ตอนที่ 27
“ใจแข็ง ใจแข็งเกินไปแล้ว” ปัณณวีร์นั่งทำหน้ามุ่ยมองศรุตที่กำลังหัวเราะอยู่ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็คนคิดแผนแท้ๆ แม้ศิลาจะโกรธศรุตแต่เพราะศรุตไม่ได้ใส่ใจนักหายโกรธเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแต่กับปัณณวีร์ไม่ใช่ ปัณณวีร์้าให้ศิลาหายโกรธเร็วที่สุด
“สมน้ำหน้านะ บอกแล้ว” น้ำหนึ่งไม่ได้เข้าข้างเพราะเธอเห็นด้วยที่ศิลาจะโกรธ หากเป็เธอก็คงโกรธเช่นกัน แม้จะเข้าใจแต่ก็โกรธอยู่ดี ใครว่าเข้าใจแล้วจะไม่โกรธไม่น้อยใจกันล่ะ
“ก็ลองงอนกลับสิ ไม่นานหรอกเดี๋ยวศิลาก็มาง้อ” ศรุตเอ่ย
“ไม่ต้องเลยนะ แนะนำแต่ละอย่าง มีอย่างที่ไหนทำเขาโกรธแล้วไปโกรธเขากลับให้เขาหายโกรธแล้วมาง้อเราอ่ะ” ปัณณวีร์โยนหมอนใส่ศรุต
ทั้งสามนัดกันมาที่คอนโดของน้ำหนึ่ง จุดประสงค์ของการนัดพบกันครั้งนี้ก็เพื่อหาวิธีง้อศิลาช่วยปัณณวีร์ ส่วนศิลายังคงมีถ่ายละครต่อ เป็คิวถ่าย่กลางคืนและเป็ครั้งสุดท้าย ส่วนน้ำหนึ่งนั้นถ่ายเสร็จไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“เชื่อดิว่าศิมันทนให้วีร์งอนมันได้ไม่นานหรอก” ศรุตยังพูดต่อ
“อย่าทำตามนะ ทำเขาโกรธก็ต้องง้อเขาให้ถึงที่สุดสิ” น้ำหนึ่งบอกแล้วหันหน้าไปหาศรุตทำตาดุๆ ใส่
“จะง้อไงอ่ะ นี่อ่อยก็แล้วยังไม่สนใจอีก”
“หื้ออ” ศรุตถึงกับทำตาโตเมื่อปัณณวีร์หลุดพูดออกมา
“แรงมากค่ะ” น้ำหนึ่งเองก็แอบหยิกเพื่อนสนิทเบาๆ
“ไม่ต้องมาแซว มันก็เื่ปกติเหอะ ว่าแต่เลี้ยงปิดกล้องกันวันไหน”
“อาทิตย์หน้า ฉันเป็เ้ามือนะขอบอก ไปด้วยป่ะ” ศรุตตอบ
“บ้าหรอ ไปได้ที่ไหน ผู้จัดคนนั้นยิ่งไม่ค่อยชอบหน้าฉัน ให้ไปงานเลี้ยงปิดกล้องของเขาเนี่ยนะ ถึงจะบอกว่านายจ่ายก็เถอะ แต่ศิคงต้องไปยังไงก็ฝากดูแลด้วยนะ อย่าให้ดื่มหนักไปล่ะ”
“ฝากกับใครอ่ะ ถ้าจะฝากกับพี่ชายที่แสนดีอย่างศรุตนี่ไม่ต้องฝากหรอก เพราะเ้าตัวคงจะดื่มหนักกว่าศิลา” น้ำหนึ่งพูดอย่างรู้ทัน
“ช่างรู้ใจ” ศรุตพูดอย่างกวนๆ
“เรียกว่ารู้สันดานจะดีกว่า”
“โอ้” ปัณณวีร์ปิดปากยิ้ม ใครจะคิดว่าทั้งสองคนจะปากแซ่บใส่กันขนาดนี้ หากเป็คนอื่นคิดว่าศรุตคงจะสวนกลับไปแล้วแต่นี่ทำเพียงยักไหล่ใส่อย่างกวนๆ
"นี่ ทำไมไม่กลับไปไม่ทราบ" น้ำหนึ่งมองค้อนคนที่ยังทำเป็นั่งเล่นอยู่ที่ห้องของตัวเองแม้ว่าปัณณวีร์จะกลับไปแล้วแต่ศรุตยังไม่กลับ ให้เหตุผลว่า
"ก็ฉันปวดท้อง กลัวว่าจะไปปวดท้องกลางทางขอนั่งรอสักหน่อย เผื่อว่าจะได้ขอใช้ห้องน้ำไง" ศรุตตอบหน้าตาย
"แวะปั๊มก็ได้มั้ง นี่ในกรุงเทพไม่ใช่ต่างจังหวัดที่จะหาปั๊มเข้าห้องน้ำไม่ได้ รีบกลับไปเลยฉันจะทำความสะอาดห้อง"
"นี่เป็ถึงนักแสดงดัง ทำความสะอาดห้องเองหรอไม่จ้างแม่บ้านล่ะ" แทนที่จะทำตามที่น้ำหนึ่งบอกแต่ศรุตกลับหาเื่คุยต่อ
"ทำความสะอาดเล็กๆ น้อยฉันก็ทำเอง แต่ก็จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดใหญ่ทั้งห้องทุกเดือนย่ะ ว่าแต่จะมายุ่งอะไรด้วยเนี่ย ทำตัวเหมือนเป็พ่อฉันงั้นแหละ"
"ก็แค่ถาม"
"กลับไปได้ละ เดี๋ยวก็เป็ข่าวหรอก ไม่กลัวรึไง" ศรุตลุกขึ้นยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งอย่างที่ชอบทำแล้วเดินมาตรงหน้าน้ำหนึ่งพร้อมยื่นหน้าลงมาใกล้จนน้ำหนึ่งต้องถอยหนีไปก้าวสองก้าวและขมวดคิ้ว
"ไม่กลัว เป็ข่าวกับเธอน่ายินดีจะตาย"
"ยินดีกับนายสิ ฉันไม่อยากไปตบตีกับเหล่าสาวๆ ของนายหรอกนะจะบอกให้" มือเล็กผลักไหล่อีกคนให้ออกห่างด้วยความรู้สึกประหม่า ใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกแต่ยังคงทำสีหน้าเป็ปกติ
"แค่พูดเล่น อย่างเธอน่ะหรอ ... ไม่ใช่สเปกฉันเลย" ศรุตมองเธอแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาหนี
"ไอ้บ้านี่! กลับไปเลยไป" น้ำหนึ่งรู้สึกอยากจะข่วนหน้าอีกฝ่ายซะจริงๆ ยิ่งทำเป็เก๊กแบบนี้
"กลับก็ได้ ไล่เก่งชะมัด ไว้เจอวันปิดกล้อง เธอเคยบอกอยากดื่มเหล้าแข่งกับฉัน" ทั้งสองคุยโม้กันไว้นานแล้วว่าอยากจะแข่งกันดื่มว่าใครจะคอแข็งมากกว่ากันเพราะน้ำหนึ่งเองก็ดื่มเก่งใช่ย่อยเหมือนกัน
"ได้อยู่แล้ว ใครแพ้ต้องเป็เบ๊ของคนที่ชนะ 1 อาทิตย์เป็ไง" ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ต่างฝ่ายต่างมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ
"ดีล"
ปัณณวีร์กลับมาที่ห้อง ห้องที่ว่าก็คือห้องของศิลา แม้จะโกรธอยู่แต่ว่าศิลาก็ไม่ยอมให้เขากลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง ปัณณวีร์กลับมาก่อนเพราะศิลาเลิกดึก จะทำอาหารไว้รอก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะทานมาจากกองแล้วแน่ๆ และตอนดึกศิลาก็ไม่กินเพราะตอนนี้ต้องรักษาหุ่นต้องควบคุมอาหาร พอไม่รู้จะทำอะไรปัณณวีร์ก็อาบน้ำและออกมานอนดูทีวีอยู่ข้างนอก ผ่านไปนานพอสมควรศิลาก็กลับมาถึง
พลันได้ยินเสียงเปิดประตูมา ปัณณวีร์ก็แกล้งนอนหลับทันที ทำเป็ว่านอนรออีกฝ่ายจนเผลอหลับไป ภาพในหัวเหมือนละครที่พระเอกมักอุ้มนางเอกเข้าไปนอนที่เตียงดีๆ แต่รออยู่นานแล้วปัณณวีร์ก็ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาหาเลย หรืออาจจะดื่มน้ำอยู่ ปัณณวีร์คิดในใจแล้วแกล้งหลับต่ออยู่อย่างนั้น ศิลามองคนพี่ที่ใช้ลูกไม้ตื้นๆ แกล้งหลับแต่หลับตาจนดูออกว่าตั้งใจข่มตาหลับเกินไป ศิลายืนมองอยู่ไม่ห่างมากนักก็อมยิ้มขึ้นมา ใครจะคิดกันว่าปัณณวีร์จะมาทำอะไรแบบนี้ ยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก็เดินเข้าห้องตัวเองไป
เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้ปัณณวีร์ลืมตาขึ้นมามองแล้วพ่นลมหายใจออกมาที่ถูกเมินใส่แบบนี้ ปัณณวีร์ทนไม่ไหวลุกขึ้นแล้วเข้าไปในห้องนอนอีกคนทันทีไม่ได้สนว่าอีกคนจะห้ามไม่ให้เข้า เมื่อเปิดเข้าไปเห็นศิลาที่ถอดเสื้อออกแล้วเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำพักผ่อน ปัณณวีร์เดินเข้าไปดันตัวศิลาติดกับตู้เสื้อผ้าทันทีพร้อมเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด
"เมินหรอ!? จะเมินกันแบบนี้ใช่ไหมอ่ะ พี่ขอโทษแล้วไงอยากให้ทำอะไรบอกมาเลยพี่ยอมทุกอย่างเลยจริงๆ" ปัณณวีร์ใช้แขนทั้งสองข้างกักให้ศิลาอยู่กับที่ แม้ส่วนสูงจะน้อยกว่าอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้มากนักแต่ก็เถอะ แขนที่ดูจะเล็กกว่าศิลานั้นแค่อีกฝ่ายดันออกก็ได้แล้ว เพียงแต่ศิลาก็ปล่อยให้ตัวเองถูกคนพี่กักตัวไว้
"เข้าใจความรู้สึกของผมตอนที่พี่ไม่สนใจรึยังครับ ตอนนั้นผมรู้สึกเสียใจและไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ความสัมพันธ์เรามาถึงตรงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเราก็ดีๆ กันอยู่ ไม่ได้คิดเลยว่าพี่จะแกล้งบอกเลิกผม คิดว่าพี่อยากจะเลิกจริงๆ แต่ความรู้สึกของพี่ที่ผมเมินอยู่ตอนนี้คือพี่แค่รู้สึกหงุดหงิด รู้สึกไม่ชอบใจที่ผมทำแบบนี้ พี่รู้ว่าผมทำเพราะผมโกรธพี่อยู่ พี่รู้ว่าเดี๋ยวผมก็หายโกรธ แต่ผมไม่รู้เลยว่าพี่จะเลิกกับผมจริงๆ รึเปล่า ทีนี้พี่เข้าใจรึยัง" ศิลาพูดออกมายืดยาว เป็ประโยคที่ยาวที่สุดที่อีกฝ่ายเคยพูดเลยก็ว่าได้
ปัณณวีร์มองดวงตาสีนิลที่สั่นไหวเล็กน้อย ศิลารู้สึกเสียใจกับเื่นั้นจริงในขณะที่เขารู้ว่าเื่มันเป็ยังไง เขาคงทำให้ศิลาเสียใจจริงๆ
"พี่ขอโทษ" ปัณณวีร์พูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกผิด แขนเรียวตกลงมาข้างลำตัวไม่ได้กักอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว "ขอโทษที่เล่นกับความรู้สึกของศิ สัญญาว่าต่อไปจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก มีเื่อะไรเราจะปรึกษากัน จะไม่คิดและทำเพียงคนเดียวอีกแล้ว"
เพราะเป็ครั้งแรกที่เจอปัญหาใหญ่และหนักใจแบบนี้ ทั้งสองคนจึงขาดความเชื่อมั่นและการพูดคุยกันไป ความหวังดีความห่วงใยของอีกฝ่ายจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ศิลามองคนตรงหน้าที่ใบหน้าเศร้าลงไปหลายส่วน ดวงตาคู่งามรื้นน้ำตาสะท้อนความรู้สึกผิดออกมา คนมองก็ทำใจแข็งอดไม่ได้ดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแทน
"เข้าใจก็ดีแล้ว พี่สัญญาแล้วต้องทำให้ได้นะ" ศิลากอดปลอบ มือข้างหนึ่งลูบกลุ่มผมนุ่มไปมา ปัณณวีร์รีบกอดตอบทันทีทันใด กลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจหรือไม่ให้อภัยอีก
"สัญญา" ใบหน้าสวยซุกลงกับไหล่กว้าง พูดเสียงสั่นๆ ราวกับคนจะร้องไห้และกอดรัดศิลาไว้แน่น
"ขี้แยหรอ" ศิลาเอ่ยแซวแต่ก็ยังไม่คลายอ้อมกอด
"ไม่ใช่นะ" เวลาจะร้องไห้ปัณณวีร์ทำตัวขี้แยหรือเหมือนเด็กเขามักจะเขินจึงไม่ค่อยอยากสบตา เพราะครั้งนี้รู้สึกว่าตัวเองขี้แยเหมือนเด็กน้อยจริงๆ
"งั้นก็ไปอาบน้ำด้วยกันเลย"
"ไม่เอาๆ" ปัณณวีร์ผละออกทันทีแล้วหันหน้าหันหลังอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อนจะเดินไปนอนบนเตียงเอาผ้าคลุมตัวเอาไว้ "ไปอาบเลยพี่จะนอนรอ"
"ไม่อยากอาบน้ำด้วยหรอ" ศิลายิ้มมุมปากแวบหนึ่งแล้วถอดเข็มขัดออก
"ไม่อาบพี่อาบแล้ว ศิรีบๆ ไปอาบเถอะ" คนพี่เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหัว
"เขินอะไรครับ เห็นมานักต่อนักแล้ว"
"ศิลา เวลานี้มันอายไง รีบไปอาบเลย" เคยเห็นก็ใช่ว่าจะไม่เห็น แถมเมื่อครู่ยังดูงอแงเหมือนเด็กอีก
งานเลี้ยงปิดกล้องศิลาก็มาตามมารยาท จะไม่มาเลยก็จะดูไม่ดีแต่คิดว่าจะมานั่งดื่มนั่งทานข้าวสักหน่อยก็จะขอตัวกลับ ไม่เหมือนกับน้ำหนึ่งและศรุตที่หลังจากทานข้าวแล้วก็มานั่งดื่มกับทีมงานคนอื่นๆ ต่อ แต่ทั้งสองดื่มแข่งกันตามที่ได้ตกลงไว้ คนทั้งกองรู้ดีว่าทั้งสองนั้นเป็เพื่อนกันจึงดูเป็เื่ปกติ
ศิลากลับมาถึงคอนโดพร้อมดารินที่มาส่ง เนื่องจากมีของขวัญที่แฟนคลับเอามาให้เยอะแยะจึงต้องช่วยขนขึ้นห้องไป ขึ้นมาก็เจอปัณณวีร์นั่งทำงานอยู่พอดี ดารินจึงเอ่ยทักทายเพราะไม่ได้เจอกันนานเลย
“น้องวีร์ เป็ไงบ้างคะสบายดีเนอะ”
“พี่ดา สวัสดีครับ โห...นี่แฟนคลับศิเขาสายเปย์กันจังเลยอ่ะ” ปัณณวีร์มองของที่ขนขึ้นมา มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น
“จริงค่ะ นี่ทำอะไรอยู่คะ”
“ใกล้เริ่มเปิดกล้องแล้วน่ะครับ ทางนั้นเขาอยากให้ละครออนแอร์่ปลายเดือนพฤษภาเลยต้องรีบกันหน่อย”
“งานหนักไหมครับ” ศิลาเดินเข้าไปกอดจากด้านหลัง ตัวศิลาเองเป็คนที่ติดสกินชิปไม่น้อย แม้ดารินจะยังอยู่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่ใช่ครั้งแรกและดารินก็ชินแล้ว จะมีก็แต่เอือมกับดาราหนุ่มเท่านั้น
“สงสารคนโสดบ้างเนอะ พี่เห็นพวกเธอมาหลายปีแล้วก็อิจฉานะ” ปัณณวีร์หัวเราะออกมาเบาๆ
“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ งานเลี้ยงจบแล้วหรอ” ศิลาส่ายหน้าเบาๆ แล้วตอบ
“ผมอยากกลับก็เลยขอกลับก่อน บอกว่าปวดหัวน่ะครับ”
“จริงๆ ก็คงอยากกลับมากอดคนที่บ้านนั่นแหละ” ดารินยิ้ม “ั้แ่คุณกนกยอมรับนี่ดูเหมือนอะไรๆ จะดีขึ้นนะ”
เธอเองก็ดีใจด้วยที่ครอบครัวของศิลายอมรับได้แล้ว ดีใจที่กนกยอมถอยให้ ขอแค่ครอบครัวเข้าใจ ต่อให้ข้างหน้าจะเป็ยังไงแต่ก็ยังดีกว่าที่คนที่เรารักไม่เห็นด้วย ศิลามาปรึกษาเธอเหมือนกันว่าจะทำยังไงดีหากอยากเปิดตัวแฟน ศิลาคิดเอาไว้ว่าจะค่อยๆ ให้แฟนคลับรับรู้ว่าตัวเขานั้นมีแฟนแล้วแต่ยังไม่เปิดตัวว่าเป็ใคร รอให้ถึงเวลาที่หมดสัญญากับทางช่องก่อน เมื่อนั้นเขาจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาคบกับปัณณวีร์ แต่ไม่อยากไปเปิดตอนนั้นทีเดียวให้แฟนคลับใ ดารินเองก็ได้บอกไปว่าจะทำตัวให้เหมือนคนมีแฟนก็ได้ ไม่เปิดแต่ก็ไม่ปิดมากเท่าเมื่อก่อน
“ครับ คุณกนกเขายังเปลี่ยนความคิดตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้แต่ก็ค่อยๆ ยอมรับพวกเรามากขึ้น” ปัณณวีร์ตอบ
“ก็ถ้าไม่ยอมไม่รู้ว่าลูกชายตัวดีจะทำยังไง” ดารินมองศิลา ใน่เวลานั้นเธอดูแลศิลาตลอด ปกติก็อ่านความคิดศิลายากแล้ว พอเป็คนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมายิ่งอ่านยากกว่าเดิมไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่ดากลับไปได้แล้วครับ รถคงรอนานแล้ว” ดารินถึงกับทำตาโตเมื่อถูกไล่กลับซึ่งๆ หน้า
“นี่ไล่เลย”
“ไม่อยู่คุยกันก่อนอ่ะ” ปัณณวีร์หันถาม
“ผมอยากให้เวลาอยู่กับพี่สองต่อสอง พี่ดาอยู่คงไม่สะดวกทำกิจกรรมกัน”
“ศิ!” ปัณณวีร์หยิกต้นแขนอีกคนเบาๆ ดารินเอามือปิดปากแล้วแกล้งทำตาโต
“ร้าย ร้ายจริงๆ” ดารินว่า
“กลับไปได้แล้วครับ ขอบคุณมากที่มาส่ง” ศิลาพูดอีกครั้ง ดารินจึงต้องพาตัวเองออกมาจากห้อง เพราะเ้าของห้องคงอยากจะอยู่กันสองคนขนาดนั้นจะให้อยู่เป็ก้างขวางคอก็ไม่ได้
“ลูกมาคุยกับฉัน ศิลาบอกว่าอยากจะเปิดตัวว่าตัวเองมีแฟน แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้เพียงแต่อยากจะค่อยๆ ทำให้แฟนคลับและทุกคนรู้ว่าตัวเขามีแฟนแล้ว ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยเลย ลูกกำลังดังกำลังมีงาน หากว่ามีแฟนแบบนี้แล้วจะกระแสตกไปรึเปล่า” กนกเอาเื่ที่ลูกชายปรึกษามาคุยกับอาธิปอีกที เธออยากได้ความคิดเห็นจากสามีมาช่วยในการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่อยากใช้อารมณ์ความรู้สึกและความคิดของตัวเองเพียงคนเดียวเพราะไม่อยากจะผิดพลาดอีกสำหรับเื่ของศิลา
“มองในมุมกลับกันอีกหน่อยอาจจะเป็เื่ดีก็ได้นะคุณ เพราะอย่างน้อยถ้าถึงวันที่ลูกอยากจะเปิดตัวแฟนจริงๆ มันจะได้ไม่ดูสายฟ้าแลบเกินไป”
“แต่งานลูกจะลดลงรึเปล่าคะ”
“คุณนก คุณจะกลัวอะไร ศิเป็ดาราที่มีความสามารถหรือต่อให้สุดท้ายแล้วเส้นทางดาราไปต่อไม่ได้ก็ยังมีบริษัทที่ให้ลูกเข้าไปช่วยงานได้อยู่ อีกอย่างผมมองว่าสมัยนี้มันเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว ถึงจะไม่เห็นด้วยเต็มส่วนแต่ก็คงไม่กล้าจะปฏิเสธเหมือนกันนั่นแหละ หากปฏิเสธเพียงเพราะคนคนนั้นเป็ LGBTQ ผมว่าน่าจะถูกโจมตีมากกว่าที่ศิลาคบกับผู้ชายก็ได้” จริงอย่างที่อาธิปว่า เพราะตอนนี้ก็มีการสนับสนุนกลุ่มคนหลากหลายทางเพศอย่างมาก บางครั้งเื่ที่กลัวและกังวลอยู่ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็ได้
“คุณคิดว่ามันดีและเห็นด้วยกับลูกใช่ไหมคะ” กนกเอ่ยถาม
“ใช่” เธอมองสบตาสามีก็พอรู้แล้วว่าทำไมศิลาถึงได้สนิทใจและพูดคุยกับอาธิปได้ทุกเื่แต่กับเธอยังมีกำแพง ก็เพราะว่าอาธิปพร้อมจะเข้าใจและพร้อมจะสนับสนุนตลอด หากว่าเื่นั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้ว...
่เวลาของการถ่ายทำละคร ปัณณวีร์ได้เจอกับมาวินอยู่บ่อยครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายมาหาถึงที่กอง ทำให้มีข่าวซุบซิบออกไปว่ามาวินกำลังตามจีบปัณณวีร์ เพราะตัวมาวินเองเป็คนที่ค่อนข้างเปิดเผยอยู่แล้วว่าตัวเองนั้นชอบผู้ชาย ซ้ำยังเป็ถึงทายาทคนเดียวของบุญบวร มีข่าวซุบซิบก็ไม่แปลก แต่นั่นทำให้ทุกคนต่างพูดกันว่าปัณณวีร์ก็คงจะเป็ชายรักชายเหมือนกันรึเปล่า หน้าตาก็ออกจากหวานมากกว่าเข้มเหมือนผู้ชายทั่วไป และยังไม่เคยเห็นมีแฟนหรือคบกับผู้หญิงเลย ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่มีใครสนใจอะไรมากนักพอผ่านไปไม่กี่วันก็ไม่พูดถึง
“จนได้” ปัณณวีร์ถอนหายใจออกมา ่พักเที่ยงของวันเขามาแยกตัวมานั่งทานข้าวกับชา
“เขาเล่นมาหาที่กองบ่อยขนาดนี้ ในกองนี่แหละตัวสร้างข่าวที่ดีเลย”
“นี่ขนาดว่าตอนเขามาหาพี่ ชาก็อยู่ด้วยตลอดนะ”
“ใครเขาจะไปสนกันล่ะคะ ชาอยู่ด้วยแต่เขาไม่ได้ชวนชาคุยเลยสักนิด ชวนแค่พี่แบบนี้เขาก็พากันตีความกันไปได้แล้วว่าเขามาพี่”
ปัณณวีร์รู้สึกเหนื่อยใจและหนักใจไม่น้อย คิดว่าศิลาก็คงจะรู้แล้ว กลับไปเย็นนี้ต้องโดนงอนเป็แน่ แค่คิดปัณณวีร์ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วเพราะงอนทีไรเขาต้องเปลืองตัวง้อทุกทีไป
“พี่วีร์ดูหนักใจ หรือว่าพี่วีร์มีแฟนอยู่แล้วคะ??” ชาอ่านสีหน้าของปัณณวีร์และถามโดยไม่ได้รู้ความจริงเพียงแค่เดาเท่านั้น “ทำหน้าใแสดงว่ามี”
“เงียบๆ ไว้นะชา” ปัณณวีร์พูดเสียงเบา ชาพยักหน้าหงึกๆ
“พี่มีแฟนแล้วก็บอกเขาไปตรงๆ เลยค่ะ เขาจะได้เลิกยุ่งไง” ปัณณวีร์ก็อยากจะบอกอยู่หรอกแต่ถ้าบอกไปแล้วเขาไม่เชื่อ ้าหลักฐานมายืนยันจะทำยังไง
“ไม่ง่ายน่ะสิ”
“พี่วีร์ครับ มีคนส่งอาหารกลางวันและดอกไม้มาให้ครับ” ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถุงอาหารและช่อดอกไม้ช่อใหญ่
“ใครหรอ??” ปัณณวีร์ลุกขึ้นแล้วรับมา
“ไม่ทราบครับ บอกแค่ว่าฝากให้พี่วีร์”
“ขอบใจนะ ไปทานข้าวเถอะ” ปัณณวีร์กลับมานั่งที่เดิมแล้วดูป้ายที่มากับดอกไม้
“ใครส่งมาให้หรอคะ” ชาถามด้วยความอยากรู้
“แฟนพี่น่ะ” ข้อความที่มากับดอกไม้บอกแค่ว่า ตั้งใจทำงานนะครับที่รักของผม คิดว่าใครได้อ่านก็คงรู้ว่าคนคนนี้มีเ้าของแล้ว ชาลุกขึ้นไปอ่านก็เอ่ยแซวออกมา
“หูยยย คงไม่ใช่ว่าเห็นข่าวซุบซิบของพี่กับคุณมาวินแล้วหรอคะถึงได้ส่งมาแบบนี้ เพราะไม่เห็นเคยส่งมาเลย” แน่นอนว่าใช่ ปกติศิลาไม่ทำอะไรเอิกเกริกขนาดนี้
“พี่ว่ากลับไปต้องไปง้อยาวแน่ๆ” ปัณณวีร์พูดอย่างเหนื่อยใจ ชาเองก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“แฟนผมนับวันจะยิ่งเสน่ห์แรงนะครับ” ศิลาพูดขึ้นพลางเหลือบมองคนเข้ามาใหม่ด้วยหางตา ่นี้ศิลาอยู่คอนโดเพราะไม่มีงาน มีงานอีกทีก็ตอนกลางเดือนธันวา ่นั้นเป็่ที่ไม่ค่อยจะมีเวลาเท่าไหร่นักซึ่งก็เหลือเวลาอีกมีถึงเดือนจะเข้าเดือนสุดท้ายของปี
“ไม่ได้สนใจเขาสักหน่อย ก็เขาเป็เ้านายเขามาดูความเรียบร้อยไม่ได้หาพี่นะ” ปัณณวีรืแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไปก่อนเพราะรู้ดีแก่ใจว่ามาวินมาตัวเองแต่ไม่อยากให้ศิลาไม่สบายใจและงอนเขา
“ั้แ่ตอนนั้นหรอที่เราทะเลาะกัน ตอนนั้นเขาเข้าหาพี่จริงๆ สินะ”
“ใช่” ปัณณวีร์เดินไปหาแล้วนั่งลงบนตักอีกฝ่ายทันทีพร้อมกอดคอเอาไว้ แต่ศิลาเบือนหน้าหนีเหมือนเด็กน้อยที่กำลังงอน “เขาเข้ามาจริง พี่ใช้เื่เขามาทะเลาะจริงแต่พี่ไม่ได้สนใจเขาจริงๆ นะ”
“พี่บอกเขาไปว่าพี่มีแฟนแล้ว บอกเขาด้วยว่าแฟนพี่คือผม”
“ศิ” ปัณณวีร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แบบนั้นถ้าเกิดเขาเอาไปบอกนักข่าวหรือคนอื่นล่ะ”
ศิลาไม่ได้ตอบอะไรปัณณวีร์จึงพูดต่อ “ไม่ต้องหวงไป พี่จะปฏิเสธเขาให้ชัดเจน สายตาพี่มองแค่ศินะ ไม่ได้มีไว้เพื่อมองใครอื่น มาขนาดนี้แล้วจะไม่เชื่อใจพี่หรอ”
คนน้องหันมาสบตา ศิลายกมือขึ้นมากอดเอวบางไว้หลวมๆ “ไม่ใช่ไม่เชื่อใจพี่ แต่ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับพี่”
“มันทำได้ที่ไหนล่ะ พี่ต้องทำงานต้องเจอคนมากมาย ศิเองก็เหมือนกันที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่มีใครมาชอบศิหนิ อย่างนับดาวเป็ต้น พี่ยังไม่หวงศิเลยเพราะพี่รู้ว่าศิคิดยังไง เราไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้แต่ดูคนของเราได้หนิจริงไหม” ปัณณวีร์อธิบายให้เข้าใจ คนอื่นจะเข้ามาเป็มือที่สามได้คนของเราก็ต้องเล่นด้วย หากว่าคนของเราหนักแน่นพอต่อให้มีใครเข้ามาก็ไม่หวั่นอะไรและศิลาก็ทำให้ปัณณวีร์รู้สึกอย่างนั้นมาตลอด
“เข้าใจแล้วครับ ขอโทษที่งี่เง่า”
ปัณณวีร์โน้มหน้าไปจูบหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ไม่เรียกว่างี่เง่านะ เรียกว่าคนกำลังหวง พี่ก็ชอบนะที่ศิหวงพี่น่ารักดี”
“พี่เคยหวงผมไหม พี่ไม่ค่อยแสดงออกเลยผมดูไม่ออก”
“อย่ามา พี่เคยแสดงออกอยู่”
“ตอบให้ผมชื่นใจหน่อยว่าหวงผมไหม” ศิลากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“หวง หวงมากครับ พอใจรึยังฮึ” ศิลายิ้มแล้วกอดอีกฝ่ายพลิกลงนอนกับโซฟาก่อนจะตามไปจูบปากเบาๆ อย่างหยอกล้อ จูบแล้วผละออกแล้วจูบใหม่อยู่อย่างนั้น
“ศิ อย่าแกล้งง”
เป็อีกวันที่มาวินมาที่กองถ่ายพร้อมกาแฟและขนมมากมาย ถึงจะบอกว่าซื้อมาฝากทีมงานแต่ก็รู้ดีว่าจุดประสงค์คือซื้อมาให้ปัณณวีร์ด้วย ่พักเบรก 20 นาทีนั้นปัณณวีร์จึงบอกกับมาวินว่ามีเื่จะคุยด้วย ทั้งสองเลยมาคุยกันบนรถของมาวินเพราะดูจะเป็ส่วนตัวกว่าคุยข้างนอก
“มีเื่อะไรหรอ สำคัญมากถึงต้องหาที่ส่วนตัวคุยกันเลย” มาวินถาม
“ครับ” ปัณณวีร์หันมองหน้าคู่สนทนาก่อนจะพูดออกมาตามตรง “คุณมาวินครับ ที่คุณทำอยู่ตอนนี้คือคุณกำลังตามจีบผมอยู่รึเปล่าครับ”
“ใช่ครับ” ในเมื่ออีกฝ่ายถามตรงประเด็นเลย มาวินก็ตอบไปตามความจริง
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องบอกให้คุณมาวินได้ทราบไว้ก่อน ผมมีแฟนแล้วครับและผมก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ” มาวินนิ่งค้างไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น
“วีร์คงไม่ได้หลอกให้พี่เลิกยุ่งกับวีร์หรอกใช่ไหม”
“จะทำแบบนั้นทำไมกันละครับ คุณมาวินทั้งเพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ง่ายหรอกนะครับจะเจอคนที่เหมือนกันแล้วเพอร์เฟคแบบคุณ แต่ว่าผมมีแฟนแล้วจริงๆ ครับ” ปัณณวีร์บอกอย่างจริงจัง มาวินเงียบไปอย่างกับใช้ความคิดก่อนจะพูดออกมา
“ครับ ขอบคุณที่คุณบอกก่อนที่พี่จะชอบวีร์ไปมากกว่านี้ ผมรู้สึกเสียดายจังเลย ถ้าพี่เจอวีร์เร็วกว่านี้คงจะดี” มาวินเข้าใจและคุยง่ายกว่าที่คิดซึ่งปัณณวีร์ก็โล่งใจ
“ขอบคุณสำหรับไมตรีที่ดีครับ แต่ผมชื่นชมคุณที่กล้าเปิดเผยว่าตัวเองชอบผู้ชาย”
“เมื่อก่อนพี่ก็กลัว ยิ่งเป็ทายาทคนเดียวของตระกูล ยิ่งทำให้กังวล กว่าจะก้าวข้ามความกลัวนั้นมาได้ก็ใช้เวลาหลายปีเหมือนกันนะ ยิ่งตอนนั้นสังคมยังไม่เปิดกว้างเท่าตอนนี้ วีร์ไม่ต้องกลัวไปหรอก หากว่าวันหนึ่งอยากจะเปิดตัวแฟน แล้วกลัวว่าจะไม่มีใครจ้างงานวีร์เพียงเพราะวีร์ไม่ชอบผู้หญิง วีร์มาหาพี่ได้ ทำงานกับพี่ก็ไม่ได้แย่นะครับ” ปัณณวีร์ยิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณนะครับ”
มาวินยิ้มก่อนจะเอ่ยคำถามที่ทำเอาปัณณวีร์ต้องใ “แฟนวีร์ ... คือศิลาใช่ไหม”
TBC.