ความรู้ในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินของหลัวเลี่ยยังอยู่ในระดับการใช้งานขั้นพื้นฐาน ส่วนการใช้งานในรูปแบบอื่นของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินนั้นหลัวเลี่ยยังไม่เข้าใจเลย
แน่นอนว่าหลัวเลี่ยได้อ่านหนังสือในภพจิตัที่หลิวหงเหยียนเตรียมไว้ให้แล้ว ความรู้ของเขาในตอนนี้คงมากกว่าใครหลายๆ คน แต่ว่าเขากลับไม่รู้วิธีการใช้งาน
เนื่องจากต้องใช้น้ำเป็ตัวช่วยในการฝึกฝน เขาจึงเลือกสถานที่ที่มีน้ำมากที่สุด
ใกล้ๆ เมืองหลวงของแคว้นจินหลานก็มีทะเลสาบอยู่บ้าง แต่ไม่ได้กว้างใหญ่เท่าไรนัก
สุดท้ายพวกเขาก็เลือกแม่น้ำจินหลาน
แม้จะพูดว่าเป็แม่น้ำ แต่กลับกินพื้นที่รอบๆ แคว้นจินหลาน แม่น้ำนี้มีความกว้างราวหนึ่งลี้ น้ำภายในแม่น้ำมีการไหลที่รวดเร็ว และมีน้ำผุดขึ้นมาตลอดเวลา นอกจากนี้น้ำที่ผุดขึ้นมานั้นยังเป็น้ำบริสุทธิ์อีกด้วย
ตำแหน่งที่พวกเขาเลือกเป็ตำแหน่งที่มีน้ำไหลเชี่ยวที่สุด และมีความกว้างมากกว่าสามสิบจั้ง
สถานที่นี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นจินหลานมากกว่าสามสิบลี้
หลัวเลี่ยกำลังนั่งอยู่บนแพไม้ไผ่ในตำแหน่งที่มีน้ำไหลเชี่ยวที่สุด
แพไม้ไผ่จะลอยไปตามกระแสน้ำ แต่ถูกต้านไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของหลัวเลี่ย เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนแพ และกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนที
น้ำจากแม่น้ำฮวงโหไหลลงมาจากท้องฟ้า ตกลงบนตัวหลัวเลี่ย และไหลลงไปรวมกับน้ำในแม่น้ำจินหลาน
เมื่อพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีรวมกับน้ำในแม่น้ำ หลัวเลี่ยก็รู้สึกว่ารอบกายของเขาไม่ใช่มวลน้ำอีกต่อไป แต่เป็แก่นพลังที่ซึมซับเข้ามาสู่ร่างกายของเขาโดยตรง เมื่อเขาหายใจแต่ละครั้งก็จะรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังได้รับการชำระล้าง
เขาหายใจเข้าออกอย่างหนัก และรูขุมขนทั่วร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับการหายใจนั้น
การฝึกพลังเช่นนี้ดูเหมือนว่าจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่เขาฝึกกับเสวี่ยปิงหนิง
พลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีทำให้หลัวเลี่ยดูเหมือนเป็ส่วนหนึ่งของน้ำ และมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับน้ำอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้ยังทำให้เขาสามารถดูดซับแก่นพลังของน้ำได้อย่างไม่รู้จบ
ความแข็งแกร่งในพลังของหลัวเลี่ยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
วิธีฝึกด้วยตนเองเช่นนี้มีความก้าวหน้าเร็วกว่าการฝึกพลังโดยพึ่งคนนอกมาก
ด้วยความเร็วดังกล่าว หลัวเลี่ยเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเขาจะสามารถทะลวงระดับพลังได้ก่อนการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นจะเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ยก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การมาถึงของการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นทำให้แคว้นจินหลานคึกคักมากขึ้น และผู้เข้าแข่งขันจากทั้งเก้าแคว้นย่อมต้องนำกำลังพลจากแคว้นตนเองมาด้วย สิ่งนี้แสดงถึงความร้อนระอุก่อนการประลอง
ชื่อของหลัวเลี่ยถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าต้องมีคนสนใจความเคลื่อนไหวของเขา
ในตอนแรก บางคนถึงกับคิดว่าหลัวเลี่ยจะฉวยโอกาสนี้ในการหลบหนี แต่หลังจากแน่ใจแล้วว่าหลัวเลี่ยกำลังฝึกอยู่ในน้ำ พวกเขาก็หัวเราะออกมา
ผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกว่าหลัวเลี่ยเป็ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายและไม่มีประโยชน์ นี่เป็การแสดงออกถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง และยังเป็การแสดงออกถึงการขาดความเข้มแข็งอีกด้วย
มีคนจำนวนมากที่้าใช้โอกาสนี้ประจบประแจงไป๋หลี่ชางและหอการค้าฟ้านเทียน โดยเฉพาะคนจากแคว้นจินหลานที่จะลงประลองด้วย พวกเขาอยากฆ่าหลัวเลี่ยเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง
เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นคนหลายประเภท
คนที่สนับสนุนหลัวเลี่ยก็เท่ากับว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไป๋หลี่ชาง
ทุกวันนี้ไป๋หลี่ชางอารมณ์ไม่ดี เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวกับตราราชันข่งเชวี่ยในครั้งนั้นได้สร้างความเดือดร้อนให้กับหอการค้าฟ้านเทียนอย่างมาก และทำให้เขาเกือบถูกถอดออกจากตำแหน่งผู้าุโ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกลียดหลัวเลี่ยเข้ากระดูกดำ
เขาได้ลงแรงไปมากเพื่อที่จะฆ่าหลัวเลี่ย
ในเวลานี้ไป๋หลี่ชางพาชายหนุ่มคนหนึ่งไปยืนอยู่บนยอดเขาที่อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำจินหลาน พวกเขามองไปยังหลัวเลี่ยที่กำลังฝึกพลังอยู่บนแพไม้ไผ่กลางแม่น้ำ เขาทั้งโกรธแค้นและอิจฉา
“เขาคือเป้าหมายของเ้า” ภายใต้ใบหน้าที่สงบนิ่งของไป๋หลี่ชางนั้นมีความคิดที่ชั่วร้ายไม่รู้จบ
ชายหนุ่มยิ้มและพูดว่า “ผู้าุโไป๋หลี่ชางอย่าหงุดหงิดไปเลย อีกไม่กี่วันข้าก็จะเข้าร่วมการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นแล้ว ข้าจะเอาหัวมันมาล้างแค้นให้ท่านเอง”
ไป๋หลี่ชางเอ่ยเสียงเย็น “ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของเ้า แต่เ้าอย่าได้ประมาท ตอนที่เด็กคนนั้นอยู่ในระดับฝึกตนระดับที่หกก็บรรลุเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้แล้ว ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเลย”
“หึ ก็แค่เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน ข้าไม่กลัวหรอก” ชายหนุ่มมองอย่างเหยียดหยาม
“พลังระดับพื้นฐานของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินจะช่วยเพิ่มพลังภายในถึงสามเท่า” ไป๋หลี่ชางพูดอย่างเ็า “ข้าหวังว่าเ้าจะสามารถฆ่าหลัวเลี่ยในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นได้ เพราะหากเ้าทำไม่ได้ เ้าก็อย่าหวังว่าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ”
ตอนนี้ไป๋หลี่ชางไม่กล้าประมาทอีกแล้ว
เขารวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลัวเลี่ยและพบว่าหลัวเลี่ยนั้นจัดการยากจริงๆ เหตุผลก็คือจนถึงตอนนี้หลัวเลี่ยต่อสู้น้อยมาก ซึ่งทุกครั้งที่หลัวเลี่ยต่อสู้ เขาจะชนะอย่างขาดลอยตลอด ไม่มีใครรู้ถึงขอบเขตความแข็งแกร่งของหลัวเลี่ย และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการไม่รู้พลังที่แท้จริงของศัตรู ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ประเมินเท่านั้น
ไป๋หลี่ชางคิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องไม่ทำผิดพลาดในครั้งนี้ ดังนั้นการที่เขาทำได้เพียงประเมินพลังของหลัวเลี่ยจึงทำให้เขาอดกังวลไม่ได้
เขาจึงค้นหาผู้ที่เข้าร่วมการประลองยุวราชันสิบแคว้น และได้พบกับชายหนุ่มที่แข็งแกร่งคนนี้ แม้ว่าคนคนนี้จะมีวิชายุทธ์ที่โดดเด่น และอาจถือได้ว่าเป็แนวหน้าของหอการค้าฟ้านเทียน แต่เขากลับหลงตัวเองเกินไป และไม่ได้สนใจถึงพลังที่แท้จริงของหลัวเลี่ยมากนัก สิ่งนี้ทำให้ไป๋หลี่ชางกังวลมาก
“วางใจเถอะ เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้ ข้าจะไม่ประมาทแน่นอน และข้าจะทำทุกทางเพื่อจัดการเขาให้ได้” ชายหนุ่มกล่าว
ไป๋หลี่ชางกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็เช่นนั้น”
ที่เขาเตือนชายหนุ่มด้วยความตายก็เพื่อให้ชายหนุ่มไม่ประมาท และยังกระตุ้นให้เขาลงมือในการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นอย่างเต็มที่ด้วย
แน่นอนว่าเป็ไปไม่ได้ที่ไป๋หลี่ชางจะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับชายหนุ่มคนนี้ เขามีการเตรียมลู่ทางอื่นๆ สำรองไว้อีก
การประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นนั้นน่าตื่นเต้นกว่าที่คิด
และมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะผู้มีวรยุทธ์จากทั้งสิบแคว้นด้วยตัวคนเดียว
พวกเขาไม่ได้รั้งรออยู่นาน หลังจากสังเกตหลัวเลี่ยได้สักพักพวกเขาก็จากไป
มาอย่างลับๆ และจากไปอย่างเงียบๆ
เป็เื่ยากมากที่จะพบพวกเขาใกล้กับแม่น้ำจินหลานที่ซึ่งลมพัดแรงและกระแสน้ำก็ไหลเร็ว ถึงกระนั้นทันทีที่พวกเขาจากไป เยี่ยนอวิ๋นหวู่ซึ่งเฝ้าดูแม่น้ำจินหลานอย่างเฉยเมยก็หันไปมองที่แผ่นหลังของไป๋หลี่ชางและชายหนุ่มคนนั้น จากนั้นนางก็ก้มลงมองที่แม่น้ำต่อไป
ไม่มีเวลาแล้ว
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว หลัวเลี่ยก็ได้ฝึกฝนในแม่น้ำจินกลานเป็เวลาเก้าวันเต็มแล้ว
ใน่เก้าวันที่ผ่านมา เขาไม่เคยพักเลยแม้แต่น้อย เขาฝึกฝนอย่างเต็มกำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง และเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุด ในคืนวันที่เก้า ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีที่มีแสงจันทร์และดวงดาวไม่กี่ดวง การก้าวข้ามที่รอคอยมานานก็มาถึงตามที่ปรารถนา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้