ไป๋จั่นเฮ่อปีที่แล้วได้ลำดับหกในการแข่งขันจัดอันดับพลังวัตรของเขารั้งอยู่ในชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบเป็เวลาหนึ่งปีเต็มในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์พลังวัตรขั้นสิบ ความสามารถของเขาโดดเด่นเหนือใครเป็ที่สุดของที่สุดอย่างแท้จริง
แต่หยางติ่งจวินผู้มีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบเช่นเดียวกันนั้นผิดมนุษย์ยิ่งกว่า แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา
ปราณหยางบริสุทธิ์เมื่อชั้นบรรลุส่วนใหญ่พลังภายในลึกล้ำ นอกจากยอดฝีมือชั้นเบิกนภาแล้ว ไม่มีใครสู้ได้
นอกจากหยางติ่งจวิน ไป๋จั่นเฮ่อเป็ผู้เข้าแข่งขันที่คนคิดว่ามีลุ้นชิงอันดับที่หนึ่งมากที่สุดเขาได้ลำดับเป็หมายเลข 1 นั่นย่อมเป็เครื่องพิสูจน์ความสามารถของเขาอยู่แล้ว
เมื่อรอบที่เก้า ไป๋จั่นเฮ่อสู้กับหยางติ่งจวินแล้วพ่ายแพ้ศิษย์แทบจะทั้งหมดจึงมองหยางติ่งจวินเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักนอกประจำปีนี้ไปแล้ว
วินาทีที่ไป๋จั่นเฮ่อถูกฟันตกเวทีศิษย์นอกที่ติดตามหยางติ่งจวินพลันส่งเสียงโห่ร้องยินดีกึกก้อง
“ศิษย์พี่หยาง อันดับหนึ่ง! ศิษย์พี่หยาง อันดับหนึ่ง!”
“ศิษย์พี่หยาง อันดับหนึ่ง! ศิษย์พี่หยาง อันดับหนึ่ง!”
.......
.......
ศิษย์นอกที่ร้องสรรเสริญหยางติ่งจวินอยู่นั้นไม่เหมือนศิษย์นอกที่ร้องะโให้กำลังใจเสวียนเทียนซึ่งส่วนใหญ่เป็ศิษย์ธรรมดาชั้นพลังวัตรขั้นเจ็ดลงมาแต่ส่วนใหญ่เป็ศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเจ็ดขึ้นไป อีกทั้งในกลุ่มนั้นก็ยังมีศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบอยู่ไม่น้อย
หยางติ่งจวินใบหน้าเผยยิ้มดื่มด่ำกับเสียงสรรเสริญ เสียงโห่ร้องของบรรดาศิษย์ร่วมสำนัก
พร้อมกันนั้น สายตาของหยางติ่งจวินก็ตวัดลงมาที่เสวียนเทียนซึ่งอยู่ด้านล่างเวทีใบหน้ายิ้มแต่ดวงตาทั้งคู่ปรากฏแววเหี้ยมเกรียม มองเสวียนเทียนด้วยสายตาคมกริบ
สายตาของเสวียนเทียนที่สบกลับไปไม่อ่อนกว่าแม้แต่น้อยสายตาของทั้งสอง เหมือนกับปราณกระบี่เข้าปะทะกัน คมกริบทรงพลัง
เสียงสรรเสริญโห่ร้องด้านล่างเวทีลากยาวไปถึงสิบกว่าครั้งหยางติ่งจวินถึงยกมือขึ้นลูกศิษย์ด้านหลังเขาก็ราวกับกองทหารกองหนึ่งที่ได้รับคำสั่งให้หยุดวินาทีที่หยางติ่งจวินยกมือขึ้น ฉับพลันก็เงียบสนิทไร้เสียงเสียงทั้งหมดเงียบหายไป
ร่างของหยางติ่งจวินะโขึ้นพลิกตัวกลางอากาศอย่างงดงามแล้วลงไปยังด้านล่างเวที
การแข่งขันคู่ที่หนึ่งของรอบที่เก้าจบลงแล้วต่อไปเป็การแข่งคู่ที่สอง การต่อสู้ระหว่างเสวียนเทียนกับจางหลง
ก่อนหน้านี้สามเดือนเมื่อเสวียนเทียนกับจางหลงมีนัดสามเดือนระหว่างกันข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วสำนักนอกแล้ว ตอนนั้นศิษย์นอกทั้งหมดล้วนแต่มองนัดประลองครั้งนี้เป็เื่ตลก
แต่ว่าสามเดือนให้หลังจากการแข่งขันจัดอันดับรอบแล้วรอบเล่าที่ผ่านมาความสามารถของเสวียนเทียนในสายตาของศิษย์ทั้งหลายยิ่งมากขึ้นและยิ่งสูงขึ้น จนถึงตอนนี้ในสายตาของบรรดาศิษย์สำนักนอก เสวียนเทียนกับจางหลงกลายเป็คนที่ยืนอยู่ในระดับชั้นเดียวกันแล้ว
นัดสามเดือนที่เดิมทีศิษย์นอกทั้งหลายมองเป็เื่ตลกกลายเป็เื่ร้อนที่ดึงดูดความสนใจของบรรดาศิษย์นอกทั้งหมดไปแล้ว
การต่อสู้ระหว่างจางหลงกับเสวียนเทียนดูเหมือนเป็ที่รอคอยของผู้คนมากกว่าการต่อสู้ระหว่างจุดสุดยอดระหว่างหยางติ่งจวินกับไป๋จั่นเฮ่อเสียอีกผู้คนแน่นขนัดสนามยิ่งกว่า
เสวียนเทียนกับจางหลงทั้งคู่ขึ้นมาบนเวทีประลองฉับพลันในหมู่ศิษย์นอก ศิษย์สองฝั่งที่สนับสนุนทั้งสองคนก็ร้องะโขึ้นมา
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่จาง เข้ารอบ! ศิษย์พี่จาง เข้ารอบ!”
.........
.........
เสียงะโด้านล่างเวทีประลองะเืฟ้าะเืดิน
เสวียนเทียนกับจางหลงบนเวทีประลองกลับไม่สนใจเสียงะโเหล่านี้แม้แต่น้อยสายตาของทั้งสองจับจ้องที่อีกฝ่าย จดจ่อไปที่ตัวของฝ่ายตรงข้าม
พลังของจางหลงะเิออกมาจนหมดบนศีรษะไอพลังราวกับกระบี่ พุ่งขึ้นท้องฟ้า สูงถึงหลายสิบเมตร ตั้งตรงคมกริบราวกับกระบี่
เสวียนเทียนเองก็ไม่ต่างเมื่อการแข่งขันมาถึงจุดนี้ การต่อสู้กับจางหลงนับเป็่เวลาสำคัญ
สำหรับจางหลง เสวียนเทียนย่อมไม่คิดแค่ว่าแข่งเอาผลแพ้ชนะเฉยๆเป็แน่ ระหว่างทั้งคู่ไม่ใช่เพียงคู่ต่อสู้ในการแข่งขันจัดอันดับไม่ใช่เพียงเป้าหมายของการต่อสู้ในนัดประลองสามเดือนที่สำคัญยิ่งกว่าคือความเคียดแค้นและความขัดแย้งที่ไม่อาจคลี่คลายลงได้ ดั่งน้ำกับไฟระหว่างตระกูลของทั้งสอง
ในใจเสวียนเทียนเกิดความคิดอยากสังหารจางหลงขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำแต่ในการแข่งขันจัดอันดับ การทำร้ายคนให้เสียชีวิตเป็ข้อห้ามเด็ดขาดดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้ไม่อาจสังหารจางหลงได้ แต่เสวียนเทียนจะไม่ทำให้จางหลงแพ้ไปง่ายๆเป็แน่ จะต้องเล่นงานเขาให้หนักสาหัสให้ได้
ดังนั้นเสวียนเทียนไม่จำเป็ต้องเก็บงำความสามารถอีกต่อไป เขาจะเผยความสามารถเข้าโจมตีแสดงความแข็งแกร่งเอาชนะจางหลงแบบขุดรากถอนโคนบนเวทีประลองที่มีสายตาของผู้คนมากมายจับจ้องโจมตีจางหลงให้สาหัส ทำลายความมั่นใจของเขาให้หมดสิ้น
ในใจของจางหลงก็คิดเช่นเดียวกับเสวียนเทียนไม่ต่างกันแม้แต่น้อย
สิ่งที่แตกต่างเพียงสิ่งเดียวก็คือใครจะเป็ฝ่ายคว้าชัยในการต่อสู้ ใครจะเป็ฝ่ายสมปรารถนาในใจ เป็ฝ่ายล้ม ไม่เช่นนั้นจุดจบก็จะเป็ฝ่ายถูกล้มแทน
“ฮ่าๆๆๆ!”
เมื่อเห็นเสวียนเทียน จางหลงก็หัวเราะสียงดังพูดขึ้นว่า “หวงเทียนเ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ อึดมาจนถึงตอนนี้ได้ ในที่สุดก็มาถึงมือของข้าข้าพูดไว้แล้วว่าชะตาของเ้า ข้าจะเป็คนจบเอง เ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ!”
เสวียนเทียนแค่นเสียงประชดออกมาทีหนึ่งพูดด้วยเสียงเฉยชาว่า “กลัวแต่ว่าจะทำให้เ้าผิดหวังเสียแล้วคนที่จะจบคือเ้าอย่างแน่นอน”
จางหลงสีหน้าทะมึนลง ตอบว่า “ปากพูดจาโอหังคนเถื่อนจากต่างถิ่นอย่างเ้า วันนี้ไม่เพียงข้าจะทำให้เ้าจบสิ้นอีกไม่นานตระกูลหวงทั้งตระกูลของเ้าในอำเภอเป่ยโม่ก็จะจบสิ้นเหมือนกัน อำเภอเป่ยโม่ไม่มีที่ยืนให้กับพวกคนเถื่อนนอกถิ่นอย่างพวกเ้าหวงเทียน วันนี้ข้าจะเล่นงานเ้าให้เหมือนกับสุนัขตัวหนึ่งซะ”
สายตาของเสวียนเทียนพลันวาวโรจน์ขึ้นมา ไฟโทสะพลุ่งพล่านลึกลงไปในดวงตาทั้งคู่ของเขาปรากฏเงากระบี่สองสายขึ้นเลือนราง
เงากระบี่นี้เล็กบาง ไม่เข้ามามองใกล้ๆ ยากจะพบ
เสวียนเทียนโกรธขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกับครั้งก่อนหน้านี้ ในใจมีไฟโทสะกองหนึ่งลุกไหม้ ไม่อาจระบายได้ เกิดอยากฝึกกระบี่ไม่หยุด
แต่ครั้งก่อน เสวียนเทียนฝึกกระบี่คนเดียวเป็การระบายแต่ครั้งนี้มีเป้าหมายให้ระบายคนหนึ่งแล้ว...จางหลงนั่นเอง
“ท่าวายุทลาย!”
ร่างของเสวียนเทียนฉับพลันก็พุ่งออกมาข้างหน้าราวกับศรแหลมดอกหนึ่งคมกระบี่ฉายแสงวาบราวกับรุ้งยาวบนท้องฟ้า กระบี่หิมะเหมันต์หนึ่งกระบี่แทงออกไปกระบี่คมกริบแทงเหวกอากาศ พริบตาก็มาถึงตรงหน้าจางหลง
การขันแข่งด้วยวาจาไร้ความหมาย
มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น ถึงจะแบ่งสูงต่ำได้
เสวียนเทียนในใจความโกรธพลุ่งพล่านเริ่มลงมือก่อน
เมื่อเผชิญหน้าจางหลง เสวียนเทียนแต่เดิมก็ไม่คิดเก็บงำความสามารถยิ่งใจคิดเอาชนะอีกฝ่าย ก็ใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมา
กระบวนท่าที่หนึ่งก็ใช้ ‘ถลาลมเก้ากระบี่’ ที่เขาสร้างขึ้นโดยอิงมาจากเพลงกระบี่ถลาลม
ตามกระบี่ที่เสวียนเทียนแทงออกไปความว่างเปล่าถูกทลาย แหวกออกเป็กระแสลมสองสาย เงากระบี่ของเสวียนเทียนวูบไหวไปมาระหว่างกระแสลมทั้งสองสาย ไม่รู้เลยว่ากระบี่นี้จะมาจากที่ใด
‘ถลาลมเก้ากระบี่’ เสวียนเทียนเคยใช้ออกมาแค่ตอนที่ใช้ฝักกระบี่ต่อสู้กับฝานหง อีกทั้งไปๆ มาๆก็ใช้เพียงแค่ท่าวายุทลายกับท่าวายุคลั่งสองท่าเท่านั้น
การต่อสู้รอบต่อมาไม่กี่รอบนั้นกระบี่หิมะเหมันต์ชักออกจากฝักแล้ว เสวียนเทียนล้วนใช้แค่เพลงกระบี่ถลาลมเท่านั้น
วิชากระบี่ของเสวียนเทียนก้าวสู่เทพวิถีแล้วเพลงกระบี่ถลาลมซึ่งเป็เพลงกระบี่ชั้นทองขั้นกลางเมื่ออยู่ในมือเขาพลังก็ไม่ด้อยกว่าเพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูงแม้แต่นิด
ส่วนถลาลมเก้ากระบี่เป็เพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูงที่เสวียนเทียนสร้างขึ้นเอง ลุถึงขั้นบรรลุสมบูรณ์ ไม่เพียงจะก้าวสู่เทพวิถีแต่ก้าวไปถึงจุดที่หวนคืนสู่ความเรียบง่าย วาดกระบี่ออกไปตามใจหนึ่งกระบี่ทุกกระบี่ล้วนทรงพลังและมีพลังคล้อยหลังไม่สิ้นสุด
ถลาลมเก้ากระบี่ที่เสวียนเทียนใช้ออกมาทรงพลังเหนือกว่าเพลงกระบี่ชั้นทองขั้นกลางทั้งหมด ใกล้เคียงกับเพลงกระบี่ชั้นนิล
กระบวนท่าที่หนึ่งท่าวายุทลายกระบี่ของเสวียนเทียนรุนแรง รวดเร็ว ซับซ้อน เฉียบคม ซ้อนเร้น ฉับไว
นี่คือเสวียนเทียนที่ใช้ความสามารถทั้งหมดออกมาทุ่มสุดกำลังโจมตี
กระบวนท่ากระบี่ของเสวียนเทียนไม่ใช่เพลงกระบี่ของสำนักกระบี่์
กระบี่นี้ ผู้าุโที่นั่งอยู่บนเวทีผู้ชม ดวงตาฉายแววประหลาดใจ
กระบี่นี้ เ้าตำหนักสำนักนอกบนหอสูง ดวงตาฉายแววประหลาดใจ
กระบี่นี้ผู้เฒ่าผมขาวกับหลิงซิงเยว่บนยอดเขาฝั่งตรงข้ามก็ทำท่าประหลาดใจ
กระบี่นี้ ศิษย์ชั้นหัวแถวอย่างไป๋จั่นเฮ่อและหยางติ่งจวินดวงตาล้วนฉายแววประหลาดใจ
กระบี่นี้ ศิษย์นอกทั้งหมด สองตาล้วนเบิกกว้างในสายตาของพวกเขา กระบี่นี้พิสดารลึกล้ำยากจะคาดเดาราวกับองค์เทพมาเยือน
กระบี่นี้ ในใจฝานหงสะท้านขึ้นมา “เป็ท่านี้ข้าพ่ายแพ้ให้แก่กระบวนท่านี้ ยามนั้นกระบี่ของหวงเทียนยังไม่ออกจากฝักข้าก็ต้านทานไว้ไม่อยู่แล้ว วันนี้กระบี่ออกจากฝัก แม้แต่กระบี่เดียวข้าคงต้านไม่ได้”
กระบี่เปลือยฝักที่ใช้ท่าวายุทลายเทียบกับกระบี่ในฝักที่ใช้ท่าวายุทลายจะร้ายกาจกว่าแค่สิบเท่าอย่างนั้นหรือ?
พลังกระบี่ที่เฉียบคมรุนแรงนั้นทำให้คนหายใจไม่ออก ท่ากระบี่ที่ซับซ้อน ซ่อนเร้น และฉับไว ทำให้คนตาลายสับสน
จางหลงผู้เผชิญหน้าการโจมตีนี้ของเสวียนเทียนโดยตรงรู้สึกได้ยิ่งกว่าผู้ใดถึงความน่ากลัวของกระบี่นี้ความพิสดารยอดเยี่ยมของกระบี่นี้
ตึงๆๆๆๆ!
จางหลงถอยหลังไปถึงห้าก้าว กระบี่ในมือของเขาปรากฏแสงกระบี่เจิดจ้าขึ้นมาหนึ่งกระบี่ยกขวางขึ้นรับ เสียงเคร้งดังกังวานรับกระบี่นี้ของเสวียนเทียนไว้ได้พอดี
กระบี่นี้บีบให้จางหลงต้องถอยห้าก้าว
แต่นี่เป็เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
“กระบวนท่าคลื่นวายุ”
พลังกระบี่ของเสวียนเทียนพริบตาก็แข็งแกร่งขึ้นร้อยเท่าชั่วขณะนั้น กระบี่แทงออกมานับไม่ถ้วน หนึ่งกระบี่กลายเป็ร้อยกระบี่เงากระบี่ซ้อนเป็ชั้นๆ แต่ไม่ได้เป็ระเบียบเสมอกัน แต่เป็ชั้นสลับซ้อนมีหน้ามีหลัง ราวกับคลื่นลม พลังกระบี่หนึ่งระลอกโถมทับระลอกก่อนหน้า กดดันไปทางจางหลง
“โอ้์นี่ถึงจะเป็ความสามารถที่แท้จริงของหวงเทียนงั้นหรือ?”
“ขนาดศิษย์พี่จางหลงยังโดนเขาบีบให้ถอยไม่หยุดศิษย์พี่หวง แทบจะมีความสามารถแย่งชิงที่หนึ่งกับศิษย์พี่หยางได้เลย”
“เพียงพลังวัตรขั้นแปดกลับมีความสามารถถึงขนาดนี้สภาพเช่นนี้ได้ยินแต่ว่าเคยเกิดขึ้นสมัยศิษย์พี่ฉู่เฟิงเมื่อสามปีก่อน”
“ศิษย์พี่หวงเทียนซ่อนคมลึกเกินไปแล้วหลินอู๋อิ่ง หลี่อี้ฉาง เหลียงจ้ง ตู้เหวินเค่อบรรดาศิษย์พี่ที่มีความสามารถเข้าสิบอันดับแรกก่อนหน้านี้ไม่ใช่คู่มือของศิษย์พี่หวงเทียนแม้แต่น้อย”
“ใช่แล้ว หากศิษย์พี่หวงเทียนแสดงความสามารถเช่นนี้ออกมาั้แ่แรกคงเหมือนกับโค่นไม้เฉาดึงไม้ผุ ล้มคู่ต่อสู้ก่อนหน้าหมดสิ้นแน่นอน”
.......
.......
ศิษย์นอกทั้งหลายพากันอุทานตกตะลึงขึ้นมาภาพลักษณ์ของเสวียนเทียนในใจของศิษย์นอกสูงส่งยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งแทบจะเทียบเท่ากับตำแหน่งของหยางติ่งจวินที่เป็อันดับหนึ่งแห่งสำนักนอกที่ไร้คู่ต่อกร
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง...
เสียงรัวต่อเนื่องราวกับเสียงฝนกระหน่ำพื้นดินชุดหนึ่งดังขึ้นท่วงท่ากระบี่ของเสวียนเทียนแม้ว่าจะแข็งแกร่ง แต่จางหลงเองก็ไม่ใช่ธรรมดาแม้ว่าดวงตาจะตกตะลึง แต่เท้าก็ยังก้าวถอยไม่หยุดกระบี่ที่สองท่าคลื่นวายุถูกเขาต้านเอาไว้ได้
“กระบวนท่าวายุคลั่ง”
ท่ากระบี่ของเสวียนเทียนเปลี่ยนไปอีกครั้งไม่เพียงหนึ่งกระบี่เปลี่ยนเป็ร้อยกระบี่เท่านั้นแต่จากร้อยกระบี่เปลี่ยนเป็กระบี่นับไม่ถ้วนท่ากระบี่เปลี่ยนจากคลื่นลมระลอกหนึ่งกลายเป็วายุคลั่งโหมถล่มมืดฟ้ามัวดิน
ร่างของเสวียนเทียนกับท่ากระบี่ผสานเข้าหากันอย่างสมบูรณ์คนทั้งร่างเห็นเป็เพียงเงาเลือนราง เดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่ท่ามกลางวายุคลั่ง
เคร้ง...เพี้ยะ!
เสียงใสกังวานของโลหะปะทะกันดังขึ้น ตามด้วยเสียง ‘เพี้ยะ’ หนักๆ เสียงหนึ่ง
จางหลงกันกระบี่ของเสวียนเทียนไว้ได้แต่ไม่อาจหลบฝ่ามือข้างหนึ่งของเสวียนเทียนที่ตบมาได้ หลังเสียง ‘เพี้ยะ’ ดังขึ้น ร่างของจางหลงพลันโดยฟาดกระเด็นไป ใบหน้ามีรอยฝ่ามือสีแดงปรากฏอยู่