พรึบ
“คุณลุงคะ….”ฉันลดกระจกฝั่งของฉันลงและเอ่ยเรียกคุณลุงพ่อค้าขายข้าวขาหมูหน้าซอยทางเข้าคอนโดฉันที่ตอนนี้เขาก้มหน้าก้มตาสับขาหมูบนเขียงไม้อยู่อย่างขะมักเขม้นในขณะที่ฉันจอดรถเทียบหน้าร้านของคุณลุง
“จ้า…”คุณลุงพ่อค้าขานรับและเงยหน้าจากเขียงขึ้นมายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบเขา เพราะฉันเป็ลูกค้าประจำของลุงเขาน่ะ
“เอาข้าวขาหมูสองกล่องค่ะ…”ฉันเอ่ยสั่งคุณลุงไป
“พิเศษหนังเยอะๆนะคะ”คุณลุงก็มองหน้าฉันอย่างสงสัยและแปลกใจที่วันนี้ฉันสั่งสองกล่องแถมพิเศษหนังอีกเพราะปกติฉันไม่เคยสั่งหนังเลยยังไงล่ะ
“ริ….ขุนไม่กินหนัง!”ขุนศึกที่เเอบอมยิ้มอยู่ที่เขาคงคิดว่าฉันสั่งขาหมูเพื่อเขาด้วยสินะ แต่เขาก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินฉันสั่งคุณลุงต่อว่าพิเศษหนังหมูเยอะๆเพราะขุนศึกไม่กินหนังหมู โดยที่ฉันแอบมองเขาผ่านกระจกมองหลังน่ะ
“ริ!”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงดังที่ฉันทำเป็ไม่ตอบเขาไม่พูดกับเขาแต่กลับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดโซเซียลดูทำให้ขุนศึกหายใจฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ
พรึบ
ขุนศึกได้โยกย้ายร่างกายของเขาจากเบาะหลังมานั่งด้านข้างคนขับแล้ว โดยที่ฉันก็ยังทำเป็ไม่สนใจเขาอยู่ดี
พรึบ
“เท่าไหร่คะ?”ฉันเอ่ยถามคุณลุงไปทันทีที่เขาเดินถือถุงใส่กล่องข้าวสองกล่องมาให้ฉันที่นั่งรอเขาอยู่บนรถ
“ร้อยสิบบาทหนู^_^”คุณลุงพ่อค้าบอก ฉันก็ยิ้มให้เขาและยื่นธนบัตรหนึ่งร้อยบาทสองใบที่ฉันเตรียมไว้ยื่นส่งให้ลุงแกไป
“นี่ค่ะ…ไม่ต้องทอนนะคะ^_^”ฉันเอ่ยบอกคุณลุงไป คุณลุงก็ยิ้มให้ฉัน
“ขอบใจมากนะหนู….ขอให้เจริญๆในหน้าที่การงานนะ”คุณลุงเอ่ยบอกฉันพลางยื่นมือมารับเงินไปจากฉัน
“ขอบคุณค่ะคุณลุง^_^”ฉันยกมือไหว้ขอบคุณคุณลุงและยื่นมือไปรับถุงกล่องข้าวมาจากเขา ซึ่งเป็แบบนี้ประจำแหละกับการซื้อข้าวขาหมูของฉันในราคาสองร้อยบาทตอนแรกคุณลุงแกก็จะไม่รับแต่ฉันบอกว่าให้เก็บไว้เป็ค่าขนมและค่าเรียนของลูกเขาน่ะ เขาเลยต้องจำใจรับเงินจากฉัน
พรึบ
“เอริ…”เสียงเรียบๆเอ่ยเรียกฉันในขณะที่ฉันเอี้ยวตัวเอาถุงกล่องข้าวไปวางไว้บนเบาะนั่งด้านหลัง แล้วฉันก็หันหน้ากลับมามองถนนเลยโดยไม่ได้สนใจและมองหน้าขุนศึกว่าเขากำลังทำหน้ายังไงอยู่ ฉันใส่เกียร์ออโต้ของรถยนต์และมุ่งหน้ากลับคอนโดของฉันทันที โดยใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีฉันก็มาถึงคอนโดชั้นที่เก้าของฉันแล้ว โดยฉันจอดรถในช่องจอดประจำ
พรึบ
“เอริ….”ขุนศึกยังคงเอาแต่เรียกฉัน ในขณะที่ฉันเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่เขาถือไว้ให้เพราะตอนแรกฉันวางมันไว้บนเบาะนั่งข้างคนขับแต่ขุนศึกมานั่งเขาเลยหยิบกระเป๋าฉันมาถือไว้บนตักของเขาแทน
พรึบ
ฉันเลิกหยิบกระเป๋าของฉันและเอี้ยวตัวไปหยิบถุงกล่องข้าวแทนและหันกลับมาเปิดประตูรถของฉันเพื่อจะลงไปจากรถ
พรึบ
“เอริๆๆเห้ย!!”ขุนศึกร้องออกมาด้วยความใที่ฉันกำลังจะล็อครถในขณะที่เขายังไม่ยอมลงจากรถ ทำให้เขารีบเปิดประตูและลงมาจากรถอย่างไว
ตุ๊บ
เมื่อขุนศึกลงมาจากรถของฉันแล้วฉันก็กดล็อครถทันทีและเดินมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้าตัวคอนโดชั้นที่ฉันพักโดยมีขุนศึกที่ถือกระเป๋าของฉันวิ่งตามหลังฉันมาติดๆ
พรึบ
ติ๊ดๆๆๆ
ฉันกดใส่รหัสความปลอดภัยเพื่อจะเข้าห้องของฉันด้วยรหัสสี่ตัวเพราะปกติห้องฉันใช้คีย์การ์ดหรือกุญแจหรือเลือกที่จะใส่รหัสก็ได้ ที่นี้ทันสมัยและครบวงจรมาก
ติ๋ง
พรึบ
เมื่อประตูห้องปลดล็อคฉันก็บิดลูกบิดประตูและแทรกตัวเข้าไปในห้องของตัวเองทันที ด้วยมีขุนศึกวิ่งแทรกผ่านร่างฉันมาอย่างไวเพราะเขากลัวว่าฉันจะไม่ให้เขาเข้ามาในห้องฉันด้วยน่ะสิ
พรึบ
“ริ….ริเป็อะไรอ่ะ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันอีกครั้ง ในขณะที่ฉันเดินเอาถุงกล่องข้าวมาวางลงบนโต๊ะในห้องครัวเพื่อเตรียมจะกินข้าวขาหมูที่ฉันซื้อมา แต่ก็โดนขุนศึกแย่งชิงถุงกล่องข้าวไปซะก่อน ฉันก็ไม่สบตาเขาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายและหันไปด้านหลังเพื่อจะไปหยิบจานมาใส่ข้าวแทน
พรึบ
“^_^”ขุนศึกวิ่งอย่างไวเพื่อไปแย่งจานข้าวที่ฉันจะหยิบไปใส่ข้าวขาหมูแต่ก็โดนเขาแย่งไปถือไว้ซะก่อนพลางกรีดยิ้มหวานให้ฉัน ฉันก็ถอนลมหายใจออกมาก่อนจะเปลี่ยนใจเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นโดยคราวนี้ไม่มีขุนศึกตามมาด้วย
พรึบ
ฉันเปิดโทรทัศน์ดูซีรี่ย์เกาหลีที่ฉันชอบพลางทรุดลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนกว่าฉันจะได้นอนและนอนได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงานที่จริงก็นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างแหละ
พรึบ
ฉันหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อเพิ่มความเย็นภายในห้องและสายตาก็จับจ้องไปที่พระเอกซีรี่ย์ที่หล่อดูดีและเพอร์เฟคพลางยิ้มเขินกับท่าทางที่พระเอกกับนางเอกสวีทหวานกัน
พรึบ
“ข้าวขาหมูพร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆมาเสริ์ฟให้แฟนของผมแล้วครับ^_^”เสียงหวานทุ้มของขุนศึกดังมาแต่ไกลพร้อมๆกับร่างสูงโปร่งของเขาที่ยกถาดจานข้าวขาหมูพร้อมแก้วน้ำเปล่าเข้ามาหาฉัน โดยที่ฉันก็แกล้งทำเป็ไม่สนใจเขาจนเขาวางถาดข้าวลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน
“เดี๋ยวขุนป้อนนะ^_^”ขุนศึกบอกฉันพลางใช้ช้อนตักข้าวขาหมูและยื่นจ่อมาที่ริมฝีปากของฉัน กลิ่นหอมๆของเครื่องปรุงน้ำขาหมูทำให้น้ำย่อยในท้องของฉันเริ่มทำงาน
“อ้าาาาาา”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพลางอ้าปากกว้าง ฉันก็ยอมอ้าปากเพื่อจะกินข้าวขาหมูที่ขุนศึกป้อนให้อย่างว่าง่าย
พรึบ
“เก่งมากครับ^_^”ขุนศึกเอ่ยชมฉันพลางยิ้มจนตาหยีที่ฉันยอมกินข้าวขาหมูที่เขาป้อนฉัน ฉันรู้สึกอดที่จะสงสารเขาไม่ได้ที่สั่งข้าวขาหมูที่มีแต่หนังมา แล้วเขาจะกินอะไรล่ะ แล้วใครใช้ให้เขางอนฉันก่อนเอง งอนเพื่อจะกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองน่ะสิ เื่ที่เขาไม่เข้าประชุมแถมยังเมินแชทฉันเมื่อคืนอีก ฉันนั่งกินข้าวขาหมูที่ขุนศึกเป็คนป้อนไปได้สายตาก็จ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์ด้วย
ติ๋ง
ข้อความจากหน้าจอสมารท์โฟนเครื่องหรูของขุนศึกที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าฉันทำให้ฉันเหลือบหางตาไปมองทันทีว่าใครส่งข้อความมาหาเขา
น้องหวานใจ:พี่ขุนคะ…คืนนี้มาหาหวานใจหน่อยนะคะ
น้องหวานใจ:มาสานต่อเื่เมื่อเช้ายังไงล่ะค่ะ
พรึบ
“ใครไม่รู้…สงสัยส่งผิดน่ะ”ขุนศึกรีบแก้ตัวทันทีพลางยื่นมือมาหยิบโทรศัพท์ของเขามาถือไว้อย่างไว ฉันก็หันไปมองหน้าเขาเขาก็มองหน้าฉัน แววตาของเขาในตอนนี้มันกำลังทำให้ฉันเจ็บจี๊ดๆในหัวใจ เขาคงคิดว่าเื่ที่เขาทำมันเป็เื่สนุก ล้อเล่นบนความทุกข์ของคนอื่นงั้นสิ
“ทำไม…ริมองขุนอย่างงั้นอ่ะ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงสงสัยและแ่เบา เขาคงจะไม่เคยเห็นแววตาที่เรียบเฉยของฉันแบบนี้สินะ
“ทำไม….ขุนไม่เลิกนิสัยพวกนี้สักที?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปทันทีด้วยน้ำเสียงเรียบตรึง ขุนศึกก็มองหน้าฉันแววตาแวบแรกของเขาสื่อว่าใกับคำถามที่เขาคงไม่คิดว่ามันจะออกมาจากปากของฉัน
“ริ….”
“ไหนเราคุยเื่นี้กันรู้เื่แล้วไง?”ขุนศึกเอ่ยขึ้นแววตาของเขาไม่ได้สื่อว่าร้อนรนหรือใอะไรเลยกับคำถามของฉัน ออกจะเป็แนวเหวี่ยงหรือไม่พอใจฉันเสียด้วยซ้ำที่ฉันไม่เข้าใจเขา
“หึ!….คุยกันรู้เื่เหรอ…?”ฉันหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเองและถามเขาไปกับคำพูดที่เห็นแก่ตัวของเขา
“เราคบกันมากี่ปี….”ฉันเอ่ยถามขุนศึกต่อ เขาก็มองหน้าฉัน ฉันรู้ว่าเขาจำวันครบรอบของการเป็แฟนของเราได้ เพราะทุกปีเขาจะให้ของขวัญฉันหรือไม่ก็พาไปดินเนอร์ซื้อของที่ระลึกแพงแสนแพงให้ฉัน
“แต่ขุนก็ไม่เคยมีริแค่คนเดียวเลย….”ฉันเอ่ยขึ้นพลางพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ฉันจ้องแววตาสีดำของขุนศึกแววตาของฉันสั่นไหว ผิดกับขุนศึกที่มองฉันยากเกินจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่
“ริขอถามขุนหน่อยได้ไหม?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง จนคราวนี้ขุนศึกแสดงสีหน้าสงสัยและกังวลขึ้นมา
“ว่าขุนรักริรึเปล่า…?”
“รักสิ…ขุนรักริมากเลยนะ…”ขุนศึกตอบฉันกลับแทบจะทันทีที่ฉันถามเขาจบ
“รักที่สุดเลยด้วย…..และก็ไม่เคยรักใครเลยนอกจากริ…”น้ำเสียงและแววตาของขุนศึกจ้องมองมาที่ฉันด้วยความจริงจัง
“หึ!….รักเหรอ…?”ฉันหัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างนึกสมเพชตัวเอง
“รักแล้วทำไมขุนมีริแค่คนเดียวไม่ได้?”ฉันถามขุนศึกต่ออีก เขาก็มองหน้าฉันนิ่งแววตาของเขาสั่นไหวอย่างพยายามนึกหาคำตอบให้ตัวเองอยู่
“ทำไมขุนยังไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น….อยู่ตลอดเวลา….”
“แต่กลับกัน….ขุนไม่เคยมีอะไรกับริเลย….”
“สักครั้ง….”ฉันเอ่ยออกไปคราวนี้ขุนศึกมองหน้าฉันอย่างสั่นไหวและลึกซึ้งแววตาของเขาสั่นไหว
“เอริ….”เขาเอ่ยเรียกฉันเสียงแ่เบา
“จะทำอะไรอ่ะ?!”ขุนศึกเอ่ยออกมาอย่างใแววตาเบิกโต ทันทีที่เขาเห็นว่าฉันกำลังยื่นมือไปด้านหลังเพื่อรูดซิปชุดเดรสสีดำที่ฉันสวมใส่อยู่
พรึบ
“ริจะทำอะไรเนี่ย!”ขุนศึกเอ่ยถามฉันอีกครั้งเสียงดัง เขามองหน้าฉันด้วยแววตาตื่นตะหนก ฉันก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้ และไม่ยอมพูดบอกอะไรเขาจนในที่สุด ฉันก็ยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา ถึงเขาจะไม่เคยมีอะไรกับฉันแต่ฉันก็มอบความสุขให้เขาด้วยการ ออรั
ลเซ็กส์ให้เขาอยู่เป็ประจำ…..แต่เขาก็ไม่เคยล่วงเกินฉันเลยสักครั้ง....