“เวรเอ๊ย! ถ้าจะตายก็อย่ามาลากข้าไปด้วยสิ!” ถังเหล่ยใ
ความเร็วของเขาต่อหน้ายอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ไม่คู่ควรให้พูดถึง ถ้าสาวน้อยจงใจล่อหมาป่านภาเช่นนี้ เขาคงถูกมันงับตายก่อนจะก้าวเสียอีก
หญิงสาวใจดำจริงๆ เขาก่นด่าในใจ ถังเหล่ยทำได้เพียงล้มเลิกความคิดหนีไปก่อน
ถังเหล่ยใช้มือข้างหนึ่งคว้ากริชออกมา ส่วนมืออีกข้างก็ถือแก่นอสูรระดับสองเตรียมเอาไว้หลายเม็ด ถ้าต้องสู้ตายจริงๆ ใช้แก่นเหล่านี้ก็พอดิ้นรนผ่านไปได้
ใช่ว่าสาวน้อยจะใจร้ายขนาดนั้น เมื่อนางเห็นว่าถังเหล่ยไม่คิดจะหนี นางก็หยุด และวิ่งหันกลับไปต่อสู้กับหมาป่านภาอีกครั้ง
“ข้าจะหยุดมันเอาไว้ เ้ามาตัดหัวของมัน!”
นางไม่สนว่าถังเหล่ยเห็นด้วยไหม และไม่สนว่าผู้ฝึกยุทธ์ตัวเล็กๆ คนนั้นจะสร้างความเสียหายให้สัตว์อสูรระดับสามได้หรือไม่ แต่นางเริ่มเคลื่อนไหวทันที
วิหคสีฟ้าบินกลับเข้าไปในร่างของสาวน้อย จากนั้นโซ่สีฟ้าหลายสิบเส้นก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของนาง แล้วพลันพุ่งไปมัดและกักขังหมาป่านภานั้นไว้ราวกับกรงขัง
“จับ!”
สาวน้อยตะเบ็งเสียง แล้วโซ่สีฟ้าก็บีบรัดทันใด ผิวกายของหมาป่านภาที่ถูกโซ่มัดร่างเอาไว้เริ่มถูกแช่แข็ง นอกจากส่งเสียงโหยหวนของมันแล้ว ขาทั้งสี่ข้างล้วนขยับไม่ได้
ไม่ต้องให้สาวน้อยเตือน ถังเหล่ยก็รู้ว่าตอนนี้คือโอกาสทองที่จะจัดการกับมัน
เงาสายหนึ่งพุ่งขึ้นไป กริชในมือส่องประกายวาววับ ก่อนร่างนั้นจะพุ่งเข้าใส่ศีรษะั์ของเ้าหมาป่านภา
“ติ๊ง...”
เสียงโลหะแตกหักดังขึ้น กริชที่เดิมทีสั้นมากอยู่แล้วกลับสั้นเข้าไปอีก
ถังเหล่ยหน้าเผือดสี ใครจะคิดว่าศีรษะของมันจะแข็งถึงเพียงนี้
“โฮก!”
หมาป่านภาแหงนหน้าคำราม โซ่สีฟ้าบนตัวมันแตกกระจายออกพร้อมกัน
เดิมทีปราณแท้ของสาวน้อยก็มีไม่มากอยู่แล้ว หากการโจมตีนี้ไม่อาจสังหารหมาป่านภาได้ คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ศีรษะั์พุ่งเข้าชนท้องของถังเหล่ย ทำให้เขากระเด็นออกไปด้านข้าง เืลมในร่างกายปั่นป่วนจนเกือบจะกระอักเืออกมา
แต่เป้าหมายของหมาป่านภาหาใช่ถังเหล่ย พลังของเขายังไม่สามารถคุกคามมันได้ เมื่อหมาป่านภาดิ้นหลุดจากพันธนาการก็พุ่งไปทางสาวน้อยทันที
ปากของมันใหญ่เกือบเท่ากับร่างของสาวน้อย ถึงนางจะเป็ถึงยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ แต่ถ้าโดนกัดครั้งนี้ก็ตายอยู่ดี
ยิ่งเมื่อครู่นางใช้ปราณแท้ในร่างไปหมดแล้ว ในสมองของนางคงคิดอะไรไม่ออก นอกเสียจากความหวาดกลัว…
เมื่อเห็นถังเหลยภาพนั้นก็กัดฟันออกแรงที่ขาทั้งสองข้าง แล้วพุ่งตัวไปทางหมาป่านภาราวกับลูกธนู
ถ้าสาวน้อยถูกสังหาร เขาเองก็ไม่อาจรอดพ้นจากหมาป่านภาระดับสามได้เช่นกัน
ั์ตาของนางมีความประหลาดใจเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่ม นางคิดว่าเขาฉวยโอกาสหนีไปแล้ว
แต่พลังของชายหนุ่มนั้นต่ำเกินไป ต่อให้พุ่งเข้ามาก็ป้องกันหมาป่านภาไว้ไม่ไหว
เห็นได้ชัดว่ามันก็คิดเช่นเดียวกัน มันหาได้สนใจถังเหล่ยไม่ และยังคงอ้าปากกว้างหมายจะกัดสาวน้อย
และแล้วพลังในแก่นอสูรระดับสองห้าเม็ดในมือของถังก็เหล่ยไหลเข้าไปในร่าง พลังิญญาฟ้าดินจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา จนเกือบทำให้ร่างของเขาะเิตาย
อันตรายที่แท้จริงหาใช่พลังิญญาฟ้าดิน แต่เป็กลิ่นอายดุร้ายของสัตว์อสูรที่แฝงอยู่ในแก่นอสูรเหล่านี้ต่างหาก แก่นเม็ดนี้คือสิ่งที่ถังเหล่ยเพิ่งได้มาจากในศีรษะของหมาป่านภาเมื่อครู่ มันยังไม่ได้ผ่านการหลอมกลั่นใดๆ ด้วยซ้ำ
“ย๊าก...”
ถังเหล่ยกู่ก้องออกมา ในศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเสียงต่างๆ มากมาย ภายในจิตใจล้วนสับสนปรวนแปร
ทันใดนั้นัคชสารในร่างของถังเหล่ยก็บินออกมาจากจุดตันเถียน แสงสีทองพลันปกคลุมร่างกายของถังเหล่ยเอาไว้
กลิ่นอายที่บ้าคลั่งในตอนแรกสงบลง แม้แต่ความสับสนในสมองก็หายวับไป
พลังิญญาฟ้าดินที่แฝงอยู่ในแก่นอสูรห้าเม็ดหลอมรวมกันในตัวัคชสาร ถัดลงมาจากเขาั เปลือกตาของัคชสารสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
แต่จากสายตาของสาวน้อย บนร่างของถังเหล่ยมีแสงสว่างสีทองพวยพุ่งออกมา สัตว์อสูรั์อันเลือนรางตัวหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของถังเหล่ย เพียงแค่นางเหลือบมองิญญายุทธ์นั่นก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
หมาป่านภาจับความผิดปกติได้ ดวงตาของมันเพิ่งจะหันไปมองถังเหล่ย แต่ร่างของเขากลับพุ่งเข้ามาแล้ว
ตูม...
ร่างั์ของหมาป่านภาระดับสามถูกถังเหล่ยพุ่งชนจนกระเด็นออกไป แสงสีทองไหลเข้าไปในร่างของหมาป่านภา มันกรีดร้องออกมาแล้วสิ้นใจไปทันที
“แฮกๆ...”
ถังเหล่ยหายใจหอบ แสงสีทองบนร่างกายหายไปแล้ว ปราณแท้ในร่างก็ถูกดูดออกไปหมดเช่นกัน
สาวน้อยด้านข้างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับสามได้หรือ?
ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่สัตว์อสูรตัวนี้ไม่ได้ป้องกันตัวก็ไม่อาจเป็ไปได้
แต่เหตุการณ์นี้กลับเกิดขึ้นต่อหน้านางจริงๆ นางไม่เชื่อไม่ได้
อีกทั้งเมื่อครู่ถังเหล่ยก็ซัดหมาป่านภาระดับสามกระเด็นออกไปในกระบวนท่าเดียว พละกำลังมหาศาลเช่นนั้นน่าจะไม่ต่ำกว่าสองหมื่นจิน เหตุไฉนผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งถึงมีพลังมหาศาลเช่นนี้ ต่อให้เป็นางตอนอยู่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สิบก็มีพลังเพียงหนึ่งหมื่นสี่พันจินเท่านั้น
ถังเหล่ยฟื้นฟูปราณแท้เล็กน้อย และพบการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเช่นกัน
“พลังของข้าน่าจะมากถึงสองหมื่นจินแล้ว!”
ถังเหล่ยกล่าวด้วยความยินดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็คือการที่เขายังไม่สามารถทะลวงไปถึงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ได้
เมื่อครู่ตอนดูดซับแก่นอสูรห้าเม็ด เขาััได้ว่าตัวเองทะลวงระดับไปแล้ว อีกทั้งยังทะลวงระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สิบ
ถ้าคำนวณตามปกติแล้ว หลังจากระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สิบก็คือระดับผู้ชำนาญยุทธ์ แต่เขาที่ทะลวงระดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สิบไปแล้ว กลับไม่ได้ทะลวงระดับผู้ชำนาญยุทธ์หรือ…
“หรือเป็เพราะิญญายุทธ์สีทองกับเคล็ดวิชาัคชสาร?”
ถึงแม้ถังเหล่ยจะมีความรู้กว้างขวาง แต่ก็ไม่เคยเห็นเื่มหัศจรรย์เช่นนี้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิด เพราะด้านข้างยังมีคนนอกอยู่อีกคน
“ขอบคุณที่เ้าลงมือเมื่อครู่ ว่าแต่ิญญายุทธ์ในร่างกายของเ้าคืออะไรกันแน่!?”
สาวน้อยไม่ได้สนใจระดับผู้ฝึกยุทธ์ของถังเหล่ย นางสนใจิญญายุทธ์ในร่างของถังเหล่ยมากกว่า
“ข้าบอกเ้าไม่ได้ เมื่อครู่ข้าช่วยชีวิตเ้า ระหว่างพวกเรานับว่าหายกัน”
ถังเหล่ยมองสาวน้อยครั้งหนึ่ง ก่อนเดินไปทางศพหมาป่านภาระดับสาม
ฟึ่บ...
เขาใช้กริชที่หักเล่มนั้นผ่าหัวของหมาป่านภา จากนั้นยื่นมือเข้าไปหยิบอัญมณีขนาดเท่าไข่ไก่ออกมา
“แก่นอสูรระดับสาม!”
สาวน้อยตกตะลึง มูลค่าของแก่นอสูรระดับสามนั้นนางเองก็อยากได้ แก่นอสูรระดับสามหนึ่งเม็ดอย่างน้อยก็เท่ากับแก่นอสูรระดับสองสิบเม็ด
“เ้าจะทำอะไร? ข้าเป็คนฆ่ามันได้ เ้าเป็สาวน้อยคนหนึ่ง หรือเป็สาวน้อยที่คิดจะฆ่าคนปล้นชิงอย่างข้าอีก”
ถังเหล่ยยังไม่ทันดีใจก็รีบเก็บแก่นอสูรทันที
สาวน้อยเหลือกตาใส่เขา ถึงมูลค่าของแก่นอสูรระดับสามถึงแม้จะสูงมาก แต่ใช่ว่านางไม่เคยเห็น
“เ้าคิดว่าข้าหลงใหลในเงินทองเหมือนเ้าหรือ? ข้าไม่ขาดแคลนของเหล่านี้หรอก”
สาวน้อยทำท่าทางหยิ่งทะนง แสดงออกว่านางไม่เหมือนกับถังเหล่ย
เขายักไหล่ ‘เ้าไม่ขาดแคลน แต่ข้าขาดแคลน’ จากนั้นชายหนุ่มก็เตรียมตัวจากไป
“นี่! ข้ามีนามว่าหลินเนี่ยน เ้าล่ะ?”
สาวน้อยคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคิดจะไปก็ไป ทั้งที่ผ่านอุปสรรคมาด้วยกัน แต่ไม่คิดจะเอ่ยถามถึงชื่อนางบ้างหรือ
“ถังเหล่ย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้