ถ้าแค่ตระกูลฮ่าวสู้กับตระกูลฉินตระกูลฉินในเมืองหลวงอาจจะไม่เคลื่อนไหว แต่ถ้าตระกูลเหลียงลงมือด้วยตระกูลฉินในเมืองหลวงคงไม่นั่งมองเฉยอย่างแน่นอน
หลีเฉ่าเจี๋ยเป็ตัวแทนของตระกูลหลี่แห่งเมืองหยุนไห่และไม่ได้มาที่นี่แค่เพื่อเรียนมหาวิทยาลัยเขาใช้สถานะในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัยเพื่อแอบสืบอิทธิพลในเมืองเว่ยเฉิงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาตระกูลหลี่แห่งเมืองหยุนไห่มายึดครองเมืองเว่ยเฉิง
การต่อสู้ของตระกูลฉินและตระกูลฮ่าวยากนักที่จะมีโอกาสเกิดขึ้นและเขาจะต้องลงมือ่เวลาที่เหมาะสม
“พี่หลี่ดูนั่นสิ ฉินเฟิงไม่ใช่เหรอนั่น?” จู่ๆหัวิก็ร้องออกมาขณะที่ั์ตาเบิกกว้างและชี้ไปที่มุมหนึ่งของร้านอาหาร
หลีเฉ่าเจี๋ยหันไปมองและั์ตาก็ส่องประกายเป็ฉินเฟิงจริงๆ ด้วย แถมยังกำลังกินข้าวกับสาวสวยอยู่
“บ้าเอ๊ยไอ้หมอนั่นมันไปทำงานจริงๆ ด้วย” หัวิกล่าวสายตาที่จ้องไปยังฉินเฟิงที่กำลังใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำทั้งใและไม่สบอารมณ์
แม้หลีเฉ่าเจี๋ยจะบอกเขาแล้วหัวิก็ยังตะลึงเมื่อเห็นด้วยตัวเองไม่มีใครอยากจะเชื่อว่านายน้อยเ้าสำราญอันดับหนึ่งแห่งเมืองเว่ยเฉิงจะไปทำงาน
“บ้าอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าตระกูลฉินกำลังเปิดากับตระกูลฮ่าวหรือไง? แล้วมันมานั่งจีบสาวที่นี่เนี่ยนะ?” เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงยังคงปล่อยตัวเหลวไหลแม้ว่าจะทำงานแล้วหัวิก็โกรธมากจนกัดฟันกรอด
หลีเฉ่าเจี๋ยไม่ได้โกรธเหมือนหัวิแต่มีรอยยิ้มชั่วร้ายโผล่บนใบหน้าแทน เขามองไปยังหัวิทันทีและกล่าว “หัวิเมื่อเร็วๆ นี้ฉินเฟิงไม่ได้ไปมหา’ลัย นายกับจ้าวหลิงเซียนพัฒนาไปถึงไหนแล้ว? ได้หลับนอนกับเทพธิดาจอมเย่อหยิ่งหรือยัง?”
“ยัง”หัวิดูค่อนข้างหดหู่
เขาพบว่าหลังจากที่ฉินเฟิงหยุดมามหา’ลัยจ้าวหลิงเซียนก็ทำตัวเ็ายิ่งกว่าเดิม และหัวิก็ไม่แม้แต่จะกล้าเข้าใกล้เธอ
“ถ้าเป็แบบนั้นนายชวนจ้าวหลิงเซียนมาทานข้าวเที่ยงกับนายที่ร้านนี้เป็ไง?” หลีเฉ่าเจี๋ยถามขณะที่ใบหน้าดูเพลิดเพลิน
หัวิกำลังจะพูดว่าจ้าวหลิงเซียนไม่มาแน่นอนอย่างไรก็ตาม ั์ตาของเขาก็ฉายแววขึ้นขณะที่เข้าใจเจตนาของหลีเฉ่าเจี๋ย “ใช่แล้วฉินเฟิงมันกำลังจีบผู้หญิงอื่นอยู่ที่นี่ถ้าเราเรียกจ้าวหลิงเซียนมาที่นี่และให้เธอเห็นมันตอนนี้เธอต้องเ็ปจนลืมมันแน่ และนั่นก็จะเป็โอกาสให้ฉันทำคะแนน”
หลังพูดจบหัวิหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจ้าวหลิงเซียน ในขณะเดียวกันหลีเฉ่าเจี๋ยก็แอบส่งข้อความใต้โต๊ะเพื่อบอกคนของตระกูลฮ่าวว่าฉินเฟิงอยู่ไหน
“สวัสดีค่ะนี่ใครคะ?”สายของหัวิติดแล้ว
เสียงเ็าไร้อารมณ์ดังออกมาเห็นได้ชัดว่าจ้าวหลิงเซียนไม่ได้เมมเบอร์ของหัวิไว้
หัวิไม่ค่อยพอใจแต่เขารีบขจัดความรู้สึกตัวเองและพูดอย่างร่าเริง “จ้าวหลิงเซียน ผมเอง หัวิ”
เมื่อเธอได้ยินว่าเป็หัวิจ้าวหลิงเซียนตัดสินใจจบการสนทนาทันที “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ ฉันวางล่ะ”
ใบหน้าของหัวิเฟลทันทีและรีบพูด“เดี๋ยวก่อน ผมเห็นฉินเฟิงอยู่ที่ร้านอาหารตะวันตกรุ่ยซื่อ”
หลังจากได้ยินดังนี้จ้าวหลิงเซียนไม่ได้วาง แต่ลมหายใจของเธอแรงขึ้น หลังจากเงียบสักพัก เธอก็ตอบ“เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
...
ในไม่ช้าเมนูคู่ที่ฉินเฟิงสั่งก็มาถึง
สวี่รั่วโหรวนั้นยากมากที่จะได้กินในที่แบบนี้เธอถือมีดและส้อมอย่างงุ่มง่ามขณะที่พยายามจะหั่นสเต๊กซึ่งทำให้มันเกือบจะกระเด็นออกจากจานหลายครั้ง
หลังจากที่เห็นว่าเธอดูเปิ่นและน่ารักแค่ไหนฉินเฟิงก็ลูบหัวเธอและหั่นสเต๊กของตัวเองอย่างเชี่ยวชาญเป็ชิ้นเล็กๆและสลับจานกันกับเธอ
“ขอบคุณค่ะฉินเฟิง!”
อาหารอร่อยตรงหน้าของเธอทำให้สวี่รั่วโหรวรู้สึกมีความสุขอย่างมากและเธอลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรกอย่างหมดจด เธอยิ้มจนดวงตาเป็รูปจันทร์เสี้ยว 2ดวง และขณะที่เธอดมกลิ่นสเต๊กแสนอร่อยเธอก็รีบจิ้มมันเข้าปากและลิ้มรสมันอย่างช้าๆ
“เธอไม่จำเป็ต้องขอบคุณเื่เล็กอย่างนี้หรอก”ฉินเฟิงตอบขณะหั่นสเต๊กของตัวเอง
“แน่นอนว่าฉันต้องขอบคุณไม่ว่าจะเป็เื่เล็กหรือเื่ใหญ่ ใครก็ตามที่ช่วยฉัน ฉันก็ควรขอบคุณ”สวี่รั่วโหรวตอบอย่างตั้งใจ
ฉินเฟิงส่ายหัวและหยิบบัตรที่มีเงิน300,000 หยวนจากกระเป๋า และวางมันตรงหน้าของสวี่รั่วโหรว “นี่สำหรับเธอ”
สวี่รั่วโหรวรู้จักบัตรนี้มันเป็หนึ่งในบัตรที่ชายผมยาวที่ดูป่าเถื่อนให้ฉินเฟิง และยังมีเงิน 300,000 หยวนอยู่ในนั้น
เธอสะดุ้งใและรีบดันมันกลับไปหาฉินเฟิงและพูดว่า“นี่เป็เงินของหัวหน้าหวัง ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ คะ...คุณควรจะคืนให้เขา”
“คืนให้มัน? เธอคิดว่าหัวฉันผิดปกติหรือไง?” สีหน้าของฉินเฟิงเคร่งเครียดขณะที่ดันบัตรกลับไป“ถ้าฉันบอกเธอให้รับไป ก็รับไป เข้าใจไหม?”
สวี่รั่วโหรวกลัวจนวางมีดและส้อมเธอไม่กล้ากินต่อ “ตะ...แต่นี่เป็เงินของคนอื่น...ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“งั้นเธอจะบอกหวังเชาว่าฉันขโมยเงินมันเหรอ?” ฉินเฟิงเริ่มโกรธนิดหน่อย
“ฉะ...ฉันจะไม่พูดค่ะ”
“แล้วถ้ามันถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเงินล่ะ? เธอจะพูดว่าอะไร?” ฉินเฟิงถามต่อ
“ฉะ...ฉัน...”สวี่รั่วโหรวไม่เคยโกหกมาก่อนในชีวิตและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ฉินเฟิงเข้าใจนิสัยที่ซื่อตรงและใจดีของสวี่รั่วโหรวและรู้ว่านี่มันค่อนข้างหนักสำหรับเธอ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถาม “รั่วโหรวเธอเกลียดหวังเชาหรือเปล่า?”
สวี่รั่วโหรวลังเลสักพักก่อนจะพยักหน้า
เธอทำงานในหวงเจียกรุ๊ปแค่อาทิตย์กว่าแต่หวังเชาก็มองเธอทุกครั้ง เธอจึงรู้สึกค่อนข้างรังเกียจ
“ฉินเฟิงกะ...กรุณาอย่าบอกหัวหน้าหวังนะคะ” สวี่รั่วโหรวพูดด้วยความกลัว
ฉินเฟิงยิ้ม“ไม่ต้องห่วง ทำไมฉันต้องบอกมันล่ะ? ในเมื่อเธอเกลียดมันงั้นก็ช่วยฉันหลอกมันครั้งหนึ่ง ถ้ามันถามเธอเื่เงิน แค่บอกว่าเราเก็บไม่ได้ก็ไม่เป็ไรแล้วไม่ใช่เหรอ?”
สวี่รั่วโหรวจมอยู่ในความเงียบและไม่ได้ตอบอะไร
ฉินเฟิงจับมือของสวี่รั่วโหรวทันทีขณะที่มองเธออย่างจริงใจ“รั่วโหรว เธอโกหกเพื่อฉันสักครั้งได้ไหม?”
ในร้านอาหารมีคนแค่ไม่กี่คนและสวี่รั่วโหรวก็รู้สึกกระวนกระวายตอนที่ฉินเฟิงมาจับมือ อย่างไรก็ตามเธอไม่อยากถอนมือกลับเพราะกลัวว่าจะทำร้ายความรู้สึกของฉินเฟิง
และในขณะนี้เองได้มีรูปร่างงดงามอยู่ด้านนอกเดินผ่านที่ที่ฉินเฟิงและสวี่รั่วโหรวกำลังนั่งอยู่ร่างกายจ้าวหลิงเซียนหยุดทันทีขณะมองเห็นภาพนี้ผ่านกระจก
เธอไม่คิดว่าหลังจากบอกลาฉินเฟิงในครั้งนั้นพวกเขาจะแยกจากกันและกลายเป็คนแปลกหน้า อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ของหัวิและได้ยินว่าฉินเฟิงอยู่ที่ร้านอาหารเธอก็ต้องออกจากบ้านอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากเดินมาสักพักเธอก็มาถึงร้านอาหารตะวันตกแห่งนี้
เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างจ้าวหลิงเซียนก็เห็นฉินเฟิงกำลังจับมือของผู้หญิงที่ทั้งสวยและใสซื่อขณะมองเธออย่างจริงจังอาหารของพวกเขาก็เป็เมนูคู่ ทำให้หัวใจของจ้าวหลิงเซียนปวดขึ้นมา
เมื่อเธอเห็นจักรยาน28 นิ้ว จอดอยู่ด้านนอกของร้าน เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
สุดท้ายแล้วฉินเฟิงก็ยังเป็นายน้อยเ้าสำราญจอมกะล่อนเขาเปลี่ยนไปตั้งนานแล้วจากพี่ชายที่คอยเล่นกับเธอเขาไม่ใช้เวลากับคุณหนูจอมหยิ่งและน่าเบื่ออย่างเธอมันคงจะดีกว่าถ้าได้ออกไปดื่มด่ำกับสาวสวยข้างนอกอีกสองสามคน
เธอรู้สึกว่ามันไม่มีทางที่จะกลับมาได้เหมือนเมื่อก่อนจ้าวหลิงเซียนหันหลังกลับและเดินจากไปคนเดียวด้วยความรู้สึกเสียใจ
หากเพียงชีวิตเป็ดั่งแรกพบพานวาดภาพบนพัดด้วยความเศร้าท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ร่วง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้