จวบจนกระทั่งบัดนี้ ใต้เท้าหนานกงก็ยังคงคาดเดาความคิดของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้ เขาไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับองค์หญิงหวายหนิงที่ส่งเสียงดัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความไม่พอใจ
ใบหน้าของเขามีแต่ความจริงจัง “เรียนองค์หญิง ข้าน้อยควบคุมดูแลห้องยาสำนักหมอหลวงมาสิบปีแล้ว ยังไม่เคยพบเจอผู้ใดที่สามารถแยกแยะซางลู่ได้จากการชำเลืองมองเพียงแวบเดียว! แพทย์หญิงกูสุดยอดจริงๆ ให้เป็เพียงแค่แพทย์หญิงนั้นไม่เป็ธรรมกับนางจริงๆ ! ”
นี่…
องค์หญิงหวายหนิงเกือบจะลิ้นจุกปากจนพูดไม่ออก ผู้คนรอบด้านต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าทุกคนจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ทราบว่าการที่ชำเลืองมองแวบเดียวก็แยกแยะสมุนไพรได้ถูกต้องนั้นเรียกได้ว่ามีความสามารถจริงๆ !
หรือว่ากูเฟยเยี่ยนจะเป็ผู้เชี่ยวชาญที่หลบซ่อนไว้ไม่ปรากฏให้เห็น?
พี่น้องตระกูลฉีที่อยู่ด้านข้างไม่เพียงแค่รู้สึกประหลาดใจ พวกเขายังรู้สึกหวาดหวั่นอีกด้วย ถ้าหากว่ากูเฟยเยี่ยนมีความสามารถจริงๆ เช่นนั้นบุคคลต้องสงสัยก็จะมีเพียงแค่ฉีฟู่ฟางคนเดียว? ฉีอวี้ไม่เชื่อ!
เขาหมั้นหมายกับกูเฟยเยี่ยนมาั้แ่วัยเด็ก เขาจะไม่รู้จักนางดีอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลกูจะมีบุคคลที่มีความเก่งกาจทางด้านแพทย์ยามากมาย แต่นั่นก็เป็เื่เมื่อหลายร้อยพันปีที่แล้ว อีกทั้งไม่ได้สืบทอดต่อกันมา! ต่อให้กูเฟยเยี่ยนจะมีความสามารถก็ไม่เก่งไปกว่าศาสตราจารย์แพทย์หรอก!
ฉีอวี้กำลังจะเตือนแต่องค์หญิงหวายหนิงเอ่ยออกมาก่อน “กูเฟยเยี่ยน เปิ่นกงจู่ให้เ้าเลือกลิ่วตันซางลู่ไม่ใช่ซางลู่ธรรมดาทั่วไป เ้าอย่ามาหลอกลวงทุกคน! ”
ฉีอวี้ไม่เอ่ยอะไรออกมาแล้ว เขามีความซาบซึ้งต่อองค์หญิงหวายหนิง เพื่อตระกูลฉีแล้วองค์หญิงหวายหนิงพยายามอย่างเต็มที่มากทีเดียว
กูเฟยเยี่ยนยังคงไม่สนใจเสียงเอะอะขององค์หญิงหวายหนิง “ใต้เท้าหนานกง รบกวนท่านนำซางลู่ออกมาข้าจะดำเนินการต่อ” หลังจากที่นางพูดจบก็ยื่นมือสองข้างที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ไปทางเซี่ยเสี่ยวหม่าน พลางแสดงเจตจำนงให้เซี่ยเสี่ยวหม่านช่วยแกะผ้าพันแผลออก
ทุกคนจึงตระหนักได้ว่านิ้วมือทั้งสิบของนางได้รับาเ็ทั้งหมดและไม่สะดวกที่จะใช้มือ การที่นางเลือกซางลู่ธรรมดาออกมาก่อนไม่ได้เป็เพราะว่าเจตนาจะหลอกลวง แต่เป็เพราะว่าลดภาระออกไป
ชั่วพริบตาเดียวผู้คนต่างก็เงียบสงบ
องค์หญิงหวายหนิงที่เพิ่มบทละครให้ตัวเองมาโดยตลอดถึงกับััได้ถึงความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดปากโดยไม่รู้ตัว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นางที่ทำการลงโทษนั้น
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเสี่ยวหม่านเบาและระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง หลังจากที่ผ้าพันแผลถูกแกะออกจนหมดก็พบว่า่กลางนิ้วมือของกูเฟยเยี่ยนล้วนดำเขียวอย่างรุนแรง จุดที่ทายาลงไปมีเืไหลซึมออกมาไม่น้อยเลย
หลายคนไม่กล้าที่จะมองดู กูเฟยเยี่ยนเหมือนจะทนไหวเพราะมีสีหน้าที่สงบนิ่งมาก แต่เมื่อนางลองขยับนิ้วมือแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแสดงออกถึงสีหน้าของความเ็ป
“สิบนิ้วเชื่อมต่อไปถึงหัวใจ นิ้วเจ็บ ใจก็เจ็บ” คำนี้เป็เื่จริงทุกประการ ความเ็ปเช่นนี้ราวกับว่าถูกแทงลงไปที่หัวใจ ความเ็ปไม่แพ้ตอนที่ถูกลงโทษเลย
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อตอนที่ถูกลงโทษนางยังทนไว้ได้ ตอนนี้ทำไมจะไม่ได้?
กูเฟยเยี่ยนกัดฟันและไม่รอช้า “ใต้เท้าหนานกง ลำบากท่านแล้ว”
ใต้เท้าหนานกงรีบนำซางลู่สามต้นออกมาเพื่อให้หลงเหลือสมุนไพรไว้เจ็ดต้น กูเฟยเยี่ยนทนต่อความเ็ปอย่างรุนแรงหยิบต้นแรกขึ้นมาแล้วเริ่มมองสำรวจ
ตามปกติแล้วความเร็วของนางจะเร็วมากจนแทบจะทำให้ผู้คนมองกระบวนการวินิจฉัยของนางไม่ออก ทว่านางไม่มีทางเลือกเพราะนิ้วมือได้รับาเ็ นางจึงทำได้เพียงใช้ความเร็วอย่างช้าๆ นำสมุนไพรขึ้นมาวางไว้บนมือ หลังจากที่สังเกตลักษณะและดมกลิ่นั้แ่ล่างขึ้นไป้าแล้วก็ลูบไล้และบีบกดพันธุ์ไม้ ก้าน ลักษณะ ่ไหล่ ขา ร่างกิ่งไม้ และรากฝอย ไปทั่วทุกจุด
เมื่อตรวจสอบต้นแรกเรียบร้อยแล้วนางไม่ได้บอกคำตอบโดยทันที แต่กัดฟันหยิบต้นที่สอง ต้นที่สาม ต้นที่สี่ไปเรื่อยๆ…
ท่ามกลางความเงียบสงบ ผู้คนล้วนจับจ้องไปที่กูเฟยเยี่ยน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเ็ป แต่กลับไม่ได้สูญเสียความจริงจังและความมุ่งมั่นไปเลย แม้ว่าจะอายุยังน้อยและมีฐานะต่ำต้อย ทว่าความชำนาญและความสุขุมสงบนิ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าศาสตราจารย์แพทย์ที่อยู่ด้านข้างเลย
หญิงสาวเช่นนี้ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกถึงความสงสาร แต่เลื่อมใสนับถือออกมาจากจิตใจ แม้กระทั่งฉีอวี้ที่มองอยู่ก็เกิดความประทับใจเล็กน้อย
เมื่อกูเฟยเยี่ยนวางสมุนไพรต้นที่เจ็ดลง ทุกคนจึงค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
องค์หญิงหวายหนิงเป็คนแรกที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง “เป็อย่างไร ตรวจพบแล้วหรือไม่? ”
“แพทย์หญิงกู เ้าตรวจสอบเสร็จแล้วหรือ? ”
ใต้เท้าหนานกงทั้งประหม่าทั้งอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับว่ากูเฟยเยี่ยนมีความสามารถจริงๆ แต่เขาก็ไม่เชื่อว่ากูเฟยเยี่ยนจะสามารถวินิจฉัยลิ่วตันซางลู่ออกมาได้ เมื่อดูจากวิธีการวินิจฉัยเมื่อสักครู่นี้แล้วมันไม่ได้แตกต่างจากกระบวนการวินิจฉัยยาสมุนไพรทั่วไปมากนัก!
กูเฟยเยี่ยนยิ้มเยาะพลางตอบว่า “ภายในนี้มีโสมทั้งหมดหกต้น ลิ่วตันซางลู่หนึ่งต้น”
ถูก? หรือผิด?
ทุกคนล้วนหันไปมองใต้เท้าหนานกงเพื่อรอคอยคำตอบ หัวใจของใต้เท้าหนานกงเต้นถี่รัวขึ้นกว่าเดิม “ถูกต้อง! ”
บัดนี้ผู้คนต่างก็รู้สึกประหม่ามากยิ่งขึ้น ใต้เท้าหนานกงเอ่ยถามอย่างอดใจรอไม่ไหว “แพทย์หญิงกู ต้นไหนคือลิ่วตันซางลู่ โปรดพูดอย่างชัดเจน”
“ต้นที่หนึ่งสามและห้าล้วนเป็โสมที่มีอายุสิบปี ต้นที่หกและเจ็ดสามสิบปี” กูเฟยเยี่ยนหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อไป “ใต้เท้าหนานกง ต้นที่สองคือลิ่วตันซางลู่มีอายุยี่สิบปี ถูกหรือไม่? ”
ใต้เท้าหนานกงตกตะลึงจนตาค้าง แม้ว่าเขาจะคาดเดาได้แต่แรกว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ธรรมดา แต่เมื่อกูเฟยเยี่ยนแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา เขาก็รู้สึกว่าเป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อมากทีเดียว ไม่ได้ลิ้มรสแต่กลับแยกแยะลิ่วตันซางลู่ออกมาได้ เื่แบบนี้สามารถบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์การแพทย์ของเทียนเหยียนได้เลย! ยิ่งไปกว่านั้นคือกูเฟยเยี่ยนยังแยกแยะอายุออกมาได้อีก!
สีหน้าของใต้เท้าหนานกงทำให้องค์หญิงหวายหนิงเกิดความใเป็อย่างมาก นางถามอย่างร้อนใจ “ถูกหรือไม่ เ้าพูดออกมาสิ! ”
“ถะ ถูกต้อง ต้นที่สองคือลิ่วตันซางลู่จริงๆ” ใต้เท้าหนานกงเอ่ยออกมาด้วยความสัตย์จริง ก่อนจะเสริมด้วยว่า “อายุยี่สิบปี ก็ ก็ถูกต้อง! ”
องค์หญิงหวายหนิงตกตะลึงตาค้างไปแล้ว ผู้คนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็เงียบเช่นกันเพราะคาดคิดไม่ถึงว่ากูเฟยเยี่ยนจะมีความสามารถจริงๆ อีกทั้งยังมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมด้วย! ฉีอวี้ไม่แต่งงานกับนางเป็เพราะมองพลาดไปอย่างแน่นอน!
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็หันหปสนใจองค์หญิงหวายหนิง ใบหน้าของนางปรากฏให้เห็นถึงรอยยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยออกมาด้วยั์ตาเปล่งประกาย “องค์หญิงหวายหนิง นู๋ปี้ไม่มีความน่าสงสัยแล้วใช่หรือไม่?” องค์หญิงหวายหนิงตกตะลึงตาค้างจนพูดอะไรไม่ออก กูเฟยเยี่ยนจึงหันศีรษะมองไปทางจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เมื่อมองเช่นนี้นางจึงพบว่าสีหน้าของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยดูย่ำแย่กว่าเมื่อสักครู่นี้เป็เท่าตัว!
การที่นางแสดงความสามารถออกมาเช่นนี้ไม่เพียงแค่ลบล้างความน่าสงสัยออกไป แต่ยังนับได้ว่าเป็การเพิ่มเกียรติยศให้จิ้งหวางฝู่อีกด้วย จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยควรที่จะดีใจสักนิดไม่ใช่หรือ? ในใจของเขาคิดอะไรอยู่นะ?
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สนใจมากนัก นางถามด้วยความจริงจัง “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้มีความน่าสงสัยหรือไม่ โปรดิเจียน! ”
ปฏิกิริยาตอบสนองของจวินจิ่วเฉินเรียกได้ว่าตรงไปตรงมา เขาซักถามอย่างเ็า “ฉีฟู่ฟาง เ้าจะสารภาพออกมาหรือไม่? ”
ฉีฟู่ฟางใคุกเข่าร้องะโเสียงดัง “ปรักปรำเพคะ หม่อมฉันถูกปรักปรำ! หม่อมฉันถูกปรักปรำ! ”
ฉีอวี้ก็ใกลัวเช่นกัน เขาช่วยพูดพลางหันไปส่งสายตาเป็นัยให้กับองค์หญิงหวายหนิง หลักฐานพยานวัตถุห้าพันเหรียญทองนั้นไม่มากพอ หากว่าองค์หญิงหวายหนิงยืนขึ้นเป็พยานเท็จให้ โอกาสที่เื่นี้จะคลี่คลายลงก็มีมาก
แน่นอนว่าองค์หญิงหวายหนิงเข้าใจดี นางกำลังลังเล ทันใดนั้นหยาเว่ยก็พุ่งเข้ามาด้านใน “รายงานจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย มีคนในคุกแจ้งว่า้าให้การรับสารภาพ! ”
ในคราวนี้ทุกคนล้วนตระหนกใเพราะไม่คิดว่าจะมีการพลิกแพลงเช่นนี้ เพียงแต่ว่าสำหรับฉีฟู่ฟางแล้ว เื่นี้จะเป็เื่ดีหรือเื่ร้ายก็ไม่มีผู้ใดทราบได้ชัดเจน
ทว่าฉีฟู่ฟางกับองค์หญิงหวายหนิงทราบกันดี!
แพทย์ชายที่ฉีฟู่ฟางกับองค์หญิงหวายหนิงติดสินบนไม่ได้มีเพียงแค่เฉินซานหยวนคนเดียวแต่ยังมีหลี่เก๋อฉุนอีกด้วย!
จวินจิ่วเฉินเอ่ยถาม “มันเป็ใคร? จะให้การสารภาพเื่ใด? ”
หยาเว่ยตอบไปตามความจริง “เป็แพทย์ชายมีนามว่าหลี่เก๋อฉุนพ่ะย่ะค่ะ ว่ากันว่าถูกคนติดสินบน มีหลักฐานและ้าพบจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยให้ได้จึงจะกล้าพูดออกมา”
จวินจิ่วเฉินตอบอย่างเ็า “นำตัวขึ้นมา! ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจของฉีฟู่ฟางก็แทบจะหยุดเต้น นางค่อยๆ หันไปมององค์หญิงหวายหนิง สีหน้าขององค์หญิงหวายหนิงย่ำแย่โง่เขลาอย่างถึงที่สุดแล้ว…