หลายคนมีสีหน้าว่างเปล่าเมื่อพวกเขาได้ยินผีเสื้อแห่งรักพูดถึงตำนาน
ตรงข้ามกับหลัวเลี่ยที่เพิ่งอ่านหนังสือซึมซับความรู้มามากมาย เมื่อเขามองไปยังดอกไม้ประหลาดที่ลอยอยู่ในอากาศ หัวใจของเขาก็เต้นแรง เขาพูดว่า “นี่คือบุปผาพิษ!”
เมื่อจั่วซุนและคนอื่นๆ ได้ยินชื่อนี้ สมองของพวกเขาก็กลับมาทำงานอีกครั้ง
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก และในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าตำนานคืออะไร
“มันถูกค้นพบโดยคนรุ่นเรา”
“ดูเหมือนว่าพวกเราถูกกำหนดให้เป็รุ่นที่โชคดี”
“บุปผางามอาบพิษ ต้นกำเนิดของขุนพลปีศาจ!”
แม้แต่หลัวเลี่ยก็รู้สึกว่าเื่ราวยุ่งยากได้เกิดขึ้นแล้ว
มีเื่เล่าเกี่ยวกับขุนพลปีศาจมายาวนานแล้ว เื่เล่านั้นกล่าวว่า เมื่อขุนพลปีศาจกำเนิดขึ้นจะถือเป็สัญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลงของแผ่นดิน ไม่มีใครรู้ที่มาของคำกล่าวนี้ และบางทีอาจมีเพียงเทพเท่านั้นที่รู้ว่าคำกล่าวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ขุนพลปีศาจที่มาของหายนะ!
มีข่าวลือว่าเมื่อขุนพลปีศาจถือกำเนิดขึ้น จะนำมาซึ่งความวิบัติครั้งใหญ่ ที่แม้แต่เทพก็ไม่สามารถหลีกหนีหายนะนี้ได้
เทพที่เป็ะ สามารถทำลายโลกได้ สามารถกำเนิดโลกใหม่ได้อีกครั้ง และเป็ะหลังจากภัยพิบัตินับครั้งไม่ถ้วน
แต่มีเพียงการกำเนิดของขุนพลปีศาจเท่านั้นที่จะสามารถทำลายล้างทุกอย่างได้
เพราะในตำนานมีการกล่าวว่า สิ่งที่เรียกว่าขุนพลปีศาจ สัตว์อสูร และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับปีศาจล้วนถูกสร้างขึ้นโดยเทพ และไม่มีใครรู้ว่าเทพองค์นั้นที่สร้างพวกมันขึ้นมาคือใคร
เหตุผลที่เทพองค์นั้นทำเช่นนี้เพราะเขา้าขึ้นเป็ใหญ่แทนที่ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลอย่างเทพเ้าหงจวิน!
เทพเ้าหงจวินเป็ผู้รับผิดชอบกฎของ์และโลก ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
แต่ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เช่นเดียวกับการตัดสินใจเพียงหนึ่งครั้งก็อาจเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล หากคนคนนั้นสามารถล้มล้างและแทนที่เทพเ้าได้ เขาก็จะกลายเป็ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
ว่ากันว่าโลกเื้ันี้ก็เกี่ยวข้องกับคนคนนั้น
“ขุนพลปีศาจกำเนิดขึ้นมาจากการที่บุปผาอาบพิษนี้ดึงดูดเอาแก่นพลังของมนุษย์มา เมืุ่์ถูกดูดซับแก่นพลังไป บางคนอาจกลับไปฝึกวรยุทธ์ไม่ได้อีกเลย” จั่วซุนเต็มไปด้วยความกังวล “ลำพังแค่ถูกขังอยู่ในโลกเื้ันี้ เส้นทางในการได้กลับออกไปก็แสนยากลำบากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับมีบุปผาอาบพิษนี่ปรากฏขึ้นมาดูดแก่นพลังของพวกเราไปอีก เกรงว่าหากพวกเรายังอยู่ในนี้ต่อไปอีกไม่ถึงครึ่งเดือน คนส่วนใหญ่คงอดทนไม่ไหวแน่”
แก่นพลังและจิติญญาเป็รากฐานของร่างกาย เมื่อสูญเสียไป แม้ว่าพวกเขาจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่การที่พวกเขาสูญเสียแก่นพลังไป พวกเขาก็เกือบจะเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีทางกลับไปฝึกวรยุทธ์ได้อีกแล้ว
ทุกคนหน้าหมองลง
บางคนถึงกับทรุดลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง
“เช่นนั้นก็ทำลายบุปผาอาบพิษนี้เสียสิ” หลัวเลี่ยกล่าว
“เป็ไปไม่ได้ พวกเราไม่รู้ว่าบุปผาอาบพิษนี้มีจำนวนเท่าไร และไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหนบ้าง หากจะกำจัดก็ต้องกำจัดทิ้งให้หมด และสิ่งที่ยากที่สุด ก็คือหากเข้าใกล้บุปผาอาบพิษในระยะน้อยกว่าหนึ่งจั้ง บุคคลที่เข้าใกล้นั้นจะถูกดูดแก่นพลังไปจากตัวอย่างรุนแรงจนล้มลงและอ่อนแรง กระทั่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก และหากอยู่ไกลกว่านั้นออกมาเพียงนิด ก็จะถูกกระแสอากาศที่หมุนวนอยู่รอบๆ บุปผานั้นฉีกทึ้งร่างกาย และแรงฉีกนั้นรุนแรงมาก เกรงว่านอกจากสมบัติวิเศษแล้วคงไม่มีอะไรที่จะสามารถต้านทานแรงฉีกทึ้งนี้ได้” ยิ่งจั่วซุนพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น
หากพูดถึงการเข้าใกล้ระยะประชิดนั้น แม้แต่หลัวเลี่ยก็ไม่มั่นใจว่าพลังิญญาของเขาจะถูกดูดออกไปหรือไม่ และเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงด้วย
แต่สำหรับระยะทางไกลนั้น
หลัวเลี่ยหยิบคันธนูซวนิออกมา
คันธนูซวนิเป็สมบัติวิเศษ!
ทันทีที่เขาหยิบมันออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็พากันใ
“ใช่แล้ว ข้าลืมไปได้อย่างไร ธนูของเ้าเป็สมบัติวิเศษ” จั่วซุนอุทานอย่างตื่นเต้น
คนที่กำลังหมดหวังดีใจขึ้นมาในทันที
แต่ประโยคถัดมาของหลัวเลี่ยก็ทำให้พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงอีกครั้ง
“คือว่าเื่นี้” หลัวเลี่ยพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ข้ายิงธนูไม่เป็”
ทุกคนที่กำลังยิ้มแย้มได้แข็งค้างไปแล้ว
จั่วซุนถึงกับะโออกมา “เ้าล้อเล่นใช่ไหม อาวุธที่เ้ามีคือธนู แต่เ้ากลับยิงธนูไม่เป็หรือ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เ้ายังกล้าล้อเล่นอีกหรือ”
หลัวเลี่ยยิ้มอย่างขมขื่น และพูดว่า “เ้าลองคิดดูให้ดีๆ ตอนที่ข้าใช้ธนูนี้ ข้ายิงธนูอย่างไร? ครั้งเดียวที่ข้ายิงธนู คือตอนที่ข้าใช้ตัวเองเป็ลูกธนูเพื่อพุ่งไปหาอสูรัราตรีตัวนั้น”
และแล้วพวกเขาก็จำได้อีกเื่ว่า เมื่อตอนที่หลัวเลี่ยต่อสู้กับหลงเยียนหรัน เขาก็ใช้ธนูซวนินี้เช่นกัน เขาไม่ได้ยิงธนูออกไป แต่กลับใช้ธนูนี้เป็อาวุธในระยะประชิด
“และพวกเ้าก็อย่าลืมว่านี่คือสมบัติวิเศษ หากไม่มีลูกธนูวิเศษที่เข้ากับมันได้ ต่อให้จะยิงอย่างไรก็ยิงไม่ออก ดังนั้นเ้าจะยิงมันได้อย่างไร?” หลัวเลี่ยกล่าว
แล้วทุกคนที่เริ่มมีความหวังก็กลับมาสิ้นหวังอีกครั้ง
ในทางตรงกันข้ามจั่วซุนเอียงศีรษะ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก่อนที่ข้าจะเข้ามาที่โลกเื้ันี้ ข้าได้รับวิชายิงธนูมาวิชาหนึ่ง เดิมทีข้าตั้งใจจะมอบให้กับน้องชายคนเล็กเป็ของขวัญวันเกิด”
“วิชาการยิงธนูแบบไหน” หลัวเลี่ยถาม
“วิชาการยิงธนูที่ไม่ต้องใช้ลูกธนู!” คำตอบของจั่วซุนทำให้ทุกคนมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เขาหยิบหนังสือวิชายิงธนูออกมาและมอบให้หลัวเลี่ย
วิชาการยิงธนูนี้เรียกว่าวิชารวมพลังสร้างลูกธนู!
หลัวเลี่ยแค่พลิกดูสักพักหนึ่ง แล้วเขาก็ยิ้มออกมา วิชาการยิงธนูนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็เวทมนตร์ มันเป็วิชาการยิงธนูที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง มันไม่ได้ใช้กฎเกณฑ์อะไรมากมาย ใช้เพียงความเร็วและความแม่นยำ และสิ่งที่พิเศษของวิชานี้คือการใช้พลังภายในของตัวเองกลั่นออกมาให้เกิดเป็ลูกธนู ดังนั้นตราบใดที่พลังภายในของผู้ฝึกวรยุทธ์ยังไม่หมด เขาก็จะสามารถสร้างลูกธนูได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
และที่สำคัญคือลูกธนูที่มาจากพลังภายในนี้สามารถใช้ได้กับธนูทุกชนิด
ธนูยาวธรรมดาก็ใช้ได้ ธนูที่เป็สมบัติวิเศษก็ใช้ได้ แม้แต่ธนูศักดิ์สิทธิ์และธนูของเทพก็ใช้ได้เช่นกัน เพราะปัญหาเื่คุณภาพของลูกธนูโลหะนั้นไม่เกิดกับลูกธนูที่ใช้พลังภายในกลั่นออกมาอย่างแน่นอน
“ดูเหมือนว่าข้าจะเอาเปรียบเ้าแล้ว” เมื่อกวาดตามองเนื้อหาเสร็จ หลัวเลี่ยก็โบกหนังสือในมือหนึ่งครั้ง
“เ้าเป็คนช่วยชีวิตข้า เป็ผู้มีพระคุณของข้า แค่หนังสือเคล็ดวิชาเล่มเดียวจะนับเป็อะไร อีกอย่างเ้าก็ใช้มันเพื่อปกป้องพวกเราทุกคนด้วย” จั่วซุนรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าหลัวเลี่ยรู้จักวิชาการยิงธนูนี้
หลัวเลี่ยยื่นหนังสือวิชาการยิงธนูคืนให้กับจั่วซุน
จั่วซุนกะพริบตา “นี่คือ?”
“ข้าอ่านจบแล้ว” หลัวเลี่ยเคาะนิ้วที่ขมับ แสดงถึงว่าเขาจำมันได้แล้ว
จากนั้นเขาก็เดินไปที่เนินเล็กๆ ทางด้านขวา นึกถึงเนื้อหาในวิชารวมพลังสร้างธนู แล้วเขาก็ยกคันธนูซวนิขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ดึงสายธนูออกมา
พลังภายในร่างกายไหลผ่านไปทางมือของเขา เขาสร้างลูกธนูยาวมากกว่าครึ่งจั้ง
ลูกธนูจากพลังภายในนี้ราวกับทำมาจากโลหะจริงๆ พื้นผิวของลูกธนูนั้นเรียบเนียนไร้รอยขีดข่วนใดๆ
แม้ว่าหลัวเลี่ยจะไม่เคยยิงธนูจริงๆ มาก่อน แต่เขาก็มีสายตาที่แหลมคมในการมองเป้า เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น
แม้จะเป็คืนที่มืดสนิท แต่เขาก็สามารถมองเห็นรายละเอียดในระยะสามสิบจั้งได้อย่างชัดเจน
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ทำให้สายตาของเขาเฉียบแหลม ไม่ว่าจะมองสิ่งใดก็ล้วนเห็นรายละเอียดชัดเจน กอปรกับการที่เขามีกระดูกวิถียุทธ์ สิ่งนี้ทำให้เขามีพลังมาก ดังนั้นหากพูดถึงระยะทางที่ไกลนั้น ไม่ได้เป็ปัญหากับพลังในการใช้ส่งลูกธนูออกไปของเขาสักนิด
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงไม่จำเป็ต้องฝึกฝนการเล็งเป้า เขาเพียงแค่ต้องฝึกฝนวิชารวมพลังสร้างธนูไปจนถึงระดับถ่องแท้เท่านั้น
ตอนที่หลัวเลี่ยฝึกฝนหมัดผู้พิชิตเป็ครั้งแรก เขาไม่ได้มีความก้าวหน้าเป็พิเศษ และใช้เวลานานที่สุด เพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับวิชายุทธ์ และยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับความเข้าใจของตัวเอง แต่หลังจากผ่านเื่ราวมามากมาย เขาก็เริ่มปรับตัวได้ และรู้สึกคุ้นเคยขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว
เขาง้างแขนและยิงธนูออกไป
ระดับพื้นฐาน!
หลังจากนั้น ลูกธนูก็พุ่งออกไป และพุ่งออกไปอีกมากมายราวกับสายฝน
ระดับเริ่มต้น!
ระดับเชี่ยวชาญ!
ระดับรวบรวม!
ระดับถ่องแท้!
หลังจากที่เขายิงลูกธนูออกไปยี่สิบเจ็ดดอก ในที่สุดเขาก็มาถึงระดับถ่องแท้
แม้ทุกคนจะเห็นว่าหลัวเลี่ยสามารถฝึกฝนวิชายุทธ์จนถึงระดับสูงสุดกับตาตัวเองแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้