แสงแดดอุ่นๆไม่ร้อนมากตามปกติของยามเช้าหลังคืนฝนตกทอดตัวแทรกผ่านช่องแคบระหว่างผ้าม่านสีเทาผืนใหญ่เข้ามาภายในห้องนอนกว้างกระทบกับผ้าห่มพื้นนุ่มไล่ไปจนถึงผิวเนื้อของสองร่างที่นอนกกกอดกันอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นมารับแสงอรุณในเช้าวันใหม่
“อื้อ” อัลฟ่ากลิ่นฝนขยับตัวซุกใบหน้าลงไปกับหมอนที่ใช้หนุนนอนมาตลอดทั้งคืนเมื่อแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากำลังปลุกให้เขาต้องตื่นจากฝันทั้งที่ไม่อยากตื่นเลยสักนิด
“ตื่นได้แล้วครับ...” เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูบางก่อกวนเวลานอนของใครบางคนที่กำลังพยายามฟุ่บหน้ากับหมอนใบใหญ่มากขึ้นเพื่อหลบหนีจากเสียงทุ้มที่ได้ยิน “ถ้ามึงยังไม่ยอมตื่น วันนี้กูจะไม่ให้ลงจากเตียงแล้วนะ” แต่เสียงทุ้มนั้นก็ยังคงดังหลอกหลอนไม่หายไป ก่อนจะััได้ถึงความอุ่นร้อนที่แนบลงมาบริเวณลาดไหล่บางที่โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อ เห็นทีคงต้องยอมตื่นแล้วล่ะ ก่อนที่จะไม่ได้ลุกออกจากเตียงจริงๆอย่างที่อีกคนเอ่ยปากขู่
“อื้อ...ไอ้ปลื้ม กูจะนอน” ร่างบางที่ถูกจับพลิกตัวให้ใบหน้าเอียงซบกับหมอนเบี่ยงใบหน้าหลบจากริมฝีปากหนาที่พรมจูบลงมา อีกคนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปรังแกที่ลำคอขาวแทน ปลื้มแกล้งดูดเม้มเนื้ออ่อนของคนที่นอนอยู่จนแทนรู้สึกเจ็บแต่ครั้นจะยกมือขึ้นมาตีอีกคนก็ทำไม่ได้ เพราะถูกมือหนากดเอาไว้ “พอๆ กูตื่นแล้ว”
“ปลุกตั้งนานมึงไม่ยอมตื่น จนตอนนี้กูตื่นแทนหมดแล้วเนี่ย” ไม่เพียงแค่พูดเฉยๆเท่านั้นยังยืนยันคำพูดด้วยการแนบส่วนที่ตัวเองบอกว่าตื่นเข้ากับต้นขาของร่างบางอีกด้วย
“ไอ้หื่น” ปากอิ่มก่นด่า ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองให้หายง่วง
“อย่าขยี้ตาแบบนั้นเดี๋ยวก็ช้ำหมด” มือหนาจับมือบางให้หยุดขยี้ตาตัวเอง เขาใช้นิ้วโป้งนวดคลึงไปบนดวงตาของอีกคนเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง “โอเคลืมตาได้”
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าอีกคนนั้นกำลังนอนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า แต่แทนก็ยังไม่ลืมััแข็งขืนที่ดุนดันต้นขาของเขาอยู่
“มึงไปห้องน้ำเลย หื่นเองก็ไปจัดการตัวเอง” พูดเหมือนไม่ได้สนใจแต่ความจริงคือแอบห้ามตัวเองอยู่ในใจไม่ให้ปล่อยตัวปล่อยใจตามไปอีกคน
“ใจร้ายว่ะ” ปลื้มแกล้งหุบยิ้มแล้วทำหน้าบึ้งตึงเหมือนคนขี้น้อยใจ “แต่กูอาบน้ำเสร็จมึงต้องลุกจากเตียงแล้วนะ ถ้ากูออกมาแล้วมึงยังนอนอยู่ ได้นอนทั้งวันแน่”
“เออ กูตื่นจริงๆแล้วเนี่ย” ดวงตากลมโตถลึงขึ้นเพื่อยืนยันว่าเขาตื่นอย่างเต็มตาแล้วจริงๆ
แทนอมยิ้มไล่สายตามองตามร่างของปลื้มที่ลุกออกจากเตียงเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่อีกคนก็ยังไม่วายเดินวนกลับมาะโขึ้นเตียงเพื่อขโมยหอมแก้มของร่างบางไปหนึ่งฟอดใหญ่ เมื่อได้ในสิ่งที่้าก็ยิ้มหน้าบานเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แทนเอนตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้งเพื่อรวบรวมสติที่เกือบจะกระเจิดกระเจิงตามอีกคนไปให้กลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
หลังจากผ่านคืนนั้นที่บ้านของเขามาก็รู้สึกได้ว่าพวกเพื่อนจะแซวเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้เหมือนกันว่าเจสซี่มันไปพูดอย่างไรเพื่อนถึงได้ยอมลามือจากเื่จับผิดพวกเขา แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเขาเองก็ไม่ค่อยชอบเวลาที่ทำอะไรก็โดนจับผิดโดนแซวไปเสียหมด มันทำให้เขาอึดอัดอย่างไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก เอาไว้ให้ความสัมพันธ์ของเขาและปลื้มมันมีอะไรที่ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ก่อนค่อยบอกตอนนั้นก็คงจะยังไม่สายเกินไป
“ปกติกูไม่เคยเห็นมึงใส่รีเลยทำไมวันนี้ถึงใส่วะ” ที่อีกคนถามคงจะหมายถึงรีเทนเนอร์แบบลวดที่แทนใส่อยู่
เหตุผลที่แทนใส่รีเทนเนอร์ก็เพราะตอน่มัธยมเขาเคยจัดฟันมาก่อนพอถอดเหล็กออกแล้วหมอก็บอกว่าควรใส่รีเทนเนอร์ด้วย ไม่ต้องใส่ตลอดก็ได้แต่ใส่บ่อยๆก็ดีฟันจะได้ไม่ล้มแล้วเป็งานเป็การจะต้องมาจัดฟันใหม่อีกรอบ ใน่แรกๆแทนเองก็เชื่อฟังคำสั่งของหมออยู่หรอกใส่มันแทบจะตลอดเวลา แต่พอขึ้นปีหนึ่งมาแทนก็เริ่มที่จะใส่บ้างไม่ใส่บ้าง วันไหนนึกได้ก็ใส่ บางวันก็ใส่แค่ตอนเช้าพอตอนกลางวันถอดออกเพราะจะกินข้าวหลังจากนั้นก็ไม่ใส่แล้วตามแต่อารมณ์ของเขา
“กลัวฟันล้มก็เลยใส่ แต่กูใส่บ้างไม่ใส่บ้างตามอารมณ์”
“เหมือนกูเลยใส่บ้างไม่ใส่บ้างตามอารมณ์ แต่ของกูเป็แบบใสใส่แม่งก็มองไม่ออกว่าใส่”
“อ่าฮะพ่อคนรวย ว่าแต่วันนี้มึงไม่มีเรียนบ่ายใช่ป่ะ” ปากก็พูดไปส่วนมือก็ติดกระดุมเสื้อนักศึกษาไปด้วย
“ใช่ แต่ว่าจะไปนั่งเล่นกับมึงที่คณะเพราะยังไงก็ต้องรอมึงเลิกเรียนอยู่แล้ว”
“มึงกลับก่อนก็ได้นะเดี๋ยวกูให้ไอ้บาสแวะส่งก็ได้” แทนบอกพลางหมุนตัวไปมาเพื่อเช็กความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจก
“บ้านไอ้บาสมันผ่านคอนโดกูด้วยหรอ”
“ไม่ แต่มันผ่านบ้านกู”
“เอ้า”
“กูจะกลับไปนอนที่บ้าน ค้างกับมึงแค่คืนเดียวก็เกินพอแล้ว”
“ไม่เอาดิ”
“ยังไม่ได้เป็อะไรกันนะปลื้ม อย่าลืม” แทนหันไปทำหน้าดุใส่อีกคนที่เริ่มทำตัวพูดไม่รู้เื่
“มึงหัวโบราณหรอ อยู่ก่อนแต่งไม่ได้หรือไง”
มึงกับกูน่ะเขาเรียกอยู่ก่อนคบเถอะไอ้สัด
“ไม่ได้”
“ทำไม”
“เพราะกูไม่อยากชิน ถ้าเกิดไม่ได้คบกันขึ้นมา...”
“ทำไมถึงพูดอะไรอัปมงคลจังวะ” ปลื้มลุกขึ้นจากปลายเตียงที่เขานั่งอยู่ตรงไปหาร่างบาง เขาใช้มือหนาบีบที่ปากแดงนั้นแรงๆแทนการลงโทษที่พูดจาไม่ดีออกมา
“มึงกับกูต้องได้คบกันอยู่แล้ว จะคบกันั้แ่วันนี้เลยป่ะล่ะ”
“เร็วไป” แทนเถียงหลังจากที่เขาปัดมือของอีกคนออกจากปากได้สำเร็จ
“รักไม่้าเวลาอะ มึงไม่เคยได้ยินหรอ” ปลื้มจำได้ว่าเพื่อนของเขาเคยพูดไว้แบบนี้ วันนี้ขอยืมมาใช้หน่อยก็แล้วกัน
“รักไม่้า แต่กู้า จบนะ”
เจอแบบนี้ไปใครเขาจะกล้าไปเถียงต่อวะ ถามจริง
คลาสจิตวิทยาดนตรีของนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 3 มีแต่เสียงของอาจารย์ผู้สอนที่ดังขึ้นอยู่ด้านหน้าห้อง ในขณะที่นักศึกษาหลายคนเริ่มเบื่อหน่ายกับหัวข้อที่เรียนจึงหันไปเล่นโทรศัพท์มือถือบ้าง จับกลุ่มพูดคุยบ้าง บางคนก็ฟุ่บหลับไปแล้วแต่อาจารย์ก็ยังคงสอนต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
“แทน” บาสเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนสนิทเสียงเบาพร้อมกับใช้ข้อศอกสะกิดที่แขนอีกคนไปด้วย
“อะไร” แทนถามกลับ
ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน โชคดีที่อาจารย์ที่สอนวิชานี้ไม่ได้ดุมากเท่าไร จึงพอที่จะแอบคุยกันได้อยู่บ้าง
“่นี้ไม่ค่อยอัปเดตชีวิตกับกูเลยนะ”
“ก็มันไม่มีอะไรน่าอัปเดต”
“แสดงว่ามึงกับมันยังไม่ชัดเจนกันอีกหรอวะ” บาสขยับตัวให้เข้าไปใกล้แทนมากขึ้นจะได้พูดคุยกันได้สะดวก “ที่ถามเพราะเป็ห่วงนะ อยากเสือกก็ด้วยนิดหน่อย” ชิงดักไว้ก่อนโดนด่าดีที่สุด
“เื่ของกูกับมันไม่ง่ายเลยว่ะมึง”
“กูเข้าใจ” มือยาววางลงบนไหล่ของเพื่อนสนิทก่อนจะออกแรงบีบเบาๆแทนการให้กำลังใจ “แล้วมึงคุยกับมันเื่เรนหรือยัง”
“ถ้ามึงหมายถึงเื่นั้น ยังเลยว่ะ”
“กูหวังว่ามันจะแยกแยะได้นะ”
“กูก็หวังให้เป็แบบนั้น” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะคาดหวังในตัวปลื้มมากไปหรือเปล่า แต่ปลื้มก็ได้แสดงออกให้เขาเห็นแล้วว่าตัวปลื้มเองเป็คนที่แตกต่างจากคนอื่นดังนั้นมันคงไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะคาดหวังในตัวของอีกคนมากหน่อย
“แต่สมมติ แบบสมมตินะเว้ย”
“มึงจะย้ำเหี้ยอะไรหลายรอบวะ”
“สมมติว่าถ้ามันรับไม่ได้ มึงจะทำอย่างไง”
“...”
“...” ที่บาสถามออกไปแบบนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะตัดกำลังใจเพื่อนแต่อย่างใด เพียงแค่เขาอยากให้แทนเผื่อใจไว้บ้าง เพราะมันก็เหมือนอย่างที่เจสเคยบอกกับเขาเื่แบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับได้ แทนเองก็ควรคิดทางออกเอาไว้ถ้าหากสุดท้ายแล้วปลื้มเองก็เป็หนึ่งในคนที่ยอมรับเื่แบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“...” ปรรณกรเงียบ ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก “ถอย...” ดวงตากลมจับจ้องไปยังฝ่ามือของตัวเองที่วางนิ่งอยู่บนชีทเรียน
“...”
“มันก็ทำได้แค่นั้นเปล่าวะ”
กูมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้มากกว่าถอยออกมาอีกหรอ
“ก็จริง”
“ถึงจะดูขี้แพ้ไปหน่อย แต่เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่ายด้วย เื่แบบนี้มันเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้หรอก” มันก็คงจะต้องคิดแบบใจเขาใจเรานั่นแหละ
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกูอยู่ข้างมึงเสมอนะ รู้ใช่ป่ะ”
“อือ”
ประเด็นดังกล่าวไม่ได้ถูกพูดถึงต่ออีก เหมือนบาส้าแค่จะรู้ว่าแทนจะแก้มีวิธีปัญหาอย่างไรถ้าเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เมื่อได้คำตอบเขาก็ฟุ่บหน้าลงกับแขนของตัวเองก่อนจะนอนหลับไปเหมือนกับเพื่อนหลายคนในคลาส
“บาส”
“อะไร” เสียงอู้อี้เอ่ยตอบกลับมาบ่งบอกว่าเ้าตัวนั้นยังไม่ได้หลับไปแล้วอย่างที่แทนคิด
“กูรู้ว่ามึงเป็ห่วง”
“...”
“แต่กูจะโอเค มึงเชื่อกูเถอะ”
“มึงไม่ต้องโอเคกับทุกเื่ก็ได้”
“...”
“มึงไม่จำเป็ต้องเข้มแข็งขนาดนั้นเลยแทน”
โรงอาหารคณะกลายเป็สถานที่ฝากท้องของเพื่อนๆชาวแก๊งศิลปกรรมฯอีกเช่นเคย แทนไลน์บอกปลื้มว่าเขากำลังจะซื้อข้าวอีกฝ่ายจึงส่งเมนูอาหารที่้าจะกินในมื้อกลางวันมาให้ อัลฟ่าหนุ่มร่างบางยืนอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งเ้าประจำ ปกติแล้วเวลาที่คิวเยอะแบบนี้แทนจะเลือกนั่งรออยู่ที่โต๊ะรอจนคนน้อยแล้วค่อยเดินมาสั่ง ทว่าวันนี้เขากลับมีอารมณ์มายืนต่อแถวรออย่างไม่เร่งรีบ แต่เพราะคิวที่ยาวมากเขาจึงเลือกที่จะจดเมนูใส่กระดาษทิ้งเอาไว้แล้วเดินกลับไปนั่งรอที่โต๊ะแทน
“แทน” ยังไม่ทันที่ขายาวจะก้าวไปถึงโต๊ะที่มีพวกเพื่อนนั่งอยู่เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นที่ด้านหลังเขาเสียก่อน แทนหยุดยืนอย่างใช้ความคิดเขาไม่ค่อยแน่ใจว่าควรหันกลับไปหรือเดินต่อแล้วแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินดี “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” มือเล็กจับเข้าที่ข้อมือบาง ทำให้อัลฟ่าหนุ่มหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป
“แปลกจัง ่นี้เรนดูมีเื่ที่จะคุยกับเราบ่อยนะ”
“ไม่ใช่เื่สำคัญอะไรหรอก” คนตัวเล็กเอ่ยพูดด้วยท่าทีสบายๆ
“อ๋อ”
“แต่ปกติแทนก็อยากคุยกับเราไม่ใช่หรอ หรือว่าตอนนี้ไม่อยากแล้ว?”
“ก็คุยได้ เรนอยากคุยอะไรอะ”
“่นี้แทนดูสนิทกับปลื้มมากเลยนะ เราเห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตลอดเลยอะ”
“ก็สนิทกันนะ” แทนตอบพร้อมกับใช้สายตามองเพื่อจับผิดอีกคนไปด้วย สายตาของเรนเหมือนจะแข็งก้าวขึ้นแวบหนึ่งแล้วก็กลับมาใสซื่อดังเดิม แทนจึงไม่แน่ใจว่าเขาตาฝาดไปหรือเปล่า “เรนมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก เราก็แค่เป็ห่วงแทนน่ะ”
“ห่วงเรา? ห่วงเื่อะไร?” กลัวว่าปลื้มมันจะมาต่อยเขาอีกหรือไง
“อัลฟ่ากับอัลฟ่าที่ดูสนิทกันเกินเพื่อนอาจจะถูกมองไม่ดีได้นะ แทนเองก็ถูกคนอื่นพูดถึงอยู่แล้วเราว่าถ้ามีเื่แบบนี้อีกมันจะยิ่งแย่ไปใหญ่น่ะสิ” โอเมก้าตีสีหน้าเห็นใจอีกฝ่ายราวกับว่าตนนั้นกำลังหวังดีจริงๆ
คำพูดของเรนนั้นแทงใจดำของคนฟังเข้าอย่างจัง ดวงตากลมโตวูบไหวอย่างปิดไม่มิด แทนยังคงสลัดเื่นี้ออกไปจากหัวของเขาไม่ได้แม้จะบอกกับตัวเองแล้วว่าจะพยายามก้าวข้ามมันไปเพื่อความสุขของตัวเอง แต่แทนในตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้
“เราไม่เห็นว่ามันจะแปลกอะไรเพื่อนสนิทเราที่เป็อัลฟ่าก็มี” เพื่อไม่ให้กลายเป็การเผยไต๋ออกไปให้อีกคนเห็นว่าเขากังวลเื่นี้อยู่เช่นกันแทนจึงบ่ายเบี่ยงไปเหมือนว่าเขาไม่ได้คิดมากอะไร
“เราไม่ได้หมายถึงเพื่อนสนิท เราบอกว่าสนิท-เกิน-เพื่อน” คนตัวเล็กจงใจเน้นย้ำทีละคำ
“...”
“แทนคิดจริงๆหรอว่าคนอื่นเขาจะมองไม่ออก” คนตัวเล็กจับจ้องไปยังดวงตาของอีกคน “เราดูออกั้แ่ที่แทนปฏิเสธที่จะให้โอกาสเรา”
“...”
“แต่จำที่เราเคยบอกได้มั้ย ครอบครัวปลื้มน่ะคาดหวังให้ปลื้มได้พบกับโอเมก้าที่เหมาะสมกับเขาสักคน นั่นหมายความว่าปลื้มไม่มีทางจริงจังกับอัลฟ่าด้วยกันเองหรอกเพราะเขาถูกกำหนดให้คู่กับโอเมก้ามาั้แ่แรกแล้ว”
“เรน้าจะบอกอะไรเรากันแน่”
“เราก็แค่ไม่อยากให้แทนถลำลึกลงไปมากกว่านี้ คนอย่างปลื้มน่ะ ไม่มีทางจริงจังกับแทนหรอกนะ”
“...”
“แล้วเราก็คิดว่าแทนควรที่จะมีความละอายใจบ้าง ถ้าแทนยังไม่ลืมเื่ระหว่างเรา”
“...”
“แทนคิดว่าถ้าปลื้มรู้ เขาจะรับได้หรอ ปลื้มรักเรามากเลยนะแทนก็น่าจะรู้”
คนตัวเล็กแอบเหยียดยิ้มในใจเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เริ่มสลดลงของคนตรงหน้า ปากแดงกำลังจะขยับเอื้อนเอ่ยคำอื่นต่อแต่ดวงตาเ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาทั้งสองคนเสียก่อน ร่างสูงของอัลฟ่าหนุ่มที่เรนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็อย่างดีกำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขาจากทางด้านหลังของแทน
“เมื่อคืนเราเจอเค้กด้วย” เรนเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม
“...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่ออยู่ดีๆคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปคุยเื่อื่นแบบที่เขาเองก็ยังตามไม่ทัน เพราะในหัวของร่างบางยังคิดตามคำที่เรนพูดอยู่เลย
คำพูดของคนตัวเล็กตรงหน้านั้นสร้างความสับสนให้กับแทนไม่น้อยเลยทีเดียว
“เค้กคิดว่าเราสองคบกันอยู่น่ะ”
ทางด้านร่างสูงที่กำลังเดินมาจะถึงตัวแทนอยู่แล้วหยุดชะงักฝีเท้าลงไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น คงเป็เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่เกือบจะกลางโรงอาหารที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา แทนจึงไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังของเขาที่ห่างไปแค่เพียงเอื้อมมือนั้นมีร่างของใครบางคนยืนอยู่
“มันเมาหรือเปล่า ถ้ามันเมามันก็คงพูดไปเรื่อย”
เค้กที่เรนพูดถึงคือเพื่อนสนิทของแทนอีกคนใน่มัธยม เธอเป็หนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เห็นในความสัมพันธ์ระหว่างแทนกับเรน ก่อนที่เธอจะเริ่มห่างหายออกไปจากชีวิตของแทนเพราะเลือกเรียนกันคนละคณะ
“ก็คงงั้น แต่เราก็บอกไปแล้วแหละว่าเรากับแทนไม่ได้เป็อะไรกัน เค้กใมากเลยนะ แล้วก็ถามเราอีกว่าเลิกกันแล้วหรอ”
“ทำไมมันถึงถามแบบนั้น” เขากับเรนไม่เคยคบกันสักหน่อย
“ไม่รู้ เราเลยบอกว่าเรากับแทนไม่เคยคบกันมาั้แ่แรกแล้ว”
“อือ ก็ดีแล้ว” อย่างน้อยเรนก็ไม่ได้ปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดในเื่ของเราสองคน
“เค้กเลยบอกว่าแทนน่าจะใจกล้ามากกว่านี้อีกนิด เพราะแทนดูชอบเรามาก”
ปลื้มที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังแทนได้แต่ยืนกำหมัดแน่น เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยังเลือกที่จะยืนฟังต่อแทนที่จะเดินไปคว้าตัวของแทนมาแล้วลากให้เดินออกไปจากตรงนี้ด้วยกัน อาจจะเป็เพราะว่าลึกๆแล้วเขาเองก็อยากจะรู้ว่าแทนจะตอบว่าอะไร
“จริงๆตอนนั้นเราก็ชอบเรนมากนะ” ร่างบางเริ่มเอ่ยออกไปตามความรู้สึกจริงๆที่เคยเกิดขึ้นในใจของเขา ในเมื่อเรนเลือกที่จะพูดถึงเื่นี้แล้วงั้นก็มาทำให้มันจบกันไปตรงนี้เลยเถอะจะได้ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกค้างคากันอีกต่อไป
แทนเจอกับเรนครั้งแรกถ้าตอนปีหนึ่งในตอนนั้นเขากำลังพยายามตัดใจจากใครคนหนึ่งแล้วเรนก็เข้ามาพอดี เรารู้จักกันผ่านทางเพื่อน เขาโดนความน่ารักและเป็กันเองของเรนตกเข้าให้เต็มเปา ตัวเขาในตอนนั้นมั่นใจมากว่าถ้าเป็คนนี้จะต้องทำให้เขาลืมคนในใจไปได้อย่างแน่นอน
“หรอ” ริมฝีปากแดงเชอรี่ไม่อาจสะกดกลั้นรอยยิ้มมุมปากของตนไว้ได้อีก
“คิดจริงจังถึงขั้นจะสารภาพรักแล้วขอคบเลยดีมั้ยด้วย”
หลอกตัวเองไปถึงขั้นนั้นโดยที่ไม่ได้คิดถึงใจของคนตัวเล็กเลยว่าถ้าหากอีกคนมารู้ความจริงเข้าจะรู้สึกอย่างไร เขาตั้งใจจะใช้เรนเพื่อหลอกตัวเองให้ลืมอีกคน ในขณะที่เรนไม่รู้อะไรเลยและคิดว่าเขาชอบเ้าตัวจริงๆ
“แล้วทำไมแทนถึงไม่ขอล่ะ” ยิ่งเห็นว่าใบหน้าหล่อของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแทนแย่ลงมากเท่าไร เรนก็ยิ่งยิ้มกว้างออกมามากขึ้นเท่านั้น
“เพราะไม่รู้ว่าเรนจริงจังกับเื่ของเรามากแค่ไหน”
“...”
“หรือคิดว่าระหว่างเรามันก็แค่วันไนท์สแตนด์เท่านั้น”
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเรนไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายนักว่าสนใจในตัวแทนมากแค่ไหน เขาในตอนนั้นเลยยังไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะไปขอคนตัวเล็กเป็แฟน ถึงแม้ว่าเราจะเคยมีอะไรกันแล้วก็ตาม
คำพูดจากปากของร่างบางที่ปลื้มได้ยินทำเอาขาของเขาทั้งสองข้างแข็งทื่อไร้ความรู้สึกไม่มีแม้เรี่ยวแรงที่จะขยับก้าวเดินทั้งตัวมันชาวาบไปหมดร่างกายเย็นเฉียบั้แ่หัวจรดปลายเท้า เขารู้เื่ของแทนที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะรู้จักกัน รู้ว่าอีกคนนั้นให้อิสระกับตัวเองในเื่เซ็กส์มากแค่ไหน
เพียงแต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าหนึ่งในนั้นจะเป็เรน
คนที่เป็แฟนเก่าของเขา
คนที่ปลื้มเคยรักหมดหัวใจ
ไม่ได้เตรียมใจเผื่อเอาไว้เลย ความจริงที่เขาพึ่งจะได้รับรู้นั้นมันช่าง...หนักเกินกว่าที่เขาจะรับไหวจริงๆ
“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ” เนิ่นนานกว่าที่ร่างสูงจะหาเสียงของตัวเองเจอ ที่ถามซ้ำไม่ใช่เพราะอยากจะย้ำให้ชัดแต่อยากจะได้ยินคำตอบอื่นเพื่อที่สิ่งที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้จะเป็แค่เื่เข้าใจผิดเท่านั้น
ดวงตากลมโตของอัลฟ่ากลิ่นฝนเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง มือเรียวสั่นไหวด้วยความประหม่าโดยที่เ้าของมันก็ไม่อาจควบคุมได้จนต้องใช้อีกมือหนึ่งเอื้อมไปจับมันเอาไว้เพื่อให้หยุดสั่น ใจดวงน้อยเต้นหนักขึ้นในทุกจังหวะที่ร่างบางขยับตัวเพื่อหันไปเผชิญหน้ากับใครอีกคน
ทำยังไงดี
คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของร่างบาง ก่อนจะวิ่งวนไปมาอยู่อย่างนั้น แทนควรทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ดี เขายังไม่พร้อมที่จะบอกเื่นี้กับปลื้มเพราะยังไม่รู้ว่าจะหาคำพูดดีๆมาอธิบายให้อีกคนฟังได้อย่างไรเพราะมันเหมือนจะไม่มีคำอธิบายไหนที่ฟังขึ้นเลย
“อ้าวปลื้มมาหาแทนหรอ” คนตัวเล็กเอ่ยถาม แต่เสียงของเขากลับไม่ได้รับความสนใจจากอัลฟ่าทั้งสองคนเลย “งั้นเราไปก่อนนะแทน ไว้เจอกันใหม่นะ”
“...”
“อ๋อ ถ้าแทนอยากขอเราคบตอนนี้ก็บอกนะ เรารู้สึกว่าตอนนั้นเราเลือกผิดไปจริงๆ” ริมฝีปากสวยเป็กระจับแสยะยิ้มออกมาในจังหวะที่กำลังหมุนตัวกลับเพื่อเดินออกมาจากชายหนุ่มทั้งสองคน
“เ็ปมากกว่านี้ ผิดหวังให้มากกว่านี้อีกสิปลื้ม” ร่างเล็กเอ่ยพึมพำกับตัวเอง แววตาที่เคยใสซื่อเคลือบทับไปด้วยสายตาที่แข็งก้าวราวกับว่าเป็คนละคน
เ็ปให้มากกว่าเด็กผู้ชายคนนั้นซะปลื้ม ทีปกร
แทนไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เขาไม่ชอบทั้งอารมณ์และบรรยากาศที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
เกลียด โคตรเกลียดที่ต้องรู้สึกเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจะอ้าปาก อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่แม่งก็เสือกไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไง ยิ่งได้เห็นสายตาผิดหวังที่อีกคนใช้มองกันเขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกมากขึ้นกว่าเดิม
“ปลื้ม...” ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เรียกชื่อของอีกคนเท่านั้น
“มึงกับเรน...” ร่างสูงไม่สามารถที่จะพูดออกมาให้จบประโยคได้ภายในครั้งเดียวเพราะมันจุกอกไปหมดแล้วในตอนนี้
ให้ตายเถอะตอนนี้กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็คนโง่เลยว่ะ
โง่ที่แทนพูดอะไรออกมาเขาก็เชื่อไปหมด เชื่อแบบไม่เผื่อใจเลยสักนิด
“...”
“ไม่จริงใช่มั้ย”
“กูขอโทษ” ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่าได้แต่คิดว่าถ้าขอโทษออกไปน่าจะทำให้อารมณ์ของอีกคนเย็นลงมาได้บ้าง
“ที่มึงไม่ชัดเจนกับกูสักทีเพราะเื่นี่ใช่ป่ะ” เสียงทุ้มสั่นเครือเช่นเดียวกับหัวใจของคนฟัง
ดวงตาคมเริ่มเอ่อคลอไปด้วยของเหลวสีใส ดวงตาของปลื้มร้อนผ่าวความรู้สึกเหมือนโดนคนที่รักที่ไว้ใจหักหลังกำลังถาโถมใส่เข้าใส่เขาอย่างจัง
“ไม่ใช่ มึงฟังกูนะปลื้ม” มือเรียวยื่นออกไปหวังจะแตะลงบนท่อนแขนแกร่งแต่อีกฝ่ายกลับก้าวถอยหลังหนีไปทำให้แทนคว้าไว้ได้แค่อากาศเท่านั้น
“มึงเอากับเรน”
“...”
“อึก” ร่างกายทั้งร่างของปลื้มสั่นไหวด้วยความโกรธ น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากหางตาอย่างเชื่องช้าเพราะปลื้มพยายามอดทนฝืนกลั้นมันเอาไว้ “แล้วมึงก็มาเอากับกู” ริมฝีปากหนาเองก็สั่นไหวไม่แพ้ร่างกายของคนตรงหน้า
“...” แทนหลับตาลงอย่างยอมจำนน
“มึงต้องเป็คนที่เหี้ยขนาดไหนวะ” เสียงทุ้มต่ำตะคอกดังใส่หน้าของอีกคน จนผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดมองมาที่พวกเขา และหันไปซุบซิบกัน
“นั่นมันพี่แทนนี่หว่า”
“แทนอีกแล้วว่ะ”
“อีกคนใช่ปลื้มรัดสาดป่ะ เคยต่อยกันด้วยกูจำได้”
“แม่งไปยุ่งกับแฟนเขาหรือเปล่าเขาถึงต่อยเข้าให้อะ”
“โดนบ้างก็ดีกูหมั่นไส้มานานละ”
“คำว่าเหี้ยเต็มหน้าเลยว่ะ”
ทั้งที่คิดว่าอีกคนจะแตกต่าง ทั้งที่คาดหวังเอาไว้มากกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายปลื้มก็ก่นด่าเขาโดยที่ไม่แม้แต่จะฟังคำอธิบายของเขาด้วยซ้ำ แต่จะโทษปลื้มก็คงไม่ถูกนักเพราะคนที่ผิดมันคือตัวของแทนเอง คนที่เริ่มทุกอย่างมันก็คือตัวของแทนเอง
“แทนเกิดอะไรขึ้นวะ” บาสที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นทั้งสองคนเข้าพอดีเอ่ยทักขึ้น ก่อนจะเดินไปแตะที่แขนของเพื่อนสนิทเบาๆ
“กูชอบคนแบบมึงลงไปได้ยังไงวะ”
ปลื้มเอ่ยทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินจากไป
“แทน...”
“ฮึก...”
บาสชะงักค้างอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ดีๆก็ถูกอีกคนคว้าตัวไปกอด ใบหน้าสวยซุกลงที่ไหล่กว้างของเพื่อนสนิท ปล่อยให้น้ำตาไหล่ออกมาอย่างไม่อาจกักเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป