เมื่อซูเมิ่งหานเห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าก็อดใจนอ้าปากค้างไม่ได้ ในสถานที่แบบนี้ยังมีคนมาช่วยเธอจริงๆ เหรอ? แต่คนคนนี้มีสภาพน่าสงสารเหลือเกิน แผ่นหลังนั่นเหมือนถูกไฟเผา อีกทั้งเสื้อผ้าหลุดลุ่ย แม้จะดูหล่อเหลาเพราะดาบสีทองเล่มยาวในมือก็เถอะ... เดี๋ยวนะ ไม่ผิดแน่!
ซูเมิ่งหานพลันนึกขึ้นได้ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เย่เฟิงหรอกหรือ? เพราะตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในสภาพดูไม่จืด เธอจึงจำเขาไม่ได้ในทันที ต้องมองอย่างละเอียดถึงจะรู้ ทำไมอีกฝ่ายมีสภาพอย่างนี้ได้ล่ะ? หรือเขาาเ็จากการะเิเมื่อครู่?
“เย่เฟิง...” หญิงสาวอดเรียกคคนตรงหน้าไม่ได้
“วางใจเถอะ ฉันไม่เป็อะไร” เย่เฟิงเงยหน้าตอบ ก่อนแสดงพลังย่างก้าวไร้เงา ชั่วพริบตาร่างของเขาก็เลือนหายไป ตามมาด้วยประกายดาบสีทองในมือแทงทะลุหน้าอกของหลีฮวา
ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้โต้ตอบ ถึงจะทำได้ แต่ก็ไม่มีมือสำหรับหยิบอาวุธด้วยซ้ำ ในที่สุดคราวนี้ชายวิปริตหลีฮวาก็ตาย ดวงตาของมันเบิกกว้างน่ากลัว เขาตายตาไม่หลับราวกับยังมีความเกลียดแค้นอยู่ในใจ
เย่เฟิงเตะร่างของหลีฮวาไปที่มุมห้องใต้ดิน ไม่นานนักร่างของหลีฮวาก็แน่นิ่งไป
ฉับ! ฉับ!
เขาตวัดดาบเล่มยาวเพื่อตัดเชือกที่มัดร่างซูเมิ่งหานโดยไม่หันมอง ชายหนุ่มมีจิตหยั่งรู้ จึงไม่จำเป็ต้องใช้ตาเปล่ามอง
“เตรียมตัวเถอะ เราต้องรีบออกจากที่นี่กันแล้ว” เย่เฟิงกล่าวขณะเดินไปอีกมุมหนึ่งของห้องใต้ดินเพื่อหยิบกล่องเหล็กใส่รหัสทั้งสี่กล่อง
เขายังจำได้ว่ากล่องเหล็กที่ถูกใส่รหัสไว้ทั้งสี่กล่องในห้องใต้ดินของไช่เฉ่าวางกองรวมกับกล่องที่ใส่ลูกปัด์ แต่ตอนนั้นเย่เฟิงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วข้างในกล่องเหล็กคืออะไรกันแน่?
เย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองรอบๆ และพบว่ามีบางสิ่งที่เหมือนตำราอยู่ข้างในกล่องเหล็กทั้งสี่กล่องนั้น ส่วนสิ่งที่บันทึกไว้ในตำรา จิตหยั่งรู้ของเขาไม่สามารถตรวจสอบได้
ชายหนุ่มวาดดาบในมือเพื่อตัดส่วนบนของกล่องเหล็กทิ้ง วัสดุที่ทำกล่อง เป็เหล็กชั้นดีและทนทานมาก ถึงของเหล่านี้จะตกอยู่ในมือของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็เสียเวลาพยายามทำลายมันเปล่าๆ แต่เมื่อใช้ดาบในมือของเย่เฟิงจัดการแล้ว กล่องเหล็กพวกนี้กลับเปราะบางไม่ต่างอะไรกับเต้าหู้
“เคล็ดวิชาซิวหลัว?” ตำราทั้งสี่เล่มตรงหน้าเย่เฟิงทำให้เขาตะลึงงัน ชายหนุ่มรีบนำตำราออกจากกล่องเหล็กทันที
ตำราทั้งสี่เล่มเป็เหมือนตำราวิทยายุทธ์ลับที่ถูกเย็บด้วยด้ายอย่างประณีตสวยงาม แม้ผ่านมาหลายปีจนกระดาษเก่าซีด แต่ก็ยังอยู่ในสภาพดี นอกจากตำราเคล็ดวิชาซิวหลัวแล้ว ตำราที่เหลืออีกสามเล่ม คือ ตำราวิชาดาบล่าิญญา ตำราคลื่นเสียงคุมิญญาซิวหลัว และตำราย่างก้าวเงาปีศาจ
“ตำราพวกนี้มาจากไหน?” เย่เฟิงขมวดคิ้วมุ่นขณะครุ่นคิดด้วยความสงสัย ไช่เฉ่าหงเก็บตำราเหล่านี้และลูกปัด์เพื่อเตรียมฝึกวรยุทธ์ให้ตัวเอง หรือ้าขนส่งออกนอกประเทศเพื่อวิจัย?
เขาเดาจุดประสงค์ของไช่เฉ่าหงไม่ออกเลย อย่างไรก็ตามไช่เฉ่าหงอาจเพิ่งได้สิ่งเหล่านี้มาไม่นาน ไม่ว่าอยากได้พวกมันไปทำอะไร อย่างไร ของพวกนี้ก็ตกอยู่ในมือของเย่เฟิงอยู่ดี
“เอาไว้ก่อน กลับไปค่อยเปิดดู ตอนนี้เราออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ” เย่เฟิงตัดสินใจเสร็จสรรพ แต่เมื่อหันกลับไปก็พบว่าซูเมิ่งหานยืนขึ้นและมองเขาตาปริบๆ
“ เก็บตำราสี่เล่มนี้ไว้ให้ดี พวกเราออกไปกันเถอะ”
เย่เฟิงส่งตำราเคล็ดวิทยายุทธ์และกลยุทธ์ให้ซูเมิ่งหาน หญิงสาวถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นวาดแขนโอบเอวบาง ชายหนุ่มเคลื่อนเท้าก่อนร่างของทั้งคู่จะออกจากห้องใต้ดินนี้ไปในทันที
ตอนเย่เฟิงออกมา เขาวาดดาบในมือเพื่อทำให้ปากหลุมใหญ่ขึ้น อีกไม่นานสถานที่ตรงนี้ต้องถูกคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพบเข้าแน่นอน และตอนนี้พวกเขาควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ส่วนศพของหลีฮวา เย่เฟิงไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจอยู่แล้ว หากระดับพลังลมปราณของเขาไม่ได้ถูกยับยั้งไว้ล่ะก็ เขาคงใช้ทักษะเปลวสุริยะเพื่อเผาศพหลีฮวาไม่ให้เหลือร่องรอยไปแล้ว น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาทำไม่ได้ หรือไม่ก็ ใช้ไหกักิญญาดูดซับิญญาของหลีฮวา เพื่อบังคับถามคำถามบางอย่าง น่าเสียดายที่ก่อนมุ่งหน้าไปตระกูลหลิน เขาทิ้งไหกักิญญาไว้นอกวิลล่าชิงเฟิง และเพราะเย่เฟิงไม่สามารถถือสิ่งของนี้ติดตัวให้เป็ภาระได้
คิดดูอีกที หากมีแหวนเก็บวัตถุของโลกเทวะก็คงดี...
หลังจากทั้งคู่ออกจากห้องใต้ดินไปไม่นาน กองกำลังทหารจากหน่วยที่สี่ก็ค้นหาจนเจอสถานที่แห่งนี้
“น่าแปลกจริงๆ หายังไงก็ไม่พบตัวเด็กมัธยมสองคนนั้น”
“ คิดไม่ออกจริงๆ ต่อให้ทั้งสองคนหลบหนีไปตอนรถพลิกคว่ำ แต่กลุ่มของพวกเราที่อยู่ข้างนอกก็ไม่น่าจะพลาดนะ ”
ทหารนับสิบนายสนทนากันขณะค้นหาโดยรอบ เป้าหมายการค้นหาของพวกเขาไม่เพียงแต่ค้นหาหลักฐานทางอาญาของไช่เฉ่าหงเท่านั้น แต่ยังได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ค้นหาเบาะแสของเย่เฟิงและซูเมิ่งหานด้วย น่าเสียดายที่พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย
ไม่ช้าพวกเขาก็พบปากหลุมขนาดใหญ่บนพื้นหญ้าข้างหน้า ซึ่งด้านล่างยังมีแสงสลัวส่องออกมาด้วย!
ทหารหลายนายรุดไปข้างหน้า ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นศพในสภาพแขนขาดของหลีฮวาในห้องใต้ดิน รวมทั้งศพของหญิงสาวทั้งสองคนด้วย หน้าพวกเขาพลันเปลี่ยนสีทันที
…………
เื่ราวต่างๆ ในเขตชานเมืองไม่สำคัญกับเย่เฟิงในตอนนี้
การเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาชญากรรมของไช่เฉ่าหงเพื่อใช้เจรจากับเพ่ยเค่อกรุ๊ปในเวทีนานาชาติเป็หน้าที่ของตระกูลหลินพิจารณา เย่เฟิงไม่ว่างมากพอจะคิดมากกับเื่พวกนี้
ขณะนี้ ม่จิ่วเกิถอดหน้ากากและสวมเสื้อนอกเพื่อกลับสู่ตัวตนของเย่เฟิง ชายหนุ่มโอบซูเมิ่งหานขณะใช้ย่างก้าวไร้เงากลับวิลล่าชิงเฟิง
เมื่อทั้งคู่มาถึงวิลล่าชิงเฟิง แต่เย่เฟิงกลับแยกจากซูเมิ่งหานที่ประตูทางเข้า ชายหนุ่มจะยังไม่กลับบ้านตอนนี้ จากนั้นมุ่งหน้าสู่อาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกล พวกเตาปารอเขาอยู่ที่นี่
ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงกลับมาที่นี่หลังจากสังหารไช่เฉ่าหง ขณะที่ชายหนุ่มหาที่วางไหกักิญญาก็เห็นเตาปาพร้อมลูกน้องรออยู่ที่ประตูทางเข้าวิลล่าด้วยความร้อนใจเพราะพวกเขาเห็นรถบรรทุกทหารจับตัวซูเมิ่งหานออกไป แต่กลับไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยเธอได้!
เย่เฟิงจึงฝากไหกักิญญาที่เตาปา กำชับให้เขาเก็บรักษาให้ดี และบอกว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับจ้าวอี้เปย จากนั้นมุ่งหน้าไปตระกูลหลิน และให้เตาปาพาคนไปห้องทำงานของอาคารสำนักงานแห่งนี้เพื่อเฝ้าไหกักิญญา
เมื่อชายหนุ่มกลับมา ทุกอย่างก็ไม่อันตรายแล้ว เขาพลิกดูตำราเคล็ดวิชาซิวหลัว ความจริงแล้วเย่เฟิงมีแผนในใจแล้ว หลังจากบอกให้ซูเมิ่งหานนำตำราลับทั้งสี่เล่มกลับไป ตัวเองก็มุ่งหน้ามาอาคารสำนักงาน
เตาปาพาคนสนิทที่ไว้ใจได้และทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่สิบคนมาอยู่ประจำที่นี่ ขณะนี้เวลาเย็นมากแล้ว พวกเขาจำเป็ต้องพักผ่อนจึงมีผลัดเปลี่ยนเวรเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย
“พี่เย่” เมื่อเตาปาเห็นเย่เฟิงก็รีบร้อนทักทายด้วยท่าทางห้าวหาญตามปกติ ถึงเขาจะไม่ได้เป็หัวหน้าแก๊งอสรพิษ์แล้วก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งและบุคลิกน่าเกรงขามก็ยังอยู่
“ตอนนี้ฉันมีข่าวดีสองเื่มาบอกนาย” เย่เฟิงเดินไปตามระเบียงทางเดินกับเขาตามลำพัง ก่อนพูดเข้าประเด็น “อย่างแรก ฉันเพิ่งได้ตำราฝึกวรยุทธ์เคล็ดวิชาซิวหลัวมา ฉันเปิดเนื้อหาดูคร่าวๆ แล้วพบว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง รอฉันแก้ไขเสร็จเมื่อไร จะเริ่มฝึกวรยุทธ์ให้พวกนาย”
หลังจากเตาปาได้ยินก็ตื่นเต้น ไม่เพียงแค่นั้น เย่เฟิงพูดว่า ‘พวกนาย’ ไม่ใช่แค่ ‘นาย’ หมายความว่านอกจากเขา คนสนิทของเขาก็จะได้ฝึกวรยุทธ์ด้วยใช่หรือไม่?
ต่อไปกลุ่มของพวกเขาจะต้องแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มาก!
“แน่นอนว่าเื่นี้สำคัญมาก” เย่เฟิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เมื่อพวกนายก้าวสู่การฝึกแล้ว ตัวตนของพวกนายจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป...”
ผู้ฝึกวรยุทธ์มักหวงเคล็ดวิชาล้ำค่า พวกเขาจะไม่มีทางแบ่งปันเคล็ดวิชาให้ใครแน่นอน แต่เย่เฟิงไม่สนใจเื่พวกนี้อยู่แล้ว ตราบใดที่มันทำให้อำนาจของตนเพิ่มขึ้นได้ และไม่ขัดต่อมโนธรรม ชายหนุ่มย่อมทำโดยไม่ลังเล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้