างของรูปปั้นเทพเ้าก็พลิกตัวแล้วะโขึ้น จากนั้นถูกอีกฝ่ายเข้ามาใกล้อย่างไม่ทันระวัง โยวหยวนเข้ามาข้างหน้าพร้อมคว้าใบหน้าของเขา ฉับพลันกลับนำศีรษะของเขาไปกระแทกบนรูปปั้นเทพเ้า เจียงเฉิงเยว่เพียงรู้สึกวิงเวียนจนตาลาย เขายกดาบขึ้นเพื่อปิดกั้นโดยสัญชาตญาณ แต่ไม่คาดคิดว่าโยวหยวนที่กดขี่บนร่างของเขา กลับเพียงจ้องมองเขาอย่างแปลกประหลาดเป็เวลานานถึงผละมือ ควบร่างบินออกไปไกลอย่างเชื่องช้า ทิ้งเขาไว้ตามลำพังบนรูปปั้นเทพเ้า
เจียงเฉิงเยว่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เวลานี้โยวหยวนกำลังมองเขา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นเทพเ้า ทันใดนั้นกลับหัวเราะเยาะ กัดฟันพูดกับตนเอง “เจียงเฉิงเยว่...เ้ายังเป็เด็กที่ถูกให้ท้ายจริงเชียว!”
เจียงเฉิงเยว่ตะลึงงัน นี่ไม่ใช่เื่ล้อเล่นเสียแล้ว! เขาเบิกตากว้างชี้ดาบไปที่อีกฝ่ายทันที “เ้าเป็ใคร?!”
------------------------
[1] ไม่พบกันสามวันแล้วต้องมาดูกันใหม่ เป็สำนวน หมายถึง เมื่อพบกันอีกควรลองดูกันสักตั้ง เพื่อจะได้พบว่ามีการพัฒนาอย่างไร
[2] ดื่มเหล้าพิษเพื่อดับกระหาย หมายถึง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่คิดถึงปัญหาที่จะตามมา
[3] ฆ่าไก่เพื่อเอาไข่ หมายถึง การเร่งรีบที่จะได้รับผลประโยชน์ อาจไม่ได้อะไรอีกเลยในอนาคต
