“หลังจากลี่เจาอี๋ถูกนางกำนัลพบหลักฐานและกล่าวหา พวกพ้องของนางทั้งหมดต่างก็ถูกโบยจนตาย ทว่านางกำนัลผู้นี้ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ เห็นได้ชัดว่านางมิได้ใกล้ชิดกับลี่เจาอี๋ อีกทั้งยังไปปฏิบัติงานอย่างอื่นได้ หรือว่ายังมองปัญหาไม่ออกอีกหรือ!” ซินกุ้ยเหรินรีบโต้กลับทันที โดยกล่าวว่าแม้ซินกุ้ยเหรินทำตัวประมาทเลินเล่อ ทว่านางกลับจัดการเื่นี้ได้อย่างชัดเจนเสียจนไม่อาจโต้แย้งได้ ช่างน่าประทับใจจริงๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงสาเหตุของเื่ในวันนี้ เหยียนอู๋อวี้ไม่เพียงไม่ต้องประเมินนางใหม่ กลับยิ่งรู้สึกว่านางโง่งมมากที่สุดอีกด้วย
อยู่ในวังหลวงมาหลายปี ทว่านางยังคงทำสิ่งใดโดยไม่คิดไตร่ตรอง หากตระกูลของนางไม่มีอำนาจในราชสำนัก เกรงว่านางคงจะถูกกำจัดไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้ถูกลดตำแหน่งจากเจาอี๋เป็กุ้ยเหริน กระนั้นนางยังคงไม่ได้รับบทเรียนอันใด ถูกคนยุยงเล็กน้อยก็ทำตัวบุ่มบ่าม
และผู้ยุยงนี้......หากเซียวเป่าหลินไม่ดำเนินการใดๆ ก็น่าแปลกเกินไปแล้ว
หากว่าไปแล้ว เซียวเป่าหลินยังฉลาดกว่าพี่สาวของนางมากนัก นางเข้ามาในวังหลวงเพียงไม่กี่วัน กลับสร้างความวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังตามหานางกำนัลผู้นี้จนพบ คล้ายอำนาจของตระกูลเซียวจะแข็งแกร่งกว่าที่นางคาดไว้มาก
นางเงยหน้ามองเซียวเป่าหลิน ทว่าเซียวเป่าหลินกลับก้าวไปข้างหน้าพลางคุกเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้น “หม่อมฉันขอให้ฝ่าาทรงคืนความยุติธรรมให้ลี่เจาอี๋ด้วยเพคะ แม้ยามนี้นางจะจากไปแล้ว ทว่าครั้งหนึ่งก็เคยตั้งท้องสายเืของฝ่าา หากไม่มีผู้ใดใส่ร้าย บางทีนางอาจจะไม่ต้องลำบากเข้าไปในคุก และร่างกายคงไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากเื่นี้ จนนางไม่อาจรักษาเด็กในครรภ์ได้ ส่งผลให้นางต้องเศร้าโศกตรอมใจจนเสียชีวิต ฝ่าาทรงสอบสวนความจริงและคืนความยุติธรรมให้พี่สาวของหม่อมฉันด้วยเพคะ...…”
หากทำเพื่อลี่เจาอี๋เพียงคนเดียว อาจไม่คุ้มที่จะสร้างเื่ราวให้ใหญ่โตเพียงนี้ ทว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายย่อมไม่ใช่เื่เล็กๆ ั้แ่ฮ่องเต้เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ยังคงไร้ทายาท เื่นี้ถือเป็ข้อห้ามของวังหลวง ซึ่งนับเป็เื่ที่สำคัญที่สุด เซียวเป่าหลินเป็ผู้ที่เฉลียวฉลาดจริงๆ
ซ่งอี้เฉินจะไม่เข้าใจความหมายโดยอ้อมที่นางพูดถึงได้อย่างไร เขามองไปทางร่างของนางประหนึ่ง้ามองทะลุผ่านเนื้อหนังตรงไปที่หัวใจของนาง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยถามเสียงเย็นว่า “สนมที่รักคิดว่าควรจะสอบสวนอย่างไร?”
“ฝ่าา เพียงแค่ลงทัณฑ์สอบสวนนางกำนัลผู้นี้ก็จะรู้ความจริงที่เกิดขึ้น!” เซียวเป่าหลินมิได้เอ่ยอันใด ซินกุ้ยเหรินคิดว่าซ่งอี้เฉินกำลังพูดถึงนาง จึงรีบแย่งพูดก่อนเพราะเกรงว่าจะไม่อาจบรรลุเป้าหมายของตนเอง
วันนี้ภายในสวนของวังหลวง เดิมทีนางกำลังอบรมสั่งสอนนางกำนัล ทว่าจู่ๆ เซียวหรูเสวี่ยกลับเข้ามาบอกนางว่ามีวิธีที่จะทำให้ฮ่องเต้กลับมาโปรดปรานนางอีกครั้ง ซึ่งในขณะนั้นนางเองก็รู้สึกประหลาดใจ
วิธีการนี้เป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับซูเฟยและเหยียนเป่าหลินถูกวางยาพิษ นางหนึ่งคือผู้ที่เคยโปรดปราน ส่วนอีกนางคือผู้ที่กำลังลุ่มหลง แม้ว่าซินกุ้ยเหรินจะไม่พอใจเหยียนอู๋อวี้ ทว่าก็รู้ดีว่าหากสามารถหาตัวผู้บงการที่อยู่เื้ัเื่นี้ บางทีอาจทำให้ฮ่องเต้รู้สึกประทับใจในตัวของตนเอง จึงสร้างเื่วุ่นวายถึงเพียงนี้ขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นนางเดินผ่านตำหนักอีหลานโดยบังเอิญ และเห็นนางกำนัลมีท่าทางแปลกๆ อย่างไรก็ตามเื่นี้ถูกกล่าวถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน และไม่คาดคิดจะมีผลกระทบเช่นนี้
“เต๋อเฟยคิดเห็นเช่นไร?” สีหน้าของซ่งอี้เฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ขณะขอความคิดเห็นจากเต๋อเฟย
เหยียนอู๋อวี้เห็นมือของเซียวหรูเสวี่ยกำแน่นขณะคุกเข่าอยู่บนพื้น ราวกับว่ากำลังกังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเต๋อเฟย
คิดว่าน่าคงจะกลัวว่าเต๋อเฟยจะทำเื่ใหญ่โตนี้ให้กลายเป็เื่เล็กกระมัง
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเต๋อเฟยจะมิได้มีเจตนาเช่นนั้น นางเดินไปข้างหน้าจากนั้นจึงกล่าวว่า “หม่อมฉันคิดว่าเื่ราวนี้เกี่ยวข้องกับเืเนื้อเชื้อไขของฝ่าา ต้องลงทัณฑ์สอบสวนให้ชัดเจนเพคะ”
หลังจากได้รับคำสั่งจากเต๋อเฟยแล้ว นางกำนัลจึงถูกลากตัวออกไปจัดการอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานเสียงร้องด้วยความเ็ปพลันค่อยๆ ดังมาจากลานในตำหนัก เพียงเท่านี้ก็สามารถจินตนาการได้ว่านางกำนัลผู้นั้นได้ถูกลงโทษรุนแรงเพียงใด
ทว่าเวลาผ่านไปไม่นานเสียงร้องกลับค่อยๆ เงียบลง ก่อนจะมีนางกำนัลผู้หนึ่งเข้ามากราบทูลว่า “ทูลฝ่าาและเต๋อเฟย นางกำนัลผู้นั้นยอมรับสารภาพความจริงแล้วเพคะ”
ยอมรับสารภาพเร็วเพียงนี้เชียวหรือ? เหยียนอู๋อวี้รู้สึกประหลาดใจ คนของฮวารั่วซีลงโทษรุนแรงเกินไปหน่อยกระมัง
ขณะที่นางกำลังใช้ความคิด นางกำนัลด้านนอกได้ลากร่างของนางกำนัลที่ถูกลงโทษที่ส่วนล่างเต็มไปด้วยเืเข้ามาและโยนนางลงบนพื้น
หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเล็บของนางกำนัลหายไปทั้งหมด กล่าวกันว่านิ้วทั้งสิบจะเชื่อมต่อกับหัวใจ เห็นได้ว่านางต้องทนกับความเ็ปมากเพียงใด!
ดูเหมือนไม่ได้เป็การลงโทษธรรมดา ทว่าเป็การลงทัณฑ์ที่โหดร้ายยิ่งนัก! เมื่อเหยียนอู๋อวี้คิดอย่างละเอียดแล้ว นางพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหตุใดเต๋อเฟยจึงลงโทษรุนแรงเพียงนี้? แม้จะต้องมีการลงโทษก็ควรจะเป็หลังจากที่นางสารภาพแล้ว เมื่อดูรอยแผลบนร่างกายของนางกำนัลแล้ว แต่ละาแล้วนอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายถึงชีวิต
ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หรือ?
เหยียนอู๋อวี้แอบคิดในใจพลางเงยหน้ามองเต๋อเฟย แสดงความสงสัยกับสตรีที่ถือศีลกินเจสวดมนต์ลึกขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
ยังไม่ทันรอให้ฝ่าาและคนอื่นเอ่ยอันใด นางกำนัลพลันอธิบายสาเหตุและผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า “ทูลฝ่าา บ่าวเป็ผู้ซ่อนสิ่งของเข้าไปในช่องเก็บของลับนั่น ไม่เกี่ยวกับลี่เจาอี๋จริงๆ เพคะ และนางกำนัลที่ปรักปรำลี่เจาอี๋ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เคยถูกลี่เจาอี๋ลงโทษมาก่อน จึงเจ็บแค้นลี่เจาอี๋อยู่ในใจ บ่าวเพียงวางแผนบางอย่างเพื่อยั่วยุนาง แล้วนางก็ทำตามแผนที่บ่าววางไว้เพคะ!”
“ผู้ใดบงการเ้า!” ดวงตาของเซียวเป่าหลินแดงก่ำ ก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคว้าตัวนางกำนัลแล้วเอ่ยถามเสียงดัง
“เป็......” นางกำนัลอ้าปากเอ่ย ทว่าเสียงของนางกลับติดอยู่ในลำคอ ฉับพลันนั้นนางพลันกระอักเืออกมาเต็มปากแล้วนอนไม่ขยับอยู่บนพื้น
นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างรีบก้าวไปข้างหน้า พลิกตัวนางแล้วเอ่ยเรียกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะต้องก้าวถอยหลังด้วยความใพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เสียชีวิต......เสียชีวิตไปแล้วเพคะ......”
“เสียชีวิตแล้ว!” สีหน้าของเซียวเป่าหลินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางรีบวิ่งไปข้างหน้าพลางทุบตีนางกำนัลผู้นั้นอย่างแรง “เ้าตายไม่ได้ เ้ายังไม่ได้บอกว่าผู้ใดคือผู้บงการอยู่เื้ั เ้าจะตายไม่ได้ หากเ้าตายแล้ว ความยุติธรรมของพี่สาวของข้าจะทำอย่างไร...…”
ท่าทางโศกเศร้าเสียใจขณะที่หลั่งน้ำตานั้น ทำให้จิตใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แทบแตกสลาย
ซ่งอี้เฉินกล่าวเสียงเบาโดยไม่รู้ตัวว่า “เซียวเป่าหลิน ในเมื่อนางได้รับสารภาพไปแล้ว ดังนั้นลี่เจาอี๋ถูกใส่ร้ายเป็ความจริง เจิ้นจะคืนความบริสุทธิ์ให้นาง” หลังจากเขาเอ่ยจบจึงหันไปเอ่ยกับเว่ยหรูไห่ว่า “ประกาศราชโองการ ลี่เจาอี๋มีคุณธรรม อ่อนโยน สุภาพและชาญฉลาด ประทานยศหลังสิ้นชีวิตเป็ลี่เฟย”
เว่ยหรูไห่รับราชโองการอย่างรวดเร็ว เซียวเป่าหลินร้องไห้แทบขาดใจ กระนั้นนางยังคงยืนขึ้นและขอบพระทัยฮ่องเต้
เื่นี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ซ่งอี้เฉินอยู่เสวยพระกระยาหารที่ตำหนักของเต๋อเฟย ขณะที่สนมคนอื่นๆ ลุกขึ้นและกลับไป
เมื่อมาถึงลานหน้าตำหนัก กลิ่นคาวเืเข้มข้นคละคลุ้งเข้าจมูก เหยียนอู๋อวี้แสดงอาการคลื่นไส้เล็กน้อย นางจึงเดินช้าลง ด้านซินกุ้ยเหรินที่โบกผ้าเช็ดหน้าอยู่ด้านหลังนางกำลังก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หันไปมองจนชนเข้ากับนาง จากนั้นเซียวเป่าหลินจึงประคองออกไป ร่างกายของเหยียนอู๋อวี้อ่อนแอนัก หลังจากชนเข้ากับร่างของซินกุ้ยเหรินนางก็ล้มลงตามแรงปะทะ ในขณะเดียวกันนั้น ผู้คนในตำหนักเยถิงใช้ผ้าขาวห่อร่างของนางกำนัลที่เสียชีวิตออกมาและเดินผ่านเหยียนอู๋อวี้ไป
ร่างของนางล้มลงบนผ้าขาวพร้อมกับนางกำนัลที่ ‘เสียชีวิตแล้ว’
ป้าโฉ่วใมาก นางรีบวิ่งเข้าไปประคองเหยียนอู๋อวี้ลุกขึ้นพร้อมเอ่ยตำหนิเสียงเบาว่า “ทำอันใดกัน? ไม่หามออกไปให้ไกลหน่อย กล้าเดินหามศพเข้ามาใกล้เป่าหลินได้อย่างไร?”
ขันทีเ่าั้ยอมรับผิด ทว่าเหยียนอู๋อวี้ไม่คิดสร้างความลำบากใจให้กับผู้น้อย นางตบมือป้าโฉ่วเบาๆ เหล่าขันทีที่อยู่อีกด้านหนึ่งขอบคุณในความเมตตา ก่อนจะรีบห่อศพเดินหนีไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้