การเผชิญหน้ากันในครั้งนี้ทำให้จุดแข็งและจุดอ่อนถูกเปิดเผยโดยทันที
แน่นอนว่าตอนนี้หลัวเลี่ยเป็ฝ่ายได้เปรียบและอยู่เหนือกว่าไก้อู๋ซวง
ในทางกลับกันไก้อู๋ซวงเป็ผู้ที่โจมตีหลัวเลี่ยติดต่อกันถึงสองครั้งและไม่ว่านางจะใช้เคล็ดวิชาใดก็ถูกหลัวเลี่ยปัดตกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังไม่มีวี่แววว่านางจะทำให้เขาอ่อนแรงลงได้เลย ไก้อู๋ซวงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร”
“มันไม่ควรเป็เช่นนี้สิ เหตุใดเ้าถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้”
ไก้อู๋ซวงอยากจะหยิกตัวเองเพื่อทดสอบดูว่านางกำลังฝันอยู่หรือไม่
เมื่อไก้อู๋ซวงคิดถึงการฝึกฝนเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายของนาง ก่อนหน้าที่นางจะฝึกฝนนางไม่ได้โคจรพลังหยินหยางมาก่อน ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วก็สามารถพูดได้ว่านางอ่อนแอกว่าผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมเล็กน้อย แต่ในตอนที่นางถูกสังหารนางก็ได้สำเร็จขั้นสุดท้ายของเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายที่ไม่มีผู้ใดเคยฝึกฝนสำเร็จได้จนนางได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
เมื่อนางเกิดมาเป็ครั้งที่สอง นางก็พบว่าพลังทุกอย่างของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
คนอื่นอาจเห็นไม่ชัด แต่ไก้อู๋ซวงรับรู้ได้ว่าถึงแม้ตอนนี้พลังของนางจะกลับมาสู่ขั้นต้นของระดับหยินหยางเหมือนเมื่อก่อน แต่หากเป็หลัวเลี่ยที่มีพลังเหมือนตอนที่สังหารนางในครั้งนั้นมาต่อสู้กับนางอีก พลังของนางในตอนนี้ก็สามารถสังหารเขาได้ทันที
มันเป็การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์มาก
มันเป็การเปลี่ยนแปลงจากพลังภายในที่ส่งผลถึงพลังกายด้วย ในแง่ของความอึดจากการโดนโจมตี ความแข็งแกร่ง และความอดทนล้วนมีพัฒนาการที่ก้าวะโอย่างเห็นได้ชัด นางคิดว่าเมื่อนางเทียบกับหลัวเลี่ยแล้ว นางต้องแข็งแกร่งกว่าเขาเป็สองเท่าแน่ๆ
และครั้งสุดท้ายที่นางกับหลัวเลี่ยได้เผชิญหน้ากันก็เห็นได้ชัดว่านางมีความได้เปรียบอยู่สองประการคืออาวุธและวรยุทธ์ ดังนั้นเมื่อนางกลับมาในครั้งนี้นางจึงคิดว่านางคงไม่พ่ายแพ้ให้กับหลัวเลี่ยเป็แน่
ใครจะคิดว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาจะทิ้งห่างกันขนาดนี้ และสุดท้ายหลัวเลี่ยก็ล้ำหน้านางไปไกลแล้ว
เมื่อได้เผชิญกับความขุ่นเคืองของไก้อู๋ซวงแล้ว หลัวเลี่ยก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ช่องว่างระหว่างข้ากับเ้าก็คือเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์”
“ข้าไม่เชื่อ!” ไก้อู๋ซวงคำราม “ข้าไม่เชื่อแน่นอนว่าเคล็ดวิชาที่เ้าสร้างขึ้นจะดีกว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมและเคล็ดวิชานิพพานเป็ตาย ข้าจะฆ่าเ้า!”
ขณะที่ไก้อู๋ซวงตะคอก มือที่ประสานกันตรงหน้าอกก็ปรากฏรอยผนึกมือขึ้น
ทันใดนั้นก็มีปลาสีทองปรากฏขึ้นว่ายวนอยู่รอบกายของไก้อู๋ซวง มันว่ายไปในอากาศอย่างรวดเร็วจนทำให้มวลอากาศที่อยู่รอบกายของนางปั่นป่วน
เมื่อปรมาจารย์ของสำนักอูอวิ๋นเซียนเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“ตราประทับัมัจฉาทอง!”
“นี่เป็วิชาลับที่บรรพชนอูอวิ๋นเซียนสร้างขึ้นนี่”
“วิชายุทธ์นี้ หากใช้ตราประทับหนึ่งครั้งก็จะสามารถเคลื่อนูเาย้ายทะเลได้ นับว่าเป็วิชาชั้นยอด”
“นึกไม่ถึงว่าไก้อู๋ซวงจะได้รับอะไรมากมายขนาดนี้จากการเข้าฌานในครั้งนี้ ข้าเกรงว่าท่านบรรพชนคงจะเป็คนสอนวิชาลับนี้ให้นางด้วยตัวเองเป็แน่”
คนที่มุงอยู่รอบๆ ก็ใเมื่อเห็นตราประทับัมัจฉาทองเช่นกัน
แน่นอนว่าพวกเขารู้ที่มาและความน่ากลัวของวิชาตราประทับัมัจฉาทองเป็อย่างดี ในขณะเดียวกันนี้พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าการเกิดใหม่ของไก้อู๋ซวงจากเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาไปมากเกิดกว่าที่พวกเขาเคยคาดคิดไว้เพียงใด
ไก้อู๋ซวงแข็งแกร่งมาก
อย่างน้อยคนที่มีพลังวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกันกับนางที่อยู่ในจัตุรัสแห่งนี้ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะนางได้
เส้นผมสีดำสนิทของไก้อู๋ซวงปลิวไปตามสายลม มือทั้งสองข้างของนางมีตราัเกิดขึ้น จากนั้นนางก็เหวี่ยงตราที่เกิดขึ้นนี้มาข้างหน้า
ในตอนนั้นเองปลาไนสีทองที่ว่ายวนอยู่รอบกายของไก้อู๋ซวงก็ได้ผสานเข้าด้วยกัน จนนางกลายเป็ปลาไนสีทองตัวจริงแล้วตรงเข้ามาจะกลืนกินหลัวเลี่ย และเนื่องจากไก้อู๋ซวงเป็ผู้ที่ควบคุมเปลวไฟ นางจึงสร้างตราประทับัมัจฉาทองออกมาให้เปรียบดั่งเป็การทำงานร่วมกันของน้ำและไฟ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พลังของปลาไนที่นางสร้างมีพลังเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากจนอาจมีพลังกลืนกินฟ้าดินซึ่งมันน่ากลัวมาก
“พรึ่บๆ!”
ทันใดนั้นปีกสองปีกที่ยาวสามจั้งก็ยื่นออกมาจากบริเวณหลังของหลัวเลี่ย
ปีก์เลี่ยหยาง!
ปีก์เลี่ยหยางก็ถูกสร้างขึ้นมาจากข่งเสวียนเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนหน้านี้เช่นเดียวกับที่อูอวิ๋นเซียนสร้างตราประทับัมัจฉาทอง
แต่เนื่องจากมีคนในตระกูลข่งเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกฝนจนสำเร็จวิชาได้ ดังนั้นวิชายุทธ์นี้จึงยังไม่ได้เปิดเผยออกมาสู่สาธารณชน และเมื่อหลัวเลี่ยฝึกฝนสำเร็จแล้ว ตระกูลข่งจึงระมัดระวังในเื่ของการถ่ายทอดวิชาปีก์เลี่ยหยางให้กับคนในตระกูลและไม่เคยใช้วิชายุทธ์นี้ต่อหน้าคนอื่นอีก ดังนั้นจึงยังไม่มีใครรู้ว่าวิชายุทธ์นี้เป็วิชาลับของตระกูลข่ง
ชิ้ง!
ทันทีที่ปีก์โผล่ออกมา เปลวไฟที่ลุกโชนบนปีกก็ดูเหมือนจะทำให้หลัวเลี่ยกลายเป็ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง
เปลวเพลิงที่อยู่บนปีก์แข็งแกร่งและมีพลังร้ายแรงมากจนทำให้ร่างของปลาไนสีทองถูกเผาจนระเหยออกไป
ฟู่! ฟู่!
เมื่อหลัวเลี่ยคิดในใจ ปีก์เลี่ยหยางที่ยาวสามจั้งก็แทงตรงไปข้างหน้าจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาราวกับมีดเพลิงขนาดใหญ่สองเล่ม
ปีก์เลี่ยหยางเป็วิชายุทธ์ด้านการบินที่แข็งแกร่งมาก
วิชายุทธ์นี้ถูกสร้างจากข่งเซวียนดังนั้นมันจึงมีพลังที่พิเศษเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัว
ตอนที่หลัวเลี่ยสังหารไก้อู๋ซวงครั้งแรก เขาก็อาศัยพลังจากปีก์เลี่ยหยางเช่นกัน
และครั้งนี้หลัวเลี่ยก็แสดงพลังของปีก์เลี่ยหยางออกมาอีกครั้ง ซึ่งพลังของมันในครั้งนี้นั้น ครั้งก่อนเทียบไม่ติดเลยสักนิด
ปีก์เลี่ยหยางแทงไปที่ปลาไนสีทองอย่างดุเดือด
เมื่อพลังทั้งสองได้ปะทะกันแล้ว เวลาก็คล้ายจะหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็เกิดเป็ะเิขึ้น
ปลาไนสีทองถูกปีก์เลี่ยหยางที่มีความคมกริบดั่งมีดทำลายลงแล้ว
ปีก์เลี่ยหยางของหลัวเลี่ยก็เริ่มแตกสลายเช่นกัน แม้ว่าเค้าโครงของปีกจะยังคงอยู่แต่ขนมากมายที่อยู่บนปีกก็กำลังถูกเปลวเพลิงแผดเผาและปลิวหล่นลงจากตัวปีก หลัวเลี่ยจึงรีบใช้โอกาสนี้พุ่งตัวไปสังหารไก้อู๋ซวงทันที
และในตอนนั้นเอง หลัวเลี่ยก็กำกระชับกระบี่เยวี่ยเจินเอาไว้ในมือเป็ครั้งแรกเช่นกัน
เขาจะสังหารไก้อู๋ซวงด้วยกระบี่!
หลัวเลี่ยพุ่งตัวเข้าหาไก้อู๋ซวงด้วยพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่จนทำให้ตราประทับัมัจฉาทองของนางแตกสลายลง ไก้อู๋ซวงใและมีเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดทันที ร่างกายของนางสั่นสะท้าน อวัยวะภายในก็ได้รับาเ็ นางก้าวถอยไปด้านหลังด้วยความเ็ป
“ไก้อู๋ซวง เ้ายังจำข่งเยวี่ยเจินได้หรือไม่”
ในขณะที่หลัวเลี่ยะโถามนาง เขาก็ดึงกระบี่เยวี่ยเจินออกมาจากฝักและถือตรงไปหวังจะแทงมันเข้าไปที่บริเวณตรงกลางระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวงเพื่อฆ่านาง
ไก้อู๋ซวงที่ถูกโจมตีอย่างรุนแรงก็ไม่ได้หยุดยั้งมือ นางส่งเสียงคำรามออกมาหนึ่งครั้งแล้วประสานมือที่สวมถุงมือสีแดงทั้งสองอีกครั้งเพื่อเตรียมโจมตีตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นกัน
ฟู่! ฟู่!
ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่เผาไหม้ปีก์เลี่ยหยางจนเริ่มขาดในตอนแรกก็ค่อยๆ หายไป ปีก์เลี่ยหยางของหลัวเลี่ยเริ่มฟื้นฟูตัวเองกลับสู่สภาพเดิมโดยเริ่มจากปีกด้านซ้ายไปจนถึงปีกด้านขวา
ปีก์เลี่ยหยางทั้งสองข้างมีความยาวกว่าสามจั้ง มันเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งกว่าตอนที่หลัวเลี่ยใช้กระบี่เยวี่ยเจินเสียอีก
เมื่อไก้อู๋ซวงที่กำลังจะเตรียมตัวโต้กลับได้เห็นปีก์เลี่ยหยาง นางก็นึกไปถึงครั้งที่แล้วที่นางโดนปีก์เลี่ยหยางนี่ทำร้ายมา นางจึงรีบส่งพลังไปที่มือทั้งสองข้างแล้วอาศัยพลังจากถุงมือวิเศษที่นางสวมอยู่จับไปที่ปีก์เลี่ยหยางของหลัวเลี่ย
ชิ้ง! ชิ้ง!
เกิดเป็เสียงดั่งโลหะกระทบกัน
มือทั้งสองข้างของไก้อู๋ซวงยังไม่เกิดปัญหาอะไร ถุงมือสีแดงเป็อาวุธล้ำค่าและสามารถต้านทานการโจมตีได้อย่างน่าทึ่ง แต่แรงสั่นะเืที่เกิดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ส่งไปถึงแขนของนางจนทำให้แขนของนางหักลง นางเองก็มีเืไหลออกมาจากทางจมูกและปากเช่นกัน แล้วสุดท้ายนางก็ล้มลงไปกองกับพื้น
ในทางกลับกันหลัวเลี่ยแค่สั่นเพราะความใเท่านั้น ปีก์เลี่ยหยางของเขาถูกหักไปหลายส่วน แต่หลังจากที่เขาหยุดพักชั่วครู่ เขาก็เริ่มโจมตีต่ออีกครั้ง
ครั้งนี้ไก้อู๋ซวงพยายามหลีกการโจมตีของหลัวเลี่ยอีกครั้ง แม้จะรู้ว่านางก็ไม่สามารถทำได้
กระบี่เยวี่ยเจินแทงทะลุผ่านความว่างเปล่าในอากาศอีกครั้ง พลังที่ส่งออกมาจากตัวกระบี่นั้นน่าทึ่งมาก และหลัวเลี่ยยังคง้าจะแทงเข้าไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของไก้อู๋ซวง
ในตอนนั้นเอง ไก้อู๋ซวงดูเหมือนจะเห็นภาพข่งเยวี่ยเจินที่ถูกนางสังหารซ้อนทับขึ้นมา นางเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลัวเลี่ยใช้กระบวนท่าเดียวกับที่นางสังหารข่งเยวี่ยเจิน
กรรมตามสนองหรือ?
คำคำนี้ปรากฏขึ้นในใจของไก้อู๋ซวงทันที สุดท้ายนางก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกเสียใจเป็ครั้งแรกนับั้แ่นางเกิดมา
ตอนแรกที่ไก้อู๋ซวงลืมตามาดูโลก นางก็หยิ่งยโสและมั่นใจในตัวเอง คิดว่าในอนาคตตัวเองจะได้ขึ้นเป็เทพมาโดยตลอด ความหยิ่งยโสของนางนั้นมีมากแต่นั่นก็เกิดจากการที่นางไม่เคยผ่านช่วยวัยเด็กมาก่อน
แต่นี่คือครั้งที่สองแล้ว หากครั้งแรกนางถูกสั่งสอนจนตายไป แล้วครั้งนี้จะยังเป็เช่นเดิมอยู่อีกหรือ ไม่จริง
ความเสียใจเป็แค่ความคิดที่หลุดเข้ามาในหัวเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไก้อู๋ซวงก็ไม่เต็มใจที่จะนั่งรอความตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นางกัดฟันและไม่ลังเลที่จะใช้วิชาเป็ตายเพื่อเอาตัวรอดจากการสังหารในครั้งนี้ นางฝึกฝนวิชานี้มานาน แม้สิ่งนี้จะทำให้นางคว้าชัยชนะมาได้ แต่หากนางใช้จริง นางก็อาจจะตายไปตามเขาด้วย และนางก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเช่นกัน
เปลวไฟที่สะท้อนอยู่ั์ตาของไก้อู๋ซวงลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง แล้วทันใดนั้นรอบกายของนางก็มีแรงดึงดูดและพลังที่น่าหวาดกลัวเกิดขึ้น สิ่งที่นาง้าคือการดูดพลังภายในและพลังชีวิตของหลัวเลี่ยอย่างเหี้ยมโหด