“ช่างน่าโมโหเสียจริง!” เซียงเซียงเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เดิมทีนางไม่รู้จะทำอะไรจึงใส่ลูกปัดดอกไม้ที่เพิ่งได้มาและสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ไปเดินเล่นในเมือง นี่คือสิ่งนางชอบทำที่สุดในวันปกติ เนื่องจากทุกครั้งที่นางเห็นสาวชาวบ้านเ่าั้มองด้วยสายตาอิจฉาริษยา นางก็จะรู้สึกภูมิใจมาก
ทว่าวันนี้ตอนที่นางเดินไปรอบๆ บังเอิญได้ยินเื่ซุบซิบนินทาที่เหล่าฮูหยินปากเปราะบอกต่อๆ กัน นางรู้สึกโกรธมากจนปอดแทบจะะเิ
ในตอนแรกติงเหว่ยยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อย แต่หลังจากที่เจอแม่ลูกสกุลหลี่ก็ช่วยผ่อนคลายไปได้อย่างมาก พูดไปพูดมาก็เหมือนกับตอนแรกที่ท่านลุงอวิ๋นทาบทามให้นางทำกับข้าวในตอนนั้น จวนหลังใหญ่ของสกุลอวิ๋นกลายเป็สถานที่หลบภัยของนางไปแล้วจริงๆ อย่างน้อยใน่เวลานี้ที่นางได้คุยกับเหล่าคนงาน พวกเขาล้วนแต่เป็คนจิตใจดี แน่นอนว่านางเองก็เข้ากันกับทุกคนได้ดี แล้วก็ยังทำของกินอร่อยๆ ให้เป็การตอบแทนด้วย
เดิมทีเวลานางทำอาหารก็ตั้งใจอยากให้สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว เนื่องจากยุคสมัยที่แตกต่างกันนางก็เกรงว่ารสชาติอาจไม่เป็ที่นิยมของคนในยุคสมัยนี้ ดังนั้นทุกครั้งที่ลองทำอาหารชนิดใหม่ หลังจากรายงานให้ท่านลุงอวิ๋นทราบแล้ว ก็จะนำอาหารที่เสร็จแล้วแบ่งให้เหล่าคนใช้ลองชิม และยังไปช่วยเป็ลูกมือให้ท่านป้าหลี่เป็ครั้งคราว จึงค่อยๆ คุ้นเคยกันหมดแล้ว
หัวใจของมนุษย์นั้นสร้างมาจากเนื้อหนัง [1] หากนางทุ่มเททำความดีแล้ว ก็จะได้รับสิ่งที่เหนือความคาดหมายมากมายเอง แต่ก่อนเป็เพราะท่านลุงอวิ๋นกำชับไว้ ทุกคนจึงไม่กล้าปฏิบัติไม่ดีต่อนาง แต่ตอนนี้พวกเขาปฏิบัติต่อนางอย่างสนิทสนมด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ
……
น่าเสียดายที่ทุกสิ่งล้วนมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ บางคนเกิดมาเพื่อเป็หินที่ไม่สามารถทำให้อบอุ่นได้ [2] ในขณะที่ภายในจิตใจกำลังสงบสุข เขาก็จะขว้างก้อนหินลูกใหญ่ลงมาดังตู้ม…
เซียงเซียงคิดไม่ถึงเลยว่าเื่สกปรกที่ติงเหว่ยทำนั้นจะถูกพาดพิงว่าเป็ฝีมือของคุณชายที่มีอนาคตไกลของนาง เมื่อนึกถึงฐานะอันสูงส่งของเขา และหมู่บ้านในูเาแห่งนี้ก็ล้วนเป็ที่ที่บรรพบุรุษของพวกเขาบริจาคให้ ทำไมยังต้องมาแบกรับความผิดแทนสาวน้อยไร้จรรยาบรรณผู้หนึ่งด้วย?
“ติงเหว่ย เ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ! เ้ายังกล้ามาที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ ช่างน่าไม่อายเสียจริง!” เซียงเซียงกำลังคิดจะไปคุยกับท่านปู่ของนางเกี่ยวกับเื่นี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นเหว่ยเอ๋อร์คนที่ทำให้นางเกลียดชังจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางจึงรีบพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ติงเหว่ยหันกลับมาเห็นเซียงเซียงที่กำลังเดือดดาลเป็อย่างยิ่ง นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หากถามว่าจวนสกุลอวิ๋นมีอะไรบ้างที่ไม่ดี ก็คงเป็แม่นางเซียงเซียงนี่แหละ ไม่รู้ว่านางทั้งสองคนโกรธแค้นกันมาั้แ่ชาติปางไหน เป็ไม้เบื่อไม้เมากันจริงๆ ทุกครั้งที่เจอไม่มีครั้งไหนเลยที่พวกนางจะไม่ทะเลาะกัน
เมื่อก่อนเซียงเซียงมักจะเยาะเย้ยว่าอาหารที่ตนเองทำรสชาติไม่อร่อย แล้วก็ชี้นิ้วสั่งคนอื่น พูดว่าไม่เข้าใจกฎระเบียบอย่างนั้นอย่างนี้ แต่นางเห็นแก่หน้าท่านลุงอวิ๋นจึงปล่อยไปและไม่ถือสาหาความอะไร เพราะความจริงนางเองก็ไม่ใช่คนโง่เขลา
พอได้มาจวนสกุลอวิ๋นหลายครั้งเข้าก็ยังสังเกตเห็นเื่น่าพิรุธอยู่บ้าง หากพูดตามหลักแล้วท่านลุงอวิ๋นเป็นายท่านของสกุลอวิ๋น เซียงเซียงในฐานะหลานสาวก็ควรจะเป็ท่านหญิงน้อยแล้ว แต่ทำไมยังต้องทำงานเป็สาวใช้ ปกติก็ยืนเฝ้าประตูด้วยสีหน้าเ็า และไม่เห็นมีใครแสดงความเคารพนางสักเท่าไร ซึ่งเป็เื่ที่ค่อนข้างแปลก
ติงเหว่ยไม่มีอะไรทำ จึงคาดเดาว่าเซียงเซียงคงจะไม่ใช่หลานสาวโดยสายเืของท่านลุงอวิ๋น แต่นางก็ไม่ใช่พวกฮูหยินปากมาก นางจึงแค่พึมพำในใจสองสามประโยค และคิดเอาไว้ว่าในเวลาที่อดทนได้ก็ควรจะอดทนไว้ก่อน
ทว่าไม่มีผู้ใดอารมณ์ดีมาั้แ่เกิด นับประสาอะไรกับติงเหว่ยที่เป็หญิงตั้งครรภ์ เดิมทีนางก็วุ่นวายในใจอยู่แล้ว หากถูกยั่วยุหาเื่บ่อยครั้งเข้าก็อดที่จะรำคาญไม่ได้
“แม่นางเซียงเซียง คราวนี้เ้ามีอะไรจะชี้แนะข้าล่ะ?”
“นางเจวี้ยนนวี่เหริน! เ้าทำลายชื่อเสียงของจวนเราไปหมด แล้วยังมารนหาที่ให้ด่าอีกอย่างนั้นหรือ?” เซียงเซียงตะคอกถามเสียงดัง “ตอนนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านต่างพากันลือเื่ของเ้ากับคุณชายเต็มไปหมด เ้าเป็ใคร กล้าดียังไงมาเปรียบเทียบกับคุณชายของพวกเรา?”
ติงเหว่ยเลิกคิ้วของนางโดยไม่ใเลยสักนิดและตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งเฉยว่า “หูของข้ามีไว้ฟังแต่ความจริงเท่านั้น อะไรที่เป็ข่าวลือล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้า หากว่าแม่นางเซียงเซียงเรียกข้าให้หยุดเพราะคำพูดสกปรกและไร้ศีลธรรมเหล่านี้ ข้าคงต้องขอตัวก่อนเพราะได้เวลาไปเตรียมอาหารแล้ว”
“เ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ วันนี้ข้าอยู่ที่นี่จะไม่ปล่อยให้เ้าทำให้จวนของเราเสื่อมเสียเป็แน่” เซียงเซียงกางแขนออกทั้งสองข้าง และขวางทางที่ติงเหว่ยจะไปเอาไว้
เสี่ยวฝูจื่อที่ถือกระเป๋าอยู่ข้างหน้าหันกลับมาเห็นท่าทางของทั้งสองคน จึงรีบวิ่งเข้ามาไกล่เกลี่ย “แม่นางเซียงเซียง พี่ติงเป็หัวหน้าคนครัวที่ท่านผู้าุโเลือกไว้ และยังคาดหวังให้นางทำอาหารให้คุณชายอีกด้วย คำพูดของพวกฮูหยินปากมากในหมู่บ้านเ่าั้ ท่านฟังๆ ไปก็พอแล้ว ทำไมถึงเอามาถือสาหาความด้วยล่ะ?”
“ไปให้พ้น เ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้!” เมื่อเซียงเซียงเห็นเสี่ยวฝูจื่อดันติงเหว่ยไปข้างหลังด้วยท่าทีปกป้องกลายๆ ในใจก็ยิ่งโกรธแค้น นางคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าติงเหว่ยคนนี้มีฝีมืออะไรนักหนา ขนาดคนใช้ธรรมดาๆ คนหนึ่งยังต้องออกโรงปกป้องนาง ยิ่งนึกถึงท่านปู่ของนางที่เมินเฉยต่อหลานสาวแท้ๆ ของตนเองแต่กลับไปคอยดูแลเอาอกเอาใจสตรีผู้นี้ นางยิ่งโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
“แม่นางเซียงเซียงชี้แนะได้ถูกต้อง” เสี่ยวฝูจื่อก้มหน้าลงแต่มุมปากของเขายกขึ้นอย่างไม่ยอมรับ และเท้าของเขาก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ปกติแล้วเซียงเซียงคนนี้มีท่าทีราวกับดวงตาไปขึ้นอยู่บนหัวอย่างไรอย่างนั้น [3] อารมณ์ก็แตกต่างจากนายท่านเป็อย่างมาก ทั้งวันเอาแต่ชักสีหน้าไม่พูดไม่จาทำให้คนอื่นรำคาญไปเสียหมด
แต่จะทำอย่างไรได้ เขาก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนสได้ไม่กี่เดือน กินข้าวจวนสกุลอวิ๋น ต่อให้ไม่พอใจอย่างไรก็ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้
“เ้ายังมองอะไรอยู่อีก ไปทำหน้าที่เฝ้าประตูของเ้าซะ” เซียงเซียงรู้สึกสงบลงนิดหน่อยเมื่อเห็นท่าทางเจียมตัวของเสี่ยวฝูจื่อ จึงหันไปมองติงเหว่ยอย่างยั่วยุ
ติงเหว่ยมองเซียงเซียงที่หาเื่อย่างไร้เหตุผลด้วยสายตาเรียบนิ่ง ความจริงในใจนางแทบจะทนไม่ไหวแล้ว อีกอย่างการอยู่ร่วมกันของมนุษย์เรา แต่ไหนแต่ไรมาล้วนเป็หากเ้าเคารพข้าหนึ่งฉือข้าก็จะเคารพเ้าหนึ่งจั้ง [4] นางยังเฝ้ารอวันที่ความบาดหมางของนางกับเซียงเซียงจะคลี่คลายลง อย่างน้อยท่านลุงอวิ๋นก็ดีต่อนางไม่เลว และนางก็ไม่อยากทำให้ท่านผู้าุโต้องลำบากใจ
แต่จากที่เห็นวันนี้ ดูเหมือนว่าเซียงเซียงคนนี้เป็เหมือนหินในห้องน้ำที่ทั้งเหม็นและแข็ง ต่อให้นางจะควักหัวใจตนเองออกมาให้ เซียงเซียงก็คงไม่แม้แต่จะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ปล่อยไปก็แล้วกัน บนโลกนี้ต่อให้ขาดผู้ใดไป โลกก็ยังต้องหมุนไปเหมือนเดิมอยู่ดี ติงเหว่ยเองก็ไม่จำเป็ที่จะต้องยอมลำบากเพียงเพื่อให้สถานการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ต่อให้ไม่มีงานบ้านสกุลอวิ๋นนางก็คงไม่อดตาย
ยิ่งไปกว่านั้น เซียงเซียงคนนี้เกรงว่าจะไม่ใช่นายท่านของสกุลอวิ๋น ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ต้องไปคอยปรนนิบัติรับใช้นายน้อย ต่อให้นางทำให้ขุ่นเคืองใจก็ไม่เกี่ยวอะไรกันอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
“การใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนของผู้อื่นเพื่อเพิ่มความรู้สึกเหนือกว่าให้ตนเอง ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเ้าไม่มีความมั่นใจมากพอก็เท่านั้น” ติงเหว่ยยิ้มอย่างเ็า “ข้าได้ยินมาว่าเ้าเคยเรียนหนังสือมา หรือว่าเ้าไปเรียนในท้องหมา [5] อย่างนั้นหรือ? หากเ้าคิดว่าเ้าพูดแล้วสกุลอวิ๋นต้องทำตามเช่นนั้นเ้าก็จัดการไปก็แล้วกัน ข้าคงไม่อยู่เป็เพื่อนเ้าแล้ว ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ เ้าค่อยๆ ด่าไปก็แล้วกัน”
ติงเหว่ยหันข้างแล้วเดินหลบผ่านเซียงเซียงไป โดยไม่สนใจนางที่ะโด่าอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็หยิบกระเป๋าในมือของเสี่ยวฝูจื่อแล้วเดินเข้าไปในครัว
……
เสี่ยวชิงมองสอดแนมไปรอบๆ เมื่อนางเห็นเหว่ยเอ๋อร์เดินเข้ามา นางก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด และถามด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “พี่ติง ท่านมาแล้วหรือ ข้าเหมือนจะได้ยินแม่นางเซียงเซียงกำลังด่าสาปแช่งใครอยู่ คงไม่ใช่ว่านางมาสร้างปัญหาให้พี่อีกแล้วใช่ไหม?”
ติงเหว่ยเม้มปากและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “นางไม่หาเื่ข้าวันไหนคงจะแปลกน่าดู เ้าวางใจเถอะ ถึงข้าจะไม่ก่อเื่แต่ข้าก็ไม่กลัวอย่างแน่นอน”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พ่อครัวรูปร่างอ้วนท้วมก็เดินออกมาจากห้องครัว เขาชื่อจ้าวหรง อายุประมาณสี่สิบกว่าปี เป็คนที่ท่านลุงอวิ๋นไปหามาจากในเมือง วันที่ติงเหว่ยไม่อยู่เขาก็จะเป็ผู้ดูแลอาหารการกินของคุณชายอวิ๋นท่านนั้น
ติงเหว่ยเคยเห็นฝีมือของเขาแล้ว วิธีการทำอาหารของเขาถือเป็ต้นตำรับของแท้ เหมือนพระะโกำแพง [6] ขาหมูเย็น [7] อะไรแบบนั้นก็ทำออกมาด้วยฝีมือของเขา ติงเหว่ยเองก็ชอบกินของอร่อยๆ บางครั้งแอบเรียนรู้เคล็ดลับบางอย่างของเขา แอบเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอาหารการกินในยุคสมัยนี้กับโลกเดิมที่นางเคยอาศัยอยู่ว่ามีอะไรแตกต่างกันบ้าง ผ่านไปสักระยะหนึ่งก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย
แต่เห็นได้ชัดว่าหัวใจของจ้าวหรงไม่สมส่วนกับขนาดของตัวเขา เขามักจะปฏิบัติต่อติงเหว่ยอย่างเ็าและไม่ค่อยแยแสเท่าไร แต่อาจเป็เพราะคำสั่งของท่านลุงอวิ๋น เขาเลยไม่เคยสร้างปัญหาให้กับติงเหว่ย ทั้งสองคนต่างถือว่าน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง [8]
“พ่อครัวจ้าวอรุณสวัสดิ์!” ติงเหว่ยทักทายจ้าวหรงก่อน ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่นความจริงก็เป็คนใช้ในบ้านเดียวกัน ต่อให้เงยหน้าไม่เจอก็ต้องก้มหน้าเจอกันอยู่ดี [9]
“อืม” จ้าวหรงตอบรับออกมาคำหนึ่งอย่างเสียมิได้ แต่ในแววตาของเขากลับฉายแววแห่งความดูถูก เขาไม่ชอบติงเหว่ยจากก้นบึ้งในจิตใจ ปกติเห็นนางหยิบใช้เครื่องครัวแปลกๆ มากมาย ท่าทางก็ดูหยิ่งผยอง อาหารที่ทำออกมาก็แปลกประหลาดไปหมด ในสายตาพ่อครัวดั้งเดิมเช่นเขาถือเป็การดูิ่การทำอาหารเป็อย่างยิ่ง
ติงเหว่ยเองก็ไม่สนใจเช่นกัน ผู้ที่โอหังอวดดีแต่มีความสามารถอย่างแท้จริงจะไปว่าอะไรได้ เมื่อเปรียบเทียบกับเซียงเซียงแล้ว จ้าวหรงถือว่าอยู่ร่วมกันได้ง่ายแล้ว
บางทีจ้าวหรงอาจจะจำวันผิดเข้าใจว่าวันนี้ติงเหว่ยไม่ได้มา เขาจึงเตรียมวัตถุดิบไว้หมดแล้ว ทว่าตอนนี้กลับไร้ประโยชน์ทั้งหมด เขาโยนมีดทำครัวลงอย่างแรง แล้วนั่งดื่มชาโดยไม่พูดอะไรสักคำอยู่ที่หน้าประตู
ติงเหว่ยลูบจมูกของนางและสังเกตเห็นท่าทีอย่างไม่เป็มิตรกลายๆ ของจ้าวหรง แต่นางก็ไม่มีทางเลือก จากนั้นก็เริ่มจัดเตรียมอาหารประจำวันนี้ บ้านสกุลติงใช้ชีวิตค่อนข้างเรียบง่าย กินอาหารอย่างประหยัด วัตถุดิบส่วนใหญ่ก็มีไม่ค่อยครบ ไม่เหมือนกับสกุลอวิ๋นที่ไม่ขาดวัตถุดิบ ดังนั้นเวลานางมาทำงานทุกครั้งจึงรู้สึกมีความสุขมากที่ได้แสดงฝีมือของนาง
……
ใน่ที่เข้าๆ ออกๆ จวนสกุลอวิ๋น นางเองก็รู้สึกเข้าใจนายน้อยที่ไม่เคยเห็นหน้าท่านนั้นขึ้นมานิดหน่อย เขาก็เหมือนชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป ไม่ชอบรสชาติหวาน และชอบอาหารรสอ่อน ในโลกที่นางเคยอยู่ ร้านน้ำชายามเช้าของนางขึ้นชื่อเื่อาหารที่ทำจากแป้งประเภทต่างๆ และเครื่องเคียง แน่นอนว่าต้องมีรสชาติอ่อนๆ ชุ่มคอ และยังมีโจ๊กกับน้ำแกงนานาชนิดเป็อาหารหลัก หากนางถูกขอให้จัดเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงบางทีอาจลำบากใจไม่ใช่น้อย แต่ทุกวันนี้คอยดูแลอาหารการกินของคนป่วยก็นับว่าเหมาะสมแล้ว
ตอนนี้อากาศในฤดูใบไม้ผลิกำลังสดใส และทุกอย่างก็กำลังฟื้นคืน ทำให้มีวัตถุดิบให้เลือกมากมาย กุยช่ายที่สวนหลังบ้านสกุลติงงอกงามในจุดที่โดนแสงแดด ตอนนี้ยาวถึงสามชุ่น [10] แล้ว ดังนั้นตอนที่นางออกมาจึงตั้งใจเด็ดติดมือมาสองกำเล็กๆ เป็พิเศษ
ประจวบกับที่ผู้ดูแลเื่ซื้อของไม่รู้ไปที่ใดจึงซื้อกุ้งแม่น้ำกลับมาสองสามจิน [11] แต่ละตัวยาวประมาณหนึ่งชุ่น พวกมันะโอยู่ในอ่างอย่างมีความสุขที่สุด ซึ่งทำให้นางประหลาดใจไม่น้อย
ติงเหว่ยะโเรียกเสี่ยวชิงให้ช่วยแกะเปลือกและเอาลำไส้ของกุ้งออก ล้างกุยช่ายให้สะอาดและหั่นออกมาเป็ชิ้นๆ จากนั้นก็เอาไปคลุกรวมกับแป้งสาลี แล้วเติมแป้งข้าวเหนียวที่นำมาจากบ้านลงไป
จ้าวหรงแอบดูติงเหว่ยที่กำลังยุ่งจากหน้าประตู ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองไปที่แป้งราวกับจะผ่าออกดูเป็ชิ้นๆ เขาแทบจะอยากวิ่งเข้าไปลองจับดูสักหน่อยว่าทำจากแป้งอะไรกันแน่ เขาเห็นมาหลายครั้งแล้ว ขอแค่ใส่เ้าสิ่งนี้ลงไป ผิวแป้งที่ทำออกมาก็จะกลายเป็สีใสและเรียบเนียน ไม่ต้องพูดเลยว่าจะทำให้ดูสะดุดตามากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่สิ่งๆ นี้เป็เคล็ดลับที่ไม่อาจบอกใครของสกุลติง ได้ยินว่าร้านที่ปากทางเข้าหมู่บ้านก็ใช้สิ่งนี้อยู่เช่นกัน ถึงเขาจะแบกหน้าเข้าไปถามติงเหว่ยก็คงไม่บอกอยู่ดี เขาจึงทำได้แค่คิดจนสมองแทบจะะเิ โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และั์ตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
ติงเหว่ยไม่รู้ว่าจ้าวหรงเจ็บใจอยู่ข้างหลังมากขนาดไหน และแน่นอนว่าต่อให้นางรู้นางก็ไม่โง่เขลาพอที่จะบอกเคล็ดลับของแป้งข้าวสาลีนี้ให้แก่เขา อันที่จริงแล้วเคล็ดลับทางธุรกิจที่ทำให้ร้านรุ่งเรืองก็คือสิ่งนี้แหละ
นางค่อยๆ หาอ่างดินเผาใบเล็กๆ มาหนึ่งใบ หลังจากที่ทำความสะอาดแล้วก็ใส่กุ้งสับกับกุยช่าย และเนื้อสับติดมันไปสองส่วน ไม่ติดมันอีกแปดส่วน ท้ายที่สุดก็ใส่ไข่ขาวกับพริกไทยลงไปเล็กน้อยเพื่อดับกลิ่นคาว การเตรียมไส้ก็ถือเป็อันเสร็จสิ้น
แป้งสาลีที่ถูกพักไว้เริ่มเข้าที่ จับมาปั้นให้เป็ทรงกลม ยืดออก และดึงเป็ชิ้นๆ จากนั้นใช้ไม้นวดแป้งตีลงไปให้เป็แผ่นวงกลมทีละชิ้น หลังจากนั้นก็ใช้ช้อนตักไส้ใส่เข้าไปตรงกลาง ค่อยๆ ทำจีบวนไปรอบๆ ทั้งหมดสิบแปดครั้ง ก่อนวางลงบนแผ่นเลี่ยนจื่อทีละชิ้นทีละชิ้น ราวกับห่านสีขาวตัวน้อยที่กำลังรอรับการตรวจสอบ ช่างน่ารักน่าชังเสียจริง
-----------------------------------------
[1] หัวใจของมนุษย์นั้นสร้างมาจากเนื้อหนัง 人心都是肉长的 หมายถึง ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกและสามารถเข้าใจความรักของผู้อื่นได้
[2] หินที่ไม่สามารถทำให้อบอุ่นได้ 捂不热的石头 ใช้อุปมาถึงคนที่มีหัวใจด้านชาเหมือนหิน และเป็คนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือความเ็าของตนเองได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
[3] ดวงตาไปขึ้นอยู่บนหัว 眼睛长在头顶 หมายถึง บุคคลที่หยิ่งผยอง จองหอง หรือเป็คนหัวสูง
[4] หากเ้าเคารพข้าหนึ่งฉือข้าก็จะเคารพเ้าหนึ่งจั้ง 你敬我一尺,我敬你一丈 คำว่า ฉือ(尺) และจั้ง(丈) ในที่นี้เป็หน่วยวัด หมายถึง ฟุต กับ 3.3 เมตร โดยสำนวนนี้ใช้อุปมาเพื่อสื่อว่าหากคนอื่นให้ความเคารพเรา เราก็จะให้ความเคารพคืน หรือ หากคนอื่นปฏิบัติต่อเราอย่างดี เราก็จะปฏิบัติต่อคนอื่นให้ดียิ่งกว่า
[5] ไปในท้องหมา 狗肚子里去 หมายถึง เอาแต่ใช้ชีวิตแบบไร้คุณค่าไปวันๆ
[6] พระะโกำแพง 佛跳墙 หมายถึง หนึ่งในสุดยอดเมนูอาหารจีนที่ว่ากันว่ารวบรวมเอาวัตถุดิบชั้นเลิศ มาเคี่ยว และตุ๋นรวมกันนานนับชั่วโมง วัตถุดิบหลักๆ จะมีหูฉลาม ปลิงทะเล เป๋าฮื้อ กระเพาะปลา เห็ดหอม ถั่งเช่า เก๋ากี้ โสม ฯลฯ
[7] ขาหมูเย็น 水晶肴蹄 หมายถึง อาหารจีนโบราณ หาทานได้ยาก ลักษณะจะคล้ายกับขาหมูพะโล้ นิยมกินแบบเย็นเป็วุ้น โดยขาหมูจะถูกนำมาเคี่ยวนานหลายชั่วโมง แล้วปล่อยให้เย็นจึงนำไปแช่เย็น เพื่อให้แข็งตัวโดยไม่มีการใส่ผงวุ้น จะมีลักษณะเหมือนวุ้นเนื่องจากเจลาตินในหนังหมู
[8] น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง 井水不犯河水 หมายถึง ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
[9] ต่อให้เงยหน้าไม่เจอก็ต้องก้มหน้าเจอกันอยู่ดี 抬头不见低头见 หมายถึง เจอกันบ่อยๆ
[10] ชุ่น 寸 หมายถึง นิ้ว(หน่วยวัด)
[11] จิน 斤 หมายถึง ครึ่งกิโลกรัม(500 กรัม)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้