เมื่อหลัวจางเห็นจงเหรินมาก็กล่าวเช่นนั้นด้วยความร้อนใจ
“ไม่นึกว่าเื่ที่เกิดขึ้นทางนี้จะทำให้ใต้เท้าจงสนใจ เช่นนั้นชายผู้นี้ต้องจบเห่เป็แน่!”
ผู้คนต่างประหลาดใจกับการมาของจงเหริน พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงบุ่มบ่ามเกินไป เขาจะต้องชดใช้ด้วยราคาที่แสนเ็ป
“ไอ้หนู เ้าล่วงเกินข้า ข้าจะทำให้เ้าตายโดยไร้ที่กลบฝัง!” หลัวจางกล่าวเสียงเย็นขณะมองหน้าเย่เฟิง ใต้เท้าจงเหรินจะต้องช่วยเขาอย่างแน่นอน
“หุบปากเสีย!”
ทว่าตอนที่หลัวจางกำลังคิดว่าจะจัดการเย่เฟิงอย่างไรดี กลับได้ยินเสียงของจงเหรินดังขึ้น ทำให้หลัวจางผงะถอยหลัง จ้องมองจงเหรินด้วยความใ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ใต้เท้าจง... ข้าไม่เข้าใจ?”
“บอกให้หุบปากก็จงหุบปากซะ หาไม่แล้วข้าจะทำลายตบะของเ้าเดี๋ยวนี้เลย!” จงเหรินเห็นท่าทีไม่ยอมของหลัวจางจึงดุด่าต่อ พร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณเข้ากดทับหลัวจาง
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ พวกเขาไม่เข้าใจจงเหรินว่าเหตุใดจึงบันดาลโทสะมากเพียงนี้ ทั้งยังไม่ไว้หน้าหลัวจาง
“หลัวจางเ้าฟังข้าให้ดี ๆ ท่านนี้คือคุณชายเย่เฟิง อันดับหนึ่งแห่งงานชุมนุมหวงปั่ง และเป็ชายหนุ่มผู้ที่องค์าาให้ความสำคัญมากที่สุด แม้แต่ข้าก็ยังให้เกียรติคุณชายเย่ พูดถึงเ้าหลัวจาง อย่าว่าแต่คุณชายเย่ลงมือทำร้ายเ้า ต่อให้คุณชายเย่เอาชีวิตของเ้า มันก็เป็เื่สมควร!” จงเหรินกล่าวด้วยถ้อยคำฉะฉาน แต่สายเหลือบมองไปที่เย่เฟิงอย่างไม่ตั้งใจ
เขารู้ว่าบัดนี้เย่เฟิงมีสถานะเช่นไรในใจขององค์าา เย่เฟิงคือผู้มีพระคุณขององค์าา ทว่าหลัวจางกลับกล้าล่วงเกิน ช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก แม้ตอนนี้เย่เฟิงฆ่าหลัวจางก็ย่อมได้ แต่จะเป็การเสียเวลาเกินไป
“อะไรนะ?” สิ้นเสียงจงเหริน ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยความตกตะลึง
“เย่เฟิง ชายผู้นี้คือเย่เฟิง ผู้ชนะอันดับหนึ่งแห่งงานชุมนุมหวงปั่ง อัจฉริยะผู้โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี มิน่าศักยภาพของเขาถึงกล้าแกร่งเพียงนี้!” เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ทราบว่าเย่เฟิงคือใคร บัดนี้ได้เห็นกับตา เย่เฟิงสง่าผ่าเผยตามคาด เป็มนุษย์ในหมู่ัชัด ๆ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ จากนั้นได้ยินคนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “แม้เย่เฟิงคืออันดับหนึ่งแห่งงานชุมนุมหวงปั่ง แต่ทำให้ใต้เท้าจงเคารพนอบน้อมเช่นนี้ได้อย่างไร? อีกอย่างใต้เท้าจงก็พูดเองด้วยว่า เย่เฟิงคือผู้ที่องค์าาให้ความสำคัญ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ข้าได้ยินมาว่า่นี้อาการเจ็บป่วยขององค์าาดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดูเหมือนว่าเื่นี้จะเกี่ยวข้องกับเย่เฟิงผู้นี้ หากเย่เฟิงคือผู้ที่รักษาองค์าา เช่นนั้นเย่เฟิงจะเป็ผู้ที่องค์าาให้ความสำคัญก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร” คนผู้หนึ่งกล่าว แม้องค์าาไม่ได้พูดเื่ที่เย่เฟิงรักษาอาการเจ็บป่วยของเขา แต่องค์าาดีวันดีคืน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนคาดการณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ข่าวลือจึงแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง
“อย่างนี้นี่เอง ไม่คิดว่าเย่เฟิงผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพร์ด้านวรยุทธ์ แต่ยังมีความรู้ทางด้านแพทยศาสตร์ ขนาดหมอผู้เลื่องชื่อหลาย ๆ คนยังรักษาอาการขององค์าาไม่ได้เลย” ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมกับมองเย่เฟิงด้วยสายตาหวาดหวั่น
เมื่อหลัวจางได้ยินคำพูดของจงเหรินพลันหน้าเขียวทันที จากนั้นเขากล่าวว่า “แม้เขาคือเย่เฟิง แต่ก็เป็พลเรือนคนหนึ่งเท่านั้น หนำซ้ำยังทำร้ายขุนนางอีก สิ่งที่ใต้เท้าจงกล่าวเมื่อครู่ ไม่รุนแรงไปหน่อยหรือ!”
หลัวจางร้อนรนอย่างมาก จึงไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้คนเอ่ยถึงเื่เย่เฟิงรักษาอาการเจ็บป่วยขององค์าา แต่ด้วยฐานะของหลัวจาง เขาจะปล่อยให้โดนตบอย่างเสียเปล่าเช่นนั้นได้อย่างไร?
“ดื้อด้าน!”
จงเหรินได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าเย็นะเืทันที แต่จากนั้นเขาหันไปมองเย่เฟิงโดยไม่สนใจอีกฝ่าย พร้อมกับระบายยิ้มเป็มิตร “สหายน้อยเย่ เ้ากับข้าได้พบกันอีกแล้ว ข้ารู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่ง!”
“ท่านเกรงใจไปแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมคำนับจงเหริน
“ข้ามาครั้งนี้เพราะมามอบราชโองการให้แก่เ้าในนามตัวแทนขององค์าา” จงเหรินกล่าวพลางยิ้ม
“ราชโองการ?” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตกตะลึง จากนั้นได้ยินคนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “เย่เฟิงมีบทบาทมากในการรักษาอาการเจ็บป่วยขององค์าา เช่นนั้นการที่ถูกแต่งตั้งเป็ต้าหยวนระดับสี่ก็เป็เื่สมควรแล้ว”
“ใช่ นั่นคือต้าหยวนระดับสี่เชียวนะ อนาคตไร้ความกังวล อีกอย่างเย่เฟิงเพิ่งอายุเท่าไรเอง? หากภายภาคหน้าเขาโดดเด่นเกินใคร เขาต้องรุ่งโรจน์มากแน่ แล้วผู้คนก็ต้องอิจฉาเขา”
ผู้คนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาอิจฉา ในความคิดของพวกเขา การที่องค์าาแต่งตั้งให้เป็ต้าหยวนระดับสี่ นั่นเท่ากับว่าอนาคตไร้ขีดจำกัด
“เย่เฟิงสร้างคุณงามความดี เป็เสาหลักของอาณาจักรจ้าว ข้าขอแต่งตั้งเย่เฟิงเป็ ‘คังผิงโหว’ มอบศักดินาที่ดินโยวโจวถึงไท่โจวเก้าเขต จบราชโองการ!”
อย่างไรก็ตามผู้คนยังไม่ทันสงบจิตสงบใจ จงเหรินก็อ่านราชโองการฉบับนั้นทันที
“อะไรนะ?” ทุกคนได้ยินเนื้อหาของราชโองการรวมถึงหลัวจางต่างก็ใ พวกเขาไม่กล้าเชื่อหูของตัวเอง
“คังผิงโหว คาดไม่ถึงว่าองค์าาจะแต่งตั้งเย่เฟิงเป็โหว ทั้งยังมอบศักดินาที่ดินโยวโจวถึงไท่โจวเก้าเขต ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความตื่นใและรู้สึกว่าหัวใจของตนกำลังเต้นระรัว
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่า หากเย่เฟิงได้รับการแต่งตั้งเป็ต้าหยวนระดับสี่ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว จึงทำให้พวกเขาอิจฉาอย่างมาก แต่ความเป็จริงกลับทำให้ทุกคนใเป็อย่างมาก โหวเย่ว์นั้นมีอำนาจรองจากองค์าาและชินหวัง[1] มีฐานะสูงศักดิ์ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ตำแหน่งโหวเย่ว์กระทั่งเหนือกว่าขุนนางชั้นสูง หรือต้าหยวนระดับหนึ่งเลยทีเดียว
การที่เย่เฟิงถูกแต่งตั้งเป็คังผิงโหวนั้นแตกต่างจากโหวเย่ว์ท่านอื่น ขณะที่องค์าาแต่งตั้งเย่เฟิงเป็โหวก็ยังมอบศักดินาที่ดินเก้าเขตให้แก่เขาอีก ฐานะเช่นนี้ถือว่าเทียบเท่ากับชินหวังแล้ว ซึ่งมีเพียงตำแหน่งชินหวังจึงจะมีสิทธิ์ได้รับศักดินาที่ดิน อาจกล่าวได้ว่าแม้เย่เฟิงถูกแต่งตั้งเป็โหว แต่กลับได้ดื่มด่ำความสุขเหมือนกับชินหวัง
เื่เช่นนี้ช่างน่าใเป็อย่างมาก จากชายหนุ่มคนธรรมดาไร้ซึ่งฐานะสูงส่ง แต่กลับกลายเป็ผู้ปกครองเก้าเขตโยวโจวถึงไท่โยว เกรงว่ามีเพียงเย่เฟิงคนเดียวเท่านั้นที่ทำเื่เช่นนี้ได้
“ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม? เขาอายุสิบกว่าปีเอง แต่มีสิทธิ์อะไรถูกแต่งตั้งเป็คังผิงโหว? ใต้เท้าจง ท่านต้องทำผิดพลาดเป็แน่ ใช่หรือไม่?” หลัวจางงงเป็ไก่ตาแตก จากนั้นเอ่ยถามจงเหรินด้วยความไม่เชื่อ ก่อนหน้านี้เขาดูถูกเย่เฟิงว่าเป็คนธรรมดา แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็คังผิงโหวที่เขาต้องก้มหัวให้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยอมรับความจริงนี้ไม่ได้
“เ้าบ้าไปแล้วหรือ? กล้าดียังไงมากังขาราชโองการขององค์าา?” ดวงตาของจงเหรินเผยประกายเย็นเยือก จากนั้นกวาดตามองทหารเ่าั้ที่อยู่รอบ ๆ ก่อนกล่าวว่า “พวกเ้าจัดการลงโทษคนบ้าคนนี้บัดเดี๋ยวนี้!”
คำสั่งของจงเหรินทำให้ผู้คนรอบข้างตกตะลึง ทหารเ่าั้ก็อดเหลือบมองหน้ากันไม่ได้ แต่จงเหรินคือขุนนางชั้นสูง พวกเขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของจงเหริน ดังนั้นเหล่าทหารจึงเข้าคุมตัวหลัวจาง นี่ทำให้หลัวจางดิ้นรนและส่งเสียงดังออกมาว่า “ข้าคือต้าหยวนระดับสอง ใต้เท้าจงท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะ!”
“จะโทษก็ต้องโทษเ้าที่ไปล่วงเกินผู้ที่ไม่ควรล่วงเกินด้วย!” จงเหรินกล่าวเสียงเย็น จากนั้นหันไปพูดกับทหารเ่าั้ว่า “ลากตัวออกไป!”
“ขอรับ ใต้เท้าจง!” เหล่าทหารรับคำสั่งก่อนจะลากตัวหลัวจางออกไป เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตาเบิกกว้างด้วยความใ เกรงว่าหลัวจางคงไม่คิดไม่ฝันว่าการกระทำของตนในครั้งนี้จะนำพาหายนะมาสู่ตนเอง
หลังจากหลัวจางถูกพาตัวออกไป จงเหรินกล่าวกับเย่เฟิงว่า “โหวเย่ว์ นี่คือป้ายอาญาสิทธิ์ของท่าน หากมีแผ่นป้ายนี้ท่านจะสามารถระดมกองกำลังจากโยวโจวถึงไท่โจวเก้าเขตได้ตาม้า”
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น จงเหรินส่งแผ่นป้ายสีเหลืองทองไปให้เย่เฟิง เย่เฟิงก็รับมาอย่างไม่เกรงใจ ไม่ใช่ว่าเขาละโมบในความรุ่งโรจน์ แต่เขามีแผนการบางอย่าง
บัดนี้เย่เฟิงมีภาระที่ต้องฟื้นฟูตระกูลเย่ แต่ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ถือว่าทำได้ยากยิ่ง แม้เซวียิและซ่งกังจะก่อตั้งสำนักเสวียนเจิน แต่เย่เฟิงคิดว่ายังไม่มากพอ อย่างน้อยต้องมีฐานที่มั่นของตัวเอง ซึ่งประจวบเหมาะกับที่องค์าามอบศักดินาที่ดินโยวโจวถึงไท่โจวเก้าเขตให้แก่เขา อีกอย่างต่อไปด้วยตำแหน่งคังผิงโหว เขาจะทำสิ่งใดก็มีอุปสรรคน้อยลง นับว่าเป็ก้าวแรกที่เขาจะฟื้นฟูตระกูลเย่
“เช่นนั้นผู้น้อยขอขอบพระทัยองค์าา!” เย่เฟิงคำนับให้จงเหรินด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม แต่ในสายตาของผู้คนนั้นเย่เฟิงก็ยังดูอาจหาญ แม้ตอนที่ถูกแต่งตั้งเป็คังผิงโหวก็ยังคงยืนหลังตรง ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน หากเป็ผู้อื่นคงถูกลงโทษไปนานแล้ว
แต่จงเหรินกลับไม่ถือสา เขารู้จักนิสัยของเย่เฟิงดี จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่ซือคงเสวียน ก่อนหน้านี้ซือคงเสวียนเป็ตัวละครหลัก แต่บัดนี้กลับไม่เป็ที่สนใจของผู้คนเพียงเพราะเื่ของเย่เฟิง
เื่นี้ทำให้ซือคงเสวียนนิ่งเงียบมาตลอด หลัวจางคือผู้นำทางของเขาในวังหลวง แต่คาดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของเย่เฟิงจะทำให้หลัวจางถูกจับตัว ทำเขาเสียหน้าอย่างมาก ดังนั้นเย่เฟิงจึงเป็คนที่ขัดหูขัดตาสำหรับซือคงเสวียน แม้ภายนอกไม่มีอะไร แต่ในใจกลับชิงชังเย่เฟิง
“ท่านนี้คือคุณชายซือคงจากสำนักชิงอวิ๋นหรือ?” จงเหรินเอ่ยถามซือคงเสวียนด้วยความเกรงใจ เขามีประสบการณ์โชกโชนและเจอผู้คนมานับไม่ถ้วน เขาย่อมดูออกว่าซือคงเสวียนไม่พอใจและ้ากู้หน้ากลับคืนมา
“ผู้น้อยเองขอรับ!” ซือคงเสวียนกล่าวเสียงเรียบเฉย
“เพิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรจ้าวกะทันหัน คงส่งผลกระทบต่อคุณชายซือคง ข้าต้องขออภัยด้วย อีกสักครู่ข้าจะส่งคนมาติดตามคุณชายซือคง หวังว่าคุณชายซือคงจะไม่ถือสา” จงเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็ไร ใต้เท้าเกรงใจไปแล้ว” ซือคงเสวียนกล่าวพลางโบกมือไปมา อีกฝ่ายคือขุนนางชั้นสูง จึงสามารถพูดจาเช่นนี้กับเขาได้ หากเขาคิดเล็กคิดน้อย ในภายภาคหน้าเขาอาจจะคิดบัญชีทั้งหมดกับเย่เฟิง
“เช่นนั้นขอบคุณในความอารีของคุณชายซือคง!” จงเหรินกล่าวพร้อมโค้งคำนับซือคงเสวียน
เมื่อความวุ่นวายจบลง ครึ่งชั่วยามต่อมาการประลองยุทธ์เลือกคู่ก็เริ่มขึ้น ดังนั้นเย่เฟิงและคนอื่น ๆ จึงเข้าสู่สนามอย่างไม่ลังเล
สนามฝึกราชวงศ์เนืองแน่นไปด้วยผู้คน แม้แต่ที่นั่งบนอัฒจันทร์ก็เต็มทุกที่นั่ง ผู้ฝึกยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋นมาถึงกันหมดแล้ว และกองกำลังหลักในอาณาจักรจ้าวก็ยังส่งผู้ฝึกยุทธ์มาถึงแล้วเช่นกัน เพื่อเป็พยานที่จะได้เห็นความรุ่งเรืองของการประลองยุทธ์เลือกคู่ในครั้งนี้
------------------------------------
[1] ชินหวัง หมายถึง ตำแหน่งองค์ชายที่มอบให้แก่พี่ชายน้องชายขององค์าา
