“เสี่ยวโหรว เธอนั่งเป็เพื่อนน้องหลิวทีนะ”
หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปี หากเทียบกับคนหยาบกระด้างเช่นหลี่เฟิ่งเหมยแล้้วนั้น เธอคนนี้มีนิสัยอ่อนโยนราวกับสายน้ำ เอวบางร่างน้อย เสียงพูดนุ่มนวล และมีเสน่ห์ของหญิงสาวที่ผสานความไร้เดียงสาเอาไว้อย่างลงตัว
แม้หน้าตาจะไม่ได้สะสวยอะไร แต่ให้ความรู้สึกน่าสงสาร
หลิวเทียนเฉวียนสั่งให้เธอนั่งเป็เพื่อนหลิวหย่ง เธอก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง แม้ตัวจะนั่งใกล้แต่ก็ไม่ได้แนบชิดกับหลิวหย่ง ทั้งยังเรียกหลิวหย่งว่า ‘พี่หย่ง’ อีกด้วย
สรุปคือ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนเด็กนั่งดริงก์คนอื่นๆ ที่หลิวเทียนเฉวียนเคยพบเจอมายามสังสรรค์
คนอื่นแต่งตัวฉูดฉาดไม่น่าเข้าใกล้ แต่หญิงสาวคนนี้กลับดูเป็คนดีและไร้เดียงสา
หลิวเทียนเฉวียนสั่งให้เธอชนแก้วกับหลิวหย่ง เธอหยุดคิดสักครู่ก่อนจะกล่าวออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ฉันว่าพี่หย่งดื่มหนักขนาดนี้แล้ว ถ้าดื่มอีกร่างกายจะแย่เอานะคะ...”
หลิวเทียนเฉวียนขมวดคิ้ว
“เสี่ยวโหรว นี่เธอเป็ห่วงเขาแล้วหรือ”
เสี่ยวโหรวขยับตัวหลบอยู่ด้านหลังหลิวหย่งเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังกลัวหลิวเทียนเฉวียน
ถูกเสี่ยวโหรวขัดจังหวะเช่นนี้ เหมือนจะทำให้แผนการของหลิวเทียนเฉวียนผิดพลาด หลิวหย่งถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงาน เขานอนฟุบลงกับโต๊ะ แทบไม่ได้มองเสี่ยวโหรวอย่างเต็มตาด้วยซ้ำ
หลิวเทียนเฉวียนลุกขึ้นยืน ก่อนส่งเสียงฮึออกมา “ดูแลน้องหลิวให้ดีด้วย”
หลิวเทียนเฉวียนพาคนของตัวเองกลับไปแล้ว ทิ้งหลิวหย่งที่ดื่มจนเมามายอยู่กับเสี่ยวโหรว หากสามนาทีให้หลังหลิวหย่งยังไม่ออกมา เก่อเจี้ยนก็จะเปิดประตูบุกเข้าไปทันที
งานสังสรรค์ลักษณะนี้ อย่างไรก็ต้องมีเก่อเจี้ยนหรือหลี่ต้งเหลียงคนใดคนหนึ่งติดตามมาด้วย
แน่นอนว่าหลิวหย่งกลัวติดหลุมพรางคนอื่น เขาจึงนัดแนะทั้งสองคนเอาไว้ล่วงหน้า ขอแค่เขาไม่บอกว่าจะอยู่ต่อก็แสดงว่าเขาไม่ยินดี ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะยังมีสติหรือไม่ ให้พาตัวกลับไปได้เลย
หรือต่อให้เขาอยากอยู่ต่อก็เป็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ทว่าถ้ามีคนพาเขากลับ อารมณ์ชั่ววูบที่ว่าก็จะดับสลายทันที เก่อเจี้ยนเองก็กลัวหลิวหย่งจะพลั้งพลาดเช่นกัน พูดตามตรง เขากับหลี่ต้งเหลียงตอนนี้นับว่าเป็ลูกน้องคนสนิทของหลิวหย่งแล้ว ตามหลักพวกเขาควรเข้าข้างหลิวหย่ง แต่เพราะเคยเป็ผู้ติดตามให้กับเซี่ยเสี่ยวหลานมาก่อน หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนจึงให้ความเคารพเซี่ยเสี่ยวหลานมากกว่า
คุณผู้หญิงเซี่ยคงไม่อยากเห็นลุงของตัวเอง ‘เที่ยวเล่น’ อยู่นอกบ้านสักเท่าไร
เก่อเจี้ยนรู้ว่าหลังหลิวหย่งกลับเผิงเฉิงมาเขาก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ใครทะเลาะกับเมียแล้วยังอารมณ์ดีได้บ้าง? สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือถูกคนอื่นฉวยโอกาสยามอ่อนแอแทรกเข้ามา วันนี้หลิวหย่งดื่มหนักมาก แถมหลิวเทียนเฉวียนยังเรียกผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปด้วย
เก่อเจี้ยนกลัวตัวเองเปิดประตูเข้าไปแล้วจะเห็นภาพบาดตายิ่งนัก คาดไม่ถึงเลยว่าในห้องที่เหลือกันแค่สองคน ผู้หญิงคนนั้นกลับนั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆ หลิวหย่ง ต่างจากภาพที่เก่อเจี้ยนคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
“พี่หย่งเหมือนจะเมาแล้วค่ะ”
เสี่ยวโหรวลุกขึ้น ท่าทางของเธอเป็ธรรมชาติยิ่งนัก
เก่อเจี้ยนเองก็นึกไม่ถึงว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นๆ เหลือเกิน
เขามองหน้าเธออย่างพิจารณา หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย จมูกเล็กจิ้มลิ้ม ดวงตาเรียวเล็ก ดูสวยหวานอ่อนโยน เก่อเจี้ยนคิดในใจ เถ้าแก่จากฮ่องกงเปลี่ยนวิธีการอีกแล้วหรือ คุยงานดีๆ ไม่ได้หรืออย่างไร ทำไมต้องขุดกับดักให้พี่หย่งอยู่เรื่อย
เก่อเจี้ยนพยุงร่างหลิวหย่งออกจากห้องเหมือนอย่างทุกครั้ง
หลิวเทียนเฉวียนไปไหนมาไหนด้วยการนั่งรถหรู แต่ผู้รับเหมาตัวเล็กๆ อย่างหลิวหย่งต้องใช้สองเท้าเดินกลับบ้าน ดีที่หลิวหย่งเป็คนหน้าหนา ถึงกล้าไปมาหาสู่กับเถ้าแก่ใหญ่อย่างหลิวเทียนเฉวียนเป็ประจำ
เก่อเจี้ยนพยุงตัวหลิวหย่ง เขาหันกลับไปมอง ผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมตรงประตู
สายลมที่พัดมาทำให้หลิวหย่งมวนท้อง เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเริ่มอาเจียนออกมา เสี่ยวโหรววิ่งมาหา เธอยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือเก่อเจี้ยน จากนั้นก็เดินกลับไปทันที
ผู้หญิงที่ออกมาทำงานนั่งดริงก์กลับพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวด้วยอย่างนั้นหรือ?
เก่อเจี้ยนไม่เข้าใจจริงๆ !
หลิวหย่งเดินไปอาเจียนไป เก่อเจี้ยนใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเช็ดปากของหลิวหย่ง ผ้าเช็ดหน้านั้นมีกลิ่นหอมจางๆ เก่อเจี้ยนโยนผ้าเช็ดหน้าที่ใช้แล้วทิ้งไปทันที เมื่อมองที่หลิวหย่งกลับพบว่าหลังอาเจียนเสร็จ ตาของเขากลับใสกระจ่างไม่มีร่องรอยของอาการมึนเมาแม้แต่น้อย
“พี่ไม่ได้เมาหรอกหรือ”
หลิวหย่งใช้แขนเสื้อเช็ดปากลวกๆ “ถ้าฉันไม่แกล้งเมา แล้ววันนี้จะรอดหรือ”
หลิวเทียนเฉวียนนับวันยิ่งไล่บี้ไม่หยุด
เขาแนะนำงานให้หลิวหย่ง แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความหวังที่อยากจะร่วมงานกับหลิวหย่ง โครงการตกแต่งภายในของ ‘โรงแรมหนานไห่’ หลิวเทียนเฉวียน้าคว้ามาให้ได้ เถ้าแก่จากฮ่องกงทำธุรกิจด้วยวิธีเดียวกันหมดคือใช้สุรานารีเป็เครื่องมือ ไม่อย่างใดอย่างหนึ่งย่อมมัวเมานักธุรกิจมือใหม่ของแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จ
แม้จะเป็ระดับหัวหน้าของหน่วยงานราชการก็ไม่อาจต้านทานวิธีนี้ไหว
รัฐบาล้าปฏิรูปเศรษฐกิจจึงจำเป็ต้องกำหนดพื้นที่เพื่อเปิดกว้างรองรับการพัฒนา แม้เศรษฐกิจจะเจริญก้าวหน้า แต่สภาพสังคมกลับถูกอิทธิพลของชาวต่างถิ่นทำให้ย่ำแย่ลง หากหลิวหย่งเป็เพียงชาวไร่ชาวนา เขาคงไม่มีทางได้ข้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้อย่างแน่นอน ไม่ถูกหมางเมินเขาก็คงถูกรังเกียจ
เมื่อสักครู่เขาแค่แกล้งโง่
เขาไม่ได้เมาจริงๆ ใครจะกล้าดื่มเหล้าไม่ยั้งต่อหน้าหลิวเทียนเฉวียน มิเช่นนั้นคงถูกหลิวเทียนเฉวียนเอาเปรียบจนหมดสิ้น หลิวหย่งเองก็เคยได้ยิน มีคนเคยเซ็นสัญญาระหว่างเลี้ยงสังสรรค์ทั้งที่กำลังมึนเมา
แต่ผู้หญิงที่หลิวเทียนเฉวียนเรียกมาคราวนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ
เธอดูเรียบร้อยจนน่าประหลาดใจ
หลิวหย่งไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เขาไม่กล้าแตะต้องใครทั้งนั้น ไม่ว่าหลี่เฟิ่งเหมยจะทะเลาะกับเขาหรือไม่ นั่นก็เป็เื่ภายในครอบครัว สิ่งที่หลิวหย่งคิดถึงคือเงินที่เพิ่งกู้ยืมมาจำนวน 180,000 หยวนต่างหาก
มีเงินก้อนนี้แล้ว เื่ซื้อบ้านไม่เพียงไม่ก่อปัญหาด้านกระแสเงินสด ทั้งยังได้เงินเพิ่มมาอีก 120,000 หยวนอีกด้วย หากงานตกแต่งภายในที่รับไว้เสร็จสิ้นลงด้วยดี ในมือของหลิวหย่งก็จะมีเงินสามแสนกว่าหยวน
แน่นอนว่าคงเทียบกับหน่วยงานของภาครัฐไม่ได้ แต่ในบรรดาผู้คนที่มาขุดทองทางใต้ หลิวหย่งนับว่าก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ด้านหลิวเทียนเฉวียนนั้นเขาคงบอกปัดไม่ได้อีกแล้ว
จะร่วมงานกับหลิวเทียนเฉวียนหรือเปล่า?
นอกจาก ‘โรงแรมหนานไห่’ เขากับหลิวเทียนเฉวียนยังร่วมงานอื่นกันได้อีกไหม
หลิวหย่งรู้ว่าหลิวเทียนเฉวียนเล็งเห็นความสัมพันธ์ระหว่างหย่วนฮุยกับนายกเทศมนตรีทัง ทว่าหลิวหย่งรู้ดีกว่าใคร ว่าที่จริงแล้วคนตระกูลหลิวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนายกเทศมนตรีทังแม้แต่น้อย แต่ที่ได้รู้จักกันก็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งสิ้น
ถ้าอย่างนั้นเขาจะใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้มาร่วมงานกับหลิวเทียนเฉวียน แต่ไม่ทำให้ชื่อเสียงของนายกเทศมนตรีทังเสียหายได้หรือไม่?
ให้เขาไปหาทังหงเอินก็คงไม่ได้ หลิวหย่งรู้สึกว่าเื่นี้เขาคงต้องปรึกษากับเสี่ยวหวังเสียก่อน
เสี่ยวหวังตอบแค่ว่า ‘ทำธุรกิจอย่างยุติธรรม ซื้อขายกันอย่างถูกต้อง’ แน่นอนว่าธุรกิจของหลิวเทียนเฉวียนที่เผิงเฉิงนั้นใหญ่โต หลิวเทียนเฉวียนทำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนหลิวหย่งทำงานตกแต่งภายใน อยากตัดขาดความสัมพันธ์มันจะเป็ไปได้หรือ?
เถ้าแก่ที่อยากตีสนิทกับทังหงเอินนั้นมีอยู่มากมาย ถ้าหลิวหย่งไม่กล้าสุงสิงกับใครก็เลิกคิดทำธุรกิจได้เลย ความหมายที่เสี่ยวหวัง้าสื่อก็คือ นี่คือสิ่งที่ทังหงเอิน้า หายากที่คนใหญ่คนโตจะมาชี้แนะเขา หลิวหย่งจึงมั่นใจขึ้นบ้าง หากหลิวเทียนเฉวียนพูดเื่ร่วมงานกันอีก หลิวหย่งคงกล้าตบปากรับคำที่จะร่วมงานกับเขา
พะวงหน้าพะวงหลังไม่เลิก แล้วจะทำธุรกิจได้อย่างไร
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยเตือนเขาว่าจะต้องอ่านสัญญาอย่างละเอียด อย่าปล่อยให้คนอื่นมาเอาเปรียบได้
หลิวเทียนเฉวียนได้รับข่าวดีจึงเลิกบีบหลิวหย่ง หลิวหย่งกับหลิวเทียนเฉวียนคุยกันแค่เื่งาน แต่เถ้าแก่จากฮ่องกงยังคงไม่ทิ้งลาย เขาเรียกหญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวโหรวมาด้วยทุกครั้งที่สังสรรค์ พอเจอกันหลายครั้งเข้า หลิวหย่งก็เริ่มจำผู้หญิงคนนี้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้