ครั้งนี้ จ้าวอี้สี่คนต่างสวมชุดทางการ พวกเขากำลังปรึกษากันว่าจะทำการพูดคุยยังไง
“สักครู่ หลังจากพวกเราเข้าไป จ้าวอี้นายรับผิดชอบการถามคำถาม คำถามในการสอบปากคำนายสามารถทำได้ตามความเหมาะสม สามารถเริ่มจากคำถามเื่ความปลอดภัยของคณะละครสัตว์ นี่เป็จุดเริ่มต้นที่ไม่เลว เซี่ยตัน เธอกับเฉินตงเคยพบผู้ต้องสงสัยนั่นมาก่อน อีกฝ่ายต้องพยายามเสแสร้ง แต่อีกฝ่ายต้องจำพวกเธอได้ ดังนั้น หลังพวกเราเข้าไป พวกเธอต้องสังเกตการแสดงออกทุกอย่างของพวกเขา ฉันเชื่อ ว่าฆาตกรต้องเป็คนใดคนหนึ่งในนั้น”
คำพูดของเจี่ยงจาวตี้ไม่ใช่การยิงธนูโดยไม่มีเป้า1แน่
เธอไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีเื่บังเอิญเช่นนี้ ผู้ต้องสงสัยเพิ่งถูกปืนยิง คนที่พวกเขาสงสัยก็ปรากฏาแเช่นเดียวกันในทันที
เจี่ยงจาวตี้คิด เธอมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็น าแของคนหนึ่งในนั้น ต้องเป็การจงใจ าแของอีกคน เป็การถูกฆาตกรวางแผนสร้างขึ้น เป้าหมายน่ะเหรอ ชัดเจนมาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
เป้าหมายได้แคบลงเหลือแค่พวกเขา เจี่ยงจาวตี้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ดิ้นรนหนีความผิด
สี่คนรวบรวมกำลัง แล้วไปที่ห้องผู้ป่วยของตัวตลกก่อน
ห้องผู้ป่วยของตัวตลก เวลานี้นอกจากเขาก็ไม่มีผู้ป่วยคนอื่น ผู้ป่วยเ่าั้ถูกโรงพยาบาลใช้ข้ออ้างสารพัดเพื่อส่งตัวออกไปชั่วคราว ทิ้งไว้เพียงแค่เขาคนเดียว
แค่เห็นตำรวจสี่คนเข้ามา ตัวตลกก็ก้มหน้าลงทันที ราวกับอายเล็กน้อย
“สวัสดี นี่เป็ใบรับรองของเรา พวกเรามาสอบสวนถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้เล็กน้อย กรุณาให้ความร่วมมือ” จ้าวอี้เผยใบรับรองของตน ้าให้ตัวตลกลองดู
“นี่ไม่ต้องดูหรอก ผมเชื่อสถานะของพวกคุณ มีเื่อะไรจะถาม พวกคุณก็ถามเถอะ” ตัวตลกเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มเขินอาย และใบหน้าดูเด็กที่เข้ากัน
“ชื่อ อายุ...”
แม้ว่าข้อมูลเช่นนี้จ้าวอี้และคนอื่นจะรู้มานานแล้ว แต่จ้าวอี้ยังคงต้องถามอีกครั้ง
“ผมชื่อหานซ่านเฉิง ปีนี้อายุสามสิบแล้ว เป็ตัวตลกของคณะละครสัตว์”
ตัวตลกตอบคำถามถึงข้อมูลเบื้องต้นของตน
“สามารถเล่าเหตุการณ์อุบัติเหตุในวันนี้ได้ไหม? คุณรู้ไหมว่าทำไมจู่ๆเสือถึงกัดคุณ? เมื่อก่อน เสือตัวนี้มีแนวโน้มจะโจมตีคุณไหม?”
“นี่ ผมไม่รู้จริงๆว่าทำไมจู่ๆเสือไท่เกอถึงดุร้ายขึ้นมา ผมคิดว่า น่าจะเพราะมันหิว? ที่จริงโดยพื้นฐานแล้วเสือที่พวกเราเลี้ยงไม่มีความดุร้ายอะไร นอกจากกินไม่อิ่ม ผมนึกไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรให้มันจู่โจมผม” ตัวตลกคิด ตอบคำถามเช่นนี้
“กินไม่อิ่ม? ปกติแล้วใครรับผิดชอบในการให้อาหารมัน?”
“เป็ผู้ฝึกสัตว์ ที่จริง ผมก็ไม่รู้ว่าควรพูดไหม แม้ว่าการเงินของเราคณะละครสัตว์จะไม่ค่อยดี แต่หัวหน้าคณะไม่เคยลดอาหารของเหล่าสัตว์เลย เพราะต้องขึ้นแสดง ก่อนแสดงตามกฎต้องให้พวกมันกินอิ่มหกส่วน เพียงแต่ ไม่รู้ว่าผู้ฝึกสัตว์ทำตามกฎรึเปล่า...”
ท่าทางของตัวตลกลังเลมาก เหมือนกับมีคำพูดอะไรที่้าพูด
“คุณหมายความว่า ผู้ฝึกสัตว์วันนั้นไม่ได้ให้อาหาร? ดังนั้นเสือภายใต้สภาวะหิวโหยจึงโจมตีคุณทันที?” จ้าวอี้ถาม
“ผมไม่รู้ หน้าที่ในคณะละครสัตว์ที่พวกเราทุกคนต้องรับผิดชอบไม่เหมือนกัน ผมไม่แน่ใจ” ตัวตลกโบกมืออย่างค่อนข้างสับสน ท่าทางใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาเจ็บจนขมวดคิ้ว
“โอเค คุณคิดว่าเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็อุบัติเหตุไหม? เป็คนสร้างขึ้นได้ไหม?”
คำถามของจ้าวอี้ทำให้ตัวตลกชะงัก คิดดูแล้วจึงพูดอย่างไม่แน่ใจ “ไม่ทราบ ผมดูท่าทางของคนอื่นก็ดูปกติดี มีเพียงเสือที่โมโหร้าย ผมยังคิดว่ามันอารมณ์ดี คาดไม่ถึงว่ามันจะจู่โจมผม”
คำพูดของตัวตลกทำให้จ้าวอี้สี่คนนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ไม่ผิด ตอนนี้นึกขึ้น มีเพียงท่าทางของเสือที่ผิดปกติ ท่าทางของคนอื่นต่างสงบมาก
ถามคำถามกิจวัตรอีกไม่กี่คำถาม ตัวตลกตอบคำถามที่ละข้อ สี่คนคิดว่าพอสมควรแล้ว จึงจากไปจากห้องผู้ป่วยนี้
“เฉินตง นายเฝ้าประตูไว้ ฉันจะเตรียมกำลังคนอีกสองคนให้มาอยู่กับนาย อย่าให้เขาคลาดสายตา” สีหน้าของเจี่ยงจาวตี้ค่อนข้างผ่าเผย
“เธอหมายความว่า คนคนนี้เป็ฆาตกร?”
มือของเฉินตงกดลงบนเอว ตรวนั้นมีปืนกระบอกหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก
“เซี่ยตัน เธอว่ายังไง?”
เจี่ยงจาวตี้ไม่ได้ตอบคำถามนี้ กลับถามต่อ
“พูดได้เพียงน่าสงสัย เพราะตอนพวกเราเข้าไป เขาเพียงแต่มองพวกเรา แล้วรีบก้มหน้า มองไม่เห็นการแสดงของของเขา พูดตามตรง ฉันก็สงสัยเขามาก นอกจากนั้น พวกเธอไม่รู้สึกว่านิสัยของคนคนนี้มีปัญหาเหรอ? ตอนแสดงอยู่บนเวที คนคนนี้พูดเป็น้ำไหลไฟดับ แต่เมื่อครู่ ท่าทางเป็คนเงียบๆ พวกเราถามคำ เขาก็ตอบคำ จุดนี้ฉันสงสัยมาก”
เซี่ยตันพูดข้อสงสัยที่เธอได้สังเกต ไม่กี่คนต่างพยักหน้าแสดงถึงความเห็นด้วย
“ปัญหาเื่นิสัยของเขา คราวหน้าสามารถถามคนในคณะละครสัตว์ได้ โดยรวมแล้ว ตอนนี้คนคนนี้น่าสงสัยอย่างมาก เฉินตง นายต้องระวัง”
เจี่ยงจาวตี้เตือนเขาอีกครั้ง จากนั้นจึงไปที่ออฟฟิศของแพทย์ผู้รับผิดชอบ
“นี่เป็คำขอของเรา หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ”
เจี่ยงจาวตี้พูดคำขอของตน นั่นก็คือห้องผู้ป่วยของตัวตลกไม่อนุญาตให้ผู้ป่วยเข้าไปชั่วคราว และได้เปลี่ยนห้องอีกห้องให้พวกเขาแล้ว
“ห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลค่อนข้างรีบร้อน เอาอย่างนี้ ผมจะลองดู...”
“ไม่ใช่ลอง แต่เป็ต้องทำ ถ้าคนคนนี้เป็อาชญากรจริง นั่นเขาก็เป็บุคคลอันตรายที่สุด ถ้าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ฉันคิดว่าคุณก็คงไม่้าเห็นเื่ไม่ดีเกิดขึ้นในโรงพยาบาล?” ท่าทางของเจี่ยงจาวตี้แข็งกร้าวมาก แพทย์ผู้รับผิดชอบพิจารณาครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าตกลง
“ผมต้องทำได้”
ช่างแต่งหน้ากลับไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้ ห้องผู้ป่วยที่เขาอยู่เป็ห้องเดี่ยว แน่นอนว่าราคาต้องไม่ต่ำแน่
สามคนเข้าไปในห้องผู้ป่วย ช่างแต่งหน้าชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงพูด “พวกคุณมาอีกทำไม คราวนี้มามีเื่อะไร? ไม่ใช่คำถามของสาวสวย ฉันจะไม่ตอบ เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว พวกคุณต้องรีบถามหน่อย ฉันต้องพักผ่อนเร็ว ไม่อย่างนั้นบนหน้าจะมีริ้วรอยน่าเกลียด”
พูดจบ ช่างแต่งหน้ายังคงหยิบกระจกออกมาบานหนึ่ง มองซ้ายมองขวา ราวกับกังวลว่าจะมีริ้วรอยบนหน้าจริงๆ
นิสัยประหลาดเช่นนี้ สามคนได้เตรียมการไว้แล้ว
“คุณพูดว่ามาอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเราเพิ่งมาครั้งแรก? พวกเราเคยเจอกันที่ไหน?” จ้าวอี้เริ่มก่อนหนึ่งก้าว จ้องเขม็งไปที่ดวงตาของช่างแต่งหน้า โดยไม่กระพริบตา
ช่างแต่งหน้าเบ้ปาก “คุณห่างจากฉันหน่อย ผู้ชายเหม็น ทั้งตัวเหม็นขนาดนี้ ยังมาอยู่ข้างฉันอีก...เมื่อเช้าตอนเพิ่งเกิดเื่ ไม่ใช่ว่าเพื่อนร่วมงานของพวกคุณเพิ่งมารอบหนึ่งเหรอ? ถามคำถามฉันหลายอย่าง เค้ายังจำได้แม่นนะ ตอนนั้นทำเค้าใแทบแย่”
เอาแต่พูดว่าเค้า ทำให้จ้าวอี้รู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง ไม่รอให้เขาพูดอะไร ช่างแต่งหน้ามองเจี่ยงจาวตี้และเซี่ยตัน ดวงตาเป็ประกายทันที “สาวสวยสองคน เมื่อครู่พวกเธอเพิ่งมานี่ มากับแพทย์ผู้รับผิดชอบ คนอื่นก็รู้ว่าสายตาของฉันไม่เลว ต้องเป็สาวสวยแน่ เมื่อครู่ไอแก่นั่นอยู่ที่นี่ ฉันไม่สะดวกพูด สาวสวยทั้งสอง ฉันว่าผิวของพวกเธอต้องดูแลหน่อย ผู้หญิงดูดีอยู่ไม่กี่ปี ถ้าไม่ดูแล เมื่ออายุมากแล้ว จะต้องเสียเงินสักแค่ไหนไปดูแล ฉันจะแนะนำแบรนด์หนึ่งให้พวกเธอ ฉันใช้อยู่ เธอดูผิวของฉันดีขนาดไหน...”
ช่างแต่งหน้าพูดพร่ำเพรื่อไปใหญ่ ผิวของเจี่ยงจาวตี้ไม่ค่อยดีจริงๆ เธอจึงเอามือไพล่หลังอย่างไม่เป็ธรรมชาติ
“เอาล่ะ เื่เครื่องสำอางพวกคุณมีเวลาค่อยพูดกัน พวกเราจะถามไม่กี่คำถามแล้วไป ไม่ใช่ว่าคุณจะนอนหลับพักผ่อนเหรอ? งั้นอย่าทำให้การพักผ่อนล่าช้า ถ้าการนอนของคุณไม่พอ ความผิดของพวกเราคงใหญ่หลวงมาก”
จ้าวอี้คิด ว่าช่างแต่งหน้าคงฟังออกถึงการเสียดสีในคำพูดนี้ ใครจะรู้ว่าช่างแต่งหน้ากลับพยักหน้าต่อเนื่อง แล้วพูดอย่า่งเห็นด้วย “คุณพูดถูกแล้ว รีบถามเถอะ”
“ชื่อ อายุ อาชีพ...”
“ฉันชื่อว่าหานเป่า หานของประเทศเกาหลี เป่าของเด็กน้อย อายุเป็ความลับของเค้า...”
“พูดดีๆหน่อยได้ไหม? ไม่อย่างนั้นพวกเราจะเปลี่ยนเป็อีกที่ในการถามคำถามเหล่านี้?” จ้าวอี้รู้สึกไม่สามารถทนได้อีก พูดพลางจ้องเขาอย่างจริงจัง
“ดุจังเลย ก็ได้ ปีนี้ฉันอายุยี่สิบเจ็ดปี เป็อาชีพช่างแต่งหน้า” ช่างแต่งหน้ากระซิบเสียงเบาประโยคหนึ่ง ท่าทางเป็ปกติขึ้นไม่น้อย
“คุณได้รับาเ็ได้ยังไง?” จ้าวอี้ใส่ใจคำถามนี้มาก
“พูดเื่นี้แล้วฉันโมโห!”
ช่างแต่งหน้าตบต้นขาของตนอย่างโมโห แล้วพูดต่อ “งานของเค้าคือช่า่งแต่งหน้า เดิมทีวันนี้เช้าไม่มีงานอะไร เค้าทำเล็บอยู่ในห้องก็ดีอยู่แล้ว แต่ฉันดันออกไป โชคไม่ดี แท่งเหล็กท่อนหนึ่งตกลงมาแทงเข้าที่ฉันพอดี ฉันใแทบตาย ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรู้สึกตัวเร็ว เกรงว่ามันคงตกลงบนหัวของฉันแล้ว ตอนนี้คิดแล้วยังใอยู่เลย!”
พูดไป เขายังคงตบอกอย่างหวาดกลัว
จ้าวอี้หมดแรงที่จะฟังสไตล์การพูดของเขาเต็มที แต่ฟังไปก่อนแล้วกัน
“ตอนนั้นคุณออกไป เพราะอะไร? ตรงนั้นดูเหมือนกำลังซ่อมแซมอยู่นี่ ไม่ใช่คุณบอกว่าไม่ใช่เื่ของคุณเหรอ? แล้วทำไมถึงออกไป?”
“ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อสายตาของฉัน คนของคณะละครสัตว์ทุกคน แิด้านสุนทรียศาสตร์ของพวกเขาต่างไม่เวิร์ค บางครั้งจะดูว่าการตกแต่งฉากสวยหรือไม่สวย ก็ต้องขอความเห็นของฉัน” ช่างแต่งหน้าภาคภูมิใจเต็มอก
“โอเค พูดแบบนี้ คุณหมายถึงจะไปช่วยเหลือ?”
“ช่วยอะไร ตรงนั้นมีบรรยากาศที่เลวร้าย ปกติแล้วเค้าจะไม่ไปที่สกปรกแบบนั้น เหม็นหึ่ง บนตัวผู้ชายก็มีแต่กลิ่นเหม็นเหงื่อ ฉันดมแล้วจะอาเจียน ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเหม่ย สาวน้อยของคณะละครสัตว์โทรหาฉัน ฉันคงไม่ไปให้รกสายตาพวกเขาหรอก”
ช่างแต่งหน้ามองบนเล็กน้อย ราวกับค่อนข้างดูถูก
เสี่ยวเหม่ย จ้าวอี้จดชื่อของคนนี้ลงในสมุด ครั้งหน้าค่อยไปหาเธอยืนยันปัญหานี้อีกที
จ้าวอี้ถามรายละเอียดอีกไม่กี่คำถาม คำตอบของช่างแต่งหน้าไม่ค่อยทำให้คนพอใจ เหตุผลมีเพียงหนึ่งเดียว เขาพูดว่าตอนนั้นใแทบแย่
“คุณพักผ่อนเถอะ พวกเรามีคำถามจะมาถามคุณอีก?”
“ยังมาอีกเหรอ...โอเคๆ ครั้งหน้าหวังว่าคนถามจะเป็สาวสวยทั้งสอง สาวสวยทิ้งเบอร์ไว้ได้ไหม? มีเวลาไปทานอาหารด้วยกัน”
“ขอโทษ ฉันไม่มีเบอร์โทรศัพท์”
เจี่ยงจาวตี้ปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ช่างแต่งหน้าท่าทางเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ฝีเท้าของเจี่ยงจาวตี้และเซี่ยตันก้าวออกจากห้องเร็วขึ้นหลายส่วน
“ฮู...โชคดีที่ออกมาแล้ว ฉันกลัวว่าฉันจะอดไม่ได้ที่จะให้เขาจริงๆ เธอว่าผู้ชายคนหนึ่งทำไมเป็แบบนี้ได้? พวกเธอดูสิ ฉันขนลุกซู่ไปหมดแล้ว” เจี่ยงจาวตี้ถูแขนของตนเองอย่างสุดแรง เหมือนกับอยากถูกให้พวกเขาดู
“เอาล่ะๆ คนประหลาดเช่นนี้ฉันเจอมาไม่น้อยแล้ว พวกเรามาปรึกษากันหน่อยเถอะ”
“รอก่อน ฉันเตรียมคนมาจับตาดูไอขี้สำอางนี่ก่อน!”
[1] หมายถึง พูดอย่างเรื่อยเปื่อย