ณ จัตุรัสกลางเมืองร้าง แปดสำนักจื๋อซิว เก้าสำนักหยวนซิว และสองสำนักซิงซิวต่างมารวมตัว ทั้งยังมีบรรดาอสูริญญาอีกจำนวนหนึ่ง จนทำให้รู้สึกว่าจำนวนคนในที่แห่งนี้หนาแน่นเกินไป
ศิษย์หลักของทุกสำนักล้วนมุ่งความสนใจไปยังบ่อน้ำ ก่อนหน้านี้มีคนใจร้อนรีบเข้าไปในบ่อน้ำ เป็เหตุให้พวกเขาถูกฆ่าตายทันที และทำให้หลายคนนึกหวาดกลัว
แสงและหมอกอันวุ่นวายในบ่อมีพลังกัดกร่อน และศิษย์หลักในขอบเขตผนึกดาราล้วนต้านทานไม่ไหว
ศิษย์หยวนซิวหลายคนลองใช้อาวุธิญญาปกป้องร่างกายและฝืนเข้าไป หาได้นึกไม่ว่าทันทีที่อาวุธิญญาเข้าใกล้ปากบ่อน้ำ มันก็ถูกระงับด้วยพลังลึกลับจนไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
พวกเขาลองใช้ทั้งทักษะบำเพ็ญและจิติญญา ทว่าผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม พลังของบ่อน้ำแห่งนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง อาวุธิญญาแทบไม่สามารถต้านทานได้
“อันที่จริงต้องมีกุญแจจึงจะเข้าไปในบ่อน้ำนี้ได้ และกุญแจนั้นมาจากหอทั้งสี่” เสียงของสตรีนางหนึ่งดังมาจากทางเข้าลาน ซึ่งข้างกายนางมีชายผู้หนึ่งอยู่ด้วย
ชายหนุ่มสวมกวานสีม่วง และหญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้า พวกเขาคือชิวซานอวิ๋นกับซูอวิ๋น
“ศิษย์น้อง!”
“ศิษย์พี่!”
ศิษย์หลักของสำนักหานเทียนรีบล้อมซูอวิ๋นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ศิษย์หลักของสำนักอินทนิลก็รีบเข้าหาชิวซานอวิ๋นเช่นกัน
“สิ่งที่เ้ากล่าวมาเป็ความจริงหรือ?” ศิษย์คนหนึ่งถามซูอวิ๋น
“จะจริงหรือเท็จ เมื่อได้ลองย่อมทราบได้เอง” ซูอวิ๋นมีรูปร่างสง่างาม ย่างก้าวของนางเบาบางราวกับนกนางแอ่นที่โบยบิน และกลายเป็จุดสนใจของทุกคนในทันที
ศิษย์หลักจากสำนักหานเทียนติดตามนางอย่างใกล้ชิด พวกเขาคอยปกป้องซูอวิ๋น และมุ่งหน้าไปยังปากบ่อน้ำ
เมื่อใกล้ถึงปากบ่อ ซูอวิ๋นก็ขอให้สหายร่วมสำนักถอยออกไปห่างๆ จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าเพียงลำพัง ร่างของนางมีแสงสีเงินปรากฏขึ้น ก่อนที่ม้วนกระดาษม้วนหนึ่งจะลอยออกมา
บ่อน้ำเต็มไปด้วยความโกลาหล ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวออกมาไม่หยุดหย่อน ห้วงอากาศโดยรอบแตกสลาย
ม้วนกระดาษค่อยๆ กางออก ภาพูเานับพันลูกที่ปกคลุมด้วยหิมะสีเงินปล่อยแสงลึกลับลงมา ก่อนจะก่อตัวเป็โล่ป้องกันที่ต้านทานการโจมตีของหมอกโกลาหลได้จริงๆ
“โอ้์! ภาพพันทิวเขาเหมันต์! หนึ่งในห้าภาพเขียนในหอภาพเขียน คาดไม่ถึงว่าจะตกไปอยู่ในมือของนาง”
เมื่อศิษย์ของสำนักอินทนิลเห็นเช่นนี้พวกเขาก็โกรธจัดทันที ยามที่ตนอยู่ในหอภาพเขียน ภาพนี้คือภาพที่พวกเขาชื่นชอบ แต่มันกลับตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
“ศิษย์พี่ชิว...”
“เอาละๆ ข้าเข้าใจแล้ว ยามนี้อย่าเพิ่งเอ่ยถึงเื่นี้เลย แค่มองตาข้าก็พอ” ชิวซานอวิ๋นจ้องม้วนภาพเหนือหัวซูอวิ๋น หมอกควันแวบเข้ามาในดวงตาของเขา แต่เขาไม่มีความคิดที่จะขัดแย้งกับนาง
“ทุกคนคงเห็นแล้วว่า ตราบใดที่เ้ามีสมบัติของหอฉิน หอตำรา หอภาพเขียน และหอหมากรุก เ้าย่อมสามารถต้านทานหมอกแห่งความโกลาหลและเข้าไปในบ่อน้ำนี้ได้” ซูอวิ๋นเก็บม้วนภาพแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความเย่อหยิ่งที่ตนอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ
“นี่คือกุญแจสำคัญในการเข้าไปในบ่อน้ำ นางหญิงหน้าเหม็น จงมอบม้วนภาพนั่นมาเร็ว!” ศิษย์จื๋อซิวคนหนึ่งจ้องมองซูอวิ๋น และเตรียมแย่งม้วนภาพพันทิวเขาเหมันต์
“นี่คือสมบัติล้ำค่า มีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะมันได้ และภาพนี้ก็จดจำข้าไว้ในฐานะเ้านายของมันแล้ว แม้พวกเ้าจะแย่งไปก็ไม่อาจเรียกใช้มันได้”
“ไร้สาระ เ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเ้าหรือ?”
“ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะมอบภาพนี้ให้เ้า”
ซูอวิ๋นยอมส่งม้วนภาพให้จริงๆ นางปล่อยภาพลอยไปตกในมือของศิษย์เชื้อสายรากอสูรคนนั้น
“เ้าลองดูสิ”
“ลองก็ลอง ข้าผู้นี้จะเทียบเ้าไม่ได้เลยหรือไร?” ศิษย์เชื้อสายรากอสูรคลี่ม้วนภาพออก ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอากาศเย็นเยียบที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย พลังจิติญญาหลั่งไหลเข้าไปในม้วนภาพ แต่ก็ได้รับผลสะท้อนกลับ เขากรีดร้องพร้อมกระอักเื แล้วล้มลงกับพื้นในทันที
สหายข้างกายคนหนึ่งก็ลองหยิบม้วนภาพขึ้นมา แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
“เ้าโง่! ต้องใช้หยวนซิวเพื่อควบคุมเ้าสิ่งนี้” ร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาและแย่งม้วนภาพไป จากนั้นก็ใช้ทักษะของหยวนซิว แต่หาได้นึกไม่ว่าเขาจะได้รับาเ็จนกระอักเืไม่ต่างกัน
“ตอนนี้เชื่อแล้วหรือยัง?” ซูอวิ๋นโบกมือ พลันม้วนภาพก็ลอยกลับมาทันที ซึ่งสิ่งนี้คนนอกล้วนไม่สามารถควบคุมได้เลย
“อันที่จริงไม่จำเป็ต้องแย่งชิงเพื่อเข้าไป เ้าสามารถร่วมมือกับข้าได้ ม้วนภาพนี้สามารถพาคนหลายคนเข้าไปในคราวเดียวได้” นางกล่าวขึ้นอย่างสงบและเป็ระบบระเบียบ ราวกับทั้งหมดนี้ถูกวางแผนไว้ั้แ่ต้น
ประกายประหลาดเผยขึ้นในดวงตาของชิวซานอวิ๋น ซูอวิ๋นผู้นี้มีความคิดเ้าเล่ห์อย่างแท้จริง
“แล้วม้วนภาพอื่นๆ อยู่ในมือผู้ใด? ยังมีกระดานหมากรุกและตัวหมากจากหอหมากรุกด้วยไม่ใช่หรือ? มันจะช่วยเพิ่มกุญแจได้อีกเจ็ดดอก ทั้งยังมีสมบัติจากหอฉินและหอตำราอีก อย่างน้อยๆ เราก็จะมีกุญแจทั้งหมดเก้าดอกนะ”
“กระดานหมากรุกถูกสำนักดาราทมิฬยึดไป ส่วนตัวหมากอยู่ในมือของเหล่าศิษย์ตำหนักดาวเหนือ ภาพไตรดาราเคียงจันทราตกอยู่ในมือของซิงซิว ภาพห้าพยัคฆ์ลงเขาถูกสำนักร้อยอสูรแย่งไป นิกายวิหคเหินคว้าภาพอินทรีสยายปีกไปได้ ส่วนภาพธาราทักษิณในวสันตฤดูก็อยู่ในความของสำนักชื่อหยวนปัง”
“แย่จริง! ซิงซิวทั้งสองกลุ่มมีกุญแจถึงสามดอก หยวนซิวทั้งเก้าได้มาเพียงภาพธาราทักษิณในวสันตฤดูและพันทิวเขาเหมันต์ เชื้อสายรากอสูรทั้งสี่ได้ภาพห้าพยัคฆ์ลงเขาและอินทรีสยายปีก ส่วนเชื้อสายรากพฤกษาทั้งสี่กลับไม่ได้อะไรเลย การกระจายกุญแจครั้งนี้ช่างไม่ยุติธรรม!”
ซูอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเป็เช่นนี้ ความร่วมมือจึงเป็หนทางที่ดีที่สุด สำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดของจักรวรรดิเชียนซานล้วนเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกัน ข้าหวังว่าทุกคนจะสามารถแสดงความจริงใจได้”
สำนักหยวนซิวทั้งเก้าสำนัก นอกเหนือจากสำนักอินทนิลและสำนักชื่อหยวนปังแล้ว อีกเจ็ดสำนักที่เหลือล้วนอยู่ในจักรวรรดิเชียนซาน
ศิษย์หลักของโถงเพลิงทมิฬถามว่า “ถ้าเราร่วมมือกัน เงื่อนไขของเ้าคืออะไร?”
ซูอวิ๋นมองเหล่าศิษย์ผู้บำเพ็ญโดยรอบด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน “ข้าหวังว่าหยวนซิวจะรวมตัวกันและเป็เอกฉันท์อย่างสม่ำเสมอ
ศิษย์ของสำนักหยวนซิวต่างพูดคุยกันเป็การส่วนตัวเพื่อพิจารณาข้อเสนอของซูอวิ๋น
เมืองร้างแห่งนี้มีกุญแจทั้งหมดเก้าดอก จากบรรดากุญแจทั้งเจ็ดซึ่งมีผู้แล้ว ศิษย์หยวนซิวมีเพียงสองดอกเท่านั้น
หากทุกฝ่ายไม่สามัคคีกัน พวกเขาจะต่อกรกับผู้บำเพ็ญซิงซิวที่มีความได้เปรียบมากที่สุดได้อย่างไร?
กลุ่มที่โชคร้ายที่สุดในที่แห่งนี้ คือ ศิษย์หลักของสำนักเชื้อสายรากพฤกษาทั้งสี่ พวกเขาไม่สามารถแย่งกุญแจมาได้สักดอก และต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกัน พวกเขาก็สามารถเลือกได้เพียงนิกายวิหคเหินหรือสำนักร้อยอสูรเท่านั้น
ถึงแม้เชื้อสายรากอสูรและเชื้อสายรากพฤกษาต่างก็เป็จื๋อซิวเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ยังต่อสู้กันทั้งในที่แจ้งและที่ลับอยู่เสมอ แล้วการร่วมมือกันในครานี้จะสำเร็จได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็เื่ของโอกาส แล้วใครจะยอมแบ่งโอกาสของตนให้ผู้อื่นกันเล่า?
ณ ที่แห่งนี้มีศิษย์ซิงซิวน้อยที่สุด แต่พวกเขากลับมีความได้เปรียบมาก
“หลีกทาง!” สำนักดาราทมิฬเป็ผู้นำ กระดานหมากรุกเปล่งแสงลึกลับก่อนจะขยายออกอย่างรวดเร็ว มันครอบคลุมร่างของศิษย์สำนักดาราทมิฬเกือบยี่สิบสามสิบคน แล้วมุ่งตรงไปยังปากบ่อน้ำทันที
ซูอวิ๋นถอยหลังกลับและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
แม้คนแรกที่เข้าไปจะสามารถคว้าโอกาสต่างๆ ได้ แต่พวกเขาก็อาจเป็คนแรกที่ตายด้วยเช่นกัน
ซูอวิ๋นเ้าเล่ห์ยิ่งนัก เหตุผลที่นางเปิดเผยวิธีการเข้าไปในบ่อน้ำก็เพื่อให้ผู้อื่นเป็หนูทดลองเข้าไปก่อน
คลื่นแห่งความโกลาหลปกคลุมทั่วทั้งบ่อ พลังอันน่าสยดสยองค่อยๆ รั่วไหลออกมา
เมื่อกลุ่มศิษย์สำนักดาราทมิฬเข้าไปในบ่อน้ำด้วยความช่วยเหลือจากกระดานหมากรุกแล้ว ลำแสงหนึ่งก็ลอยขึ้นจากพื้นดินและทำให้เมืองร้างสั่นะเื
ในยามนั้นมีรอยแตกปรากฏขึ้นในหอฉิน หอตำรา หอภาพเขียน และหอหมากรุก ดูเหมือนจะเป็สัญญาณของการพังทลาย
หนิงเทียนรับรู้ถึงกลิ่นอายนี้และรีบดึงซิ่งอวี่เจวียนไปยังจัตุรัสกลางเมืองอย่างรวดเร็ว
เหล่าศิษย์จากทุกสำนักที่อยู่ข้างบ่อน้ำต่างให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
ลำแสงจากก้นบ่อหายวับไปในชั่วพริบตา ทั้งยังมีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากบ่อน้ำอย่างแ่เบา จากนั้นทุกอย่างก็สงบลงราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ไปกันเถอะ” ศิษย์จากตำหนักดาวเหนือเริ่มลงมือเป็กลุ่มถัดไป เมื่อม้วนภาพกางออก อาณาเขตไตรดาราเคียงจันทราก็ครอบคลุมผู้คนมากกว่าสิบคน แล้วรีบพุ่งเข้าไปในบ่อน้ำ
หลังจากนั้น ตัวหมากรุกก็เปล่งประกายราวแสงดาวพร่างพราว ก่อนจะก่อตัวเป็รูปลักษณ์แปลกๆ ปกป้องร่างของศิษย์ตำหนักดาวเหนืออีกกลุ่มหนึ่งและรีบเข้าไปข้างในเช่นกัน
กุญแจทั้งสามค่อยๆ หายไปทีละดอก และมันได้ส่งศิษย์ซิงซิวทั้งหมดลงไปในบ่อน้ำ
ศิษย์สำนักหยวนซิวทั้งเก้าและสำนักจื๋อซิวทั้งแปดเริ่มวิตกกังวล พวกเขามีจำนวนคนเยอะ แต่กลับมีกุญแจน้อยมาก เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของซิงซิวในตอนนี้ มันเป็ไปไม่ได้เลยที่พวกเขาทั้งหมดจะเข้าไปในบ่อน้ำ การแข่งขันในคราวนี้กลายเป็หนามแหลมแทงใจทุกคน
สำนักจื๋อซิวทั้งแปดเริ่มหารือและบรรลุข้อตกลงร่วมกันในไม่ช้า โดยสำนักร้อยอสูรและนิกายวิหคเหินยินยอมที่จะพายอดฝีมือบางส่วนจากอีกหกสำนักไปด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วเชื้อสายรากอสูรและรากพฤกษาก็เป็กลุ่มเดียวกัน ถ้าเกิดการต่อสู้กับหยวนซิวและซิงซิวหลังจากเข้าไปข้างใน พวกเขาก็ยังสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้
หากสำนักร้อยอสูรและนิกายวิหคเหินเห็นแก่ตัวและสนใจเพียงศิษย์ร่วมสำนักของตนเท่านั้น ศึกใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในบ่อน้ำหลังจากนี้ ทั้งสองสำนักย่อมมีแนวโน้มที่จะถูกกำจัดโดยหยวนซิวและซิงซิว
“ไปกันเถอะ” ภาพห้าพยัคฆ์ลงเขาและอินทรีสยายปีกปรากฏขึ้นทีละภาพ แต่ละภาพปกคลุมคนสี่สิบถึงห้าสิบคน ก่อนที่จะตรงเข้าไปในบ่อน้ำ
เมื่อซูอวิ๋นเห็นเช่นนี้นางก็ไม่รีรอและแสดงรอยยิ้มเ้าเล่ห์ “ที่แห่งนี้มีจำนวนหยวนซิวมากที่สุด รองลงมาคือจื๋อซิว หากเรากำจัดมดปลวกทั้งหมดนี้ได้ เวลานั้นเราจะแบ่งกองทัพออกเป็สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็เข้าไปในบ่อน้ำ และอีกกลุ่มก็พักรออยู่ที่นี่ ตราบใดที่ทุกคนสามัคคีกัน ซิงซิวและจื๋อซิวย่อมไม่สามารถรับมือกับหยวนซิวแบบพวกเราได้ และสุดท้ายชัยชนะก็จะเป็ของพวกเรา!”
ศิษย์สำนักชื่อหยวนปังและสำนักอินทนิลต่างตกตะลึง ข้อเสนอนี้ทำให้จิตใจของพวกเขาเร่าร้อน แต่พวกเขาก็หวั่นใจกับความคิดแสนชั่วร้ายของนางเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้ช่างเ็าและโเี้ นางสามารถทำได้ทุกสิ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งยังประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่านาง้าสังหารศิษย์จื๋อซิวทั้งแปดสำนักที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด
“พูดได้ดี มดตัวจ้อยอย่างจื๋อซิวไม่มีคุณสมบัติที่จะสู้กับพวกเรา และยามนี้ซิงซิวก็มีจำนวนไม่มาก กลยุทธ์ของพวกเขาก็ไม่ดีเท่าเรา อย่างไรพวกนั้นก็ต้องพ่ายแพ้ต่อเราในท้ายที่สุด!”
“สังหารมดเหล่านี้และช่วยกันยึดครองที่นี่เถอะ!”
สำนักชื่อหยวนปังและสำนักอินทนิลนำกลยุทธ์ของซูอวิ๋นมาใช้ กลุ่มหยวนซิวทั้งเจ็ดของจักรวรรดิเชียนซานก็เห็นด้วย และการสังหารหมู่จื๋อซิวก็เริ่มขึ้น
“ช่างเป็สตรีที่อำมหิตเสียจริง ทุกคนจงแสดงความสามารถออกมา อย่าให้หยวนซิวดูถูกพวกเราได้!” ศิษย์สำนักจื๋อซิวทั้งแปดต่างแบ่งปันความเกลียดชังและส่งเสียงคำรามอย่างสุดกำลัง
ซูอวิ๋นแสดงสีหน้าไม่แยแสและหัวเราะเบาๆ “พี่ชายชิว ท่านคิดอย่างไรกับแผนของข้า?”
ชิวซานอวิ๋นเอ่ยชมว่า “เ้าช่างรอบคอบยิ่งนัก ฉลาดเหลือเกิน”
การต่อสู้ในจัตุรัสสั่นะเืถึงชั้นฟ้า เสียงคำรามทำหมู่เมฆาสั่นสะท้าน
แม้ศิษย์หลักของสำนักจื๋อซิวทั้งแปดจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่พวกเขาก็ยังเสียเปรียบเล็กน้อยในแง่ของความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับศิษย์สำนักชื่อหยวนปังและสำนักอินทนิล พวกเขาไม่อาจตอบโต้ได้เลย สุดท้ายก็ถูกสังหารจนเกิดเป็ธารโลหิต และมีซากศพนอนเกลื่อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“มดก็เป็ได้แค่มด พวกมันไม่สมควรเรียกว่าผู้บำเพ็ญด้วยซ้ำ ชีวิตที่ไร้ค่าเช่นนี้ สมควรลงนรก!”
ศิษย์สำนักชื่อหยวนปังและสำนักอินทนิลต่างหยิ่งผยองและไม่ถือว่าจื๋อซิวเป็มนุษย์ พวกเขาทั้งบดขยี้ ดูถูกเหยียดหยาม และไล่สังหารอย่างไม่ใยดีราวกับจื๋อซิวเป็ผักเป็ปลา
เสียงร้องะเืนภาอย่างเศร้าโศก บ่งบอกถึงความเกลียดชังอันไร้ขอบเขต ศิษย์จื๋อซิวหลายคนรีบออกจากวงล้อม แต่เมื่อเห็นความตายอันน่าสลดใจของศิษย์คนอื่นๆ พวกเขาก็โกรธมากจนกลับไปสังหารศัตรู แต่สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตในเงื้อมมือของเหล่าหยวนซิว
เืย้อมผืนดินจนแดงฉาน หมอกโลหิตเต็มไปด้วยความแค้น คำสาปแช่งมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังราวกับนรกบนดิน
“พวกเ้าไม่ต่างจากเดรัจฉานที่ไร้มนุษยธรรม!” เสียงแหลมคมเต็มไปด้วยความโกรธที่ไร้ขอบเขต
เมื่อหนิงเทียนและซิ่งอวี่เจวียนมาถึง ภาพตรงหน้าก็ทำหญิงสาวกรีดร้อง ความโกรธและความเกลียดชังที่ไร้จุดสิ้นสุดพุ่งเข้ามาในอกของนางทันที
ศิษย์ทั้งแปดสำนักล้วนถูกสังหารและาเ็ปางตาย ร่างไร้ิญญากองพะเนินไปทั่วพื้นที่ ผืนปฐีเอ่อนองไปด้วยเื
ลมหวีดหวิวแบกความโศกเศร้าและความเกลียดชัง หยาดเืหลั่งรินไร้เสียงราวกับมีดวงตาหลายพันคู่กำลังจ้องมองไปที่ศัตรู และกระแสลมรวมตัวกันในความว่างเปล่า ราวกับเืเดือดพล่านที่ระบายความโกรธอย่างท่วมท้น
เสื้อผ้าของหนิงเทียนโบกสะบัด ผมยาวปลิวไสว ดวงตาที่เ็าของเขาเฉียบคมราวใบมีด เจตนาสังหารแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
