บทที่ 47 คันธนูตามจันทร์
ดวงอาทิตย์แผดจ้าอยู่บนท้องฟ้า ส่องประกายแสงร้อนแรงลงมายังพื้นดิน
ผู้เฒ่าเฟิงะโชื่อทีละคน ปล่อยให้นักรบสามสิบสองคนที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่รอบที่สองก้าวขึ้นมาบนเวทีประลองเพื่อรับรางวัล
หลังจากเห็นรางวัลแล้ว เหล่านักรบก็พอใจมาก นำขวดยาต่างๆ และถุงหินิญญาลงจากเวที ผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆ จะได้รับอาวุธระดับมนุษย์ที่สวยงาม ทำให้นักรบที่ตกรอบแรกมองดูด้วยความริษยาตาเป็มัน
ในที่สุดก็ถึงรางวัลของอันดับที่หนึ่ง
ทั้งนักรบที่เข้าร่วมและผู้คนในกลุ่มผู้ชมล้วนหันความสนใจไปที่ฉู่อวิ๋น
“เชิญนักรบที่ชนะอันดับหนึ่งในรอบแรกของการประลองล่าสัตว์ปีศาจ ตระกูลฉู่ ฉู่อวิ๋น ขึ้นมาบนเวทีเพื่อรับรางวัล” ผู้เฒ่าเฟิงประกาศด้วยน้ำเสียงสงบและปรบมือ พร้อมทั้งให้สาวใช้หน้าตาดีสองคนถือกล่องสมบัติเล็กๆ สองกล่องไว้
ฉู่อวิ๋นตอบสนองทันที เขาเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางสายตาของทุกคน ในใจรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
จากนั้น ผู้เฒ่าเฟิงก็สั่งให้สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาที่ฉู่อวิ๋นแล้วเปิดกล่องเล็กๆ ในมือของนาง ทันใดนั้น กลิ่นหอมของยาก็โชยออกมา
“นี่คือหนึ่งในรางวัลสำหรับอันดับที่หนึ่ง ยากระดูกเสือสิบขวด ตราบใดที่เ้าทาบนร่างกายระหว่างการฝึก มันจะมีผลทำให้ิัของเ้าแข็งแรงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ ทั้งยังมีผลดีต่อการทะลวงระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณได้”
“อีกห้าขวดที่เหลือคือยาเม็ดโลหิต เป็ยาอายุวัฒนะขั้นสองที่สามารถใช้ได้เมื่ออยู่ในระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ช่วยทำให้อวัยวะภายในสงบลง มีประสิทธิผลอย่างมาก การฝึกฝนจะได้ผลสองเท่าแม้ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว"
ผู้เฒ่าเฟิงแนะนำรางวัลยาต่างๆ อย่างช้าๆ แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาของฉู่อวิ๋นเป็ประกายคล้าย้ารับกล่องไปทันที เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า "เ้าหนุ่ม ไม่ต้องกังวล นี่เป็เพียงรางวัลยาอายุวัฒนะ…”
เมื่อพูดเช่นนั้น ผู้เฒ่าเฟิงจึงขอให้สาวใช้อีกคนเดินออกมาช้าๆ แล้วค่อยๆ เปิดกล่อง คราวนี้ในกล่องมีหยกใสที่สะท้อนกับแสงตะวัน
“ในกล่องมีหินิญญาทั้งหมดห้าสิบก้อน ตีค่าเป็ห้าหมื่นเหรียญทอง ข้างต้นเป็รางวัลสำหรับอันดับที่หนึ่งในการประลองล่าสัตว์ปีศาจ กล่องนี้ค่อนข้างมีน้ำหนัก ประเดี๋ยวพองานประลองจบลงเ้าก็ค่อยไปรับมัน” ผู้เฒ่าเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาน่า มีข้าผู้เฒ่าเฟิงคอยดูแล” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แม้ว่าหินิญญาห้าสิบก้อนจะน้อยกว่าครั้งที่เขาได้รับจากการขายยา แต่นี่ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อย่างไรเสีย ทะเลโอสถก็เป็สถานที่ที่พบเจอได้ยากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรางวัลยาอายุวัฒนะสำหรับการขัดเกลาร่างกายและรางวัลจากาาสัตว์ปีศาจอีกด้วย ฉู่อวิ๋นเองก็ค่อนข้างพอใจแล้ว
“ถ้าเข้าสู่สามอันดับแรกในการประลองรอบที่สองได้ รางวัลก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นใช่หรือไม่? อื้ม! ต้องเข้าสู่สามอันดับแรก ทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับฉู่เจิ้นหนานให้สำเร็จ จากนั้นก็ปลดปล่อยให้ตระกูลรองเป็อิสระ” ฉู่อวิ๋นคิดในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าเฟิงก็เริ่มแจกรางวัลจากาาสัตว์ปีศาจและประกาศว่า "ในการประลองเซี่ยหยาง สัตว์ปีศาจระดับแปด งูหลามคราม ได้รับการปล่อยสู่ผืนป่าในฐานะาาสัตว์ปีศาจเป็ครั้งแรก และฉู่อวิ๋นสังหารมันได้สำเร็จ เขาทั้งกล้าหาญและทรงพลัง เป็แบบอย่างของนักรบรุ่นเยาว์ และตอนนี้ เขาจะได้รับคัมภีร์วิชายุทธ์ระดับสูงสุดในระดับมนุษย์เป็รางวัล”
ทันทีที่พูดจบ นักรบทุกคนก็ส่งสายตาอิจฉา จ้องมองไปที่ม้วนไม้ไผ่ที่สลักวิชายุทธ์ไว้ในมือของสาวใช้
ทักษะวิชายุทธ์แบ่งออกเป็ห้าระดับ นักบุญ จักรพรรดิ ราชันย์ ิญญา และมนุษย์ โดยทั่วไปแล้ว แต่ละระดับจะมีสามระดับย่อย : สูง กลาง และต่ำ
แต่ก็มีวิชายุทธ์บางอย่างที่หายากและสืบทอดมาจากสมัยโบราณ สามารถปรับปรุงพลังปราณให้ไปถึงขีดจำกัดของระดับหนึ่งๆ นั้นได้ และยังสามารถเทียบเคียงพลังยุทธ์กับระดับที่สูงกว่าได้
นี่คือสุดยอดวิชายุทธ์
แม้ทุกคนต่างจ้องมองอย่างโหยหา แต่ฉู่อวิ๋นกลับดูสงบมากในเวลานี้ เมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้เรียนรู้วิชายุทธ์จิติญญาระดับสูงที่แอบสืบทอดโดยบรรพบุรุษของตนเองมา วิชากระบี่ดาราร่วงหล่น วิชายุทธ์ขั้นสูงระดับมนุษย์นี้จึงไม่ได้ดึงดูดใจอันใด
แต่อย่างไรก็ตาม ตามคำที่ว่า การมีวิชายุทธ์เคียงกายย่อมดีกว่า
ในขณะที่ฉู่อวิ๋นครุ่นคิดอยู่ สาวใช้หน้าตางดงามก็เดินเข้ามาและยื่นม้วนไม้ไผ่ให้เขา
“ฝ่ามือัพเนจร?”
เมื่อเห็นอักขระที่มีเส้นชัดเจนบนม้วนไม้ไผ่ ฉู่อวิ๋นก็ใเล็กน้อย ที่แท้คือทักษะวิชาฝ่ามือ
“แม้ว่าข้าจะเชี่ยวชาญวิชากระบี่ แต่กลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทักษะหมัดและฝ่ามือเลย หากเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไร้กระบี่ ข้าจะต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่เป็แน่ ขอเพียงแค่สามารถฝึกฝนทักษะวิชาฝ่ามือระดับสูงได้ แม้ว่าในอนาคตอาจเจอกับสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งกระบี่ ข้าก็จะสามารถปกป้องตัวเองได้"
ฉู่อวิ๋นหมุนม้วนไม้ไผ่เก็บไว้ด้วยแววตาปีติยินดี สำหรับเขา ทักษะการใช้ฝ่ามือนี้มาได้ทันเวลาจริงๆ
"อะแฮ่ม..." เสียงผู้เฒ่าเฟิงกระแอมดังขึ้น ทำให้ฉู่อวิ๋นกลับมามีสติอีกครั้ง และพูดว่า "ไม่ต้องรีบ นี่ค่อยกลับไปดูทีหลังได้ นั่นเป็รางวัลเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีรางวัลอาวุธเพิ่มเติมจะมอบให้เ้าเช่นกัน”
“เพิ่มเติม?!” ฉู่อวิ๋นพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ เขาดีใจอยู่ลึกๆ งูหลามครามตัวนั้นสังหารได้คุ้มแล้ว
คราวนี้ ผู้เฒ่าเฟิงหยิบอาวุธที่เก็บไว้ในกล่องไม้สีเข้มอย่างดีมาด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าอาวุธนี้หนักมาก สาวใช้ธรรมดาไม่อาจยกได้
นี่คือคันธนูที่มีรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยวและมีน้ำหนักหนึ่งพันจิน ตัวคันธนูนั้นสลักด้วยเส้นลึกลับหลายเส้น สายธนูแข็งแกร่งมากทั้งยังเปล่งประกายด้วยแสงเย็นตา
เพียงชำเลืองมองแค่ครั้งเดียว ฉู่อวิ๋นก็รู้ว่าคันธนูนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ทันทีที่เห็นธนู ผู้ฝึกธนูรุ่นเยาว์ทุกคนต่างก็อยากจะรีบวิ่งไปที่เวทีทันที ด้วยอยากจะคว้าธนูล้ำค่านี้ไว้ในอ้อมแขนแล้วค่อยๆ ลูบไล้ด้วยความสุขใจ
แน่นอนว่ามู่หรงซินก็เช่นกัน ดวงตาคู่งามของนางเองก็เป็ประกาย นางมองไปที่ธนูอย่างตั้งใจ
อาวุธที่ดีสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของนักรบได้มหาศาล และอาวุธทางิญญาระดับสูงบางชิ้นที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณก็มีสิ่งล่อใจอย่างมากเช่นกัน แม้แต่กับปรมาจารย์ผู้ทรงพลังบางคนยังก่อให้เกิดการปล้นสะดมจนศพเต็มไปทั่วทุ่งหญ้ารกชัฏ เืที่หลั่งนองไหลลงสู่แม่น้ำจนย้อมเป็สีแดง
หากได้อาวุธระดับสูงที่เหมาะกับิญญายุทธ์ของตัวเอง ก็จะทำให้นักรบไร้จุดอ่อนมากยิ่งขึ้น
“คันธนูนี้เรียกว่าตามจันทร์ มันเป็สมบัติที่มีลายสลักสิบกลระดับกลาง ถูกจารึกรูปแบบความแข็งแกร่งไว้ห้ากล และมีรูปแบบความเร็วห้ากล มูลค่ามหาศาล ข้าหวังว่าเ้าจะสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้” ผู้เฒ่าเฟิงผละตัวออก มือเหี่ยวย่นจับธนูตามจันทร์ไว้ แล้วยื่นให้ฉู่อวิ๋น
“นี่เป็สมบัติลายสลักสิบกลจริงหรือ? รางวัลสำหรับการฆ่าาาสัตว์ปีศาจนั่นไม่ใช่น้อยๆ เลย” ฉู่อวิ๋นหยิบธนูมา และทันทีที่เขารับมัน ไอความเย็นที่แผ่มาจากธนูก็ทำให้เขาตัวสั่นได้
อย่างไรเสีย ฉู่อวิ๋นก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเป็พิเศษ เพราะเขาเป็ผู้ฝึกกระบี่ และนอกเหนือจากการฝึกทักษะหมัดและฝ่ามือแล้ว เขาก็ไม่มีเวลาไปฝึกฝนทักษะธนูอีก
ตอนนี้ เมื่อได้รับคันธนูที่เป็สมบัติสิบกลมาอีกครั้ง ดูท่าแล้วก็คงไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในมือของเขา
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็ผุดความคิดขึ้นมาในใจ
เขาเดินลงจากเวทีท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน เดินช้าๆ ไปยังตำแหน่งของมู่หรงซิน และพูดว่า "คุณหนูมู่หรง เ้ามีความชอบครึ่งหนึ่งจากการฆ่าาาสัตว์ปีศาจ ข้าเองก็ไม่ใช่ผู้ฝึกธนู ธนูคันนี้ก็มีค่ามากกว่า น่าจะเหมาะกับเ้า"
ฉู่อวิ๋นยื่นมือที่ถือคันธนูตามจันทร์ให้มู่หรงซิน จากนั้นก็หันหลังกลับ ทิ้งเหตุการณ์ไว้เื้ัโดยไม่สนใจ ทำให้ใบหน้างามของมู่หรงซินแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่ เ้าก้อนเมฆโรคจิต เ้า...ให้ธนูตามจันทร์กับข้าจริงหรือ?” มู่หรงซินถามพร้อมกับถือธนูไว้ในมือ แต่เสียงของนางเบาลงเรื่อยๆ ดวงตาขยับยุกยิก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่เขินอายของหญิงสาว
“อือ ให้เ้า” ฉู่อวิ๋นหันกลับมาเล็กน้อยแล้วตอบ
มู่หรงซินตอบ "โอ้" อย่างเงียบๆ จากนั้นก้มหน้าลง จิตใจของนางปั่นป่วน
“เ้าฉู่อวิ๋นคนนี้ให้ของคนอื่นแต่กลับทำเป็เ็าไม่แยแส น่ารังเกียจจริงๆ!”
“แต่ทำไมหัวใจของข้ากลับรู้สึกหวานนักนะ?”
มู่หรงซินกระทืบเท้า กอดธนูตามจันทร์ไว้แน่น แก้มของนางแต้มสีแดงฉาน ปรากฏรอยยิ้มน่าสัมผ้สขึ้นที่มุมปาก
ทุกคนในลานต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นที่ได้รับธนูสมบัติสิบกลจะมอบให้ใครคนอื่นไป และคนคนนั้นคือมู่หรงซิน หนึ่งในสองคู่งามแห่งไป๋หยาง
ทุกคนนึกถึงเื่เมื่อครู่ ที่ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินมาสาย และรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่อีกครั้ง นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจินตนาการได้
“์ หรือว่า...หรือว่าคุณหนูมู่หรงจะชอบเ้าดาวหายนะนั่น?”
“นี่มันบุปผางามติดอยู่ในมูลวัว[1]ชัดๆ! ข้าไม่ยอมนะ!”
นักรบหนุ่มบางคนที่ชื่นชมมู่หรงซินอย่างเงียบๆ ก็กำลังทุบหน้าอกตีหัวใจตัวเอง บางคนมีภูมิหลังครอบครัวโดดเด่นและมั่งคั่งร่ำรวย บางคนมีความสามารถด้านพลังยุทธ์ที่โดดเด่น แต่ก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาต่างก็พบเจออุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อคิดไล่ตามมู่หรงซิน
แต่ตอนนี้ มู่หรงซินกลับแสดงสีหน้าเขินอายต่อฉู่อวิ๋น เ้าเด็กต้อยต่ำจากตระกูลรองฉู่ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้มู่หรงซินพอใจโกรธมากจนอยากตรงไปสังหารเขาเสีย
แน่นอนว่า ในบรรดาคนที่เข้าสู่รอบที่สองของการประลองได้ก็ยังมีคนประเภทนี้อยู่ นั่นก็คือผู้ที่ได้รางวัลอันดับที่สี่ในการประลองล่าสัตว์ปีศาจ ซือหม่าเค่อ
เมื่อเห็นท่าทางเอียงอายของมู่หรงซินแล้ว ซือหม่าเค่อก็รู้สึกเ็ปใจอย่างมาก จากนั้นเขาก็มองไปที่ฉู่อวิ๋น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เส้นเืบนหน้าผากปูดนูนออกมา แววตาทอความอิจฉาริษยา
“เชอะ เอาชนะาาสัตว์ิญญาได้แล้วอย่างไร? นั่นไม่ใช่เพราะว่ายืมแสงของเสี่ยวซินไปส่องหรอกหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเสี่ยวซิน เกรงว่าดาวหายนะดวงนี้จะแตกเป็เสี่ยงๆ ไปแล้ว” ซือหม่าเค่อพูดอย่างเ็า นักรบทั้งหมดที่อยู่ใกล้เขาก็ได้ยิน ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเต็มที่
การประลองรอบที่สองเป็การแข่งขันในลานประลอง นักรบที่เข้าร่วมสามสิบสองคนจะต้องต่อสู้เป็คู่กันเพื่อตัดสินผู้ชนะ ใครก็ตามที่สามารถยืนหยัดได้ในตอนท้ายก็จะกลายเป็ผู้ชนะของการประลองยุทธ์เซี่ยหยาง
หลังจากจับสลากแล้ว การต่อสู้ในเวทีประลองก็เริ่มขึ้น!
"ตุ๊บ ตุ๊บ!"
ในเวทีประลอง ได้ยินเสียงหมัดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความดุเดือดเืพล่าน และไม่นานก็มีผู้ชนะเพิ่มขึ้นมาหลายคน โดยเฉพาะผู้โชคร้ายที่ต้องเผชิญหน้ากับคนแข็งแกร่งอย่าง ฉู่เฟย และซือหม่าเค่อ ภายในไม่กี่รอบก็ถูกทุบตีจนกระอักเป็เื ทำได้แค่สละสิทธิ์เท่านั้น
ในที่สุดก็ถึงคราวของฉู่อวิ๋นลงสนาม
แต่กลับไม่มีใครมองฉู่อวิ๋นดีเลยสักคน นับั้แ่เขาเปิดเผยว่าเขาและมู่หรงซินร่วมกันสังหาราาสัตว์ปีศาจ คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าเขากำลังจับปลาในน้ำขุ่น[2] และได้อันดับที่หนึ่งในการประลองล่าสัตว์โดยบังเอิญ โดยมีมิตรภาพของเขากับมู่หรงซินหนุนหลัง
นักรบระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ไม่อาจดึงดูดสายตาของผู้คนได้
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่อวิ๋นยังเกิดมามีิญญายุทธ์พิการและมีศักยภาพต่ำ
"ตึง!"
เสียงกลองดังขึ้น ฉู่อวิ๋นก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีประลอง
แต่เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "หืม? เป็เ้าหรือ? ช่างบังเอิญจริงๆ"
คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาสั่นไปทั้งตัว ดวงตาของเขาตกตะลึงเบิกโพลง ที่แท้คือมู่หรงเหิงที่กลัวความสูง
"ตึง!"
มีเสียงตีกลองดังขึ้นอีกครั้ง เป็สัญญาณให้เริ่มการประลอง
“เอาเถอะ ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็ทำได้แค่สอนบทเรียนให้เ้าอีกรอบ” ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง เขากำลังจะชักกระบี่ชื่อยวนออกมา แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงะโดังลั่น
“อ๊า! ข้า...ข้า ข้า ข้าไม่สู้แล้ว! ข้ายอมแพ้! ช่วยด้วย...”
มู่หรงเหิงพูดฟังไม่ชัด ราวกับเห็นเทพโรคระบาด เขาหันหลังกลับและะโลงจากเวที วิ่งฉิวกลับไปที่ค่ายจวนเ้าเมือง
ฉู่อวิ๋นพูดไม่ออก
“ฟิ้ว——”
สายลมพัดโชยผ่านไป
ในทันใดนั้น ผู้ชมทั้งหมดก็ตกตะลึง
--------------------
[1] บุปผางามติดอยู่ในมูลวัว หมายความว่า หญิงสาวที่มีความสามารถโดดเด่นได้แต่งงานกับสามีที่น่าเกลียดหรือน่ารังเกียจ นอกจากนี้ยังหมายความว่าผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เธอไม่อาจใช้พร์ของเธอได้ หรือสิ่งของล้ำค่าตกไปอยู่ในมือของคนที่ไม่เหมาะที่จะเป็เ้าของ
[2] ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้