แน่นอนว่าหลังจากที่ฉันผ่านความตายมาสองสามครั้งแล้ว จึงทำให้ใจเย็นลงมากอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเหตุการณ์อย่างนี้ก็ไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังอะไรขนาดนั้น
“ไม่ต้องสนใจพวกเธอ พวกเราไปสืบกันก่อนสักหน่อยเถอะ เกมรอบต่อไปยังเหลือเวลาอีก 1 วันน่ะ” ฉันพูดไปตรงๆ หยางย่าซินพยักหน้าพลางพูด “นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ลูกพี่ นายก็สืบมานขนาดนี้แล้ว น่าจะมีเบาะแสบ้างแล้วใช่ไหม?”
“เบาะแสจริงๆ ก็มีอยู่นิดหน่อย แต่ยังไม่ทั้งหมด อาศัยเบาะแสที่มีผลอยู่ตอนนี้ ก็ยังหาตัวคนร้ายไม่เจอน่ะ” ฉันส่ายหน้าพลางพูด ตอนนี้ฉันก็ไม่มีโครงร่างแม้แต่น้อย
แต่ว่าฉันรู้สึกตะคุ่มๆ ทั้งตาเฉินที่ต้มหม้อน้ำ และยังมีในหอพักหญิงอีก บางทีอาจจะหาร่องรอยอะไรบางอย่างได้ แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ฉันไม่ได้พูดออกมา เพราะว่านี่เป็เพียงแค่การอนุมานเท่านั้น
“โรงเรียนแห่งนี้จะต้องเคยเกิดเื่ที่ไม่มีใครรู้แน่นอน ทุกคนตั้งใจสืบกันหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะหาตัวผู้ร้ายจนเจอก็เป็ได้” ฉันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ใช่แล้ว ในเมื่อโรงเรียนตั้งใจที่จะปิดบัง แต่ในเอกสารของโรงเรียนจะต้องมีบันทึกไว้แน่นอน โรงเรียนจะต้องมีเอกสารด้านนี้แน่นอน” ทันใดนั้นหยางย่าซินก็พูดขึ้น
ข้อเสนอของเขาทำให้ตอนนี้พวกเรามีประกายเข้ามาแวบหนึ่ง แต่ว่าฉันก็ส่ายหน้า “ปัญหาคือ พวกเราจะไปยังไงล่ะ ห้องเอกสารของโรงเรียน มีคนเข้าเวรทุกวัน”
“ใช่แล้ว ตอนเย็น่ที่ล็อคประตูน่ะ ถึงจะเข้าไปได้” หยางย่าซินพูดขึ้นทันที
“ไม่ดีมั้ง” หลี่โม่ฟ๋านที่อยู่ข้างๆ ลังเลอยู่บ้าง
“ทำไมไม่ดีล่ะ ในห้องเอกสารของโรงเรียน จะต้องมีอะไรแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะเจอความจริงน่ะ” หยางย่าซินพูด
“ดูสถานการณ์ก่อนน่ะ” ฉันส่ายหน้าพลางพูด แต่ในใจฉัน ยังคงแอบจำวิธีการนี้ไว้ เป็ดังที่หยางย่าซินพูดแน่นอน เมื่อก่อนในโรงเรียนจะต้องเคยเกิดเื่อะไรในโรงเรียนแน่นอน แต่กลับถูกทุกคนตั้งใจที่จะลืมเลือน
ในเมื่อถามพนักงานโรงเรียนเหล่านี้ไม่ได้ ฉะนั้นไม่แน่ว่าอาจจะหาคำตอบได้จากเอกสารของโรงเรียน แต่ทว่าหาก้าที่จะไปห้องเอกสารใน่กลางดึก ยังไงก็ไม่ใช่เื่ดีแน่
“เื่นี้ค่อยพูดกันอีกที พวกเราไปหากันตาเฉินกันอีกสักรอบเถอะ” ฉันพูดกับหยางย่าซิน หยางย่าซินพยักหน้า หลังจากนั้นพวกเรา 4 คน ก็มาถึงที่ที่พักของตาเฉิน
“ตาเฉิน พวกเรามาเยี่ยมตาแล้วน่ะ” ฉันเดินเข้ามาตามอำเภอใจพลางพูด ในมือของพวกเรา ยังมีผลไม้และกับแกล้มบางอย่าง โดยเฉพาะหยางย่าซินยังซื้อสุรามาอีกสองสามขวดด้วย
สิ่งเหล่านี้คือของที่เตรียมมาเพื่อหลอกเอาคำพูดจากปากของตาเฉิน
ตอนนี้เป็ฤดูร้อน นอกจากต้มน้ำร้อนบ้างแล้ว ตาเฉินก็ไม่จำเป็ต้องต้มหม้อน้ำ ด้วยเหตุนี้ตอนนี้เขาจึงว่างมากและนั่งตากแดดอยู่ที่ด้านนอก ที่ปากก็สูบยาเส้นอยู่
เห็นการมาของพวกเราแล้ว ใบหน้าของตาเฉินสงบเงียบ และมองแค่กับแกล้มที่อยู่ในมือของพวกเรา ในที่สุดก็ขยับตัวนิดหน่อย
“เฮอเฮอ ฉันก็แค่ชายชราคนหนึ่งมีอะไรน่ามองเหรอ” เขายิ้มไปด้วย และเรียกพวกเราเข้าห้องไปด้วย หลังจากที่พวกเราเข้าห้องเขาไปแล้ว ก็ได้นำของที่อยู่ในมือวางลง หลังจากนั้นก็ยิ้มหน่อยๆ พลางพูดว่า “ตาเฉิน นอกจากพวกเราจะมาเยี่ยมตาแล้ว ยังอยากถามเื่อะไรตาสักหน่อย”
“ฉันรู้อยู่แล้วพวกเธอหากไม่มีอะไรก็ไม่มาหรอก แต่ว่าฉันไม่มีเื่อะไรจะบอกเธอจริงๆ” ตาเฉินส่ายมือด้วยใบหน้าที่ดำขำ และมีสีหน้าที่ทนไม่ได้
“ไม่เป็ไร ยังไงพวกก็แวะมาเยี่ยมตาด้วย” ฉันฉีกยิ้ม และส่งสัญญาณผ่านสายตาให้หยางย่าซิน หลังจากนั้นหยางย่าซินก็รีบยื่นบุหรี่ 1 ซองให้ตาเฉิน รวมทั้งยังได้จุดให้เขาอีก 1 มวน
“ไม่เลวนิ ยี่ห้อหยู้ซี” ตาเฉินสูบบุหรี่ไปด้วย หลี่ตาพลางพูดไปด้วย
“ยังมีสุราขาวเอ่อร์กัวโถวอีก ตาเฉิน ดื่มสักหน่อยเป็ไง” ฉันยิ้มพลางพูดแล้วนำเสนอสุราขาวเอ่อร์กัวโถว
“ตอนนี้เพิ่งกี่โมงเอง จะดื่มได้ยังไงล่ะ?” ตาเฉินมองฉันแวบหนึ่งแล้วพูด
“ตาเฉิน ตาก็เป็ผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว แม้แต่ภรรยาก็ไม่มี ไม่อาศัยสุราแก้เหงางั้นจะทำอะไรได้ล่ะ?” ฉันพูดอย่างยิ้มแย้ม กลับทำให้ใบหน้าของตาเฉินไม่มีความสุข
“แต่ทว่าตาเฉินก็เป็ดั่งที่ฉันพูดจริงๆ เขากินกับแกล้ม ดื่มสุราขาวเอ่อร์กัวโถว และเริ่มสาธยายกับฉัน”
“เธอพูดถูก ฉันก็ 57 แล้ว แม้แต่ภรรยาก็ไม่มี” ตาเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่ฉันกลับรีบพูดว่า “เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ ตาอย่าได้จริงจังเลย”
“เห้อ ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเด็กน้อยอย่างเธอคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าเธออยากจะถามว่า เมื่อก่อนทั้งโรงเรียนเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ใช่ไหมล่ะ?” ตาเฉินมองฉันแวบหนึ่งอย่างกับไม่อยากจะมอง หลังจากนั้นก็เริ่มดื่มสุรา
ฉันรู้ว่าแผนการของฉันสำเร็จแล้ว ตาเฉินแก่ขนาดนี้แล้ว กลับยังโสดอยู่ ตอนที่ไม่มีอะไรทำก็ต้องเหงาแน่นอน ภายในรอบๆ บ้านของเขา มีแต่ขวดสุราขาว ซึ่งนี่ก็ยืนยันได้ว่าเขารักสุราแก้เหงา
ดังนั้นฉันจึงตั้งใจพูดอย่างนั้น ตาเฉินตกหลุมพรางแล้วจริงๆ เขาเริ่มดื่มสุราแก้เหงาแล้ว และหยางย่าซินกับโก่วหงหยุนที่อยู่ข้างก็เริ่มทำตามสัญญาณของฉัน คือมอมสุราเขา
ตาเฉินเริ่มดื่มสุราแล้ว อาการเมาของเขาเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และน้ำเสียงก็เลอะเลือน เขาเริ่มสาธยายกับพวกเรา เกี่ยวกับเื่ราวของเขาเอง
“ตอนที่ฉันอายุ 20 ปีกว่า ก็มาทำงานที่ห้องต้มหม้อน้ำของโรงเรียนแล้ว ในเวลานั้นถือว่าเป็ชามข้าวเหล็กแล้ว เงินเดือนก็ไม่เลวเลย แต่เพราะว่างานนี้มันไม่มีเกียรติ ฉันจึงหาภรรยาไม่ได้สักที จนกระทั่งตอนอายุ 30 ปี ฉันก็มีแฟนคนหนึ่งซึ่งหาได้ไม่ง่ายเลย”
“เธอชื่อหลิวชุ้ยฮัว ซึ่งดีกับฉันมาก ในที่สุดฉันก็เจอผู้หญิงที่รู้ร้อนรู้หนาวคนหนึ่ง แต่วันนั้น เธอมาเยี่ยมฉันที่โรงเรียน กลับต้องตายอย่างฉับพลัน” เมื่อตาเฉินพูดถึงตรงนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มร้องไห้ออกมา
และสีหน้าฉันก็เปลี่ยนเล็กน้อย รีบถามไปว่า “ชุ้ยฮัวตายยังไงหรือ?”
“เธอคิดสั้นะโตึกอย่างกะทันหัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอทำไมถึงะโตึก และตอนที่เธอะโตึก รอบๆ ก็ไม่มีคน สุดท้ายทางโรงเรียนก็ชดใช้ให้ฉัน 1 แสนหยวน แล้วก็ถือว่าจบ” ตาเฉินพูดจบแล้วก็จิบสุราไปคำหนึ่งด้วยความหม่นหมอง
“เป็เช่นนี้นี่เอง พูดเช่นนี้ภรรยาของตา ก็ไม่รู้ว่าตายเพราะสาเหตุอะไร?” ฉันถาม
“ใช่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอะโตึกทำไม ตอนนั้นฉันก็ดีกับเธอมาก หากเธอไม่อยากที่จะอยู่กินกับฉัน จะหย่ากันก็ได้ แต่ทำไมต้องะโตึก จนทำให้คนในหมู่บ้าน ล้วนพูดว่าฉันเป็คนบีบบังคับให้เธอต้องตาย สรุปแล้วฉันตอนนี้ ก็ยังหาภรรยาไม่ได้” ตาเฉินยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยตีนกานั้นมีความเศร้าอาดูร
“พูดเช่นนี้ภรรยาของตา ก็ตายเมื่อ 20 ปีก่อนแล้วเหรอ?” ฉันพูดกับตาเฉิน
“ประมาณนั้นแหล่ะ งั้นก็ 20 กว่าปี ตอนนั้นฉันเพิ่ง 30 กว่าปี” ตาเฉินพูด
“งั้น 20 ปีก่อนล่ะ โรงเรียนเคยเกิดเื่ประหลาดอะไรไหม?” ฉันถามตาเฉิน
“ไม่มีนะ เมื่อ 20 ก่อนทุกคนก็อยู่สุขสบายดี ไม่มีเื่อะไร” ตาเฉินส่ายหน้าพลางพูด
“ตาอยู่ที่โรงเรียนนี้มานานขนาดนี้แล้ว และใน่ระยะเวลานี้มีคนตายไปแล้วกี่คน?” ฉันถามตาเฉิน ตาเฉินตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง เพราะดื่มสุราจนเมา ดังนั้นจึงทำให้จิตใต้สำนึกของเขาสับสน
แต่ยังคงนับนิ้วได้ว่า “ภรรยาฉัน สาวน้อยที่ฆ่าตัวตายเมื่อ 3 ปีก่อน ยังมีชั้นเรียนของพวกเธออีกสองสามคน หลังจากนั้นก็ไม่มีแล้ว”
ฉันกำลังจะถามต่อ แต่ตาเฉินดื่มสุราไปบ้างแล้ว ทันใดนั้นรู้สึกว่าร่างกายไม่ไหว จึงเดินตรงไปที่ห้องแล้วก็นอนหลับไป เหลือแค่กลุ่มของพวกเราที่มองหน้ากัน
“เดิมทีเป็เช่นนี้นี่เอง พวกเราออกไปได้แล้ว” ฉันพูดขึ้นทันที หลังจากนั้นโบกมือ ให้พวกหยางย่าซินเดินตามฉันออกไป
ตอนที่กลับมาที่สนามกีฬา หยางย่าซินถามฉันทันทีว่า “ลูกพี่ เมื่อกี้นายบอกว่านายเข้าใจแล้วหมายความว่าอย่างไร?”
“หากฉันทายไม่ผิดแล้วล่ะก็ คนที่ิญญาอาฆาตฆ่าใน่ปีเหล่านี้ ไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน แต่ทว่าเกือบจะไม่มีใครรู้เลย ซึ่งนี่ยืนยันได้ว่า ิญญาอาฆาตสามารถปิดประสาทการรับรู้ของเราได้ ทำให้พวกเราลืมในสิ่งที่เห็นและได้ยิน” ฉันแสยะยิ้มพูด
“เป็ไปไม่ได้น่ะ จนตอนนี้ฉันยังจำคนในชั้นเรียนของพวกเราได้” หยางย่าซินพูด
“ฉันสามารถทำการทดลองได้” ฉันพูดจบก็หาใครสักคนในสนามกีฬามา 1 คน คนนี้เป็ผู้ชาย เขามองฉันแล้วถามอย่างตื่นตัวว่า “นายตามฉันมาทำไม?”
“เพื่อนนักเรียนคนนี้ นายรู้ไหมสองสามวันนี้ชั้นม.5/5 มีคนตายน่ะ?” ฉันถามเขา
“แน่นอนว่าต้องรู้สิ” นักเรียนชายคนนี้พยักหน้า
“งั้นตายกี่คน คนที่ตายมีผู้ชายกี่คนผู้หญิงกี่คนล่ะ?” ฉันถามอีก
“ฉันไม่รู้ พอเถอะ ก็ไม่ใช่ว่าตายแค่สองสามคนเองเหรอ?” นักเรียนชายคนนี้พูดด้วยความทนไม่ไหว หลังจากนั้นดึงมือฉันออก แล้วก็หันหลังจากไป
“ให้ตายสิ มันพูดอะไรน่ะ ไม่ได้ ฉันจะไปต่อยมัน” หยางย่าซินพูดด้วยความโมโห พูดจบแล้วก็จะกระโจนเข้าไป แต่กลับถูกฉันดึงไว้
“ดูแล้วความคิดฉันน่าจะถูกต้อง” ฉันพูดอย่างจริงจังว่า “ทุกคนลองคิดดูสิ ในโรงเรียนเกิดภัยพิบัติที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องกลัวใช่ไหม?”
“แต่นักเรียนชายคนนั้น กลับมีอาการเมินเฉยเช่นนี้ นี่เป็เพราะ ิญญาอาฆาตสามารถปิดบังประสาทการรับรู้ของคนทั้งโรงเรียนได้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่า การมีคนตายเป็เพียงแค่เื่เล็กน้อยเื่หนึ่งเท่านั้น เพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดเื่เช่นนี้มาจนถึงตอนนี้ และก็ไม่มีทางเผยแพร่ออกไปได้เหมือนกัน” ฉันแบมือออกพลางพูด
“ลูกพี่ นายพูดมีเหตุผลจริงๆ จนตอนนี้ในห้องเรียนมีคนตายมากขนาดนี้แล้ว ยังไม่การหยุดเรียนอีก พูดไม่ออกจริงๆ” หลี่โม่ฟ๋านพูดด้วยความประหลาดใจ
“ฉันจะลองไปถามอีก” หยางย่าซินพูด หลังจากนั้นเขาก็จูงมือโก่งหงหยุน แล้ววิ่งไปที่สนามกีฬา ไม่นานเขาก็วิ่งกลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและความประหลาดใจ
“เมื่อกี้ฉันได้ถามนักเรียนในชั้นเรียนอื่นติดกัน 5 คนแล้ว พวกเขาล้วนรู้เื่ที่เกิดในห้องเรียนของพวกเรา แต่ทว่าทุกคนมีท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจเลย เหมือนกับคิดว่าชีวิตของพวกเราไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนัก”
“ไม่ใช่แค่นี้น่ะ หลังจากที่ฉันถามพวกเขาอีกว่า ตอนนี้ฉันเรียนของพวกเรายังมีคนตายอยู่เลย พวกเขายิ่งไม่สนใจเลย และก็ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอาการที่รู้สึกรำคาญมาก นั่นไงล่ะเจอผีหลอกแล้วจริงๆ”
“นี่มันปกติมาก ในสายตาของพวกเขา นี่ก็เป็เพียงแค่เื่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาไม่สนใจหรอก พูดเช่นนี้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะมีวิธีการต่อต้านกับมือมืดที่อยู่เบื้อหลังได้” ฉันแสยะยิ้มมุมปากพลางพูด
“จะต่อต้านยังไงล่ะ?” หลี่โม่ฟ๋านและหยางย่าซินถาม
“ง่ายมาก แค่เปิดโปง! นำเื่นี้เปิดโปงออกไปให้หมด เช่นนี้พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว” ฉันพูดกับพวกเขา
“งั้นจะต้องทำอย่างไรล่ะ?” หยางย่าซินถาม