ฮวาชีเยว่หมายถึงบุญคุณความแค้นระหว่างนางกับเขาหรือ?
ทว่าเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดกับฮวาชีเยว่ เหตุใดนางจึงใส่ร้ายเขาเล่า? เมื่อโจวจื่อเฉิงคิดได้เช่นนี้ก็ยิ้มเศร้าออกมา “ท่านหญิงจิ่งฮวา มิคาดท่านจะมาเยี่ยมหาข้าเช่นนี้ ยามนี้ข้าย่อมตายอย่างสงบแล้ว”
ฮวาชีเยว่ยิ้มไม่เต็มใจ เบาบางราวสายลม เยือกเย็นดุจน้ำแข็ง “โจวจื่อเฉิง เ้าไม่สังเกตหรือ เื่ราวระหว่างเ้าและองค์หญิงเปลี่ยนไปนับแต่ข้านำนางมาพบเ้า? โอ เ้าคงมิได้ระแวงระวังสตรีที่ชื่นชม โชคไม่ดีนัก แต่ข้า้าจะบอกเ้าว่า...”
“ข้าคือ...หรงชีเยว่ ต่างกันเพียงคำเดียว ทว่าข้าคือนาง” ฮวาชีเยว่มองโจวจื่อเฉิงอย่างเ็า ในที่สุดนางก็ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้ว
“ท่านพูดอะไรกันขอรับ? ท่านหญิงจิ่งฮวา ท่านช่างตลกนัก!” แม้ใกล้ตาย ทว่าโจวจื่อเฉิงก็ยังไม่เชื่อว่าคนผู้หนึ่งจะถูกผีสางหลอกหลอน
ฮวาชีเยว่ใช้นิ้วเรียวม้วนปลายผมดำ เขี่ยมันกับหน้าอกตนอย่างอ้อยอิ่ง เป็ท่าทีที่นางและโจวจื่อเฉิงมักใช้เมื่อแนบชิดกัน
เห็นดังนี้ สีหน้าโจวจื่อเฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เื่บนเตียงระหว่างบุรุษสตรีย่อมมิอาจนำไปบอกผู้อื่น หรงชีเยว่เองก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกับฮวาชีเยว่มาก่อน เช่นนั้นเหตุใดฮวาชีเยว่จึงทำท่าทางเช่นนี้ได้?
กระทั่งสาวใช้คนสนิทของหรงชีเยว่เองก็ไม่ทราบ เหตุใดฮวาชีเยว่จึงทราบได้?
“ท่านหญิงจิ่งฮวา...ได้โปรด...ได้โปรดอย่าล้อข้าเล่นเลยขอรับ!” โจวจื่อเฉิงรู้สึกขนลุกชันทั่วร่างขึ้นมา อย่างไรเขาก็มีส่วนรู้เห็นในการกระทำขององค์หญิงฮุ่ยเจินในการสังหารหรงชีเยว่เช่นนั้น
ฮวาชีเยว่ยิ้ม ดวงตางามทอประกายเจิดจ้า “เ้าเชื่อหรือไม่ไม่สำคัญ ได้เห็นเ้าเป็เช่นนี้...ข้าโล่งใจเหลือเกิน อ้อ โจวจื่อเฉิง ทราบหรือไม่ว่าคุณหนูหวางเป็ใคร?”
โจวจื่อเฉิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เป็เพราะหวางอี้ผู้นั้น องค์หญิงฮุ่ยเจินจึงบ้าคลั่งใส่เขา ทำให้เขาเป็ดั่งนกในกรง เขาจึงได้วางยาองค์หญิงเพื่อทำลายโฉมนาง
เมื่อเสียโฉมแล้วองค์หญิงฮุ่ยเจินจึงบังคับให้เขาแต่งงานด้วย เขาจึงตัดสินใจสังหารองค์หญิงเสีย
ฮวาชีเยว่ย่อมทราบว่าเป็เพราะหวางอี้ทำให้เขาตัดขาดกับองค์หญิงฮุ่ยเจิน
“ท่าน...ท่านเป็ใครกันแน่? ท่านยังทราบอะไรอีก? ”
โจวจื่อเฉิงมองฮวาชีเยว่อย่างหวาดกลัว ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงยิ้มอ่อนโยน “ยามนี้เ้ากำลังจะตาย ยังจะกลัวอะไรอีกเล่า?”
ฮวาชีเยว่มองโจวจื่อเฉิงหัวจรดเท้า ดึงปิ่นปักผมออกจากแขนเสื้อเชื่องช้า นกะถูกสลักเสลางดงามบนปิ่น ดวงตาคู่นั้นทำจากหยกขาวชั้นดี ส่องแสงอย่างนุ่มนวล เป็มันเงาชุ่มชื้น หางของมันทำจากลวดทองถักให้ดูโดดเด่นนัก
โจวจื่อเฉิงแทบจะดวงตาทะลักออกจากเบ้า นั่นคือของกำนัลแห่งรักที่เขาส่งให้หรงชีเยว่ ปิ่นเฟิ่งหวงนี้ถูกฝังไปพร้อมนาง ทว่ายามนี้ฮวาชีเยว่กลับมันเอาไว้ เป็ไปได้อย่างไร?
ครั้งก่อนฮ่องเต้สั่งคนให้ไปขุดหาหลักฐาน หากโลงถูกเปิดออก ฮ่องเต้ย่อมทรงทราบ และองค์หญิงฮุ่ยเจินจะกลายเป็ผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น ฮวาชีเยว่จึงต้องมีปิ่นนี้โดยไม่เปิดโลง!
“คุณชายโจว ยังจำปิ่นลวดทองและเฟิ่งหวงตาหยกได้อยู่หรือไม่? ข้าสั่งให้คนทำสิ่งนี้ตามภาพวาด ล้วนแต่วาดจากความทรงจำข้า...โอ ลืมบอกท่านไป หวางอี้ผู้นั้นเป็คนขององค์หญิงฮุ่ยหลิง องค์หญิงฮุ่ยหลิงเฉลียวฉลาดนัก นางได้คำแนะนำไปจากข้า” ฮวาชีเยว่ยิ้มอย่างใจเย็น ดวงตางามดุจจันทร์คว่ำ ส่องประกายเย็นเยือก
โจวจื่อเฉิงรู้สึกได้เพียงความเหน็บหนาวทั่วร่างจนสั่นสะท้าน เขากอดไหล่ มองฮวาชีเยว่อย่างหวาดกลัว ไม่กล่าวคำใด
ฮวาชีเยว่ทอดถอนใจ “ข้าชอบปิ่นนี้เหลือเกิน แม้ของจะยังอยู่ทว่าผู้มอบให้เปลี่ยนไปเสียแล้ว น่าเสียดายนัก! โจวจื่อเฉิง เ้าทราบว่าการถูกห้าม้าแยกร่างย่อมเ็ปใช่ไหมเล่า? เ็ปทรมาน เจ็บลึกถึงกระดูก...”
โจวจื่อเฉิงหน้าซีด ราวกับลำคอถูกอุดกั้น “ท่าน...ท่านให้องค์หญิงฮุ่ยหลิงส่งแม่นางหวางมาจัดการข้าหรือ? ”
“ความเ็ปเช่นนั้นคงรู้สึกเหมือนยามหรงชีเยว่ถูกควักดวงตา ยามที่นางถูกทำลายโฉม...เ้าจะไม่อยากจดจำมันเมื่อได้ลอง โจวจื่อเฉิง สบายใจเถิด ข้าจะดูแลเทียนซีให้ดี เขาจะเป็เด็กน่ารักแสนดี เหมือนดังเช่นในวันแรกคลอด” ฮวาชีเยว่ยิ้ม รอยยิ้มสบายใจนั้นยังคงอยู่ยามที่ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามา นางถอยออกไปอย่างแ่เบา
ผู้เฝ้าประตูตั้งใจจะมาเตือนฮวาชีเยว่ว่าถึงเวลาแล้ว ทว่าเห็นนางทราบความดีจึงยืนอยู่ด้านหนึ่ง เห็นโจวจื่อเฉิงตัวสั่นสะท้านอยู่ในลูกกรงด้วยใบหน้าซีดขาว โจวจื่อเฉิงทรุดลง ร่ำไห้สะอึกสะอื้น “หรงชีเยว่! ”
ผู้เฝ้าประตูแค่นเสียงเย็น “หยุดร้องไห้ได้แล้ว! คนตายไปแล้ว เ้าจะให้นางฟื้นขึ้นมาได้หรือ?"
ฮวาชีเยว่ชะงัก เสียงคร่ำครวญด้วยความเสียใจดังมาจากเื้ั “ชีเยว่ ให้อภัยข้าเถิดนะ...ข้ายังคงรักเ้า...อย่างไรข้าก็เป็บิดาของเทียนซี...ช่วยหาทางพาข้าออกไปเถอะ ข้าจะตอบแทนความดีเ้า ข้าจะรักใคร่เ้า...”
ริมฝีปากของนางขยับขึ้นเป็รอยยิ้ม นางเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม ได้ยินแต่เพียงเสียงอ้อนวอนจนแหบพร่าตามมา
โลกนี้ไม่มีหรงชีเยว่อีกแล้ว มีแต่ฮวาชีเยว่เท่านั้น
ความทรงจำเลวร้ายนั้นดุจเพชรแห่งอดีตที่ย้ำเตือนมิให้นางทุ่มเทเชื่อผู้อื่นง่ายดาย ประสบการณ์เป็ดังสายน้ำแห่งความทรงจำที่ไหลมารวมกัน ทอประกายแสงเ็า
ในวันที่เจ็ด โจวจื่อเฉิงถูกพาไปยังลานปะา เขาไม่เห็นฮวาชีเยว่ในฝูงชน ทว่ายังคงคร่ำครวญเรียกชื่อชีเยว่ไปตลอดทาง ทำให้ผู้คนล้วนแต่คิดว่าเขาเสียใจกับสิ่งที่ตนทำ พาลให้รู้สึกทั้งรังเกียจทั้งเสียใจแทน
ภัตตาคารต้งไห่ปิดตัวลง แต่กล่าวว่ามีคนลึกลับผู้หนึ่งเจรจาซื้อขายภัตตาคารนี้จากท่านแม่โจว
ในยามเฉิน ฮวาชีเยว่ยังคงฝึกตนอยู่ในโลกเร้นลับ การเลื่อนระดับขึ้นสู่เมฆาทะยานขั้นสมบูรณ์ยากเย็นนัก ลำบากกว่าในอดีตหลายเท่า
เมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นสายตาสงสัยของเทียนพี่
“มองอะไรของท่าน? มองคนงามหรือ? ”
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้ว นางเริ่มคิดว่าเทียนพี่ช่างลึกลับมากจริงๆ ทั้งยังมักมองนางเช่นนี้
“ข้าเพียงแต่มองสตรีโฉดชั่วผู้หนึ่ง”
“หากข้าเป็สตรีโฉดชั่ว เช่นนั้นอาจารย์ข้าย่อมต้องเป็บุรุษโฉดชั่วเช่นกัน ท่านอาจารย์สารเลวเ้าคะ ท่านคงมีอะไรจะบอกข้ากระมัง” ฮวาชีเยว่ยิ้มลุกขึ้น นางบิดกายคลายเส้น ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ในนี้เทียนซีคงเริ่มกังวลจนตามหาตัวนางอีกเป็แน่
“ข้าสับสน เหตุใดเ้าจึงใส่ความฮุ่ยหลิงทั้งที่นางไม่เคยมีความแค้นกับเ้า? ทำให้ฮองเฮาผิดหวังในตัวฮุ่ยหลิงเช่นนั้น? ”
ดวงตาดำราวกับนิลของเทียนพี่ทอแววสงสัย
ฮวาชีเยว่นิ่งไป เงยหน้ามองท้องฟ้าใสสะอาด “ทำไมหรือ? เพราะยามมององค์หญิงฮุ่ยหลิง ข้าเหมือนเห็นองค์หญิงฮุ่ยเจินในอดีต นางจะไม่มีวันปล่อยข้าไป แต่ว่า...ข้าจะสู้กับนางให้ถึงที่สุด”
เทียนพี่แสร้งทำทีใ “ช่างเป็สตรีชั่วช้าสารเลวเ้าเล่ห์นัก! ศัตรูเ้ามีเพียงจุดจบเดียวเป็แน่แท้ คือความตาย! ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มเย้ย “หากผู้อื่นดีต่อข้า ข้าย่อมดีกลับ และข้าจะเอาชีวิตนาง หากนาง้าชีวิตข้า!”
เทียนพี่กะพริบตา “ใช่ๆ ข้าชอบสตรีเช่นนี้ ศิษย์คนดี คืนนี้อย่าลืมนำไก่อย่างหรือของกินอื่นมาให้ข้าด้วย! ”
ฮวาชีเยว่หัวเราะ “ได้เ้าค่ะ แต่ว่า...ท่านอาจารย์ ข้ามีข้อแม้ ข้าอยากทราบประวัติท่าน”
นาง้าทราบว่าคนลึกลับเช่นเทียนพี่ผู้นี้เป็ศัตรูหรือมิตรกันแน่
มิคาด เทียนพี่กลับยิ้ม “ศิษย์ข้า แม้ทวีปเทียนหยวนนี้จะมีจอมยุทธ์าุโอยู่บ้างทว่าก็เป็เพียงผู้ใช้ลมปราณห่วยๆ เท่านั้น ไป ไปจัดการพวกมันแล้วซื้อสุรากับเนื้อมาให้ข้า มิเช่นนั้น...ข้าสามารถทะลวงจุดชีพจรให้เ้าได้ ย่อมสามารถทำลายจุดชีพจรให้เ้าได้เช่นกัน”
น้ำเสียงเทียนพี่คล้ายหยอกล้อ ทว่าในดวงตาไร้ซึ่งรอยยิ้ม
ฮวาชีเยว่ตกตะลึง นางทราบดีว่าบุรุษร้ายกาจผู้นี้มิได้ล้อเล่น
นางไม่มีทางเลือก คนผิดคือนางที่เข้าใจเขาน้อยเกินไป จึงได้แต่ถูกควบคุมอยู่เช่นนี้
“ก็ได้ ข้ายอมแพ้ ข้าต้องออกไปหาลูกแล้ว!” ฮวาชีเยว่ไหวไหล่แล้วจึงออกจากโลกเร้นลับไป
เมื่อกลับถึงห้อง ฮวาชีเยว่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของลู่ซินดังมาจากในสวนทำให้รู้สึกประหลาดใจนัก ยากที่จะได้ยินลู่ซินโหย่วชุ่ยหัวเราะเช่นนี้ อย่างไรทั้งคู่ก็เป็กุลสตรีผู้หนึ่ง
นางเดินออกจากห้องมาถึงสวน ใต้ร่มไทรใกล้หลงแดง นางเห็นไฉ่หนิงและไฉ่ชิงกำลังสอนวิชาดาบให้แก่เทียนซี
ในทวีปเทียนหยวนนี้แม้วิชาดาบจะตกต่ำ ทว่าจอมยุทธ์บางคนยังคงใช้ดาบเพื่อลดภาระแก่พลังลมปราณ ขยายเวลาในการต่อสู้
ดังนั้นวิชาดาบจึงทั้งมีประโยชน์ และทั้งไร้ประโยชน์ในเวลาเดียวกัน
มีเพียงจอมยุทธ์ทั่วไปจึงจะใช้ดาบ สำหรับสองไฉ่ ลมปราณพวกเขาล้วนแต่อยู่ในระดับกลางของเมฆาทะยาน ทว่ายังไม่สมบูรณ์
เทียนซีรีบก้าวเข้าหาฮวาชีเยว่ทันทีที่เห็นนางออกมา เขากอดสองขานาง กะพริบตาปริบๆ ชี้ไปยังดาบไม้ที่อยู่บนพื้นแล้วโบกมืออย่างตื่นเต้น
“ไอ้หยา เทียนซีเรียนวิชาดาบอยู่หรือ ดีแล้ว ดีแล้ว” ฮวาชีเยว่นั่งลงกอดเขา
ดวงตาเทียนซีทอประกายแวววาว
ฮวาชีเยว่เงยหน้าขึ้นมองคู่แฝดไฉ่หนิงไฉ่ชิง สองคนนี้ดูเหมือนราวโขลกจากพิมพ์เดียวกันชวนให้สับสนนัก
ฮวาชีเยว่เห็นร่องรอยดูถูกและรังเกียจอยู่ในดวงตาทั้งคู่
แม้ไฉ่หนิงและไฉ่ชิงจะได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้ปกป้องฮวาชีเยว่ ทว่าในความเป็จริงพวกเขาล้วนมาเพื่อปกป้องหลงแดง
ในทวีปเทียนหยวนนี้มีผู้ใช้ลมปราณไม่มากที่ก้าวขึ้นสู่ระดับเมฆาทะยาน ในสายตาพวกเขา บุรุษเหนือกว่าสตรีย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งพวกเขายังเป็ถึงผู้ใช้ลมปราณ จึงเหยียดหยามฮวาชีเยว่ ‘ขี้แพ้’ ผู้นั้น
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสุภาพ โหย่วชุ่ยและลู่ซินมองหน้ากัน ลอบกังวลเื่สองไฉ่อยู่ในใจ
“เทียนซี ไว้แม่มีเวลาจะสอนศาสตร์วรยุทธ์ให้เ้านะ?” ฮวาชีเยว่พูดอย่างนุ่มนวล ดวงตามีร่องรอยซับซ้อน
เทียนซีพยักหน้าราวโขลกกระเทียม
ไฉ่หนิงไฉ่ชิงมองหน้ากัน ในดวงตายิ่งปรากฏความเย้ยหยัน พวกเขายังคงเป็เด็กหนุ่มใจร้อน ย่อมต้องขบขันในความมั่นใจของฮวาชีเยว่
“คนขี้แพ้เช่นเ้าหรือจะสอนศาสตร์แห่งชี่ จะสอนได้อย่างไรเล่า”
ไฉ่หนิงหัวเราะเย็น เขากอดอก ไม่มีความเคารพแม้แต่น้อย
ไฉ่ชิงส่ายหน้า “น้องข้า เหตุใดจึงตำหนิสตรีทะเยอทะยานผู้นี้เล่า? นางเป็คนขี้แพ้ หากมิใช่เพราะโอสถวิเศษ เราคงมิได้มาปกป้องนางแล้ว”
ได้ยินคำเสียดสีของทั้งสอง ลู่ซินและโหย่วชุ่ยก็ให้โมโหขึ้นมา ทว่าพวกนางเกรงว่าจะเข้าไปขัดจังหวะอะไรเมื่อเห็นสายตาของฮวาชีเยว่ที่เต็มไปด้วยความกังวล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้