ยามถังชิงหรูกลับไปที่จวนสกุลถัง จิ่นเอ๋อร์ฟื้นแล้ว ยามนี้หวนเอ๋อร์ประคองนางมายืนรอที่หน้าประตู พอทั้งสองเห็นถังชิงหรูกลับมาต่างก็รีบเข้ามาต้อนรับ
ถังชิงหรูเห็นจิ่นเอ๋อร์ซึ่งยังไม่แข็งแรงดีออกมายืนรอแบบนั้นก็คิ้วขมวดเอ่ยว่า "เ้าาเ็ขนาดนี้จะออกมาทำไม"
จิ่นเอ๋อร์คุกเข่า มองถังชิงหรูทั้งน้ำตาคลอ "จิ่นเอ๋อร์มีความผิด หากไม่เพราะจิ่นเอ๋อร์ จวนของเราคงไม่กลายเป็เช่นนี้ ผักและสมุนไพรที่แม่นางปลูกมาด้วยความยากลำบากถูกทำลายจนเกือบหมด จิ่นเอ๋อร์ไม่รู้จะหาสิ่งใดมาใช้คืน ต่อไปคงได้แต่ค่อยๆ เก็บหอมรอมริบชดใช้ค่าเสียหายคืนให้แม่นาง ขอแม่นางโปรดอย่าขับไล่จิ่นเอ๋อร์ไปเลยนะเ้าคะ หากจิ่นเอ๋อร์ต้องออกจากที่นี่ไปก็คงไม่มีทางรอดอีกแล้วจริงๆ แม่นางได้โปรดเมตตาสงสารจิ่นเอ๋อร์ด้วย ขอให้จิ่นเอ๋อร์ได้ติดตามรับใช้แม่นางต่อไปเถิด"
"ข้าเคยพูดว่าจะขับไล่เ้าหรือ" ถังชิงหรูมองจิ่นเอ๋อร์ด้วยสายตาเยียบเย็น "กลับไปพักที่ห้อง"
"แม่นางไม่ไล่จิ่นเอ๋อร์ไปจริงๆ นะเ้าคะ" จิ่นเอ๋อร์มองถังชิงหรูด้วยสายตาเว้าวอน
"หากเ้ามัวแต่พิรี้พิไรจนอาการาเ็ของตนเองหนักขึ้น ข้าจะให้เ้าไปจริงๆ " ถังชิงหรูนวดไหล่ของตนเองเบาๆ "หวนเอ๋อร์เ้าอยู่นวดให้ข้าก่อน เมื่อคืนนอนไม่สบาย วันนี้เลยรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว"
หวนเอ๋อร์รีบรับคำ
จิ่นเอ๋อร์เห็นถังชิงหรูกลับห้องไปแล้ว ก็หันไปพูดกับหวนเอ๋อร์ว่า "แม่นางไม่ไล่ข้าไปจริงๆ หรือ"
"ข้าบอกแล้วว่าแม่นางหาใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เ้าน่ะคิดฟุ้งซ่านไปเอง จะไปโทษใครได้" หวนเอ๋อร์เอ่ยด้วยอย่างไม่สบอารมณ์ "แม่นางต้องเหน็ดเหนื่อยทุกวัน อย่าไปทำให้นางหงุดหงิดดีกว่า เ้าน่ะอะไรๆ ก็ดีหมด เสียแต่คิดมากขี้ระแวง เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ อย่าให้แม่นางต้องบันดาลโทสะอีกเลย"
จิ่นเอ๋อร์ค่อยรู้สึกเบาใจ เมื่อครู่ยามฟื้นขึ้นมา แค่นึกถึงเื่ที่เกิดขึ้น นางก็ร้องไห้ไม่หยุด คนทางบ้านโหดร้ายและแล้งน้ำใจขนาดนี้ หากถังชิงหรูไม่้านางอีกต่อไป นางก็คงต้องตายสถานเดียว ด้วยเหตุนี้หากมิได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย นางคงไม่มีทางพักรักษาอาการาเ็อย่างสบายใจได้ ยามนี้ถังชิงหรูรับปากต่อหน้าแล้ว ค่อยคลายวิตกกังวล กลับไปนอนพักผ่อนได้อย่างสบายใจ
ถังชิงหรูกลับห้องไปนอนได้ครู่หนึ่ง หวนเอ๋อร์ก็ผลักประตูเข้ามาแล้วนวดไหล่ให้ ถังชิงหรูหลับตาลง ปล่อยให้สาวใช้นวดไปเรื่อยๆ ในที่สุดร่างกายที่อ่อนเปลี้ยมาสองสามวันก็ผ่อนคลายได้เสียที จนกระทั่งหลับไปเมื่อไรมิอาจรู้ได้
"ท่าน..." หวนเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น เห็นเฉินิยืนอยู่ตรงหน้า ก็รีบลุกขึ้นมาทำความเคารพ แต่คำกล่าวยังมิทันออกจากปาก เฉินิก็ทำยกมือบอกให้เงียบเสียง
หวนเอ๋อร์มองถังชิงหรู สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
ยามนี้เฉินิยังหน้าบวมปูดเหมือนหัวหมู แต่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อครู่มากแล้ว อย่างน้อยยามนี้ก็สามารถมองเห็นเค้าโครงหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
"นายของเ้าเหนื่อยแล้ว อย่ารบกวนนางเลย ให้นางหลับเถอะ" เฉินิเอ่ยเสียงเรียบ "เ้าออกไปก่อน"
หวนเอ๋อร์หลุบสายตา ยอบกายคำนับ "บ่าวทูลลา"
เฉินิมองหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า นางกำลังหลับสบายดวงหน้าพริ้มเพราสงบนิ่ง ท่าทางต่างกับยามปรกติลิบลับ เขายิ้มมุมปากเยาะหยัน "ผู้หญิงคนนี้มีเวลาที่เงียบสงบได้เหมือนกัน น่าเสียดาย พอลืมตาทีไร ก็กลายเป็สตรีน่ารำคาญอยู่ร่ำไป"
ทว่าชีวิตของเขาก็เพียรต้องมาผูกติดกับสตรีน่ารำคาญคนนี้อย่างเสียไม่ได้ กวาดมองไปทั่วแว่นแคว้น เขาแตะต้องได้แต่นางคนเดียว แท้จริงแล้วนี่คือโชคชะตาหรือว่าเวรกรรมกันแน่?
เฉินินั่งลงข้างเตียงมองถังชิงหรู รอยยิ้มอ่อนโยนวาบผ่านแววตา เอื้อมมือไปััดวงหน้าจิ้มลิ้มของนาง ปลายนิ้วััได้ถึงความนุ่มเนียนละเอียดของผิวนาง
ถังชิงหรูรู้สึกจั๊กจี้ จึงสะบัดมือตบอย่างแรงราวกับกำลังตบยุงดังเพียะ หลังมือของเฉินิปรากฏรอยห้านิ้วในฉับพลัน
ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บ ถลึงตาใส่สตรีที่หลับอยู่อย่างโกรธเกรี้ยว พลางแค่นเสียงหึกล่าวว่า "เ้าเป็สตรีรึเปล่าเนี่ย มีสตรีที่ไหนเป็อย่างนี้บ้าง"
ถังชิงหรูกำลังหลับลึก ย่อมไม่มีทางตอบคำถามเฉินิ ถ้าหากนางได้ยิน ก็คงจะตอบเขาไปว่า "เป็ท่านที่เกิดผิดยุคสมัยเอง หากท่านไปเกิดในโลกอนาคต เอาแค่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดก็เพียงพอที่จะทำให้ท่านตะลึงพรึงเพริดได้แล้ว"
ั้แ่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด สถานะของสตรีก็เริ่มสูงขึ้น แม้จะกล่าวว่าชายหญิงมีความเท่าเทียมกัน แต่แท้จริงแล้วั้แ่ตอนนั้น สตรีก็เริ่มมีอำนาจแข็งแกร่งและเข้ามาตำแหน่งหน้าที่ของบุรุษแล้ว ดังนั้นเมื่อมาถึงศตวรรษที่สามสิบเอ็ด ผู้เก่งกล้าสามารถในแต่ละสาขาอาชีพจำนวนมหาศาลล้วนเป็เพศหญิง แม้แต่นักรบของสมาพันธรัฐแห่งดวงดาวส่วนใหญ่ก็ยังเป็สตรี
แต่หาใช่ว่าเพศบุรุษจะไร้สถานะไปเสียทีเดียว เพียงแต่เมื่อเทียบก็สตรีในยุคนี้แล้ว ผู้หญิงในโลกอนาคตมักครองตัวเป็โสดยืนหยัดบนลำแข้งของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายในการดำรงชีวิต
เฉินิรู้สึกคันใบหน้า ทรมานอยู่บ้างเล็กน้อย แต่เขาก็อดทนไม่เกา มิเช่นนั้นก็คงไม่ฟื้นฟูเร็วขนาดนี้ เดิมทีเขาไม่คิดจะออกมานอกจวน ปรกติก็ไม่ชอบออกมาอยู่แล้ว ยิ่งใบหน้ากลายเป็แบบนี้เขายิ่งไม่อยากไปไหน แต่พอได้ข่าวที่พ่อบ้านส่งมา ก็เลยต้องมาพบนางอย่างอดไม่ได้
พ่อบ้านบอกว่าสาวใช้ของนางถูกคนรังแก จวนของนางถูกทุบทำลายข้าวของ ชั่วขณะนั้นหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว โทสะเพลานั้นมากยิ่งกว่าตอนที่ตนเองถูกคนปล่อยข่าวลือส่งเดชเสียอีก จึงไม่นำพาใบหน้าอัปลักษณ์ของตนเอง ต้องมาดูนางให้ได้ถึงจะวางใจ
เขานอนลงด้านข้างของถังชิงหรู หันหน้าเข้าหานางก่อนหลับตาลง กลิ่นหอมเย็นโชยมาต้องจมูก ััได้ถึงเรือนร่างอ่อนนุ่ม ใบหน้าของเขาก็ผุดรอยยิ้มงามตระการ
"เฮ้ย..." พอถังชิงหรูลืมตาขึ้น เห็นใบหน้าราวกับหัวสุกรปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ใคิดจะเหวี่ยงกำปั้นออกไป ทว่าก่อนที่หมัดของนางจะชนเข้าที่จมูกของเฉินิ นางก็ได้สติขึ้นมาก่อน สุดท้ายพอเห็นชัดว่าเป็เขา ถึงลุกขึ้นมานั่งมอง พลางเอ่ยด้วยความไม่พอใจ "ท่านเห็นข้าเป็มารดาหรือไร หรือเพราะมีแต่ข้าที่ท่านััได้ถึงตามตอแยข้าไม่เลิกเสียที ไม่ได้! ข้าต้องรีบรักษาท่านให้หายโดยเร็ว"
รักษาเขาไม่หาย วันหนึ่งเขาก็ไม่อาจแตะต้องสตรีอื่น ต่อไปจะต้องตามตอแยนางไม่เลิกราเป็แน่ หากรักษาเขาให้หายได้ สาวงามไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็สามารถััเขาได้ สายตาเขาคงจะถูกสาวงามเ่าั้ดึงดูดจนเคลิบเคลิ้มหลงใหล แม้แต่ตัวเองเป็ใครก็อาจจะหลงลืม แล้วจะจำนางได้อย่างไร
ถังชิงหรูจับชีพจรให้เขาอีกครั้ง จังหวะชีพจรของเขาบ่งบอกถึงความแข็งแรงของร่างกาย ส่วนที่เคยทรุดโทรม ยามนี้ก็ฟื้นฟูกลับมาเกือบสมบูรณ์แล้ว ส่วนพิษที่เคยได้รับก็ถูกขับออกจากร่างกายจนหมดสิ้น เนื่องจากนางให้เขากินโอสถอยู่เป็ประจำ
"น้องสาว... เ้าอย่าเพิ่งไปสิ" เฉินิคว้าแขนของถังชิงหรูไว้
นางกำลังจะลงจากเตียงแต่ยามนี้แขนของตนเองถูกเขารั้งไว้จึงขยับไม่ได้ นางมุ่นคิ้วขมวด บีบจมูกของเขาแล้วกล่าวอย่างหงุดหงิด "ลุกขึ้นมาได้แล้ว"
เฉินิใลืมตาขึ้น ยามเห็นถังชิงหรู ความหวาดผวาในแววตาก็เลือนหายไป กลายเป็ความงุนงงเข้ามาแทนที่
"แค่แตะหน่อยเดียว ไม่ต้องใขนาดนี้ก็ได้" ถังชิงหรูเองก็ใกับการตอบสนองของเขา
"ก็เ้าไม่ได้ป่วยเป็โรคประหลาดอย่างนี้นี่" เฉินิหลุบสายตา พลางเอ่ยด้วยความรู้สึกฝาดเฝื่อน "ได้ยินว่าจวนเ้าถูกคนบุกเข้ามาทำลายข้าวของ ข้าก็เลยมาดูเ้าหน่อย"
ถังชิงหรูเคยชินกับการต่อปากต่อคำกับชายหนุ่ม พอเห็นเขามีท่าทีเปลี่ยนไปแบบนี้ ถ้อยคำที่ติดอยู่ริมฝีปากก็พูดไม่ออก จึงเอ่ยเสียงเรียบ "เช่นนั้นก็ขอบคุณ"
"เ้าหน้าที่ทางการจับพวกเขามาขังไว้แล้ว เ้าอยากให้พวกเขาอยู่ในคุกนานเท่าไร ก็ให้พวกเขาอยู่นานเท่านั้น" เฉินิวางมือลง จ้องหน้านางพลางกล่าวว่า "หากเ้ายังรู้สึกไม่สาแก่ใจข้าจะขับไล่พวกเขาออกจากเมือง ไม่ให้มาปรากฏตัวต่อหน้าเ้าอีกต่อไป"
ถังชิงหรูหัวใจบีบรัด มองเฉินิก่อนเอ่ยว่า "ท่านไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ ที่จริงเป็แค่เื่เล็กน้อย ข้าจัดการเองได้ ที่ไปแจ้งทางการก็แค่อยากข่มขู่พวกเขาให้ตระหนักว่าตนเองทำเื่โง่งมลงไปแค่ไหน แค่ชาวบ้านธรรมดาไม่กี่คนเอง ไม่ถึงกับต้องให้ท่านออกหน้าหรอก"
"เ้าเป็คนของเปิ่นหวาง แม้จะเป็เพียงเื่เล็กที่ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ แต่สำหรับเปิ่นหวางแล้วเป็เื่สำคัญยิ่ง" เฉินิแค่นเสียงกล่าวว่า "เปิ่นหวางยินดีทำเช่นนี้"
"เป็ท่านอ๋อง มีบุญบารมียิ่งใหญ่ มิเคยถูกผู้อื่นปฏิเสธ ้าสิ่งใดก็ได้มาโดยง่าย ทั้งยังสามารถบงการชีวิตของผู้อื่น แต่ท่านเคยใคร่ครวญบ้างหรือไม่ ว่าการทำเช่นนี้ ท่านยิ่งไม่ได้รับความจริงใจ ทุกคนต่างกลัวท่าน ต่อหน้าก็เสแสร้งยินดี แต่ลับหลัง..." ถังชิงหรูไม่กล่าวให้จบ แต่ด้วยสติปัญญาอันปราดเปรื่องของเฉินิ ย่อมเข้าใจความหมายของนาง
"เ้าก็กลัวเปิ่นหวางเหมือนกันหรือ" เฉินิหันมามองสตรีตรงหน้า "ทำไมข้าไม่เห็นความหวาดกลัวในตาของเ้าสักนิดเลยล่ะ"
"ไฉนข้าต้องกลัวท่านด้วยเล่า ชีวิตท่านอยู่ในกำมือข้านะ" ถังชิงหรูยิ้มพราย "หากจะกลัว ก็ควรเป็ท่านที่กลัวข้ามากกว่า"
"งั้นก็จบ" เฉินิลุกขึ้นมานั่ง ความผยองวาบผ่านแววตาเฉยชา "คนที่ข้าใส่ใจไม่กลัวข้า กับคนอื่นกลัว มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน"
ถังชิงหรูส่ายหน้าอย่างระอาใจ เอ่ยพลางทอดถอนใจ "สังคมที่ไร้สิทธิมนุษยชนก็เป็แบบนี้เอง ช่างเถอะ ความคิดของพวกเราหาได้อยู่ในระดับเดียวกัน พูดกันไปก็ไม่เข้าใจ"
"นี่... ข้าหิวแล้ว" เฉินิมองหลังของถังชิงหรู
นางเก็บผ้าห่มพลางกล่าวว่า "ลงมาสิ"
"เปิ่นหวางอุตส่าห์ลำบากมา ตอนนี้เหนื่อยจนจะไม่ไหวแล้ว ให้เปิ่นหวางนอนอีกครู่หนึ่งไม่ได้หรือ" เฉินิขึงตาใส่นาง น้ำเสียงเจือไปด้วยการตัดพ้อ
"ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้ หากพวกสาวใช้มาเข้ามาเห็น ไม่รู้จะคิดอย่างไรกันบ้าง" ถังชิงหรูหาเหตุผลมากล่าวอ้าง
แต่ไรมานางไม่เคยใส่ใจคำกล่าวของผู้อื่น เพียงแต่เฉินิติดนางเกินไป นางไม่อยากให้เขาคอยตามตอแยเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้นจำเป็ต้องให้เขาเข้าใจว่าขอบเขตระหว่างเขาและนางอยู่ที่ตรงไหน ยิ่งนางตามใจให้ท้ายเขา เขาก็จะยิ่งแก้โรคเก่านี้ไม่หาย
เฉินิค้อนควักใส่นางอยู่นาน จนกระทั่งมีเสียงดังมาจากด้านนอก เฉินิถึงลุกขึ้นยืน
"ท่านอ๋อง มีพระบรมราชโองการมาที่จวน ท่านพ่อบ้านให้ท่านรีบกลับไปรับราชโองการเ้าค่ะ"
"ราชโองการ?" เฉินินึกประหลาดใจ "พระเชษฐามีเื่อันใดส่งคนมาแจ้งข้าก็ได้ ไฉนถึงต้องมีพระบรมราชโองการมาถึงข้า"
"ต้องเป็เื่สำคัญมากแน่ๆ " ถังชิงหรูเดาได้ั้แ่ครั้งก่อนว่าเฉินรุ่ยก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
เพียงแต่ฮ่องเต้ยังหนุ่มขนาดนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีอำนาจแท้จริง อำนาจการบริหารบ้านเมืองล้วนอยู่ในมือของอัครเสนาบดีและขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกสองคน ดังนั้นฮ่องเต้และราชนิกุลก็คงไม่สบายใจเท่าไรนัก เพราะความเป็ความตายของพวกเขาอยู่ในกำมือของผู้อื่น
"ข้าจะกลับไปดูก่อน" เฉินิเอ่ย
ถังชิงหรูมองเขาวิ่งออกไป ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก คลับคล้ายว่าจะมีเหตุร้ายอันใดสักอย่างเกิดขึ้น