สีหน้าอี๋เหนียงสามพลันซีดขาวขึ้นมา “เสี่ยวเฮย... กลับมานี่! อย่าทำลายต้นหลงแดง! ไม่นะ!”
กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังนับต้นหลงแดงเป็สมบัติของตนเอง ไม่ต้องเอ่ยถึงฮวาชีเยว่ที่ยามนี้ประเมินทุกสิ่งด้วยดวงตาเฉยชา
อี๋เหนียงสามคิดถึงฮวาชีเยว่อย่างรอบคอบ ยามนี้สุนัขของนางพุ่งเข้าใส่ต้นหลงแดง หากมันเสียหายขึ้นมาแล้ว…
ทุกคนตกตะลึง!
รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าฮวาเมิ่งซือ นางเป็คนสั่งให้ชิวอวิ๋นไปล่อสุนัขดำตัวนี้มา สั่งให้คนของนางตีเสี่ยวเฮยจนโกรธเพื่อให้มันทำลายต้นหลงแดง
หินก้อนเดียวได้นกสองตัว ทั้งทำลายต้นหลงแดง ทั้งยังได้ผลักอี๋เหนียงสามและฮวาเสี่ยวอีให้กลายเป็ศัตรูกับฮวาชีเยว่ เช่นนี้สมบูรณ์แบบ!
ในชั่วพริบตา เสี่ยวเฮยก็เหยียบย่ำลงบนดินแดง ยามกำลังจะเหยียบลงบนใบต้นหลงแดง ดอกไม้ทั้งหมดก็พลันหายวับไปท่ามกลางเสียงอุทานของผู้คน!
เสี่ยวเฮยพุ่งชนกำแพงแล้วจึงสลบไป
อี๋เหนียงสามหวาดกลัวสุดขีด นางสั่งให้คนไปนำตัวเสี่ยวเฮยออกมา นางมองอี๋เหนียงสองและฮวาเมิ่งซือ “โลกนี้ไม่มีแผนใดสมบูรณ์แบบ! โชคดีนัก…”
โชคดีที่ดอกไม้เหล่านี้หายไปกะทันหัน
พวกมันหายไปไหนเล่า?
เฉิงอี๋เหนียงเองก็ตกตะลึง ลืมกระทั่งโต้ตอบอี๋เหนียงสาม นางจ้องมองดินแดง
“์! เป็สมุนไพรวิเศษจริงๆ! กล่าวว่าสมุนไพรวิเศษรู้จักหลบหนีหากผู้อื่นที่มิใช่เ้าของจะมาเก็บมัน!”
“สมุนไพรวิเศษ... คุณหนูเรามีสมุนไพรวิเศษ!”
“ใครเป็ผู้มอบให้ท่านกัน?”
บ่าวไพร่ที่เคยรังแกฮวาชีเยว่ต่างก็ะโอย่างตกตะลึง ลืมไปสนิทว่าอี๋เหนียงสองเองก็ยังอยู่ตรงนี้ด้วย
“ฮึ่ม! สมุนไพรวิเศษบัดซบอะไรกัน! นางเพียงเล่นลูกไม้เท่านั้น!” ฮวาเสี่ยวอีหงุดหงิดใจนัก เพียงไม่กี่วันมานี้ฮวาชีเยว่ไม่เพียงแต่สั่งสอนนางถึงสองรอบ ทั้งยังได้รับความรักจากฮูหยินผู้เฒ่า กระทั่งได้รับสมุนไพรชื่อดังนี้มา ทำให้นางทั้งริษยาทั้งโมโห
อี๋เหนียงสามจับมือฮวาเสี่ยวอี “เสี่ยวอีอย่าพูดอะไรไร้สาระที่นี่ กลับเรือนเรากันเถอะ”
ฮวาเสี่ยวอียังกังวลอยู่บ้าง ทว่ายังคงถูกอี๋เหนียงสามพาตัวกลับไป
ผ่านไปนาน ต้นหลงแดงก็ยังไม่ปรากฏ ทุกคนล้วนแต่รู้สึกผิดแล้วรีบจากไป
สุดท้ายก็เหลือเพียงเฉิงซื่อและฮวาเมิ่งซือที่ยังคงอยู่ ความเกลียดชังรุนแรงผุดในแววตาของฮวาเมิ่งซือ นางคิดว่าแผนการของตนจะได้ผล มิคาดต้นหลงแดงเ่าั้กลับหายไปในพริบตา!
เฉิงซื่อจ้องมองดินแดงที่ทอประกายแสงเย็นราวกับกำลังหัวเราะเยาะความโง่เขลาของพวกตน
“กลับกันเถอะคุณหนูรอง” เฉิงซื่อถอนหายใจ ฮวาเมิ่งซือทราบว่าคราวนี้นางไม่อาจทำลายสมุนไพรวิเศษของฮวาชีเยว่ได้แล้ว จึงได้จากไปพร้อมอี๋เหนียงสองอย่างอารมณ์ไม่ดี
ฮวาเมิ่งซือกลับเรือนของตน นางทำลายแจกันไปหลายใบเพื่อระบายอารมณ์โกรธ ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งโจวมามาเอ่ยเตือน
“คุณหนูรองเ้าคะ หากวิธีนี้ไม่ได้ผล เราก็ต้องหาวิธีอื่นเพื่อกำจัดเด็กนั่นให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้น…” ดวงตาของโจวมามาเย็นเยือก
ฮวาเมิ่งซือพยักหน้า นางเข้าใจแล้วว่าตอนนี้ฮวาชีเยว่ไม่เหมือนเดิม หากฮวาเมิ่งซือยังคงอาศัยอยู่ในจวนนี้กับอีกฝ่าย อนาคตนางย่อมไม่มีที่ทางในจวนสกุลฮวาแห่งนี้แล้ว
บ่ายวันนั้น ดวงตะวันเปล่งแสงร้อนแรง ฮวาเมิ่งซือยื่นมือออกไปฉีกทำลายดอกเหอฮวนที่นางโปรดปรานในแจกัน
…
เมื่อฮวาชีเยว่กลับถึงจวนสกุลฮวา พ่อบ้านหวางก็เข้ามารายงานเื่เมื่อตอนกลางวันให้นางทราบ หญิงสาวยกยิ้มเย็น “บอกเ้าแล้ว! สมุนไพรเหล่านี้มีจิติญญา ผู้อื่นย่อมขโมยไปไม่ได้จึงไม่จำเป็ต้องให้บ่าวไพร่คอยเฝ้า ทว่าอี๋เหนียงสองกับฮวาเมิ่งซือย่อมต้องหาวิธีรับมือข้าแน่”
“เราจะทำอย่างไรดีเ้าคะ?” ลู่ซินและโหย่วชุ่ยถามขึ้นมาพร้อมกันทันที
ฮวาชีเยว่ยกถ้วยสุราในมือขึ้น บดขยี้มันจนกลายเป็ผุยผง ทำให้ทุกคนตกตะลึง
เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงมีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้?
ดวงตาพ่อบ้านหวางเปล่งประกาย ดูไปแล้วคุณหนูใหญ่แตกต่างจากในอดีตจริงๆ หรือบางทีคนคงอาจปิดบังความสามารถเอาไว้เพื่อรอเวลา
“ย่อมต้องมีวิธีโต้ตอบที่ได้ผลเสมอ” ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างใจเย็น คราวนี้พ่อบ้านหวางรู้สึกขึ้นมาจริงๆ แล้วว่าเขาติดตามถูกคน หากคราวก่อนเขามิได้เชื่อฟังฮวาชีเยว่ จุดจบเขาย่อมต้องเลวร้ายเช่นกัน!
เขาออกมาจากเรือนกุ้ยฮวา กลับไปยังเรือนของหวางมามา เรือนของบ่าวไพร่ไม่ใหญ่โตเท่าเ้าบ้าน ทว่าสำหรับพ่อบ้านก็ยังนับว่าโอ่อ่า
หวางมามายามนี้นอนอยู่บนเตียง ถูกเฆี่ยนยี่สิบไม้ทำให้เจ็บไปถึงกระดูก กว่าจะหายดีต้องใช้เวลาเดือนหรือสองเดือน
บ่าวที่ดูแลหวางมามาเป็ฮวาชีเยว่ที่อนุญาตพ่อบ้านหวางให้นำตัวมาได้
“ภรรยา ดีขึ้นหรือไม่?” เห็นท่าทีง่วงงุนของหวางมามา พ่อบ้านหวางก็กระซิบถาม สั่งให้บ่าวออกจากห้องไป
หวางมามาลืมตาขึ้น นางถอนหายใจเมื่อเห็นสามี “จะดีได้อย่างไร? เหมือนกระดูกข้าจะหัก เ็ปเหลือเกิน”
พ่อบ้านหวางตบมือนางเบาๆ “ภรรยา แม้คราวนี้เ้าจะต้องเจ็บตัวไปบ้าง ทว่าก็ยืนยันได้ว่าเราติดตามคนผิดไปแล้ว หลังจากนี้... เ้าต้องดูแลคุณหนูให้ดี…”
หวางมามาจับความเยือกเย็นโหดร้ายของฮวาชีเยว่ในวันนั้นได้ดี นางมองพ่อบ้านหวางอย่างสับสน
พ่อบ้านหวางเล่าเื่ที่เกิดขึ้นใน่หลายวันมานี้ให้นางฟัง ดวงตาหวางมามาพลันทอประกายเมื่อได้ยินว่าฮวาชีเยว่ตกรางวัลให้พ่อบ้านหวางถึงพันสองร้อยตำลึงที่ร่วมมือด้วย!
รายได้ของทั้งสองคนรวมกันห้าปีก็ยังไม่มากเพียงนี้! ติดตามอี๋เหนียงสอง หวางมามาเพียงได้เงินเดือนละสองตำลึง แม้จะมีเงินพิเศษทว่ารวมแล้วก็ยังไม่มากกว่าสามตำลึงเงิน
หนึ่งพันสองร้อย เป็เงินมากมายนัก!
“ตอนนี้คุณหนูเปลี่ยนไปแล้ว ทุกวันนี้อี๋เหนียงสองและอี๋เหนียงสามเป็ฝ่ายสูญเสียเพราะคุณหนู พวกนางย่อมไม่ร่วมมือกับท่าน พรุ่งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจะกลับมา คุณหนูใหญ่เองก็ได้รับความรักจากฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นคราวนี้เราต้องเลือกให้ถูกต้อง”
ความมั่นใจปรากฏระหว่างคิ้วของพ่อบ้านหวาง หวางมามายากจะได้เห็นเขาเป็เช่นนี้ นางนึกถึงฮวาชีเยว่ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงความเกรงขามที่ผุดขึ้นในใจ
---
ในเรือนปี้หรง อี๋เหนียงสามพานซื่อกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างวิตก ฮวาเซียวอีที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งะโออกมาอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ทำอะไรของท่าน?”
“ข้าว่าเมื่อคุณหนูใหญ่กลับมาย่อมต้องมาเอาเื่เราแน่ ทว่ากระทั่งป่านนี้นางยังไม่ปรากฏตัว นางจะไม่ใส่ใจต้นหลงแดงได้จริงหรือ?” คิ้วของพานซื่อขมวดแน่น เต็มไปด้วยความหนักใจ
ฮวาเสี่ยวอีแค่นเสียงเย้ย “ถึงมาหาแล้วนางจะกล้าทำอะไร? อย่าลืมสิว่าท่านเป็ผู้าุโของนาง!”
“นางไม่กล้าลงโทษข้า แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากล้า…” สีหน้าของอี๋เหนียงสามดูทั้งเศร้าใจทั้งลังเลใจ
ฮวาเสี่ยวอีทำปากยื่น “ท่านแม่อย่ากังวล นางไม่โง่ นางย่อมเดาได้ว่าใครเป็ผู้ปล่อยเสี่ยวเฮยเข้าไป ฮึ่ม! นางสารเลวฮวาเมิ่งซือเองก็เกลียดฮวาชีเยว่นัก ดูทั้งสองคนนั้นสู้กันไปเถอะ!”
อี๋เหนียงสามยังคงขมวดคิ้ว นางต้องมองดอกเหอฮวนนอกหน้าต่าง ดอกสีแดงชูช่อทำให้นึกถึงต้นหลงแดงของฮวาชีเยว่
ยามนี้ฮวาชีเยว่เป็คนโปรดของฮูหยินผู้เฒ่า สู้กับนางย่อมมีแต่จะจบไม่ดี
ยิ่งกว่านั้นนางยังได้รับความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ท่านหนึ่ง อย่างไรคนธรรมดาก็ไม่อาจมีเมล็ดพันธุ์หลงแดง ยิ่งนางสามารถเพาะปลูกมันออกมาได้เช่นนี้ยิ่งแปลกประหลาด
อีกประการ ที่น่าแปลกคือดินในเรือนกุ้ยฮวาเป็สีน้ำตาล ทว่าดินที่ใช้ปลูกต้นหลงแดงกลับเป็สีแดง เหตุใดฮวาชีเยว่เปลี่ยนไปนัก? นางย่อมต้องพบเื่อะไรมาแน่!
พานอี๋เหนียงเป็คนใจเย็น แม้ฮวาเสี่ยวอีจะเย่อหยิ่งมิได้หมายความว่าพานซื่อจะเป็คนแบบเดียวกัน
พานซื่อเข้าใจฮวาเสี่ยวอีดี อย่างไรก็เป็นางที่สั่งสอนบุตรสาวได้ไม่ดี
“หลัวมามา ไปนำเครื่องประดับศีรษะอันล่าสุดมาให้ข้า เสี่ยวอีไปแต่งตัว เราจะไปเรือนกุ้ยฮวา”
พานอี๋เหนียงเอ่ยเสียงเบา ฮวาเสี่ยวอีมองนางอย่างสับสน น้ำเสียงร้อนรนขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านจะไปประจบนางแพศยานั่น?”
“เสี่ยวอีหุบปาก! หากยังไม่รู้จักควบคุมตนเอง ระวังแม้แต่ชีวิตก็รักษาไว้ไม่ได้! หลานจูผู้นั้นแม้จะเป็เพียงสาวใช้ของฮวาเมิ่งซือก็อย่าได้ลืมนางเป็อันขาด คนคนนั้นร้ายกาจนัก หากเกลียดเ้าแล้วนางย่อมมองเ้าเป็ศัตรูของฮวาชีเยว่ แล้วเ้าสู้นางได้หรือไม่?”
พานซื่อเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ ร่างกายสั่นเทิ้มกระทั่งปิ่นที่ปักไว้บนเรือนผมสั่นไหว
ฮวาเสี่ยวอีอึ้งงัน มารดาไม่เคยตำหนินางเช่นนี้มาก่อน นับแต่ฮวาชีเยว่กลับมาจากวัดหานเยว่ พานซื่อก็ดูจะไม่พอใจฮวาเสี่ยวอีขึ้นทุกที
ฮวาเสี่ยวอีแค่นเสียงเ็าครั้งหนึ่งแต่มิได้กล่าวคำ ยามนี้พานซื่อกำลังโมโห นางจะกล้าโต้เถียงได้อย่างไร
หลัวมามานำเอาเครื่องประดับศีรษะชุดใหม่ออกมา พานซื่อเป็ผู้นำฮวาเสี่ยวอีและหลัวมามาไปยังเรือนกุ้ยฮวาด้วยตนเองเพื่อขออภัย
ฮวาชีเยว่กำลังทานอาหารเย็นอยู่ นางดูเ้าตัวเล็กดื่มน้ำแกงหลงแดงอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนรอยแผลเป็บนใบหน้าเขาจะจางลงไปมาก
พานซื่อและคนอื่นๆ มาถึง พวกนางอยู่ไม่นานนัก เพียงแต่คุยกันถึงเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่สักเดี๋ยวเท่านั้น
แน่นอน เมื่อเข้ามาในเรือนกุ้ยฮวาแล้วพานซื่อย่อมเห็นต้นหลงแดงยังอยู่ นางมิคาดพวกมันจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
นี่ต้องเป็สมุนไพรวิเศษ เมื่อเ้าของกลับมา พวกมันจึงได้ปรากฏตัวขึ้น!
ฮวาชีเยว่คุยกับพานซื่ออย่างเคารพและสุภาพ ไม่ได้กล่าวโทษนาง
พานซื่อจึงพาทุกคนกลับไปอย่างโล่งใจ
ฮวาชีเยว่ส่งถ้วยไก่ตุ๋นให้เทียนซี “เทียนซีกินเยอะๆ! เ้าต้องตัวอ้วนๆ อีกหน่อย แม่อยากเห็นเ้าตัวอ้วน”
เทียนซีกะพริบตา นับแต่มาที่นี่ อาหารการกินเขาก็ดีขึ้นมาก แม้จะเพิ่งสองวันแต่เขาก็สนิทสนมกับฮวาชีเยว่นัก
เทียนซีพยักหน้าเชื่อฟัง ทว่าฮวาชีเยว่ยังคงรู้สึกแย่ เ้าตัวน้อยนี่เคยน่ารักเ้าเล่ห์ สิ่งใดที่เขาไม่ชอบ นางต้องหลอกล่อให้เขากิน ถึงกับเรียกเขาว่าเ้าปีศาจตัวน้อย
ทว่ายามนี้เขากลายเป็คนเรียบร้อยเชื่อฟัง ล้วนเป็เพราะาแเ่าั้
ฮวาชีเยว่หลุบตาลง ั้แ่รับเลี้ยงเทียนซีมา โจวจื่อเฉิงและองค์หญิงฮุ่ยเจินยังไม่มาเยี่ยมเยียน ทว่านี่คือกฎ ทั้งสองบ้านจะต้องมาเจอกันอย่างเป็ทางการหลังรับเลี้ยงได้หนึ่งเดือน ดังนั้นทั้งสองย่อมมาที่นี่แน่!
“คุณหนู ท่านเฉลียวฉลาดเหลือเกินเ้าค่ะ มิคาดอี๋เหนียงสามจะมาขอโทษเองจริงๆ” ลู่ซินหัวเราะอย่างร่าเริง