พอเห็นท่าทีของนาง ซุนเถียนก็รู้เท่าทันความคิด เขารีบพุ่งเข้าไปกอดิเป่าจูไว้แน่น ขวางทางของนางไว้
"จับนางไว้ อย่าให้หนีไปได้!"
ส่วนเหมียวซิ่วหลันพอเห็นดังนั้นก็ตั้งสติได้ กลัวว่าิเป่าจูจะหนีไป ทิ้งให้บุตรสาวกับบุตรเขยต้องทนทุกข์ทรมาน จึงเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว
"ปล่อย ปล่อยข้านะ!"
ััจากทุกที่บนร่างกายทำให้นางรู้สึกขยะแขยง ิเป่าจูจึงได้แต่เตะขาสะบัดมือ ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ทว่าสู้แรงไม่ไหว ถูกซุนเถียนรวบตัวเอาไว้แน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้
ทันใดนั้นแรงที่รัดตัวอยู่ก็คลายลง ิเป่าจูได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปดังมาจากด้านหลัง
หลังจากดิ้นรนจนเป็อิสระ หันกลับไปมอง ก็เห็นซุนเถียนถูกบิดแขนกดให้คุกเข่าลงกับพื้น ส่วนคนที่กำลังบีบข้อมือเขาอยู่ก็คือหลี่ไหวฺอวี้
…
"ไยเป่าจูยังไม่มาอีกเล่า ตาแก่ ท่านไปดูหน่อยซิ" ป้าจงทำเนื้อตากแห้งเสร็จแล้ว แต่เห็นว่าิเป่าจูยังไม่มา จึงเร่งเร้าให้ลุงกู้ไปตาม
"ไม่ต้องหรอกขอรับท่านลุง ข้าจะไปตามพี่หญิงเอง" ิเป่าอวี้เอ่ยปากอย่างรู้ความ
ป้าจงเอ็นดูพวกเขาสองพี่น้อง มีอะไรก็มักจะให้ลุงกู้เป็คนทำให้เสมอ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็แล้วไป แต่ในเมื่อรู้แล้วจะให้คนชราต้องเหนื่อยอีกได้อย่างไร
แต่พอลุกขึ้นยืนก็ถูกแรงหนึ่งกดไหล่เอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดพี่ไหวฺอวี้ถึงกดไหล่เขาไว้
"ข้าไปเองดีกว่า" หลี่ไหวฺอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจไปตามิเป่าจูด้วยตนเอง
สองวันมานี้เขารู้สึกว่าตนเองมีบางอย่างที่ผิดแปลกไป เหมือนมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในใจตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเห็นิเป่าจู อารมณ์คุกรุ่นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปสายนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
มักนึกถึงบทสนทนาของคนหลายคนที่อยู่ในห้องวันนั้นที่กู้ชิงชิงกลับมา
หลี่ไหวฺอวี้จึงตัดสินใจว่าจะไม่พูดคุยกับิเป่าจู จนกว่าจะรู้ว่าอารมณ์เหล่านี้มาจากที่ใด ด้วยเกรงว่าตนเองจะพลั้งปากพูดอะไรที่ทำให้คนเจ็บช้ำน้ำใจออกไป
แท้จริงแล้วไม่จำเป็ต้องทำถึงขนาดนั้น
แต่หลี่ไหวฺอวี้ไม่รู้จริงๆ ว่า คำพูดของตนเองในยามปกติก็ทำร้ายจิตใจผู้คนมากพออยู่แล้ว
นานวันเข้า เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าบรรยากาศการอยู่ร่วมกันเยี่ยงนี้มันแปลกชอบกล
เวลานี้จึงเป็โอกาสให้เขาลงตรงทางลาด [1] ได้พอดี
ยังไม่ทันเดินไปถึงหน้าบ้าน ก็เห็นชาวบ้านหลายคนมายืนมุงดูเหตุการณ์แต่ไกล พลางชี้ไม้ชี้มือเข้าไปในบ้าน
มีหลายคนทำท่าอยากจะเข้าไปแต่ไม่กล้า หลี่ไหวฺอวี้มุ่นคิ้วขมวด สัญชาตญาณแรกบอกเขาว่าคู่สามีภรรยาสกุลิมารังควานิเป่าจูอีกแล้ว
จึงเร่งฝีเท้าเข้าไปในฝูงชน เมื่อเห็นอย่างชัดเจน เขาเดาไม่ผิดจริงเสียด้วย!
ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าประตู ก็เห็นิเป่าจูถูกชายคนหนึ่งรวบตัวเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเ็ป เขาเืขึ้นหน้าในฉับพลัน พุ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
พอตั้งสติได้ ชายคนนั้นก็ถูกเขากดลงกับพื้นเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังลงมืออย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังใช้ทักษะการต่อสู้ที่ร้ายกาจถึงขั้นเอาชีวิตอีกด้วย
ั์ตาทั้งสองข้างดำทะมึน หลี่ไหวฺอวี้ปล่อยมือออก โยนซุนเถียนไปด้านข้างราวกับขยะชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองิเป่าจู
"เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่"
ลำคอิเป่าจูแห้งผาก นางพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอพลางส่ายหน้า
หลี่ไหวฺอวี้อ้าปาก คิดจะพูดบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าชาวบ้านที่ยืนดูเหตุการณ์คนใดเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มจะเลยเถิดไปกันใหญ่ จึงวิ่งไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา
"นี่มันเื่อะไรกัน ิเถี่ยจู้ หวังซื่อ พวกเ้ามาหาเื่แม่หนูเป่าจูอีกแล้วหรือ"
ทันทีที่หัวหน้าหมู่บ้านก้าวเท้าเข้ามา ยังไม่ทันได้ถามเื่ราวอันใด ก็เอ่ยปากตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด
เื่นี้จะโทษหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่ได้ เพราะิเถี่ยจู้กับภรรยามักจะมาหาเื่ิเป่าจูที่นี่เป็ประจำ ทุกครั้งก็ชอบลากหัวหน้าหมู่บ้านมาตัดสินความเป็ธรรม
แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ล้วนไม่เป็ผลดีต่อพวกเขา ซ้ำยังทำให้หัวหน้าหมู่บ้านเสียหน้าอยู่หลายครั้งหลายครา จนเขาค่อยๆ แยกแยะได้เองว่าอะไรเป็อะไร
ประกอบกับ่นี้ิเป่าจูทำคุณประโยชน์ให้กับหมู่บ้านไม่น้อย ผนวกกับความประพฤติที่แสดงออกมาก็เป็ที่ประจักษ์ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนางไปแล้ว
โดยเฉพาะหัวหน้าหมู่บ้าน ยิ่งต้องให้การดูแลนางเป็พิเศษ เพราะนางเป็ลูกศิษย์ของผู้สูงส่ง
สามีภรรยาสกุลิโกรธจนแทบกระอัก แต่กลับต้องสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ปริปาก ด้วยยัง้าให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยจัดการแทนพวกเขาอยู่
"ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ในที่สุดท่านก็มาได้เสียที รีบมาดูเข้าสิ เด็กคนนี้คงจะเสียสติไปแล้ว คิดสังหารแม้กระทั่งลุงแท้ๆ ของตนเอง"
หวังซื่อประคองิเถี่ยจู้ที่ยังคงร้องครวญครางด้วยความเ็ป เดินโซซัดโซเซไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน พลางดึงมือของเขาออกเพื่อให้ดูาแซึ่งมีเืไหลที่หน้าผากของิเถี่ยจู้อย่างชัดเจน
"แม่หนู นี่เ้าเป็คนทำรึ"
หัวหน้าหมู่บ้านไม่อยากจะเชื่อ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แม้จะเกลียดชังอีกฝ่ายมากเพียงใด ก็ไม่น่าจะกล้าลงมือโเี้เช่นนี้
"ข้าเป็คนทำเองเ้าค่ะ"
กล้าทำก็กล้ารับ ไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด ต่อให้ฆ่าิเถี่ยจู้ตายไปจริงๆ ในวันนี้ นางิเป่าจูก็จะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว
"เ้า..."
หัวหน้าหมู่บ้านอดถอนหายใจไม่ได้ คิดจะตำหนิสองสามประโยคแต่กลับไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
สามารถบีบบังคับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไร้กำลังแม้แต่จะมัดไก่ได้ถึงขั้นนี้ แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาคู่สามีภรรยาสกุลิทำกับนางได้เืเย็นเพียงใด
"ไปตามคนมาทำแผลให้เถอะ จะปล่อยให้เืไหลเช่นนี้ไม่ได้"
อย่างไรเสียเขาก็เป็หัวหน้าหมู่บ้าน ต่อให้รังเกียจิเถี่ยจู้กับภรรยาเพียงใด ก็ไม่อาจนิ่งดูดาย ปล่อยให้ิเถี่ยจู้าเ็โดยไม่สนใจใยดี
ทุกคนต่างมองไปที่ิเป่าจู มีท่านหมอทักษะการแพทย์เลิศล้ำอยู่ตรงหน้า ยังต้องไปตามผู้ใดมาทำแผลอีกหรือ สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนใจก็คือ าแนี้เป็ฝีมือของนางเอง
ิเป่าจูยืนหลุบสายตาก้มหน้าอยู่กับที่ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ท่าทีเฉยเมยเช่นนั้นใครเล่าจะกล้าออกคำสั่งกับนาง คะเนว่าต่อให้หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยปากก็คงไม่เป็ผล
"ส่งไปที่ร้านของหลี่ฟู่กุ้ยเถอะ" หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้าอย่างจนใจ หวังซื่อกำลังจะก้าวเท้าออกไป ก็ถูกขัดจังหวะ "หวังซื่อ เ้าอยู่ก่อน"
เื่ราวยังไม่กระจ่าง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามไปไหนทั้งสิ้น ยกเว้นิเถี่ยจู้ที่าเ็จนเกือบสลบไปแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ ช่วยกันพยุงเขาไปหาหมอ หวังซื่อก็ถูกรั้งไว้สอบถาม
"ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านช่วยบอกทีเถอะ การเป็ผู้ใหญ่อย่างพวกเรามันง่ายนักหรือ ความตั้งใจดีกลับถูกมองเป็ดังตับปอดลา ซ้ำยังทำให้สามีข้าต้องมาเจ็บตัวเปล่าๆ ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ไรมาท่านเป็คนเที่ยงธรรมมีความน่าเชื่อถือที่สุด ต้องให้ความเป็ธรรมกับพวกเราด้วยนะเ้าคะ"
หวังซื่อเห็นว่าหัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาแทรกแซง ไม่รู้ว่านางไปเอาความมั่นใจมาจากไหน จึงพูดเติมน้ำมันใส่น้ำส้ม ให้ร้ายิเป่าจูอย่างเต็มที่ ั้แ่เื่ตบตี กระด้างกระเดื่อง ไม่เคารพผู้ใหญ่
แน่นอนว่าต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดปัญหา พูดถึงแต่สิ่งที่ไม่สำคัญ ปกปิดความผิดของคนในครอบครัวตนเอง เล่าแต่เพียงว่าการแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว กลัวว่าิเป่าจูจะไม่ยินยอมจึงมาเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี
"การตัดสินคดีต้องฟังความจากสองฝ่าย คิดจะบิดเบือนความจริง เห็นท่านหัวหน้าหมู่บ้านโง่เขลาเบาปัญญาหรืออย่างไร"
หลี่ไหวฺอวี้เพิ่งมาถึงระหว่างที่เกิดเื่ แต่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ั้แ่ต้น เขาก็รู้ว่าสิ่งที่หวังซื่อพูดมานั้นส่วนใหญ่เป็เื่โกหก
หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนั้น ก็กระแอมกระไอ หน้านิ่วคิ้วขมวดมองหลี่ไหวฺอวี้ด้วยความไม่พอใจ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าถ้อยคำนี้ฟังดูทะแม่งๆ
ทว่าหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็คนมีเหตุผล รู้ว่าไม่ควรฟังความข้างเดียว จึงให้ิเป่าจูเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ส่วนิเป่าจูก็เล่าความจริงทั้งหมดโดยไม่มีความเท็จแม้แต่คำเดียว เื่ราวก็ฟังดูสมเหตุสมผลมากกว่า
ไม่ว่าหวังซื่อจะพยายามโน้มน้าวแสดงความจริงใจเพียงใด ชาวบ้านที่ยืนฟังอยู่ก็ไม่มีใครเชื่อแม้แต่น้อย ทันทีที่ิเป่าจูพูดจบ ก็มีเสียงประณามครอบครัวของหวังซื่อดังขึ้นจากรอบทิศ
"พวกเ้ามันขายเด็กกินชัดๆ ยังจะมีหน้ามาอ้างว่าหวังดีอีก!"
"ใช่แล้ว มีลุงที่ไหนใจร้ายถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าหัวเด็ดตีนขาดแม่หนูเป่าจูก็จะขอตัดญาติให้ได้ เป็ใครจะทนได้ถึงตอนนี้"
เชิงอรรถ
[1] ลงตรงทางลาด มาจากสำนวน ลงจากหลังลาตรงทางลาด หมายถึง สบโอกาสหาทางออกจากสถานการณ์ที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วน
