อวี้จิ่นและอิ๋งเหอรอจนท่านแม่ทัพออกไปแล้วจึงถลาเข้าไปข้างกายหลิ่วจิ้ง เ้าถามคำ ข้าถามคำอดไม่ได้ที่จะไถ่ถามถึงรายละเอียดต่างๆ ว่าหลิ่วจิ้งกลับมาโดยสวัสดิภาพได้อย่างไร
เห็นสาวใช้ทั้งสองดีอกดีใจกันเกินไป รุมเข้ามาพูดจาจ้อกแจ้กจอแจเป็นกกระจอกอยู่รอบตัวหลิ่วจิ้งก็อดกุมขมับถอนใจยาวไม่ได้ เพิ่งรู้เป็ครั้งแรกว่าพวกนางมีความอยากรู้อยากเห็นมากมายเพียงนี้
“พูดตามจริง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็เื่ใด รู้เพียงว่าท่านแม่ทัพไปพาข้ากลับมาจากห้องเก็บฟืนส่วนเหตุใดเขาจึงพาข้ากลับมาได้ ข้ากลับไม่รู้เลยสักนิด”
หลิ่วจิ้งรู้ว่าหากนางไม่พูดอะไรบ้างสาวใช้ทั้งสองคนที่ลืมการวางตัวของบ่าวกับนายไปแล้วต้องไม่ยอมให้นางได้พักผ่อนอย่างสงบเป็แน่ จึงทำได้เพียงกลั้นใจเล่าเื่ราวโดยคร่าวให้พวกอวี้จิ่นฟัง
แม้จะบอกว่าเป็เพราะทนการรบเร้าของสาวใช้ทั้งสองไม่ไหวแต่อีกทางหนึ่งนางเองก็รู้ว่าคนที่นางสามารถใช้สอยได้ในเวลานี้ก็มีเพียงอวี้จิ่นและอิ๋งเหอสองคนเท่านั้นจึงมีบางเื่ที่หลิ่วจิ้งคิดว่าควรให้สาวใช้ทั้งสองคนรู้เอาไว้บ้างเพื่อให้พวกนางคอยสังเกตทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้
“เป็เช่นนี้เอง ท่านแม่ทัพช่างดีเหลือเกินเ้าค่ะ”อวี้จิ่นเลื่อมใสในตัวท่านแม่ทัพอย่างยิ่ง รู้สึกว่าหากไม่มีเขาก็เกรงว่าทั้งนางและหลิ่วจิ้งสองคนคงต้องพบเจอกับเื่อับโชคเสียแล้วเมื่อครู่พวกนางไม่น่านินทาท่านแม่ทัพลับหลังเลยจริงๆ
“เอาล่ะ วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว พวกเ้ารีบไปเอาน้ำร้อนมาข้าจะล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อยแล้วรีบเข้านอนไม่แน่ว่าวันพรุ่งยังต้องไปทักทายฮูหยินทั้งสองเรือนนั่นอีก”
คงเพราะวันนี้หลิ่วจิ้งต้องพบเจอกับเื่ยากลำบากจนเหน็ดเหนื่อยเต็มทนทำให้หลังจากอิ๋งเหอช่วยนางล้างตัวแล้ว หัวถึงหมอนก็หลับไปทันที
พอหลับไป หลิ่วจิ้งก็นอนจนตะวันขึ้นสามข้อไผ่จึงตื่นตอนนางลืมตาขึ้นมานั้น ยังต้องใช้เวลาพักใหญ่จึงนึกทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อวานได้
เพราะวานนี้หั่วอี้พานางกลับมาที่หอหั่วเยี่ยนทั้งที่ยังไม่ทันได้รับความเห็นชอบจากฮูหยินผู้เฒ่าด้วยเหตุนี้นางจึงรีบตื่นขึ้นมาเพราะไม่อาจสงบใจได้
“ใครเฝ้าอยู่ข้างนอก” นางร้องบอกคนข้างนอกว่าตนตื่นแล้ว
ตอนนั้นเป็อวี้จิ่นเฝ้าอยู่นอกประตูเมื่อได้ยินหลิ่วจิ้งร้องเรียก อวี้จิ่นจึงรีบเข้ามาในห้อง
“องค์หญิงตื่นแล้ว คืนวานนี้นอนหลับสบายหรือไม่เ้าคะ”
อวี้จิ่นพูดพลางเข้าไปช่วยหลิ่วจิ้งจัดแจงเสื้อผ้าชั้นนอกด้วยความคล่องแคล่วจากนั้นตักน้ำร้อนมาให้นางล้างหน้า
“ท่านแม่ทัพยังอยู่ในห้องหรือไม่ สั่งความใดเอาไว้หรือไม่”
แม้หั่วอี้มักจะเย้าหยอกนางบ่อยคราชอบพูดเื่อยากสร้างความสำราญเช่นปลาแนบชิดน้ำกับนาง แต่เขาก็เพียงแทะโลมด้วยวาจาเท่านั้น
ยามนางถูกเย้าหยอกจนร้อนรนเขาก็จะหัวเราะเสียงดังแล้วผละจากไปและมักเอาเื่หาความสำราญทำนองนี้มาขู่นางเขาจะรอจนนางยินยอมพร้อมใจแล้วค่อยเข้าหอกับนาง ด้วยเหตุนี้ปกติแล้วเขาจึงมักนอนอยู่ที่ห้องนอนหลักของหอหั่วเยี่ยนส่วนห้องนอนของหลิ่วจิ้งก็ห่างจากห้องนอนของเขาเพียงกำแพงกั้นเท่านั้น
“เรียนองค์หญิงท่านแม่ทัพสั่งความกับพวกบ่าวไว้ั้แ่เช้าแล้วเ้าค่ะบอกว่าวันนี้ให้องค์หญิงอยู่แต่ในเรือนอย่าออกไปข้างนอก คอยฟังข่าวจากท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งได้ยินว่าท่านแม่ทัพสั่งความทิ้งเอาไว้จึงรู้สึกวางใจลงได้ไม่น้อย
เมื่อวานยังเป็วันฟ้าสว่างสดในมีแดดส่องแต่วันนี้อากาศกลับเปลี่ยนไปหมดเหมือนใบหน้าของเด็กสามขวบ หลังจากนางจ้าวทานอาหารเช้าเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองอากาศที่มืดครึ้มนอกหน้าต่างเดิมทีไม่อยากออกไปข้างนอก แต่กลับเป็เพราะคำสัญญาของท่านแม่ทัพกระตุ้นเตือนนางหลังจากใคร่ครวญอยู่ในห้อง ที่สุดแล้วก็สั่งให้เหมยเซียงประคองนางเดินไปยังเรือนฮูหยินผู้เฒ่า
“ฮูหยินใหญ่กำลังตั้งครรภ์อยู่นะเ้าคะ เหตุใดจึงออกไปข้างนอกในเวลาเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเคยบอกว่าไม่ต้องให้ท่านไปคอยปรนนิบัติมิใช่หรือเ้าคะ?”
เหมยเซียงประคองฮูหยินใหญ่พลางมองดูเมฆดำแน่นขนัดบนท้องฟ้าคล้ายลมฝนจะมาที่สุดก็อดเอ่ยปากถามมิได้
“ข้ามีเื่จำเป็ต้องไปรายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่า”นางจ้าวไม่อยากมากความกับเหมยเซียง เดิมทีตัวนางก็หนักมากอยู่แล้ว และเพราะยามนี้ข้างนอกมีลมพัดแรงจึงยิ่งทำให้นางเดินไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ
ดีที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าและเรือนของนางจ้าวไม่ห่างกันนักเดินเพียงครู่เดียวพวกนางก็มาถึงที่หมาย
ฮูหยินใหญ่เพิ่งก้าวเท้าเข้าไปในลานเรือน ป้าหวังที่กำลังออกมาเตรียมหยิบผลไม้ให้ฮูหยินผู้เฒ่าก็เงยหน้าขึ้นเห็นฮูหยินใหญ่พอดี
เหล่าบ่าวชราข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนมีไหวพริบหลักแหลมก่อนนี้พวกนางไม่ได้ชมชอบนางจ้าว ก็ใครให้นางจ้าวอยู่ข้างกายท่านแม่ทัพมานานที่สุดแต่กลับไม่มีบุตรสักทีเล่า
จนบัดนี้ ไม่คิดว่าผ่านมาเจ็ดแปดปีแล้วท้องของอาหนูผู้ได้รับความรักหลงจากท่านแม่ทัพอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับยังไม่มีความคืบหน้าใดแต่เป็นางเ้าที่เป็เช่นต้นไม้เหล็กผลิดอก จู่ๆ ก็มาตั้งท้องเสียได้แล้วเื่นี้จะไม่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ายินดีจนหน้าบานได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้เองแม้เมื่อก่อนป้าหวังที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่เคยเห็นนางจ้าวอยู่ในสายตาแต่เวลานี้กลับมองนางจ้าวเป็ดั่งของล้ำค่า
“ตายจริง เหตุใดฮูหยินใหญ่จึงมาถึงที่นี่เล่า มีเื่ใดท่านก็ให้คนมาบอกกล่าวเป็พอแล้ว เกิดฝนตกจนทำตัวท่านเปียกกระทบถึงลูกในครรภ์จะแย่กันไปใหญ่นะเ้าคะ”
ป้าหวังพูดพลางรีบเข้าไปประคองฮูหยินใหญ่ พาอีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
เมื่อฮูหยินใหญ่เข้ามาด้านในก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่ากำลังนอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียงเตา[1] มีป้าจ้าวคอยร้องเพลงเสียงเบาช่วยให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้พักผ่อนอยู่ข้างๆ
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็เกิดลังเลขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรรบกวนเวลาพักผ่อนของฮูหยินผู้เฒ่าในยามนี้หรือไม่นางยืนลำบากใจอยู่ตรงนั้นดีที่เสียงทักทายของป้าหวังเมื่อครู่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในห้องรู้ว่านางมาหา
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเสียงจึงลืมตาขึ้น ส่งสัญญาณให้ป้าหวังรีบเข้าไปรับและพาฮูหยินใหญ่นั่งลง
นางจ้าวกำลังจะคำนับ ฮูหยินผู้เฒ่ากลับยั้งนางไว้ด้วยความปรารถนาดี“เ้ากำลังท้อง วันหน้าพิธีรีตองเล็กน้อยเช่นนี้ก็ไม่จำเป็ต้องทำแล้วเ้าดูแลตัวเองให้ดี คลอดหลานแข็งแรงตัวอ้วนให้ข้าจึงสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด”
“เ้าค่ะ ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่เมตตาเ้าค่ะ”
“ว่ามาเถิด เ้ามีเื่ใดจึงได้เลือกมาเอายามนี้”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปากถาม แต่นางจ้าวกลับมิกล้าตอบ
“จิตใจของฮูหยินผู้เฒ่าใสกระจ่างดั่งกระจก มองเพียงตาเดียวก็รู้ว่าข้ามีเื่ต้องมาพบท่านแล้ว”
ฮูหยินจ้าวค่อยๆ เอ่ยอย่างระวังคำไปก่อน เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิได้มีท่าทีไม่พอใจจึงรวบรวมความกล้าพูดต่อไปว่า“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ วานนี้ข้าฝันเ้าค่ะในฝันมีเทพที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเมตตากล่าวกับข้าว่า ก่อนข้าจะคลอดหากยิ่งสร้างบุญกุศลให้มาก เด็กที่คลอดออกมาก็จะยิ่งได้บุญมากเ้าค่ะ
ยามตื่นขึ้นก็ยังคงจดจำภาพในฝันได้ชัดเจนนัก ราวกับนั่นมิใช่ความฝันแต่เป็เื่จริงด้วยเหตุนี้ข้าจึงใคร่ครวญดูไม่แน่ว่าในครรภ์ข้าอาจเป็บุตรชายคนโตของท่านแม่ทัพจริงๆ ก็เป็ได้เ้าค่ะข้าจึงยิ่งควรสั่งสมบุญกุศลไว้ให้ลูกมากเข้าจึงจะดี เมื่อคิดได้ดังนี้ข้าก็ไม่อาจนั่งเฉยต่อไปไหวอยากมาขอคำชี้แนะจากฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ”
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] เตียงเตา หมายถึง เตียงที่ก่อขึ้นจากอิฐข้างล่างมีช่องเชื่อมต่อกับเตา เวลาหน้าหนาวจะก่อไฟในเตาเพื่อให้ความร้อนกระจายไปบนเตียงทำให้นอนได้อย่างอบอุ่น