“ใช่ ๆ ลูกพลัมเป็อาหารสำหรับส่วนรวม ห้าชิ้นสำหรับเ้าคนเดียวก็ออกจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย คุณหนูเยี่ยนหวางยังไม่ได้กินเลย” หวางฟางเฟยได้ยินดังนั้น จึงจับจ้องไปยังลูกพลัมอย่างนึกเสียดาย ก่อนเยี่ยนหวางก็ถือจานลูกพลัมทั้งหมด ออกไปต่อหน้าต่อตา
“เยี่ยนหวาง เ้าจะเอาทั้งหมดไปไม่ได้นะ เยี่ยนหวาง” เสียงเรียกของหวางฟางเฟย ไม่ทำให้คนเกเรอย่างเยี่ยนหวางหันกลับมา
“หยางลี่ ซันซัน เ้ารู้เห็นทุกอย่างแล้วนะ” พูดจบ หวางฟางเฟยก็ปรับสีหน้าเป็ปกติ พลันลุกขึ้นเบี่ยงตัวเดินจากไป ก่อนพยานทั้งสองจะหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
พระสนมเถียนหลัน เดินทางมาถึงสถานศึกษาโดยลำพังไม่มีนางกำนัลตามมาคอยดูแล อาจารย์กั๋วเจี้ยน รีบเข้าไปต้อนรับพร้อมอาหารและชาชั้นดี
“จิวอี้ซิงล่ะ เขายังไม่มาเหรอ”
“อีกไม่นานก็จะถึงเวลาสอบแล้ว คิดว่าเดี๋ยวคงมาพ่ะย่ะค่ะ” พระสนมได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า แล้วยกชาขึ้นดื่มด้วยกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน สมคำร่ำลือว่านางงดงามทั้งกายและใจ
“ท่านมีอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องเป็ห่วงข้า”
“เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวไปเตรียมงานสอบให้บัณฑิตก่อน” นางพยักหน้า พร้อมร่างของอาจารย์กั๋วเจี้ยนเดินออกจากห้องรับรองไป
ไม่นานนักร่างของจิวอี้ซิงก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง เมื่อเห็นพระสนมนั่งอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มชะงักนิ่งครู่หนึ่ง พลันน้อมกายเคารพอีกฝ่าย ก่อนนางจะเผลอยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“อี้ซิง ไม่ต้องเคารพข้า ตอนนี้เราอยู่กันตามลำพัง ข้ามีเื่ราวมากมายอยากคุยกับเ้า” น้ำเสียงแห่งความรักยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทว่าชายหนุ่มไม่แสดงความหวั่นไหวใด ๆ เขาน้อมกายลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น
“สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่เหมาะสม การที่ข้าอยู่กับพระสนมเพียงสองคน จะทำให้พระองค์เสื่อมเสียได้” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วย่างเท้ามาหาเขายังหน้าประตู เลื่อนสายตามองชายหนุ่มตาไม่กะพริบ
“ท่านไม่รักข้าแล้วจริง ๆ เหรอ”
“ความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง ควรจบลงั้แ่วันที่พระสนมอภิเษกกับฮ่องเต้ ไม่ใช่เพียงข้าเท่านั้นที่ควรตัดใจ แต่เป็พระสนมด้วยเช่นกัน แต่ไหนแต่ไร พระสนมเป็คนฉลาด เป็คนเก่ง และเป็คนดีในเวลาเดียวกัน อย่าให้เื่นี้ต้องทำให้พระสนมต้องด่างพร้อย” หวางฟางเฟยที่แอบมองทั้งสองอยู่หลังต้นไม้ ได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน พลางทำปากขมุบขมิบล้อเลียนเขา
‘แม้แต่ข้ายังมองออก มีเหรอที่พระสนมจะมองไม่ออก ว่าท่านยังตัดใจจากนางไม่ได้ ท่าทางขึงขังปกปิดความรู้สึกไม่มิดหรอก! เช่นนี้ก็ยิ่งเข้าทางพระสนม’ หวางฟางเฟยขบคิด พร้อมจับจ้องไปยังทั้งสอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมือของพระสนมเอื้อมมายังแขนของเขา แล้วน้ำตาเอ่อขึ้น
“ต่อให้ข้าอภิเษกกับฮ่องเต้ แต่หัวใจของข้าก็อยู่ที่ท่านคนเดียวเท่านั้น ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เื่ราวความผูกพันระหว่างเรา ไม่มีความหมายให้ท่านระลึกถึงเลยเหรอ ท่านบอกรักข้า ข้ายังจำได้ไม่ลืมเลือน ตอนนี้แม้ฐานะเราต่างกัน แต่ข้าขอร้องเพียงอย่างเดียว อย่าทำห่างเหิน เหมือนเราไม่เคยรู้จักกันได้หรือไม่” เขาค่อย ๆ ปลดมือเรียวเล็กออกช้า ๆ แล้วตอบกลับ
“แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร มองพระสนมด้วยสายตาเดิม ทำกับพระองค์เหมือนเดิม อย่างนั้นเหรอ” คำถามของเขา ทำให้นางชะงักนิ่ง ก่อนเขาจะกล่าวต่อ
“ในเมื่อพระองค์ตัดสินใจอภิเษกกับฮ่องเต้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก และที่ข้ามาวันนี้ ไม่ใช่เพราะพระองค์ ข้าเพียงแค่้ามาดูแลน้องสาวของข้าก็เท่านั้น”
‘พูดได้ดี!’ หวางฟางเฟยพึมพำเบา ๆ ก่อนเขาเบี่ยงตัวเดินออก หากแต่พระสนมเถียนหลันรีบวิ่งเข้ามาโอบเอวเขาไว้แน่น
“ข้ารู้ว่าท่านเสียใจมากแค่ไหน ท่านคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องไม่ให้ข้าอภิเษกกับฮ่องเต้ แต่ข้าก็ยังใจร้าย ดื้อดึงอภิเษกกับฮ่องเต้ ทำให้ความรักของเราจบสิ้น” เขานิ่งเงียบ ก่อนนางจะกล่าวต่อทั้งน้ำตา
“ทั้งหมดที่ข้าทำ นั่นเพราะข้า ไม่อาจทัดทานความ้าของท่านพ่อได้ จิวอี้ซิงได้โปรดเข้าใจข้าด้วย อย่าลงโทษข้า ด้วยการหมางเมินกันเช่นนี้” เสียงฝีเท้าของใครบางคน กำลังเดินเข้ามา ทำให้พระสนมรีบปล่อยมือ ออกจากเอวของจิวอี้ซิงแล้วปาดน้ำตาออก ก่อนร่างของหวางฟางเฟยจะปรากฏพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านพี่อยู่ที่นี่เอง เมื่อครู่อาจารย์บอกว่าท่านมาร่วมสังเกตการณ์สอบ ข้าเดินตามหาท่านตั้งนานไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่” นางพูดพร้อมเดินเข้ามาหาเขา แล้วนึกอยากแกล้ง จึงคว้าแขนชายหนุ่มเข้ามากอดเล่น แล้วส่งยิ้มหวานให้เขา ก่อนจะหันไปเห็นพระสนมเถียนหลันที่กำลังซับน้ำตาอยู่
“พระถวายพระพรพระสนม หม่อมฉันไม่ทันสังเกต ขออภัยด้วยเพคะ” อีกฝ่ายเลื่อนสายตาไปยังมือของหวางฟางเฟย ที่กำแขนของชายหนุ่มอย่างสนิทสนม ทำให้นางตั้งสติแล้วเอ่ยขึ้น
“เ้าคือหวางฟางเฟยที่สอบเขียนภาพได้อันดับหนึ่งสินะ”
“เพคะ” นางน้อมกายลง
“ข้ายินดีด้วย” พระสนมเอ่ยชม ก่อนที่หวางฟางเฟยหันมาจิวอี้ซิง
“ท่านพี่ ข้ามีเื่อยากปรึกษา ไปกับข้าหน่อย”
“ข้าน้อยทูลลา” เขาหันไปน้อมกายลาอีกฝ่าย แล้วยอมให้หวางฟางเฟยลากตัวออกมาโดยไม่ขัดขืน เมื่อลับสายตาผู้คน ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว” หญิงสาวได้ยินดังนั้น จึงปล่อยแขนอีกฝ่ายในทันที
“คนอุตส่าห์เข้าไปช่วย ไม่ขอบคุณสักคำ!” นางยกมือขึ้นกอดอก แล้วทำสีหน้าเบื่อหน่าย ท่ามกลางสายตาแปลกใจของจิวอี้ซิงทอดมองนางแน่นิ่ง
“ปกติแล้ว...แม้แต่แมลงเ้ายังกลัว นี่เป็ถึงพระสนมเถียนหลัน เ้าไม่คิดเกรงกลัวบ้างเลยเหรอ?” คำถามของเขาทำให้นางชะงักนิ่ง