มาถึงจวนถัง อาหารเย็นยังไม่ทันเริ่ม เหยียนิฮ่วนออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอยู่ที่ประตูทางเข้า
“ซิวหนิง เ้ากลับมาแล้ว...”
ซิวหนิงคืออีกชื่อของเหยียนลั่ว เป็เพราะชื่อของเขามีเพียงพยางค์เดียว และไม่มีชื่อแรกเกิดสำหรับคนใกล้ชิด ดังนั้นนอกจากผู้ที่เหยียนลั่วอนุญาตและคนในตระกูลที่ใกล้ชิดสนิทสนมแล้ว เพื่อแสดงความนับถือต่อบุตรชายคนโต ในยามปกติทุกคนจะเรียกอีกชื่อหนึ่ง
“พี่ถัง”
เหยียนลั่วทักทายด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหลือบมองตามสายตาของอีกฝ่ายที่มองไปทางด้านหลัง จากนั้นจึงพูดขึ้นมาอีกประโยคด้วยน้ำเสียงที่ยากจะอธิบาย “ไม่ต้องมองหรอก ซือเยี่ยไม่ได้มา”
“เหอะ ๆ พูดอะไรเช่นนี้ คือว่าข้า...”
เหยียนิฮ่วนยิ้มแห้งเพื่อปกปิดความผิดของตน แต่เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นความเย็นเยือกในดวงตาของเหยียนลั่วเขาก็ก้มศีรษะลง ยกมือขึ้นโอบไหล่ของเหยียนลั่วแล้วรีบเปลี่ยนเื่ในทันที
“รู้ว่าเ้ากลับมา ข้าจึงให้คนลงไปที่ห้องเก็บเหล้าและนำเหล้าอายุสิบปีของท่านพ่อออกมา คืนนี้เ้ากับข้าสองพี่น้องจะได้ดื่มเหล้าชั้นเลิศด้วยกัน”
เหยียนลั่วเอามือของเขาออกอย่างไม่แยแส “วันนี้เกรงว่าจะไม่มีอารมณ์อยากดื่มเหล้า”
เหยียนิฮ่วนใ “เกิด... เกิดอะไรขึ้น?”
“…” เหยียนลั่วไม่ได้พูดอะไร เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ ฮูหยินถังและฮูหยินเหยียนล้วนอยู่ที่นั่น กำลังดื่มชาและพูดคุยกันอยู่
เหยียนลั่วเดินเข้าไปทักทายผู้าุโตามลำดับ หลังจากส่งรอยยิ้มที่เป็กันเองแล้วก็นั่งลงดื่มชา
“หลานชายซิวหนิงมาทันเวลาพอดี พวกเรากำลังพูดถึงเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันแต่งงานของิฮ่วน เ้ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
เหยียนเม่าหัวเราะฮ่า ๆ ยามนี้ตระกูลหลักกำลังช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มกำลัง ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก
เหยียนลั่วเลิกคิ้ว การแสดงออกของเขาดูมีความซับซ้อนขึ้นมา เหลือบมองฮูหยินถังและเหยียนเม่าด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม จิบชาแล้วจึงวางถ้วยชาลงก่อนจะพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“หากพี่ถังท่านนี้ไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งหรอก จะทำผิดต่อตนเองและผู้อื่น[1] ไปเสียเปล่า ๆ”
ทันทีที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน ต้องใช้เวลาสักครู่ในการตอบกลับ
ฮูหยินเหยียนมองอย่างไม่พอใจ “เหยียนลั่ว”
ฮูหยินถังกับเหยียนิฮ่วนหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที พวกเขาหันมองหน้ากันแล้วขมวดคิ้วจนแน่น
หลังจากหายจากอาการตกตะลึงใบหน้าของเหยียนเม่าก็มืดลง “หลานไปเอาเื่นี้มาจากที่ไหน?”
“เื่นี้คงต้องถามพี่ถังแล้ว สองจิตสองใจไม่มั่นคง เหตุใดจึงไม่เลื่อนงานแต่งออกไปก่อนเล่า รอรู้ใจตนให้แน่ชัดแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เหยียนลั่วมองเหยียนิฮ่วน หน้าผากของคนด้านหลังมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบาง ๆ สำหรับเื่ของซือเยี่ยท่านพ่อของเขายังไม่รู้ ด้วยท่านแม่ช่วยเขาปกปิดมันเอาไว้และฮูหยินเหยียนก็ทำเป็ลืมตาข้างหนึ่งปิดตาอีกข้างหนึ่ง แต่ตอนนี้เหยียนลั่วกำลังจะสะกิดมันออกมา...
เหยียนเม่ามองไปที่ลูกชายของตนซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีความผิดแล้วถามเสียงเย็นว่า “ฮ่วนเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น?”
“เื่นี้มันไม่มีอะไร…” จากนั้นเขาก็มองไปที่เหยียนลั่วอีกครั้ง “ซิวหนิง เกรงว่าเ้าจะเข้าใจอะไรผิดไป...”
เหยียนลั่วหัวเราะออกมาเบา ๆ “มันเป็เื่เข้าใจผิดหรือ? ข้าคิดว่าพี่ถังย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ”
เขาเคยชินกับการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ ไม่มีความจำเป็ต้องช่วยปกปิด
ฮูหยินถังเมื่อเห็นว่าเหยียนลั่วรู้เื่ราวแน่ชัดแล้ว จึงยิ้มออกมาอย่างอึดอัด “ซิวหนิง เ้าอย่าล้อพี่ของเ้าเล่นเช่นนี้สิ”
หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็มองไปที่ฮูหยินเหยียนเพื่อขอความช่วยเหลือ ฮูหยินเหยียนถอนหายใจออกมา นางเองก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน นางเคยได้รับประสบการณ์จากอารมณ์ดื้อรั้นของเหยียนลั่วมาแล้ว จะไม่สามารถทำเื่ของซือเยี่ยให้ออกมาดีได้หากพวกเขาเป็ฝ่ายเริ่มก่อน ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดคู่สามีภรรยาในจวนจึงมีท่าทีไม่สนใจว่าซือเยี่ยถูกรังแก ที่แท้ก็กำลังรอให้เหยียนลั่วกลับมาจัดการกับเื่นี้นี่เอง...
“พอแล้ว เหยียนลั่ว เ้าพูดให้น้อยหน่อย...”
“ท่านแม่สงบจิตสงบใจลงก่อน ทุกคนที่นี่ล้วนเป็คนใน มีสิ่งใดก็พูดกันออกมาตรง ๆ ดีกว่าถูกผู้อื่นเผยแพร่มันออกไป”
เหยียนลั่วขัดจังหวะคำพูดของมารดาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปยังเหยียนิฮ่วนที่บนศีรษะกำลังมีเหงื่อไหลออกมาจนท่วมก่อนจะพูดว่า “ท่านคิดเห็นเช่นไร พี่ถัง?”
ฮูหยินเหยียนส่ายหัว เหลือบมองฮูหยินถังอย่างหมดหนทางเพื่อแสดงออกมาตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ แล้วก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีก วันนี้เหนื่อยมากแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อน”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน หลังจากบอกลาฮูหยินถังและเหยียนเม่าแล้วนางก็เดินออกไป นางเป็นายหญิงแห่งตระกูลเหยียน แม้ว่านางจะรู้สึกหงุดหงิดเหยียนิฮ่วนมากสำหรับเื่นี้ แต่มันก็ไม่ใช่เื่ดีที่จะมองเขาโดนบุตรชายคนโตลงโทษเป็การย้อนหลัง เช่นนั้นจึงถอยออกมาเสียก่อนอยู่นอกสายตาก็นับได้ว่าบริสุทธิ์[2] อีกทั้งยังเป็การรักษาหน้าให้กับตระกูลเหยียนอีกด้วย
ฮูหยินเหยียนจากไปแล้ว บรรยากาศเยือกเย็นขึ้นมากะทันหัน ฮูหยินถังไม่กล้าแสดงตัวอีก
“…”
เหยียนิฮ่วนไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาไม่หยุด แอบกัดฟันของตนเองด้วยรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่น่าสงสารผู้นั้นจะกล้าฟ้อง ความเงียบสงบใน่สองสามวันมานี้ทำให้เขาคิดว่ามันจบแล้ว คิดไม่ถึงจริง ๆ...
“ปัง!”
“เหยียนิฮ่วน สรุปแล้วมันเกิดเื่อะไรขึ้น?”
เหยียนเม่าตบโต๊ะด้วยมือข้างหนึ่ง ตบรุนแรงมากเสียจนถ้วยชาสั่นไหว
ฮูหยินถังรีบร้อนลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านข้างของเขา “นายท่าน...”
“หุบปาก!” เหยียนเม่าจ้องมองภรรยาของตน “ข้ายังไม่ได้ถามเ้า เ้ารู้เบื้องลึกเื้ัด้วยหรือ?”
ในยามปกติเหยียนลั่วจะดีกับครอบครัวของพวกเขามาก วันนี้เป็เช่นนี้ย่อมไม่ต้องคิดให้มากความก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่าบุตรชายของตนคงจะสร้างปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง ในยามที่บางอย่างกำลังอยู่ใน่สำคัญเช่นนี้ อยากจะโกรธเขาจริง ๆ ก็ทำไม่ได้!
ฮูหยินถังก้มศีรษะลงด้วยใบหน้าซีดเซียว หากเหยียนลั่วเอาจริงขึ้นมาเขาจะรับมือได้ยากกว่าเหยียนชิง สุดท้ายแล้วเหยียนชิงจะทำเพียงตีรอบพุ่มไม้[3] อย่างสง่างาม แต่เหยียนลั่วไม่ใช่ ในฐานะบุตรชายคนโต ยกเว้นใน่ที่ออกไปเที่ยวเล่นภายนอกเป็เวลาหนึ่งปีครึ่ง เขาเคยเป็ผู้ดูแลทุกอย่างในตระกูลเหยียนมาก่อน เื่ของอำนาจบารมีจึงไม่ต้องสงสัยเลย...
“ท่านลุงโปรดระงับอารมณ์ คาดว่าท่านป้าสะใภ้ก็คงเป็ผู้รู้เบื้องลึกเื้ัเช่นกัน เอาเช่นนี้เถอะ ท่านผู้าุโทั้งสองออกไปพักผ่อนกันก่อน ข้าจะหารือกับพี่ถังว่าควรจัดการกับปัญหานี้อย่างไร?”
เื่นี้ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าเหยียนเม่าแล้ว เช่นนี้ก็คงเหลือสิ่งที่ต้องทำอีกไม่มาก เหลือเพียงต้องจัดการกับเหยียนิฮ่วน
“ท่านพ่อโปรดระงับอารมณ์ เื่นี้เป็เพียงการเข้าใจผิดในบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น ซิวหนิงพูดถูก ท่านกับท่านแม่ออกไปก่อนเถอะขอรับ ที่เหลือปล่อยให้เป็หน้าที่ของพวกเราสองพี่น้องที่จะร่วมมือกันแก้ไข”
เหยียนิฮ่วนขยิบตาให้มารดาของหลังจากพูดจบ ฮูหยินถังเข้าใจความหมายในทันที จึงรีบพาเหยียนเม่าที่กำลังโกรธจัดออกไปด้านนอก
“หึ...”
เหยียนเม่ากัดฟันอย่างโกรธเคือง หลังจากจ้องมองบุตรชายด้วยความไม่พอใจแล้วจึงตามฮูหยินถังออกไป หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้วฮูหยินถังยังปิดประตูให้ ด้วยเกรงว่าจะมีคนเข้ามารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหยียนลั่วเยาะเย้ยต่อการกระทำนี้ด้วยเสียงที่ขึ้นจมูก เหยียนิฮ่วนถูกปลูกฝังจนเป็คนเช่นนี้ ล้วนเป็ผลมาจากการเอาใจจนเกินพอดีของฮูหยินถัง แม่ที่รักลูกจนเกินไปสามารถทำลายลูกได้[4] นั่นก็คือพวกเขาสองแม่ลูก
“เฮ้อ...”
เมื่อเห็นประตูปิดลง เหยียนิฮ่วนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเหยียนลั่วก็ยังไว้หน้าเขาอยู่บ้าง คิดถึงความผิดที่ตนเองมีขึ้นมาก่อนแล้วจึงเริ่มพูดออกไป
“ซิวหนิง เ้าคือน้องชายของข้า ข้าขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน เื่นี้เป็ข้าเองที่ทำไม่ถูกต้อง แต่ข้าอยากจะปฏิบัติต่อซือเยี่ยอย่างนุ่มนวลจริง ๆ นะ แต่วันนั้นข้าหุนหันพลันแล่นมากเกินไปหน่อย...”
เหยียนลั่วมองด้วยสีหน้าเ็า “เ้า้าเขา?”
เหยียนิฮ่วนพยักหน้าด้วยสายตาที่ลึกล้ำ
“หากเ้ายอมมอบเขาให้ข้า ข้าจะไม่ทำให้ผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเ้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจอย่างแน่นอน เ้าวางใจได้ ข้าจะปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน...”
เหยียนลั่วเลิกคิ้ว มุมปากกระตุกเป็รอยยิ้ม
“ได้ ในเมื่อเ้ามีใจให้เช่นนี้ ข้าก็จะให้เขาแต่งให้เ้า ข้าจะเป็เ้าภาพจัดเตรียมแต่งหน้าสีแดงสิ่งของมงคลสิบลี่[5] จะไม่ปล่อยให้เ้าต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน จากนี้ไปจะเป็ครอบครัวเดียวกัน”
น้ำเสียงปลื้มใจที่ได้ฟังข่าวดี หลังจากพูดจบก็เห็นว่าสีหน้าและท่าทางของเหยียนิฮ่วนแข็งค้างไปก่อนจะค่อย ๆ แย่ลงทีละน้อย สุดท้ายใบหน้าก็แดงก่ำ... ช่างเป็ภาพที่สวยงามจริงๆ
“เ้า... ไม่ใช่ เหยียนลั่ว เ้ารู้ว่าข้าหมายถึงอะไร...”
เหยียนิฮ่วนมีความรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกเย้าแหย่ แต่งงานกับซือเยี่ย? เป็ไปไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังแอบรวบรวมคนอย่างเงียบๆ รอเวลาหลังจากชีวิตคู่กับม่อเสียวเสี่ยวมั่นคงแล้วค่อยรับเขาเข้ามาเป็อนุหรือบ่าวอุ่นเตียงก็ยังได้ แต่งหน้าสีแดงสิ่งของมงคลสิบลี่รับเ้าสาวเข้ามาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม มันจะเป็ไปได้อย่างไร…
“ข้าไม่รู้ว่าเ้าหมายความว่าอย่างไร และไม่อยากคาดเดา แต่ความหมายของข้าก็คือเช่นนี้ รูปลักษณ์ของซือเยี่ยโดดเด่น เ้า้าเขาก็ต้องให้เขาได้แต่งเข้ามาเป็ฮูหยินเอก ข้าไม่ตระหนี่ในสินสอดทองหมั้นอย่างแน่นอน มิเช่นนั้น ก็แค่ละทิ้งความคิดที่ไม่ควรมีของเ้าออกไป”
ซือเยี่ยสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ฟานปังแห่งด่านนอก แม้ว่าจะถูกทำให้ไร้รากฐานแต่สถานะก็ยังสูงศักดิ์ สูงมากพอที่จะเข้ามาเป็ภรรยาเอกในตระกูลสายหลัก แน่นอนเหตุผลที่เขากล้าบอกเหยียนิฮ่วนเช่นนี้โดยไม่ผ่านซือเยี่ย เป็เพราะเขารู้ดีว่าเหยียนิฮ่วนจะไม่มีวันตอบตกลง…
“ซิวหนิง...” เหยียนิฮ่วนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “เขาเป็แค่บ่าวผู้หนึ่งเท่านั้น เหตุใดเ้าถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้? ข้าพาเขาเข้ามาอยู่ในเรือนแล้วดูแลรักใคร่ให้ชีวิตที่ดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...”
ดวงตาของเหยียนลั่วเปลี่ยนเป็เ็า พูดออกมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“คนในปกครองของข้า คำพูดของข้าคือสิทธิขาด ไม่ตบแต่งให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ก็ต้องถอนตัวถอนใจรับความผิดหวัง เ้ารู้นิสัยของข้าดี ข้าไม่ตระหนี่ แต่หากสร้างความเสียหายเหยียบย่ำของของข้าโดยไม่ได้รับความยินยอมผลที่ตามมานั้นร้ายแรงเป็อย่างมาก ที่ข้าให้ทางเลือกแก่เ้า เป็เพราะเ้ากับข้าเป็ญาติพี่น้องกัน”
“…”
เหยียนิฮ่วนมองไปที่เขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีเจตนาจะถอยกลับจึงก้มหัวลง ยอมรับความผิดหวังในที่สุด
“ข้ากำลังจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ เ้าก็รู้ความยากลำบากของข้าเหตุใดจะต้องสร้างความลำบากให้อีก แม้ว่าข้าจะมีใจให้แต่เป็ไปไม่ได้ที่จะแต่งเขาเข้ามาในฐานะฮูหยินเอก... หลังจากนั้นค่อยให้เขาเข้ามาเป็ห้องข้าง[6] ก็ยังได้...”
เขาไม่ใช่เหยียนชิง ภรรยาชายในสายตาของเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับของเล่น ท้ายที่สุดผู้ชายก็ไม่สามารถเทียบกับผู้หญิงได้ ไม่มีทางสืบเชื้อสายต่อไปได้ เมื่อความรู้สึกแปลกใหม่จางหายไปมันก็น่าเบื่อแล้ว
เหยียนลั่วเยาะเย้ย
“รู้ว่างานแต่งกำลังจะมาถึงก็ยังจะทำเื่เช่นนี้ลงไปอีก ข้าไม่เข้าใจว่าเ้ามีเหตุผลจำเป็อะไร? ความแตกต่างระหว่างสัตว์เดรัจฉานกับคน อยู่ที่การรู้จักควบคุมตนเอง ชายหนุ่มตระกูลเหยียนเช่นข้าแม้ว่าจะมีอิสรเสรี แต่จะไม่มีวันด้อยกว่าสัตว์เดรัจฉาน ในยามปกติข้าไม่สนใจว่าเ้าจะเที่ยวเตร่อย่างไร แต่จะให้ข้ามานั่งดูเ้าทำตัวเป็คนจากบ้านป่าเมืองเถื่อนบนหัวของข้าก็คงเป็ไปไม่ได้... เ้าเชื่อหรือไม่ ข้าสามารถทำให้การแต่งงานใหญ่ในครั้งนี้ล้มลงได้!”
น้ำเสียงเ็าของเหยียนลั่วในประโยคสุดท้ายมีความโกรธเจือปนอยู่ ความเย็นะเืในส่วนลึกของดวงตาทำให้หัวใจของเหยียนิฮ่วนสั่นสะท้าน ถูกด่าว่าสัตว์เดรัจฉานยังดีกว่าตน เขารู้สึกโกรธจนหายใจแทบไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าทักท้วง สุดท้ายจึงทำได้เพียงกัดฟันเอาไว้
“...ช่างเถอะ ข้าไม่อยากได้แล้ว ในวันนั้นเป็ข้าเองที่หมกมุ่น...”
หากการหมั้นหมายกับตระกูลม่อถูกยกเลิกไป หลังจากนี้เขาจะไม่มีวันเชิดหน้าชูคอขึ้นมาได้อีก
เหยียนลั่วได้คาดเดาการตัดสินใจของเขาเอาไว้นานแล้ว เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนพูดว่า
“เช่นนั้นก็มาคุยกันว่าเื่ที่เ้าทำร้ายเขาจะทำอย่างไร”
เหยียนิฮ่วนกำมือและก้มหัวลง “ข้าจะชดเชยให้เขา...”
เหยียนลั่วหันไปมองเขาแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ผู้ทรงอำนาจยกคันธนูขึ้นมาแต่ทำร้ายคนไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงใส่ความให้เขาเป็ผู้ผิด เ้าจะชดเชยสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?”
เหยียนิฮ่วนมองดูเขา “เ้าบอกมา ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง”
ภาพใบหน้าที่บวมไปครึ่งซีกของซือเยี่ยปรากฏขึ้นมาในความคิด ใบหน้าของเหยียนลั่วมีรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้ “ดี”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้ามา ก่อนที่เหยียนิฮ่วนจะทันได้ตอบสนอง ร่างของเขาก็หลุดลอยออกจากที่นั่งแล้วกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ไม่ไกลด้วยเสียงดังปัง ผ่านไปสักพักจึงรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว เืไหลออกจากมุมปาก เขาถูกเหยียนลั่วตบจนตัวปลิว
อีกทั้งเหยียนลั่วยังใช้กำลังภายในอีกด้วย
“ซือเยี่ยถูกเ้าตบตี ทานอาหารไม่สะดวกมาหลายวันแล้ว เ้าลองััความรู้สึกนี้ดูบ้างเถอะ”
เหยียนลั่วพูดเบา ๆ จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว ยกมือขึ้นรวบรวมกำลังภายในไว้ในฝ่ามือแล้วตบเบา ๆ ลงไปที่เอว เหยียนิฮ่วนรับรู้ได้เพียงความรู้สึกที่เจ็บแปลบขึ้นมาที่เอวจากนั้นอาการชาก็เริ่มแทรกซึมเข้าไปในช่องท้องส่วนล่าง ในใจรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีก่อนจะได้ยินเหยียนลั่วพูดออกมาอีกครั้งว่า
“นอกจากนี้พฤติกรรมราวกับสัตว์เดรัจฉานที่เ้าแสดงออกไปต่อหน้าซือเยี่ยได้ทำลายภาพลักษณ์ของตระกูลเหยียน นี่ถือเป็การลงโทษความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้เ้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในภายภาคหน้า ในอีกหกเดือนต่อจากนี้ ให้ร่างกายส่วนล่างของเ้าได้พักผ่อนอยู่ในความสงบเสียบ้าง เสียใจด้วยนะ แม้จะมีคืนส่งตัวเข้าหอก็ตามแต่คงต้องรอไปอีกครึ่งปี”
“เ้า...” ดวงตาของเหยียนิฮ่วนเบิกกว้าง “เ้าทำได้อย่างไร...”
นี่ไม่เท่ากับว่าเขากลายเป็ขยะหรือ!
เหยียนลั่วหรี่ตาลงอย่างดูถูก
“จากความผิดพลาดที่เ้าทำลงไปในครั้งนี้ ตามหลักคำสอนของตระกูลเหยียน ข้าสามารถยึดเอาทรัพย์สินของตระกูลเหยียนครึ่งหนึ่งกลับมาจากมือเ้าได้จากนั้นจึงขับเ้าออกจากตระกูลเป็เวลาสามปี ตอนนี้เพียงแค่ให้เ้าละเว้นเป็เวลาครึ่งปี เ้ายังไม่พอใจอะไรอีก?”
“…เขาเป็แค่บ่าวรับใช้!” เหยียนลั่วกัดฟันแน่น แต่ไม่กล้าพูดปฏิเสธ เืจากมุมปากไหลลงมาหยดใส่แขนเสื้อ
เมื่อเหยียนลั่วเห็นว่าเขายังไม่หายสงสัยจึงพูดต่อด้วยใบหน้าเ็าว่า
“ตระกูลเหยียนมีชื่อเสียงมาหลายชั่วอายุคน ก็เพราะเป็ตระกูลที่มีความเข้มงวด หลักคำสอนของตระกูลเหยียนบรรทัดแรกก็คือ มีคุณธรรมภายในกิจการ เกิดเป็มนุษย์ต้องมีพื้นฐานในการเป็มนุษย์ หากมีสิ่งสกปรกเข้ามาในประตู ไม่นานตระกูลที่เจริญรุ่งเรืองย่อมมีขึ้นมีลงซึ่งมันเป็เื่ของเวลา ข้าไม่สนว่าคนรุ่นหลังจะทำอย่างไร แต่ในมือของข้า ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลเหยียนตกต่ำลงอย่างเด็ดขาด!”
นี่เป็ความรับผิดชอบที่เขาต้องทำในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลเหยียน ต่อหน้าเหยียนชิงเขารู้สึกละอายใจในตัวเองแล้ว จากนี้ไปจะไม่มีการทำตัวเปล่าประโยชน์ภายใต้ชื่อบุตรชายของตระกูลเหยียนอีก
“ข้าเข้าใจแล้ว...” ในที่สุดเหยียนิฮ่วนก็รู้ว่าเหยียนลั่วจริงจังกับเื่ที่เขาคิดว่ามันเป็เื่เล็กน้อยมากเพียงใด เขาก้มหัวลงแล้วพยักหน้า
“ข้าผิดไปแล้ว”
“เช่นนั้นจงลองไตร่ตรองดูให้ดี คนสายเืตระกูลเหยียนมีไม่มาก ข้าไม่อยากให้ตระกูลสายหลักกับสายรองต้องตัดขาดกัน จำไว้ว่าในภายภาคหน้าจะทำอะไรจงคิดให้รอบคอบ เพื่อที่เ้าจะทำมันให้ดีได้”
เหยียนลั่วพูดประโยคสุดท้ายจบแล้วก็เดินจากไป บ่าวรับใช้ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าประตูเปิดประตูให้ด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเหงื่อออกจนตัวเย็น หลังจากเขาออกจากประตูไปแล้วจึงรีบเข้าไปพาเหยียนิฮ่วนกลับไปที่ห้อง มองไปที่ใบหน้าของเหยียนิฮ่วนที่บวมราวกับหัวหมูก็รีบไปตามหมอด้วยความหวาดกลัว
เมื่อฮูหยินถังเข้ามาเห็นลูกชายเป็เช่นนี้ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเ็ป
“อย่างไรก็เป็พี่น้องกัน เหตุใดถึงได้ลงมือหนักเช่นนี้ เฆี่ยนตีคนในตระกูลของตนเพื่อบ่าวรับใช้ที่ต่ำต้อย เหยียนลั่วทำเกินไปแล้ว...”
ใบหน้าของเหยียนิฮ่วนซีดเซียวมีเหงื่อไหลท่วม แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็เห็นด้วยกับสิ่งที่มารดาของตนพูดออกมา
ในทางกลับกันนายท่านถังมองดูบุตรชายที่ทำให้ลำบากใจอย่างเหลือทนด้วยความโกรธเคือง
“เ้ายังมีหน้าไปตำหนิเหยียนลั่วอีก พวกเ้าสองแม่ลูกได้ทำอะไรลงไป! หาเื่ใส่ตัวทำให้เสื่อมเสียมาถึงวงศ์ตระกูล นี่เป็เพียงการตบเบา ๆ เท่านั้น หากตระกูลสายหลักเอาจริงขึ้นมาคงทำได้เพียงรอการถูกเนรเทศ! เ้าคนโง่เง่า!”
หลังจากพูดอย่างโกรธเคืองแล้วก็หันหลังกลับออกจากห้องของเหยียนิฮ่วนไป เป็ความผิดของบิดาที่เลี้ยงบุตรโดยไม่มีการสอนสั่ง เป็เพราะเขาตามใจภรรยามากจนเกินไปจึงทำให้บุตรชายเสียนิสัย
ค่ำคืนนี้ จวนถังที่เตรียมอาหารเลิศรสไว้มากมายท้ายที่สุดก็ต้องแจกจ่ายให้กับบ่าวในจวน บรรยากาศในจวนถังหดหู่เป็อย่างมาก หลังจากดูแลรักษาอาการาเ็ของบุตรชายแล้ว เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ฮูหยินถังจึงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นางจึงเข้าไปอ้อนวอนให้เหยียนเม่าไปขอความเมตตาจากตระกูลเหยียน
เชิงอรรถ
[1] ทำผิดต่อตนเองและผู้อื่น (误人误己) หมายถึง คนที่ทําอะไรผิดพลาดจนได้รับความอับอายแล้วชวนให้ผู้อื่นทําตามโดยยกย่องการกระทํานั้นว่าดี ควรเอาอย่าง
[2] อยู่นอกสายตาก็นับได้ว่าบริสุทธิ์ (眼不见为净) หมายความว่า มีความไม่พอใจอยู่ในใจ แต่ไม่มีวิธีในการจัดการ จึงทำได้เพียงเพิกเฉยไป หรือ หากมีเื่ใดที่คิดว่าจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจก็ให้ละทิ้งไปเสียไม่ต้องหันไปมอง
[3] ตีรอบพุ่มไม้ (拐弯抹角) หมายความว่าการทำอย่างอ้อมค้อมไม่ทำอย่างชัดเจน
[4] แม่ที่รักลูกจนเกินไปสามารถทำลายลูกได้ (慈母多败儿) หมายถึง แม่ที่เอาแต่ใจลูกจนเกินพอดี ลูกก็จะเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจตัวเองมาก ด้วยแม่ไม่ได้สอนลูกให้เป็คนที่มีคุณภาพ หรือไม่ใช้วิธีที่ถูกต้องในการสั่งสอนลูก
[5] แต่งหน้าสีแดงสิ่งของมงคลสิบลี่ (红妆十里) เป็การบรรยายถึงการแต่งเข้าของหญิงสาวในสมัยโบราณ ผู้คนมักจะตัดสินจากสินมงคลและสินเดิม ตามธรรมเนียมหญิงสาวจะต้องเตรียมของสีแดงเข้าไปในบ้านของผู้ชาย ยิ่งมีจำนวนและราคาที่สูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งบอกถึงฐานะได้มากเท่านั้น
[6] ห้องข้าง (侧室) สื่อถึงการเป็ภรรยารอง
