ทางทิศตะวันออก แสงสีแดงโผล่พ้นขอบฟ้า ตามมาด้วยแสงทองผ่องอำไพ ดวงอาทิตย์ลอยสูงเหนือเทือกเขาไท่หังซาน สาดแสงอรุโณทัยเรืองรอง
บนเขาและในป่าผลไม้นอกสวนมีหมอกบางๆ ปกคลุม เมื่อกระทบกับแสงตะวัน พลันเกิดเหลือบสีไล่เรียงกันไป
ยังเช้าตรู่อยู่เลย แต่หลินนั่วอีมาถึงแล้ว
ฉู่เฟิงทักทายไปคำหนึ่ง หากอีกฝ่ายวางหูไปเสียก่อน
ในเมื่อวางหูไปแล้ว เขาจึงออกไปที่สวน เงยหน้ารับแสงตะวัน อาบแสงสีทองยามเช้า เริ่มฝึกการหายใจแบบพิเศษ เช้าเย็นไม่เคยขาด
ความรู้สึกมหัศจรรย์บางอย่างเกิดขึ้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเรือนกระจก ทั้งยังเหมือนกับแช่อยู่ในน้ำร้อน อะไรบางอย่างแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
หัวใจฉู่เฟิงกระตุกวูบ รู้สึกคุ้นเคยอยู่หน่อยๆ หากก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ในที
เขานึกไปถึงตอนที่อยู่ทีู่เาคุนหลุน นึกไปถึงต้นไม้พิสดารที่หยั่งรากอยู่บนยอดเขาสำริด ดอกไม้ที่เบ่งบาน สี่กลีบดอกที่ร่วงหล่นใส่มือของเขา หลังจากนั้นเขารู้สึกอยู่บ่อยๆ ถึงสายไออุ่นบางๆ ที่ไหลเวียนในร่างกาย บางเบาเสียจนบางทีก็ไม่อาจััได้
ตอนนี้ กระแสอุ่นเช่นนั้นปรากฏขึ้น ทว่าชัดเจน เหมือนกับว่ามันแข็งแรงขึ้น
เขารู้สึกทั่วร่างเบาสบาย กระแสอุ่นหลั่งไหลจากหัวจรดเท้า ประหนึ่งผืนดินแห้งผากได้รับความชุ่มชื้นจากสายฝนเทกระหน่ำ จึงรีบซึมซับอย่างรวดเร็ว
ร่างกายฉู่เฟิงั้แ่หัวจรดเท้าอบอุ่นจนร้อน อารมณ์ จิตใจ อิ่มเอมอย่างยิ่ง
พอเขาลืมตาขึ้นก็เป็ภาพอันน่ามหัศจรรย์ ผิวกายของเขาเหมือนกับมีผ้าสีทองบางๆ คลุมอยู่ทั่วร่าง บางอย่างยิ่ง เบาอย่างยิ่ง
เพราะอย่างนี้นี่เอง เขาจึงมีความรู้สึกเช่นนั้น
เสร็จสิ้นการฝึกหายใจ เขาก้มลงมองดูก็พบว่า ออร่าสีทองบางลงจนแทบจะมองไม่เห็น สุดท้ายก็ซึมหายเข้าไปในผิวกาย ไม่อาจมองเห็นแม้เพียงนิดเดียว
ฉู่เฟิงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง เขาเงยหน้ามองไปยังูเาที่ห่างออกไป สามารถเห็นกระรอกตัวหนึ่งที่กำลังะโโลดเต้นอยู่บนต้นไม้เก่าแก่บนยอดเขานั้นได้อย่างชัดเจน
มันเป็ความคมชัดของสายตาที่น่าตกตะลึง!
พร้อมกันนั้น เขายังได้ยินเสียงกระพือปีกของผึ้งที่อยู่ไกลๆ ตอนที่มันพุ่งเข้าชนกลีบดอกไม้ ขนาดเสี้ยววินาทีที่มันหยุดชะงักเขายังอุตส่าห์ได้ยิน
เหมือนกับว่าเขาได้ตะกายออกมาจากห้องขังที่ปิดสนิท พลันได้สูดอากาศอันสดชื่น ฉู่เฟิงรู้สึกว่า สมองปลอดโปร่งแจ่มใส ประสาทััทั้งห้าเฉียบคมว่องไว
โลกทั้งใบเหมือนกับเต็มไปด้วยสีสัน มีชีวิตชีวา เป็เพราะััของเขารับรู้ได้มากกว่า ไวกว่าเมื่อก่อนมากมาย
หวงหนิวก็อยู่ในสวนด้วย มันฝึกหายใจเสร็จพร้อมกันกับเขา จึงได้เห็นภาพนั้นเข้าพอดี สีหน้าพลันเปลี่ยนไป มันจ้องฉู่เฟิงไม่วางตา
ฉู่เฟิงกลับไม่ทันสังเกตมัน เขากำลังมองดูการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง จากนั้นเริ่มทำการทดสอบ
เสียงฟึ่บดังขึ้น เขาหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ตอนแรก แล้วไปโผล่ในป่าผลไม้นอกสวน ความเร็วเพิ่มขึ้น จับเวลาคร่าวๆ แล้ว ในระยะร้อยเมตรใช้เวลาหนึ่งจุดสามวินาที
ส่วนพละกำลัง เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความแข็งแกร่งทางกายภาพยิ่งเพิ่มขึ้นมหาศาล
การหายใจแบบพิเศษเผยให้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของมันแล้ว มันสามารถเปลี่ยนแปลงกายเนื้อ ด้วยประสิทธิภาพเช่นนี้มันช่างน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง
พละกำลัง ความเร็ว ประสาทัั ทุกด้านล้วนเพิ่มขึ้น เหมือนกับเป็วิวัฒนาการอย่างหนึ่ง
“วิธีหายใจแบบนี้มีที่มายังไงเหรอ?” ฉู่เฟิงถามหวงหนิว
น่าเสียดาย หวงหนิวปิดปากเงียบ แต่ไหนแต่ไร มันไม่เคยเอ่ยถึงที่มาของวิธีหายใจนี้ วันนี้ก็ไม่มียกเว้น
แต่ว่า มันเขียนตัวอักษรให้สองคำ
“เกสรดอกไม้ ตัวเร่งปฏิกิริยา!”
เพราะอย่างนี้ ถึงได้ใช้เวลานานอย่างนั้นหรือ? ร่างกายของฉู่เฟิงพัฒนามาถึงขั้นนี้ ประสิทธิภาพที่สูงอย่างยิ่งนั้นทำให้หวงหนิวประหลาดใจจะแย่แล้ว
มันเดาว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับกลีบดอกไม้สี่กลีบที่ละลายในมือเขาเมื่อตอนที่อยู่ทีู่เาสำริดนั่น
ตามความเข้าใจของหวงหนิว การหายใจแบบนี้แม้จะไม่ธรรมดาและพิสดารอย่างยิ่ง ทว่า หาก้าฝึกให้สำเร็จอย่างหมดจด ก็จำเป็ต้องมี “ตัวเร่งปฏิกิริยา”
เมื่อรับประทานอาหารเช้าที่ประกอบจากเนื้อสัตว์ป่าเป็หลักแล้ว ฉู่เฟิงก็รอคนมารับ
คราวนี้เป็หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง มีรอยกระอยู่ประปรายบนปลายจมูก นอกเหนือจากนี้แล้ว ก็เรียกได้ว่าสวยเลยทีเดียว ยังไม่ทันเอ่ยอะไรเธอก็ยิ้มให้ก่อนแล้ว ช่างผูกมิตรได้รวดเร็วเสียจริง
รถที่เธอขับมาสีดำสนิท ดูใหญ่โตเทอะทะ แผ่นเหล็กอย่างหนา ติดกระจกรุ่นล่าสุดที่พัฒนาออกมาให้แข็งแรงเป็พิเศษ
มันเป็รถกันะุ ท่าทางจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา เทียนเสินเซิงอู้ก็เป็เช่นนี้ เก็บรายละเอียดทุกเม็ด แม้แต่ส่งคนออกมาทำงานง่ายๆ ยังจัดเตรียมเสียเลิศหรู
“คุณฉู่ เชิญค่ะ” หญิงสาวเปิดประตูรถให้เขา
ฉู่เฟิงเหม่อเล็กน้อย ก็ั้แ่ที่หลินนั่วอีโทรหาเขาเมื่อเช้า แจ้งว่าจะส่งคนมารับ เขาก็เฝ้าแต่ครุ่นคิดบางเื่
“คุณฉู่?” หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงนุ่มนวลพลางยิ้ม
“ขอโทษครับ มัวแต่คิดอะไรเพลิน คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมมีเื่ด่วนบางอย่างต้องจัดการ ตอนเที่ยงผมจะไปหาเอง” ฉู่เฟิงตอบ
หญิงสาวเกิดอาการไปไม่เป็ ตอบว่า “แต่ว่าคุณหลินสั่งให้ฉันมารับคุณไปพบนะคะ”
ฉู่เฟิงส่ายศีรษะ ปฏิเสธ บอกเธอว่า ที่นี่ห่างจากตัวอำเภอไม่ไกลเท่าไหร่ ตอนเที่ยงเขาจะรีบไปหาเอง ขอให้เธอกลับไปก่อน
หญิงสาวท่าทางจนปัญญา เธออยากจะโทรหาหลินนั่วอี แต่ลังเลอยู่ครู่ก็ตัดสินใจว่ากลับไปก่อนค่อยว่ากัน เพราะหลินนั่วอีงานชุกมาก เธอกำลังวุ่นวายกับเื่ที่เขาไท่หังซาน วันนี้เป็เพราะมีนัดหมายกับคุณฉู่ จะเข้าพบได้ก็่มื้อกลางวัน
“หวังว่าฉันจะระแวงเกินไปนะ” ฉู่เฟิงมองรถสีดำคันนั้นขับออกไป
“หวงหนิว เฝ้าบ้านดีๆ นะ!”
จากนั้น เขาก็ออกตัว เขาใช้เส้นทางเดินในป่าข้างทางที่พาไปสู่อำเภอเมือง ไม่ใช้ถนนใหญ่ ด้วยความเร็วของเขา ถ้าวิ่งเต็มที่จริงๆ ก็ไม่ช้ากว่ารถคันนั้นหรอก
ในความเป็จริงก็คือ ถนนนั้นขรุขระอย่างยิ่ง ถูกตัดขาดไปหลาย่ บาง่เป็หลุมเป็บ่อ จะอย่างไรก็ขับเร็วไม่ได้
ฉู่เฟิงตามไปห่างๆ ด้วยร่างกายที่แข็งแรงจนน่าใ ให้อย่างไรก็ไม่เหน็ดเหนื่อย
ห่างออกไปได้สามสิบกว่าเมตร ทางข้างหน้าก็ยิ่งทุรกันดาร รถสีดำชะลอความเร็วลง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงะเิดังลั่น ทำลายความเงียบสงบ มันเป็เสียงะเิจากอาร์พีจีที่เล็งอย่างแม่นยำพุ่งเข้าใส่รถลีมูซีนสีดำ
พลังโจมตีรุนแรง เสียงะเิน่าหวาดกลัว รถทั้งคันลอยขึ้นไปกลางอากาศ ต่อให้เป็รถกันะุ แต่ตอนนี้กระจกแตกร้าวกระจุยกระจาย รถบิดเบี้ยวไปโดยสิ้นเชิง
ตึง!
ลีมูซีนสีดำร่วงลงพื้นแล้วะเิ เปลวเพลิงควันไฟพวยพุ่ง หินบนพื้นปลิวกระจาย ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวล
“ตูม!”
วินาทีต่อมา ก็มีเสียงะเิดังขึ้นอีก จรวดพุ่งเข้าใส่รถอีกครั้ง แม่นอย่างกับจับวาง รถทั้งคันกระจายไม่มีชิ้นดี
ต่อให้เป็รถกันะุ จะอย่างไรก็มีขีดจำกัด จรวดอาร์พีจีสองลูกนี้เกินความสามารถของรถกันะุไปไกลแล้ว
ห่างออกไป ฉู่เฟิงหน้านิ่งเป็น้ำแข็ง เื่ที่เขากังวลเกิดขึ้นจนได้ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้!
เื่อย่างนี้ยังทำได้ลงคอ ฉวยโอกาสที่หลินนั่วอีส่งคนมารับเขา ลงมือจู่โจมเอาชีวิตเขากลางทาง!
“เลวจริงๆ!” ลูกั์ตาฉู่เฟิงฉายแววสังหาร เสียใจแทนเด็กสาวเคราะห์ร้ายคนนั้น ในใจเ็ป ที่เธอมาจบชีวิตในเหตุการณ์นี้ เขาเองก็มีส่วนรับผิดชอบที่ไม่อาจช่วยชีวิตเธอได้
แต่ว่า เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้ เื่เลวร้ายอย่างนี้ยังทำได้ลงคอ
ตัวเขาเองคิดแค่ว่ามีความเป็ไปได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กลับไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ!
จากนั้น ยังมีจรวดอาร์พีจีตามมาอีกสองลูก ล้วนยิงใส่ตรงนั้น รถคันนั้นพังยับเยิน ไฟลุกท่วมรุนแรง
เสียงะเิดังสนั่น ตรงนั้นเป็ทางเถื่อน สองข้างทางคือป่ารกชัฏ เสียงะเิปานฟ้าผ่าเช่นนี้ทำลายความเงียบสงัดทั้งปวง
“ฉันจะฆ่าแก!”
ฉู่เฟิงโมโหสุดขีด อีกฝ่ายเกลียดชังอะไรเขานักหนากัน? ถึงกับต้องลงมือ ลงทุนลงแรงกำจัดเขาในจังหวะที่หลินนั่วอีส่งคนมารับเขา
แต่แล้ว เขาก็เข้าใจ อีกฝ่ายกำลังกลัว กังวลว่าเื่จะแดง จึงคิดฆ่าเขาปิดปาก
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างกายหลินนั่วอี น่าจะรู้ว่าเรายังไม่ได้บอกเธอเื่นั้น ก็เลยชิงลงมือกำจัดเราก่อนที่เื่จะแดงขึ้นมา”
ฉู่เฟิงรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกลัวอย่างมาก กลัวจนหน้ามืดตามัว
“อย่างกับหมาจนตรอก!”
สีหน้าเขาเ็า เื่นี้ไม่จบง่ายๆ แน่ ในเมื่อบีบให้เขาลงมือเอง จะใครหน้าไหนก็ตามที่เกี่ยวข้อง เขาจะบดขยี้มันให้ถึงที่สุด!
บังอาจมาแตะขีดจำกัดของเขาดีนัก!
อำเภอเมือง ในคฤหาสน์ ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง กำลังหมุนแก้วไวน์ทรงสูงช้าๆ พลางละเลียดจิบไวน์ ชายหนุ่มมีท่าทีสบายๆ ผ่อนคลาย หากหญิงสาวกลับลุกลี้ลุกลน เหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง
ไม่นานนัก เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบรับสายทันที “เป็ยังไงบ้าง?”
“ไอ้คนธรรมดานั่นตายไปแล้ว เละไปพร้อมกับรถเลย แต่ว่า ไม่เห็นมียอดฝีมือโผล่มาเลย พวกเรากำลังรออยู่”
เมื่อได้ฟังรายงานเช่นนี้ หญิงสาวมีท่าทีร้อนรนมากกว่าเดิม เธอก็คือคนที่เคยถือเครื่องมือสื่อสารของหลินนั่วอีนั่นเอง หากตอนนี้สีหน้าท่าทางกังวล
“เก็บงำไอสังหารให้ดี...พอคนคนนี้ปรากฏตัว ฆ่ามันทันที!” เสียงของเธอสั่นน้อยๆ
“ครับ!”
จากนั้นก็วางสายไป
“หวั่นชิง อย่าห่วงน่า เื่เล็กแค่นี้ อย่าฟุ้งซ่านเลย” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั้นตอบเรียบๆ ใบหน้าขาว หล่อเหลา ให้ความรู้สึกสูงส่ง เขาหมุนแก้วไวน์ในมือเล่น
“มู่ คุณก็พูดง่ายเกินไป แต่ที่ฉันทำไปมันเื่ใหญ่นะ เกิดนั่วอีรู้เข้าละก็...” ใบหน้าของสวี่หวั่นชิงค่อนข้างซีด
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเขารู้ แล้วไงล่ะ เทียนเสินเซิงอู้ไม่ได้เป็ของตระกูลเขาคนเดียวสักหน่อย สกุลมู่ของผมก็มีส่วน อีกอย่าง คุณก็เป็ทั้งเพื่อนสนิท ทั้งผู้ช่วยชั้นยอดของเขาด้วย อีกไม่นาน พี่สาวคุณก็จะแต่งกับอาของเขาแล้ว ยังมีอะไรต้องห่วงอีกล่ะ? แต่ถึงนั่วอีจะรู้เื่ ก็ไม่ทำอะไรคุณหรอก”
ชายหนุ่มปลอบใจ ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มบางๆ อย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่
“มู่ เื่นี้จะว่าไปก็เพราะฉันช่วยคุณนะ จนมันบานปลายอย่างนี้ คุณรับผิดชอบไหวหรือ?” สวี่หวั่นชิงเอ่ยถาม เธอเป็คนสวย ตาเรียวแบบั์ตาหงส์ หากไม่เพราะความวิตกกังวล ก็ถือว่าเธอเป็หญิงสาวที่มีเสน่ห์อย่างมาก
“วางใจน่า เื่นี้ยังไงก็ไม่รั่วออกไปแน่ คนของโพธิจีนส์ก็เพ่นพ่านอยู่แถวนั้น แล้วคนของเราก็ปะทะกับพวกมันบ่อยๆ สุดท้ายทั้งหมดนี่...เป็ฝีมือพวกมันต่างหาก!” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ต่อมาเขาส่ายศีรษะ พูดว่า “ที่จริง ผมก็แค่อยากให้หมอนั่นลำบากนิดๆ หน่อยๆ เอง เอาแค่ดูท่าทีของนั่วอี แต่นึกไม่ถึงว่าคุณจะเล่นเขาถึงตาย”
“ฉันจะไปรู้ความคิดคุณได้ยังไงกัน เื่ไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้ ก็คนของคุณไปก่อกวนเขานี่ แล้วทีนี้ฉันดันไปรู้เื่ความสัมพันธ์เก่าก่อนของเขากับนั่วอีเข้า ก็อยากจะช่วยคุณสักหน่อย กลายเป็ว่าเื่มันบานปลายขนาดนี้” สวี่หวั่นชิงรู้สึกเสียใจเหลือจะเอ่ย
พลาดเพียงก้าวเดียว เธอถลำลึกเข้าไปทุกที ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ควรยื่นมือเข้าไปเลย
“ก็แค่กุ้งฝอยตัวเล็กๆ เท่านั้น เท่าที่ดูแล้ว เขากับนั่วอีก็ไม่มีท่าทางจะไปกันได้ ผมไม่อยากให้เกิดเื่อะไรขึ้นอีก” ชายหนุ่มเหมือนจะหมดความอดทน เอ่ยว่า “แต่ในเมื่อคุณทำถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีทางอื่น พลาดแล้วพลาดเลย ก็เก็บเขาซะ”
“ก็เมื่อกี้ไง เขาตายแล้ว” สวี่หวั่นชิงบอกซ้ำ
“ผมรู้แล้ว คนแบบนี้ตายไปก็ไม่กระไรนักหนา แต่ตามที่คุณบอก เขามียอดฝีมืออยู่เื้ั อย่างนั้นก็ต้องตามขุดรากถอนโคนกันแล้วล่ะ” ใบหน้าขาวของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง
“แล้วเก็บกวาดได้เรียบร้อยไหมล่ะ ควรจะรู้นะ คนของผมที่ส่งไปคราวที่แล้วน่ะ มีฝีมือขนาดกำจัดยอดฝีมือในหมู่มนุษย์พิเศษได้เลยนะ แต่ดันไม่มีข่าวคราวอะไรกลับมา” สวี่หวั่นชิงขมวดคิ้ว สีหน้ากังวล
“นอกเสียจากว่าเขาจะมีฝีมือระดับเทพวัชระ อีกอย่าง ต่อให้เป็เทพวัชระแห่งกลุ่มโพธิจีนส์มาเอง ก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย!” ชายหนุ่มท่าทางสบายอกสบายใจ รอยยิ้มนุ่มนวล
“ก็หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก!”
“วางใจน่า คนของโพธิจีนส์อยู่แถวนั้น คราวนี้เป็ทางเทียนเสินเซิงอู้รับแขกเอง กำจัดเสี้ยนหนาม พร้อมกับสะสางหนี้ไปในตัว ไม่อะไรนักหนาหรอก”
ในป่า ฉู่เฟิงไม่ต่างกับเสือชีตาห์ เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ เขารู้สึกได้ถึงอันตราย เพราะที่ตรงนี้มีสภาพเหมือนปากแตร ที่เปิดกว้างรอให้เขาตกลงสู่หลุมพราง
ที่ตรงนี้กินอาณาบริเวณกว้าง เหมาะกับการซุ่มโจมตี เป้าหมายตัวเบ้งของคนในเงามืดไม่ใช่รถคันนั้น ทว่าดูเหมือนกำลังรอให้ใครสักคนพุ่งออกมา
“พวกแกคิดว่าฉู่เฟิงไม่มีน้ำยา คนที่หนุนอยู่ข้างหลังต่างหากถึงจะเก่งจริงใช่ไหม คราวนี้มาเพื่อเก็บคนคนนั้นงั้นสิ?” ฉู่เฟิงยิ้มกับตัวเอง จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็เย็นเยียบ
ฟุ่บ!
ไม่นานนัก ด้วยััอันฉับไว เขาเจอตัวมนุษย์พิเศษคนหนึ่ง จึงเข้าใกล้อย่างไร้สุ้มเสียง กระบี่สั้นไวดั่งสายฟ้าสีดำ สาดแสงดำมืดสู่ป่าทึบปาดผ่านคอของคนผู้นั้น สายเืสาดพุ่ง คนผู้นั้นหันมามองด้วยแววตาหวาดหวั่น เืพุ่งจากคอเป็สาย จากนั้นร่วงหล่นลงพื้น
“นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นนะ บีบให้ฉันลงมือเรอะ ฉันจะเล่นกับพวกแกเอง อย่าคิดว่าจะหนีรอดแม้แต่คนเดียว!” ฉู่เฟิงพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ เขาตัดสินใจลงมืออย่างโเี้ ทั้งยังเปิดฉากล้างบาง จะฆ่าปูพรมไปจนถึงอำเภอเมืองเลย!