เย่เฟิงสามารถเชื่อมโยงถึงเป้าหมายของอีกฝ่าย เซียวเยว่และเซียวฉี่ก็คงสามารถคาดเดาได้แน่นอน
เมื่อเซียวเยว่ได้ยิน ‘ผู้หญิงตกอับ’ สี่คำนี้ เธออยากวิ่งหนีออกไปในทันที แต่มันจะเป็ไปตามความ้าของอีกฝ่าย จึงพลันคืนสติยกยิ้มออกมา เธอไม่จำเป็ต้องโมโห เป้าหมายของเซียวลี่ลี่ไม่ใช่ว่าจะเกลี้ยกล่อมเย่เฟิงหรอกหรือ? เซียวเยว่รู้ว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนที่จะเข้าหาได้ง่ายดายเช่นนั้น ต่อให้เป็ผู้หญิงเช่นเซียวลี่ลี่ เกรงว่าเขาคงจะปฏิเสธแน่นอน สำหรับคำพูดใส่ร้าย เธอก็ไม่กังวล ตัวเองรู้ดีอยู่แก่ใจ อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเธอจะอธิบายอย่างไร เซียวลี่ลี่ก็ต้องหาคำพูดมาโต้เถียงและทำลายชื่อเสียงเธออีก ทางที่ดีอย่าต่อล้อต่อเถียง แค่ไม่สนใจไปเสีย เซียวเยว่คิดว่าตนไม่จำเป็ต้องอธิบายเื่นี้ ทั้งต่อหน้าเซียวฉี่และเย่เฟิง พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใครพูดความจริง เหตุใดเธอจะต้องใส่ใจล่ะ?
“เสียใจด้วย คุณกลับไปเถอะ ผมไม่สนใจคุณ”
คำพูดของเย่เฟิงไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าคนโดยตรง
คำพูดนี้ทำให้เซียวลี่ลี่ที่มั่นใจในตอนแรกกลายเป็ใบ้กินในทันที เธออยู่ในอาการตกตะลึง ผู้ชายคนนี้โง่เง่ามากสินะ ไม่เข้าใจมารยาทอะไรเลย คนอื่นชวนไปกินข้าวกลับตอบออกมาตามตรงเช่นนี้?
เธอไม่คิดว่าการที่ตนทำลายชื่อเสียงเซียวเยว่ั้แ่ก้าวแรกที่เข้ามาในห้องนี้เป็เื่ไร้มารยาท ผู้หญิงอย่างเธอมักคิดว่าคนอื่นผิดเสมอและตัวเองถูกต้องตลอด
คิดว่าจะเป็ไปตามความ้าของเธองั้นหรือ? รอชาติหน้าเถอะ
“นายคือเย่เฟิงใช่ไหม? นายรู้ไหมว่าฉันเป็ใคร?”
เซียวลี่ลี่พูดอย่างไม่พอใจ ระดับเสียงดังขึ้น จึงกลายเป็จุดสนใจของกลุ่มคนที่อยู่หน้าทางเข้าห้องส่วนตัวในทันที
“…”
เย่เฟิงเหลือบมองตาอีกฝ่าย พลางคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเกินเยียวยา เขาคร้านจะพูดคุยไร้สาระกับอีกฝ่าย ชายหนุ่มโคจรพลังชี่ตรงไปยังข้อเท้าของเซียวลี่ลี่ จากนั้นออกแรงกระชากทันที
ตึง!
ฉับพลันท่าทางของเซียวลี่ลี่ก็เป็เหมือนจ้าวเหรินเจี๋ย เธอลื่นไถลและกระเด็นออกนอกห้องไปยังโถงทางเดิน จากท่าทางแล้วคล้ายว่าหญิงสาวจะลื่นล้มเองเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครสงสัยว่าเป็การกระทำของเย่เฟิง
ห้องโถงทางเดินพลันเงียบกริบ
เกิดอะไรขึ้นที่นี่?
แม้แต่ผู้จัดการหญิงก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเป็ศึกชิงรักหักสวาทของมือที่สาม จนทำให้เกิดเื่เช่นนี้?
สำหรับผู้จัดการหญิง เื่แบบนี้ไม่สำคัญอะไรนัก แต่ที่สำคัญจริงๆ คือมันจะทำให้ลูกค้าหายไป แม้จะไม่เกิดความสูญเสียอย่างที่ว่า แต่เมื่อเื่เช่นนี้เกิดขึ้นในภัตตาคารของเธอ ผลกระทบย่อมไม่ดีแน่ นี่เป็เื่สำคัญที่ต้องคำนึงถึง
“เซียวฉี่ เธอกลับไปก่อนแล้วกัน บอกพ่อว่าเกิดเื่ขึ้นที่นี่”
เกิดเื่แบบนี้ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้เจอจ้าวเหรินเจี๋ย เซียวเยว่ไม่มีอารมณ์กินอาหารอีกต่อไป จึงส่งกุญแจรถให้น้องสาวกลับบ้านไปก่อน
“แล้วพี่ล่ะ?”
เซียวฉี่สงสัย ให้เธอกลับไปก่อน แล้วเซียวเยว่กับเย่เฟิงล่ะ?
“พี่กับเสี่ยวเย่คุยกันถูกคอ กะว่าจะไปดื่มต่ออีกสักหน่อย”
เซียวเยว่ยิ้มหวาน อีกมือคว้าแขนเย่เฟิงมากอด ร่องอกของเธอแนบแขนของเขา ขณะเดินจึงเสียดสีไปมา
“…”
เย่เฟิงสับสนเล็กน้อย เซียวเยว่คนนี้ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจจริงๆ ดูเหมือนถ้าเธอไม่ดื่มจนล้มหน้าทิ่มพื้นก็คงไม่ใช่เธอสินะ หวังจะมอมเหล้าเย่เฟิงแล้วล้วงความลับจากเขางั้นหรือ? ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน มองเซียวเยว่ที่กำลังหมกมุ่น แต่เย่เฟิงก็ไม่ได้ต่อต้าน ในใจเซียวฉี่อึดอัด ทั้งสองคนต่างกำพร้าแม่ ออกไปดื่มข้างนอก หากเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ในมุมหนึ่งเธอค่อนข้างประทับใจเย่เฟิงมาก แต่อีกมุมหนึ่งเซียวเยว่คือพี่สาวของเธอ หากเป็คนอื่นคงรู้สึกอึดอัดซับซ้อนอย่างยิ่ง
‘พวกเขาคงไม่ทำเื่ประเจิดประเจ้อกันหรอกนะ...’
เซียวฉี่ส่ายหัวและไม่คิดถึงมันอีก เธอรู้ว่าพี่สาวรักนวลสงวนตัว เก็บความบริสุทธิ์มาได้นมนานโดยไม่เสียมันไป เธอไม่จำเป็ต้องกังวลในเื่นี้
ทั้งสามคนตัดสินใจออกจากภัตตาคาร
ที่ภัตตาคาร เย่เฟิงจ่ายธนบัตรสีแดงรูปคุณปู่ไปมากกว่ายี่สิบใบโดยไม่แยแส เขาเข้าใจถึงการสูญเสียลูกค้าของอีกฝ่าย ผู้จัดการภัตตาคารเห็นเย่เฟิงจัดการเช่นนี้เป็ปกติ ก็รู้ว่าฐานะของเขาต้องไม่ธรมดา ผู้ชายที่มีสาวสวยเช่นเซียวเยว่อยู่ข้างกายจะเป็คนธรรมดาได้อย่างไร?ไม่มีใครกล้ารั้งทั้งสามคนเอาไว้
…………
จ้าวเหรินเจี๋ยและเซียวลี่ลี่ล้มนอนอยู่บนโถงทางเดินชั้นหนึ่ง
ตอนที่เย่เฟิงออกจากภัตตาคารพร้อมเซียวเยว่ พระจันทร์เพิ่งจะเริ่มขึ้น จากนั้นก็มาถึงผับบริเวณใกล้ๆ
นี่เป็ครั้งแรกที่เย่เฟิงมาผับ แต่ครั้งนี้ดูไม่ค่อยคึกคัก เนื่องจากค่ำคืนนี้เพิ่งเริ่มต้น เวลาทองของผับอยู่ที่เที่ยงคืน
เมื่อพวกเขาเข้ามาในผับ เย่เฟิงสามารถรู้สึกถึงอาการหายใจติดขัดของพวกผู้ชายทั่วทั้งผับ แน่นอนว่าสาเหตุไม่ได้มาจากเย่เฟิง แต่มาจากสาวเซ็กซี่กระโปรงแดงเซียวเยว่คนนี้ แต่หญิงสาวไม่สนใจ เอียงคอเลือกเหล้าจากนั้นนั่งลงโต๊ะที่ว่าง
เย่เฟิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอ มองแก้วค็อกเทลที่เพิ่งถูกเสิร์ฟมา บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้ม เหล้าในเมืองไม่มีความแตกต่างกันสำหรับเย่เฟิง มันเป็เื่ยากที่จะเมาได้ ไม่ว่าเขาดื่มไปเท่าไรก็เหมือนกับเขาดื่มน้ำเปล่า ไม่เหมือนกับเหล้าหมักสูตรพิเศษที่โลกเทวะ มันอาจทำให้เขามึนเมาเล็กน้อย เหล้าหมักในโลกเทวะสิถึงจะเรียกว่าเหล้าจริงๆ
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเย่เฟิงไม่ต่างอะไรจากของเด็กเล่น
เนื่องจากผับมีคนน้อย พวกเขาจึงไม่เจอปัญหาอะไร และไม่นานก็เริ่มดื่มและคุยกัน
“นายมีแฟนสาวถึงสองคนเลยหรือ?”
เซียวเยว่เริ่มจากเื่ที่อยากรู้ที่สุด มีหลายคนในเมืองสนับสนุนการมีภรรยาหลายคน
แน่นอนว่าตอนนี้มือที่สามมักอาละวาดกันตลอด ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีความแตกต่าง แม้มือที่สามจะเป็ไปไม่ได้ที่จะอยู่กันอย่างสงบ แต่ก็ยังมีตัวอย่างที่อยู่กันได้อย่างสงบ เซียวเยว่รู้ดีว่าหากผู้หญิงอิจฉาจะน่ากลัวแค่ไหน
“ใช่แล้ว” เื่นี้เย่เฟิงไม่คิดปิดบังอะไรจึงพยักหน้า จากนั้นถามเล็กน้อย “ถ้าเธอเรียนจบมาสองปีแล้ว ทำไมจ้าวเหรินเจี๋ยถึงยังตามตื๊อเธออยู่อีก พ่อของเธอไม่จัดการเื่นี้ให้หรอกหรือ?”
“เขาเป็คนดื้อด้าน” เซียวเยว่อดส่ายหน้าไม่ได้ มือขาวเนียนสะบัดผมยาวสีดำที่พาดไหล่อย่างนุ่มนวล “เขาเอาแต่พูดว่าต้องตอบแทนบุญคุณ ตอบแทนบุญคุณ บอกให้ฉันพยายามเปลี่ยนผู้ชายคนนั้นให้ได้ เฮ้อ”
เมื่อเย่เฟิงได้ยินก็จะบ้าตายในทันที รู้อยู่แล้วว่าเซียวเต๋อเฉิงเป็คนซื่อสัตย์ แต่มันจะซื่อสัตย์เกินไปไหม?
แต่ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเซียวเต๋อเฉิงก็ไม่พอใจการกระทำของจ้าวเหรินเจี๋ยนัก ถึงยังให้เซียวเยว่พยายามเปลี่ยนแปลงจ้าวเหรินเจี๋ย และไม่บังคับให้เธออยู่กับอีกฝ่าย
จากจุดนี้เห็นได้ว่ามโนธรรมของเซียวเต๋อเฉิงไม่เหมือนซูซิ่นชางหรือหลงโม่หรานที่ไม่แยแสใครเลย
มันแปลกมาก เมื่อต้องอยู่กับเย่เฟิงเพียงลำพัง เซียวเยว่มีเื่มากมายที่อยากพูดออกไป ขณะนั้นก็ดื่มมากไปหน่อย ใบหน้าอ่อนหวานและสวยงามแดงก่ำไปหมด
แต่ตอนนี้เย่เฟิงดื่มนานแล้ว แต่ไม่รู้สึกถึงอาการเมาเลยแม้แต่นิดเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้