อั้นจิ่วทรมานแทบขาดใจ มิอาจตอบกลับคำถามของเคอโยวหรานได้เลยสักนิด
เขาคิดว่า หากได้ตายยังกลับกลายเป็การปลดปล่อย แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเช่นไรก็มิอาจตาย วันคืนเช่นนี้ทรมานเขาจนจวนจะเสียสติแล้ว
ต้วนเหลยถิงดูออกถึงความผิดปกติของอั้นจิ่ว นึกกังวลว่าพวกตนอาจจะทรมานคนจนตายจริงๆ
เขากับโยวหรานยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะถาม หากปล่อยให้อั้นจิ่วตายไปง่ายๆ เช่นนั้นคงทำให้อีกฝ่ายได้เปรียบจนเกินไป
ครั้นคิดเช่นนี้ ต้วนเหลยถิงจึงสวมผ้าคลุมให้อั้นจิ่ว
ครั้นิัไม่ััการแผดเผาของแสงแดดอีกต่อไป อั้นจิ่วก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เขาหอบหายใจพลางปรับท่าทีของตน
พั่วหุนเอ่ยด้วยความเป็กังวลว่า “นายหญิงไม่กลัวว่าในปากของอั้นจิ่วจะมียาพิษซ่อนอยู่และกินพิษเพื่อฆ่าตัวตายหรือขอรับ?”
เมื่อเคอโยวหรานพบว่าท่าทีของอั้นจิ่วผิดปกติ นางพลันตั้งสมาธิเข้าสู่มิติวิเศษและพลิกอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์พิษในตำราที่เซียนพิษมอบให้นาง
เวลานี้ เคอโยวหรานไม่กังวลว่าอั้นจิ่วจะฆ่าตัวตายแม้แต่นิด นางอดยกยิ้มหวานมิได้ ก่อนจะโบกมือเอ่ยว่า
“คนผู้นี้คืุ์พิษ ทั้งยังคงแช่อยู่ในน้ำยาเป็เวลาหลายสิบปีเช่นวันแรก กินยาพิษเยอะยิ่งกว่าข้าวที่เขาเคยกินเสียอีก
ในใต้หล้านี้มียาพิษเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถออกฤทธิ์กับร่างกายของเขา ภายในซอกฟันจึงมิได้ซ่อนพิษเอาไว้แต่อย่างใด
อ้อ ใช่แล้วพั่วหุน นับแต่นี้ไปเ้าเรียกสามีของข้าว่านายน้อย และเรียกข้าว่าฮูหยินน้อยเถิด!”
“ขอรับ” พั่วหุนประสานมือคารวะ
กล่าวตามตรง พั่วหุนรู้สึกนับถือบุรุษผู้นี้ที่สามารถจัดการอั้นจิ่วจนกลายเป็ ‘สัตว์ลำตัวอ่อนนิ่ม’ ได้จริงๆ
เพราะอั้นจิ่วเป็ถึงผู้ที่กดข่มพั่วหุนมาเป็เวลากว่าสองปี การต่อต้านที่เพียรพยายามนับครั้งไม่ถ้วนล้วนแต่จบลงด้วยความล้มเหลวทุกครั้ง
แม้จะยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของบุรุษผู้นี้ แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อความเลื่อมใสที่พั่วหุนมีต่ออีกฝ่าย เขายอมรับบุรุษผู้นี้เป็เ้านายแล้ว
เคอโยวหรานเห็นอั้นจิ่วผ่อนคลายลงจึงถามเขาว่า “เ้านายของเ้าคือผู้ใด? สั่งสมกองกำลังส่วนตัวเช่นนี้คิดจะทำสิ่งใด? แผนที่บนกายของเ้าเอาไว้ทำอันใด?”
อั้นจิ่วกัดริมฝีปากแน่น ไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว กระทำการปิดเปลือกตาแน่นแสร้งตายไปเสีย
เคอโยวหรานไม่อยากปล่อยให้เขาได้ใจจึงข่มขู่ว่า “รู้หรือไม่ว่าอาจารย์ของข้าคือผู้ใด? รู้จักเซียนพิษหรือไม่? เื่มนุษย์พิษเช่นนี้มีบันทึกอยู่ในตำราที่เขามอบให้ข้าตั้งมากมาย เ้ากลัวสิ่งใดไม่กลัวสิ่งใด ข้าย่อมรู้ดีเป็ที่สุด
ดูจากท่าทางนี้ของเ้า คาดว่าคงจะได้ลิ้มลองการทรมานทุกชนิดมาหนึ่งรอบแล้วกระมัง? ไม่เป็ไร สิ่งที่ข้ามีเยอะที่สุดก็คือเวลา พวกเราค่อยๆ ใช้มันไปด้วยกันอย่างช้าๆ เป็พอ”
เคอโยวหรานรู้สึกได้ว่าอั้นจิ่วกายสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด รับรู้ว่าเขาได้ยินสิ่งที่นางกล่าวแล้ว จึงเอ่ยต่อไปว่า
“มนุษย์พิษเช่นเ้า นับได้ว่ามีเพียงหนึ่งถึงสองจากคนนับหมื่น มีชีวิตอยู่ไม่ง่ายทีเดียว ทว่าสำหรับเ้าแล้ว การตายยังยากยิ่งกว่า ใช่หรือไม่?
ข้าเชื่อว่าเ้ามิได้พยายามฆ่าตัวตายแค่ครั้งเดียว ทุกครั้งล้วนแต่ไม่สำเร็จ มิสู้เชื่อฟังข้า ข้าจะหายามาทำให้เ้าค่อยๆ กลับกลายเป็คนธรรมดา เป็อย่างไร?”
อั้นจิ่วที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมเบิกตาโต ใช้สายตาฉายแววไม่อยากเชื่อทอดมองไปทางสตรีที่ย่อกายอยู่ตรงหน้าผ่านหมวกผ้าคลุม
นับั้แ่วันที่เขากลายเป็มนุษย์พิษ อั้นจิ่วพบว่าตนค่อยๆ สูญเสียความรู้สึกทั้งห้า ไม่ว่าจะถูกผู้อื่นทุบตีเช่นไรก็ไม่รับรู้ถึงความเ็ป
แต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์สาดส่อง ทั่วทั้งร่างก็จะรู้สึกเ็ปอย่างไร้ที่สิ้นสุด
มีเพียงเื่ชายหญิงที่ทำให้เขายังรู้สึกได้ว่าตนยังมีชีวิตอยู่ ยังเป็บุรุษผู้หนึ่ง
ทว่ามิได้ เขามิอาจทรยศนายท่าน เพราะเขาต้องกลับไปแช่ยาต้มทุกเดือน และยาต้มของเขาล้วนแต่ถูกเบื้องบนส่งมอบลงมา
ในแต่ละครั้งนายท่านจะให้เขาแช่ยาต้มที่มีระยะเวลาสามเดือน หากเขาเลือกที่จะหักหลัง เมื่อไม่มียาต้ม เขาก็จะต้องมีชีวิตอยู่มิได้ จะตายก็มิได้เช่นกัน
ทุกสิ่งที่สตรีตรงหน้ากล่าวมาเป็เพียงคำโกหก ตนจะเชื่อไม่ได้โดยเด็ดขาด
เมื่อคิดเช่นนี้ อั้นจิ่วก็แค่นหัวเราะเอ่ยว่า “เ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเ้าคือศิษย์ของเซียนพิษ? แค่เพราะเ้ารู้วิชาพิษเล็กน้อยก็คิดว่าจะเอาชื่อของเซียนพิษมาหลอกลวงผู้อื่นได้แล้วงั้นหรือ?”
เคอโยวหราน “...?”
ในตายเถิด เพิ่งจะเคยพบผู้ที่สงสัยในตัวนางเป็ครั้งแรก ช่างเป็ประสบการณ์ที่แปลกใหม่เสียจริง แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่านางคือศิษย์ของตาเฒ่าเล่า?
ขณะครุ่นคิด พลันได้ยินอั้นจิ่วปริปากเอ่ยว่า “เช่นนั้นเ้าสามารถเอาเครื่องพิสูจน์ที่สื่อถึงสำนักพิษออกมาได้หรือไม่?”
เครื่องพิสูจน์? เคอโยวหรานดวงตาเป็ประกาย ภายในมิติวิเศษมิใช่ว่ามีจี้หยกของตาเฒ่าพิษอยู่หรืออย่างไร?
สติพลันจมดิ่งเข้าสู่มิติวิเศษและหาจี้หยกจนพบ
หลังจากนั้น...
นี่นางเห็นสิ่งใดวางอยู่ข้างจี้หยกที่อยู่ในลิ้นชักกัน?
คือแผนที่แผ่นหนึ่งที่ผิวััคล้ายคลึงกับแผนที่ซึ่งพบบนกายของอั้นจิ่วอย่างยิ่ง
ในที่สุดเคอโยวหรานก็นึกขึ้นได้ นี่มิใช่แผนที่ที่ค้นมาจากบนกายของกุ่ยโส่วหรอกหรือ?
ยามนั้นเคอโยวหรานคิดเพียงว่าจะหนีออกจากจวนสกุลต่งอย่างไร หลังเก็บแผนที่ไว้ในมิติวิเศษ นางก็ทิ้งเื่ราวทั้งหมดไว้หลังกลีบเมฆเสียแล้ว
เพียงแต่การได้เห็นแผนที่ในยามนี้ไม่นับว่าสายเกินไป เคอโยวหรานหยิบจี้หยกของเซียนพิษออกมาโบกไปมาต่อหน้าอั้นจิ่ว รอกระทั่งเขามองเห็นชัดเจนจึงค่อยเก็บเข้าไปอีกครั้ง
“ซี้ด...” อั้นจิ่วกับพั่วหุนเห็นจี้หยกก็พากันสูดอากาศเย็นหนึ่งเฮือก
์ นี่พวกเขาได้เห็นสิ่งใดกัน?
นึกไม่ถึงว่าป้ายคำสั่งเ้าสำนักของสำนักพิษจะอยู่ภายในมือแม่นางน้อยผู้นี้ เซียนพิษมอบของสำคัญเช่นนี้ให้แม่นางน้อยผู้หนึ่งจะดีหรือ?
อั้นจิ่วนึกถึงปรมาจารย์ที่ทำให้เขากลายเป็มนุษย์พิษอย่างอดมิได้ กล่าวได้ว่าคนผู้นั้นตามหาป้ายเ้าสำนักพิษจนแทบจะเสียสติแล้วกระมัง?
ฮ่าๆๆ... หากเ้าปีศาจผู้นั้นรู้ว่าสิ่งที่พยายามตามหาอย่างยากลำบากแต่กลับไม่พบอยู่บนกายของแม่นางน้อยผู้หนึ่ง ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะโมโหเจียนตายถึงขั้นใด?
ในเมื่อป้ายเ้าสำนักอยู่บนกายของนาง เช่นนั้นก็หมายความว่าสตรีผู้นี้เป็ผู้สืบทอดสำนักพิษ ไม่แน่ว่านางอาจเก่งกาจยิ่งกว่าปีศาจผู้นั้นเสียด้วยซ้ำ
เคอโยวหรานเห็นท่าทีตอบสนองของอั้นจิ่วก็เอ่ยวาจาข่มขู่ต่อไปว่า “เ้าเห็นเครื่องพิสูจน์แล้ว ยามนี้ตอบคำถามของข้าได้แล้วกระมัง?
หากไม่พูด จงระวังว่าข้าจะเปิดผ้าคลุมของเ้าออกจนหมด จากนั้นปล่อยให้เ้าตากแดดสักครึ่งชั่วยาม ข้าคาดว่าสำหรับเ้าแล้ว การทำเช่นนี้น่าจะรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก”
อั้นจิ่วหลุดออกจากความคิดของตนในทันที เขาสะดุ้งโหยงก่อนจะตอบกลับอย่างสั่นเทาว่า
“ข้าสามารถบอกสิ่งที่รู้แก่เ้า แต่หวังว่าเ้าจะรักษาสัญญา ช่วยทำให้ข้ากลับไปเป็คนธรรมดาผู้หนึ่ง”
เคอโยวหรานพยักหน้า “เื่นี้ไม่เป็ปัญหา เพียงแต่เ้าอย่าได้หลอกลวงข้าเป็อันขาด หากข้ารู้ว่าสิ่งที่เ้าพูดคือเื่โกหกละก็ เหอๆ...”
อั้นจิ่วสั่นสะท้าน เขามีความรู้สึกหวาดกลัวต่อสำนักพิษโดยธรรมชาติประการหนึ่ง พลันพยักหน้าอย่างรีบร้อน บอกเล่าเื่ที่ตนรู้ออกไปจนหมดเปลือก
“ข้าไม่รู้ว่าคนที่อยู่เื้ัคือผู้ใด ข้ารู้เพียงว่าเหนือหัวของข้าคืออั้นปา [1] ข้าติดต่อกับเขาเพียงฝ่ายเดียว
หากอั้นปาให้ข้าทำสิ่งใด ข้าก็จะทำสิ่งนั้น ส่วนเื่สั่งสมกองกำลังทหารส่วนตัวเพื่อทำอันใด ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
ต้วนเหลยถิงขมวดคิ้ว โบกแผนที่ไปมาต่อหน้าอั้นจิ่วก่อนเอ่ย “แผนที่นี้มีเอาไว้ทำอันใด?”
ั์ตาของอั้นจิ่วหรี่เล็กลง เขาสูดหายใจเข้าลึกและตอบว่า “ข้าไม่รู้ว่าแผนที่มีเอาไว้ทำอันใด รู้เพียงว่ามีแผนที่เช่นนี้ทั้งหมดห้าแผ่น หน้าที่ของพวกข้าก็คือการเก็บรวบรวมพวกมัน
ขอเพียงรวบรวมแผนที่ทั้งหมดได้และนำมารวมกันเป็หนึ่งแผ่น จึงจะตามหาสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งพบ
กล่าวกันว่าสถานที่แห่งนั้นมีสมบัติให้ใช้ไม่รู้จักหมดสิ้น ทั้งยังมีกองทัพลับกองหนึ่ง เป็กองทัพของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแคว้น พวกเขาไม่มีาใดที่ไม่ชนะ ดังนั้นเมื่อได้รับแผนที่มาก็เท่ากับได้ทั้งใต้หล้า”
ดวงตาของต้วนเหลยถิงหรี่ลงโดยมิอาจสังเกต เขาส่งแผนที่ให้โยวหรานนำไปเก็บไว้ในมิติวิเศษ
หากจำไม่ผิด เขาเคยเห็นแผนที่หนังวัวที่คล้ายคลึงกับแผนที่นี้ไม่มีผิดในห้องตำราของบิดา
หรือว่า นี่ก็คือสาเหตุที่ครอบครัวของพวกเขาต้องพานพบหายนะอย่างกะทันหันเช่นนั้นหรือ?
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] อั้นปา 暗八 หมายถึง เงามืดลำดับที่แปด