ท่าทางของอวิ๋นเจียวเรียกเสียงหัวเราะจากคนในครอบครัวได้ไม่ขาดสาย ตราบใดที่คนในครอบครัวมีความสุข อวิ๋นเจียวก็ยินดีที่จะทำให้พวกเขามีความสุข
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยยิ้มๆ “เจียวเอ๋อร์ของพวกเราเก่งที่สุด ขายเครื่องประทินผิวไม่กี่กระปุกก็ได้เงินมาหลายร้อยตำลึงเงินแล้ว เก่งกว่าพ่อของเ้าตั้งเยอะ! ดูท่าพ่อคงต้องขยันให้มากกว่านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงถูกเจียวเอ๋อร์ของพวกเรานำหน้าไปไกล”
ฟางซื่อถือตั๋วเงินไว้ในมือ มองอวิ๋นเจียวด้วยแววตาสำนึกผิดที่ซ่อนอยู่ “เจียวเอ๋อร์ของพวกเราโตขึ้นแล้ว รู้จักช่วยเหลือครอบครัว พูดแล้วก็เป็เพราะพ่อแม่ไร้ประโยชน์ ทำให้เ้าต้องลำบาก” บุตรสาวที่ดีเช่นนี้ ควรได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ซื้อบ่าวไพร่มาปรนนิบัติมากมาย นำสิ่งของสวยงามล้ำค่าทั้งหมดในโลกมาวางไว้ตรงหน้านาง ให้นางเลือกสรรตามใจชอบ
“ท่านแม่ ท่านพูดอะไรเช่นนั้น? มีพวกท่านคอยดูแลเอาใจใส่ข้า ข้าก็มีความสุขมากแล้วเ้าค่ะ” ไม่ต้องพูดถึงตระกูลมั่งมี ในหมู่บ้านชาวบ้านธรรมดาๆ หาได้ยากที่จะมีครอบครัวไหนที่รักและเอ็นดูบุตรสาวอย่างสดหัวใจเหมือนกับบิดามารดาของนาง
อวิ๋นโส่วจงพูดขึ้น “เจียวเอ๋อร์พูดถูก ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะทำเครื่องประทินผิว ดังนั้นเรือนหลังนี้พวกเราทั้งครอบครัวอาศัยอยู่กันก็ถือว่าพออยู่ได้ แต่บัดนี้... ไม่พอแล้วจริงๆ เช่นนั้นเอาแบบนี้ดีหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยหาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับสร้างบ้าน แล้วก็ให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยดูว่ามีที่นาที่เหมาะสมหรือไม่ จะได้ซื้อมาเพิ่มอีกสักหน่อย”
ฟางซื่อเอ่ยรับ “อืม ก็ทำตามที่ท่านว่าเถิด” กล่าวจบฟางซื่อก็หันไปมองอวิ๋นฉี่เยว่แล้วเอ่ยถาม “เ้าใหญ่ เ้าจะไปสำนักศึกษาเมื่อไร? แม่จะได้เตรียมค่าเล่าเรียนให้เ้า”
อวิ๋นฉี่เยว่ตอบ “พรุ่งนี้ข้าจะไปสำนักศึกษา ส่วนเื่ค่าเล่าเรียนท่านแม่ไม่ต้องกังวล หลายปีมานี้ข้ารับจ้างคัดลอกตำราเรียนเตรียมสอบให้กับร้านหนังสือหังไจ เก็บเงินไว้ได้ไม่น้อย”
อวิ๋นโส่วจงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “เ้าใหญ่ เงินค่าเล่าเรียนของเ้าพ่อหาให้ได้ ต่อไปนี้เ้าไม่ต้องไปคัดลอกตำราแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาเรียนของเ้า”
อวิ๋นฉี่เยว่ยิ้มตอบ “ท่านพ่อ ตำราที่ข้าคัดลอกเป็ตำราเรียนเตรียมสอบ ช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้ข้าได้ แถมยังได้เงินอีกด้วย คนอื่นอยากทำงานแบบนี้ทั้งนั้นแต่ไม่มีโอกาสเลย เป็เพราะลายมือหวัดแบบเหมยฮวาเซี่ยวข่าย [1] ของบุตรชายท่านสวยงาม งานดีๆ เช่นนี้ถึงตกมาอยู่ในมือข้า”
อวิ๋นเจียวขยิบตาให้อวิ๋นฉี่เยว่ แล้วช่วยเขาพูดกับอวิ๋นโส่วจงว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องไปสนใจพี่ใหญ่หรอกเ้าค่ะ พี่ใหญ่เขามีแผนการของเขาเอง!”
อวิ๋นโส่วจงไม่มีทางต้านทานบุตรสาวได้ พออวิ๋นเจียวเอ่ยปาก เขาก็ยอมแพ้ทันที “เอาเถอะ ตราบใดที่ไม่เสียการเรียน พี่ใหญ่ของเ้าจะทำอะไรก็แล้วแต่เขา จริงสิ เดี๋ยวพ่อจะไปบ้านลุงเฉียวสักรอบ ฉี่ซานอยากเรียนช่างไม้”
อวิ๋นฉี่ซานรีบพูด “ท่านพ่อ ข้าไปกับท่านด้วย ข้ามีเงินค่าเล่าเรียนขอรับ”
“เหตุใดต้องจ่ายเงินค่าเล่าเรียนด้วย?” ฟางซื่อเพิ่งเคยได้ยินว่าการเป็ลูกศิษย์ต้องจ่ายเงินค่าเล่าเรียน
อวิ๋นโส่วจงอธิบาย “พวกเราไม่ไปเป็ลูกศิษย์ จ่ายเงินไปเรียนเลย ไม่ต้องเสียเวลาเปล่า”
พอเขาพูดแบบนี้ ฟางซื่อก็เข้าใจ การเป็ลูกศิษย์งานช่างต้องทำงานหนักให้กับอาจารย์เป็เวลาหลายปีก่อน หากอาจารย์พอใจก็จะสอนวิชาให้มากหน่อย หากไม่พอใจก็จะสอนให้น้อยหน่อย
“แบบนี้ก็ดี อย่างไรเสียฉี่ซานก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็ช่างไม้” นางเข้าใจบุตรชายของตนเองเป็อย่างดี ที่ฉี่ซานอยากเรียนช่างไม้ ก็เพราะสนใจงานช่าง อยากเรียนรู้วิชาเพิ่ม เพื่อความสะดวกในการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ของเขา
อวิ๋นฉี่ซานพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเรียนช่างไม้เสร็จแล้ว ก็จะไปเรียนตีเหล็กต่อขอรับ”
อวิ๋นเจียวหัวเราะและพูดว่า “ท่านพ่อ ต่อไปนี้คงต้องสร้างห้องตีเหล็กไว้ในบ้านของเราให้พี่รองด้วยนะเ้าค่ะ”
“อืม ได้สิ พ่อจะจำไว้ ถึงเวลาสร้างบ้านค่อยวางแผนเผื่อห้องสำหรับพี่รองของเ้าด้วย”
พอพูดถึงเื่นี้ ทุกคนในครอบครัวก็ตื่นเต้นขึ้นมา ต่างช่วยกันออกแบบบ้าน อวิ๋นฉี่เยว่หยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกออกมา วาดภาพตามที่ทุกคนบรรยายออกมา
ใกล้พลบค่ำ อวิ๋นโส่วจู่กลับมาถึงบ้านตระกูลอวิ๋นในสภาพราวกับสุนัขจรจัด ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านตระกูลอวิ๋น เขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น หลิ่วซื่อที่กำลังซักผ้าอยู่รีบทิ้งงานในมือลง แล้วเข้าไปพยุงเขาพลางะโเรียก “ท่านพ่อ ท่านแม่ โส่วจู่...”
“ไอ้ลูกไม่รักดี เพิ่งรู้จักกลับบ้านหรือไง? เงินอยู่ไหน? เงินที่ขายรถม้าได้อยู่ไหน?”
เถาซื่อถือไม้กวาดพุ่งออกมาราวกับพายุ รูปร่างของนางเตี้ยและผอม บวกกับที่เท้าที่เคยถูกรัดไว้ [2] การวิ่งออกมาด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ ทำให้เสียศูนย์ ก่อนที่ไม้กวาดจะได้ฟาดลงบนตัวอวิ๋นโส่วจู่ ตัวนางก็ล้มลงไปทับเขาเสียก่อน
“นางผู้หญิงสารเลวน่าตายนัก ยังไม่รีบพยุงข้าขึ้นอีก ยืนบื้อทำอะไรอยู่? เรียกิญญาหรือ?”
ทั้งที่หลิ่วซื่อยืนอยู่ข้างๆ แต่เถาซื่อกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ถลึงตาใส่จ้าวซื่อที่ได้ยินเสียงดังจึงเดินออกมาจากห้องครัว พร้อมเปิดปากะโด่า
จ้าวซื่อวิ่งลนลานเข้าไปพยุงเถาซื่อขึ้น แต่พอเถาซื่อลุกขึ้นยืนได้มั่นคง ก็สะบัดแขนอย่างแรง จ้าวซื่อที่ไม่ทันระวังตัวจึงถูกสะบัดจนล้มลงไปกองกับพื้นเต็มแรง อวิ๋นเหมยเอ๋อร์ยืนพิงประตู แทะเมล็ดแตงโมไปพลาง พอเห็นจ้าวซื่อล้มลงก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
ตอนนั้นอวิ๋นโส่วกวงกับลูกชายเพิ่งกลับมาจากทำงาน เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดี อวิ๋นฉี่ชิ่งกับอวิ๋นฉี่เสียงสองพี่น้องรีบวิ่งเข้าไปพยุงจ้าวซื่อขึ้น เมื่อเห็นมารดาถูกเถาซื่อรังแก ดวงตาของอวิ๋นฉี่เสียงก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
“มองอะไร? ไอ้พวกอกตัญญู! ยายเฒ่าเช่นข้าเลี้ยงสุนัขยังดีกว่าเลี้ยงพวกเ้า!” กล่าวจบเถาซื่อก็ฟาดไม้กวาดลงบนหัวและใบหน้าของอวิ๋นฉี่เสียงอย่างแรง จ้าวซื่อเห็นดังนั้นก็รีบใช้ร่างเล็กๆ ของตัวเองบังอวิ๋นฉี่เสียงเอาไว้ พร้อมกับอ้อนวอน “ท่านแม่อย่าตีเลย ขอร้องล่ะ อย่าตีเลยเ้าค่ะ”
เมื่อไม่ได้เงิน แถมยังถูกอวิ๋นโส่วจงทำให้อารมณ์เสียก่อนหน้านี้ ในใจเถาซื่ออัดอั้นไปด้วยความโกรธเคือง มือที่ฟาดลงไปนั้นจึงไม่ปรานีแม้แต่น้อย ทางด้านอวิ๋นโส่วกวงโยนจอบในมือทิ้ง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาภรรยาและลูกชายอย่างฉับไว แย่งไม้กวาดจากมือเถาซื่อแล้วโยนทิ้งไป เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดั้แ่ยังอยู่ไกลแล้ว ภรรยาและลูกชายของเขาไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินนางแม้แต่น้อย แต่กลับถูกเถาซื่อตีโดยไร้สาเหตุ
เขาสำนึกผิดอยู่แล้วที่ให้ภรรยาและลูกชายต้องกินอยู่อย่างขัดสนและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไปกับตนเอง ตอนนี้เห็นเถาซื่อตีพวกเขาอย่างไม่ปรานี ต่อให้อวิ๋นโส่วกวงจะอ่อนแอเพียงใด ความโกรธในใจก็ยังพลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่ดี
เถาซื่อมองมือเปล่าของตัวเองอย่างงุนงง นางไม่คิดเลยว่าอวิ๋นโส่วกวงจะกล้าแย่งไม้กวาดของนาง! นี่มันบังอาจเกินไปแล้ว!
“อวิ๋นเจียชาง ตาแก่ไม่ตาย! ลูกชายเ้าจะฆ่ายายเฒ่าเช่นข้า! ข้าไม่ทนแล้ว... เ้าใหญ่ก้าวร้าวอกตัญญู ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม? ข้าอุตส่าห์แต่งงานกับตาแก่เช่นเ้าั้แ่อายุสิบกว่าปี ให้กำเนิดลูกชายเลี้ยงลูกสาวให้ตระกูลอวิ๋น ตอนนี้แก่หงอกแล้ว กลับต้องมาทนรับอารมณ์ร้ายจากลูกชายคนโตของเ้าอีก เ้ารองก็อยากให้ข้าตายเต็มที ตอนนี้ยังยุยงให้บ้านเ้าใหญ่มาเอาชีวิตข้าอีก! ข้าตายๆ ไปเสียดีกว่า!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถือกล้องยาสูบเดินออกมาจากห้อง เอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เ้าใหญ่ เ้าไปยั่วโมโหแม่ของเ้าทำไมเล่า?” จริงๆ เลยเชียว บ้านก็วุ่นวายมากพอแล้ว เหตุใดบ้านเ้าใหญ่ถึงไม่เห็นใจเขาบ้าง? ยอมอ่อนข้อให้เถาซื่อบ้างไม่ได้หรือไร?
อวิ๋นโส่วกวงกำหมัดแน่น ในใจของเขาราวกับมีความรู้สึกหลากหลายปะปนกันรู้สึกเ็ปและซับซ้อนจนยากจะอธิบาย คำพูดของผู้เฒ่าอวิ๋นราวกับน้ำเย็นที่ราดรดลงมาบนหัวใจของเขา ทำให้เย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ
“ท่านพ่อ ในเมื่อท่านแม่ไม่อาจยอมรับครอบครัวพวกข้าได้ เช่นนั้นพวกเราก็แยกบ้านกันเถิดขอรับ!”
เชิงอรรถ
[1] เหมยฮวาเซี่ยวข่าย (梅花小楷) คือรูปแบบอักษรหวัดแบบหนึ่งมีลักษณะตัวอักษรเล็ก เรียบร้อย สวยงาม
[2] การรัดเท้า (裹足) เป็การรัดเท้าให้เล็กลงั้แ่เด็ก เพื่อให้ได้รูปร่างที่ถือว่างดงามตามค่านิยมในยุคนั้น