หญิงสาวในชุดขาวปิดคลุมใบหน้าเดินมาจากระยะไกล ไม่ว่านางจะเดินไปที่ใด ทุกคนล้วนแล้วแต่หลีกทางให้ คนเ่าั้เริ่มกล่าวทักทายนาง หญิงสาวตอบรับอย่างนุ่มนวล ตลอดทางที่ผ่านมา ทุกคนต่างล้วนแล้วแต่แย่งชิงกันเพื่อให้ได้ไปอยู่ต่อหน้าหญิงสาวในชุดขาวคนนั้น
ด้านหน้าของหญิงสาวมีสาวใช้สองนางติดตามมาด้วย สาวใช้ทั้งสองนางนั้นสวมใส่ชุดสีเขียว ทั้งสองยืนกำบังอยู่ด้านหน้าของหญิงสาวในชุดขาว เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใกล้จนเกินไป
ด้านหลังของหญิงสาวชุดขาวมีบุรุษสองคนคอยติดตามไม่ห่าง บุรุษทั้งสองคนนั้นเป็คนดูแลจวนที่หญิงสาวชุดขาวซื้อมาใหม่ นางตั้งชื่อให้พวกเขาว่าหลิงเฉินและหลิงหลี
หลิงเฉินและหลิงหลีเดิมทีเป็คนระเหเร่ร่อน เนื่องจากได้ล่วงเกินคนที่ไม่สมควรล่วงเกินเข้าจึงถูกทางการจับเข้าคุก หลังจากนั้นก็กลายมาเป็ทาสทางการ หลิงมู่เอ๋อร์ถูกใจสองคนนี้และใช้เงินซื้อพวกเขาด้วยราคาสูงลิ่ว ตอนที่พี่น้องสองคนนี้เห็นว่าคนที่ตนเองจะต้องไปปรนนิบัติคือแม่นางน้อยร่างบอบบางก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ดังนั้นตอนที่มาใน่แรกๆ พวกเขาจึงไม่ยอมเชื่อฟัง แต่หลังจากได้เห็นฝีมือของหลิงมู่เอ๋อร์ และถึงขั้นพ่ายแพ้ในน้ำมือของนาง พวกเขาต่างก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายราวกับแมวก็มิปาน ตอนนี้ก็ไม่กล้าดูแคลนหลิงมู่เอ๋อร์แม้แต่ครึ่งส่วน
"หมอเทวดามักจะคลุมใบหน้า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่านางหน้าตาเป็อย่างไร" เหล่าชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ "แต่ดูจากท่วงท่าอากัปกิริยานั่น ย่อมเป็สาวงามแน่นอน"
คนด้านข้างกล่าวคล้อยตาม
ครั้นหลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินเสียงพูดคุยสนทนาของพวกชาวบ้านก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ นางแค่ไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ประวัติของนางเท่านั้น เช่นนี้ก็เพราะจะได้ไม่มีคนมารบกวนชีวิตท่านพ่อท่านแม่ของนาง ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านางคือหลิงมู่เอ๋อร์ ซึ่งเป็บุตรสาวของคนสกุลหลิงที่เปิดเหลาอาหารสกุลหลิงร้านนั้น พวกเขารู้แค่ว่าหมอเทวดาเองก็ชื่นชอบอาหารของเหลาอาหารสกุลหลิงด้วยเช่นกัน ถ้าหาหมอเทวดาไม่พบที่โรงหมอ เช่นนั้นก็ต้องไปหาที่เหลาอาหารสกุลหลิง เพราะส่วนใหญ่นางจะทานอาหารอยู่ที่นั่น กล่าวได้ว่า คนที่้าให้หมอเทวดารักษาโรคให้ ถ้าพวกเขากล่าวถ้อยคำดีๆ เข้าหูหยางซื่อสักสองสามประโยค พวกเขาพบว่าหมอเทวดาจะมารักษาคนเหล่านี้โดยเร็ว ด้วยเหตุนี้ผู้คนจำนวนมากจึงเริ่มเข้าประตูหลัง [1] ของเหลาอาหารสกุลหลิง และคนในเหลาอาหารสกุลหลิงก็ได้รับความเกรงใจไปโดยปริยาย
"แย่แล้ว… แย่แล้ว… เหลาอาหารสกุลหลิงถูกไฟไหม้แล้ว..." ในกล่มฝูงชน มีคนะโออกมาเสียงดัง
ฝีเท้าของหลิงมู่เอ๋อร์หยุดชะงัก นางมองไปยังคนที่กล่าวออกมา ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "ไฟไหม้เหลาอาหารสกุลหลิงได้อย่างไร?”
คนผู้นั้นเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ รีบร้อนพูดขึ้น "เป็ความจริงท่านหมอเทวดา ไฟกำลังไหม้เหลาอาหารสกุลหลิงอย่างหนัก ที่นั่นเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดหนีออกมาเลย"
ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์เกิดความสับสนไปหมด นางมองไปที่หลิงเฉินและหลิงหลีที่อยู่ไม่ไกล หลิงเฉินและหลิงหลีรู้จักฐานะของหลิงมู่เอ๋อร์ดี พวกเขาไม่รอคำสั่งจากนางก็รีบรุดไปที่เหลาอาหารสกุลหลิงทันที
"ยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดถึงไฟไหม้ขึ้นมาล่ะ? พวกเราก็ไปดูกันเถิด!" เหล่าชาวบ้านต่างก็รีบไปที่เหลาอาหารสกุลหลิง
“คุณหนู ท่านช้าหน่อยเ้าค่ะ” ซางจือประคองหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์ในขณะนี้สูญเสียความสงบนิ่งในยามปกติไปแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความร้อนรน ทันทีที่นางได้ยินว่าไม่มีผู้ใดหนีออกมาจากเหลาอาหารได้ หัวใจของนางก็ตื่นตระหนก
ความคิดมากมายวนเวียนขึ้นมาอยู่ในหัวของนาง คาดเดาว่าหรือจะเป็ศัตรูของพี่น้องตระกูลโจวที่มาหาถึงหน้าบ้าน มิเช่นนั้นจะเกิดไฟไหม้ขึ้นมากะทันหันได้อย่างไร?
ในขณะที่นางมาถึงเหลาอาหารสกุลหลิง สิ่งที่นางเห็นคือทะเลเพลิงผืนหนึ่ง ณ ตอนนั้นสมองของนางก็ว่างเปล่า
เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันก็กำลังช่วยกันดับไฟ น้ำถังแล้วถังเล่าถูกยกเข้าไป เพลิงไฟกำลังจะค่อยๆ ดับลง ทว่ากลุ่มควันดำลอยฟุ้งกลับกระจายออกมา ส่งกลิ่นเหม็นไหม้กระจายไปทั่วอากาศ ปีศาจงูเพลิงตัวนั้นสะท้อนในดวงตาของหลิงมู่เอ๋อร์ เหมือนกับอสุรกายร้ายตัวหนึ่งที่้าจะกลืนกินร่างกายและจิตใจของนาง
หลิงมู่เอ๋อร์แย่งถังน้ำของคนที่อยู่ด้านข้างมา ราดใส่บนกายของตนเอง ทําท่าจะวิ่งบุกเข้าไปในกองเพลิง
คนที่ถูกแย่งถังน้ำใจนผงะไป ครั้นได้เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ก็พึมพำว่า "ท่านหมอเทวดา ท่านกำลังทำสิ่งใด?"
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้สนใจต่อคำถามของคนผู้นั้น นางกระโจนเข้าไปในทะเลเพลิง ในขณะที่นางกำลังจะวิ่งเข้าไปนั้น มีเงาร่างหนึ่งปรากฏกายขึ้นด้านข้างและกอดนางเอาไว้ แล้วใช้สันมือข้างหนึ่งฟาดลงไปเพื่อทำให้นางหมดสติ ในห้วงเวลาที่กำลังจะหมดสติลงนั้น หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
นางจะไปช่วยครอบครัวของนาง เหตุใดต้องทุบตีนางให้สลบด้วย?
ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย ท่านลุง ท่านย่า...
อีกทั้งยังมีข้ารับใช้เ่าั้ที่ติดตามพวกเขามา
พวกเขากำลังจะตาย
หลิงมู่เอ๋อร์นอนกระสับกระส่าย ในห้วงแห่งความฝัน นางเห็นอัคคีเพลิงขนาดใหญ่และคนในครอบครัวของนางเดินเข้าไปในกองเพลิงนั้นทีละก้าวทีละก้าว ก่อนจะหายไปใน้ทายที่สุด
นางตื่นจากภวังค์ความฝันด้วยน้ำตานองใบหน้า นางเช็ดน้ำตาและเงยหน้าขึ้นอย่างเหม่อลอย ดวงตาของนางว่างเปล่า
"คุณหนู..." ซางจือได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของหลิงมู่เอ๋อร์ จึงรีบเดินเข้ามา นางเห็นดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของหลิงมู่เอ๋อร์ก็อดที่จะปวดใจขึ้นมาไม่ได้ “คุณหนู ท่านไม่ต้องเสียใจไปนะเ้าค่ะ นายท่านและฮูหยินล้วนไม่เป็อันใด คุณชายใหญ่ ท่านลุงและฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่เป็อันใดเช่นกัน เพียงแต่ว่าแม่เฒ่าสองนางที่ดูแลห้องครัวถูกไฟคลอกได้รับาเ็เ้าค่ะ”
ชั่วขณะนั้นั์ตาที่ว่างเปล่าของหลิงมู่เอ๋อร์พลันสว่างวาบขึ้น นางหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลางจ้องเขม่นไปที่ซางจือ "เ้าพูดจริงหรือ?"
“เป็ความจริงเ้าค่ะ” ซางจือพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
"แล้วพวกเขาอยู่ที่ใด?" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวพร้อมกับจะลุกขึ้นจากเตียง
เดิมทีนางไม่เป็อันใด เพียงแต่ถูกคนตีจนสลบไปเท่านั้น ลำคอของนางมีอาการเจ็บเล็กน้อย นางคลำลำคอที่เ็ปของนาง พลางกล่าวอย่างไม่พอใจ "เป็ผู้ใดกันที่ตีข้าจนสลบ?"
ซางจือยิ้มแห้งๆ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอันใด
“หากเ้าไม่พูด ข้าก็จะไปถามด้วยตนเอง เพียงแต่ ข้ารู้ว่าคนผู้นั้น้าช่วยข้า” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวเสียงต่ำ “ข้าไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะดีเลว”
“แม่นางคิดเช่นนี้ก็ดีแล้วเ้าค่ะ” แก้มของซางจือขึ้นสีแดงระเรื่อ “พวกเขาบอกว่าเป็สหายของพี่ใหญ่ของท่านเ้าค่ะ”
“พวกเขา?” หลิงมู่เอ๋อร์ครุ่นคิด และก็เข้าใจในที่สุด นั่นคือคนที่ซั่งกวนเซ่าเฉินทิ้งเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าพี่ชายบุญธรรมที่ได้มาอย่างไม่ตั้งใจในตอนแรก แม้จะจากไปนานขนาดนี้จนนางเกือบจะลืมเขาไปแล้ว แต่กลับยังเข้ามาช่วยชีวิตของคนในครอบครัวของนางอีก “ท่านพ่อและท่านแม่ข้าเป็พวกเขาที่ช่วยชีวิตเอาไว้ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วเ้าค่ะคุณหนู” ซางจือพยักหน้าซ้ำๆ “ฟังจากที่พวกเขาบอก ดูเหมือนว่าก่อนที่แม่นางจะรีบกลับมา พวกเขาที่ได้ยินข่าวก็รีบรุดมาช่วยคนในทันที ตอนนั้นเพลิงยังไม่ลุกไหม้หนักมากนัก พวกเขารีบเข้าไปช่วยนายท่านและฮูหยินก่อน ยังมีคุณชาย ท่านลุง ฮูหยินเฒ่าและคนอื่นๆ เ้าค่ะ แต่เพราะไปช่วยแม่ครัวสองนางที่อยู่ในห้องครัวเป็คนสุดท้าย ดังนั้นพวกนางจึงถูกไฟคลอกได้รับาเ็แล้ว และเพราะท่านหมดสติไป พวกข้าจึงเรียกหมอท่านอื่นมาช่วยรักษาก่อน ท่านหมอกล่าวว่าไฟไหม้ค่อนข้างรุนแรง"
“ข้าจะไปดูพวกเขาสักหน่อย” หลิงมู่เอ๋อร์ลุกจากเตียงและสังเกตภายในห้องอย่างละเอียด ที่นี่น่าจะเป็โรงเตี๊ยม
ซางจือพาหลิงมู่เอ๋อร์ไปที่ห้องด้านข้าง หยางซื่อและถังซื่อพักอยู่ที่นั่น ยังมีหลิงจื่ออวี้และหยางเสี่ยวหู่ที่พักกับพวกเขา หลิงจื่ออวี้และหยางเสี่ยวหู่เพิ่งกลับมาจากสำนึกศึกษา ไม่ได้ประสบเจอกับเหตุการณ์น่ากลัวนี้ แต่ว่าขณะที่พวกเขาอยู่ในสำนักศึกษาก็ได้ยินว่าเหลาอาหารสกุลหลิงถูกไฟไหม้ ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลใจอยู่ตลอดเวลา
“ท่านยาย ท่านแม่” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นทั้งสองคนก็รีบร้อนเดินเข้าไป “ท่านไม่ได้าเ็ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“มู่เอ๋อร์” เดิมทีหยางซื่อเป็เพียงสตรีที่อ่อนแอนางหนึ่ง ครั้นได้ประสบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ นางก็ไร้ซึ่งคนให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ตอนนี้ได้พบกับหลิงมู่เอ๋อร์แล้วก็รู้สึกหวั่นไหวในทันที
"มู่เอ๋อร์ พวกข้าไม่เป็อันใด เ้าอย่าได้กังวลใจ" ถังซื่อผ่านอะไรมามากมาย รู้ว่าควรที่จะปลอบประโลมอารมณ์ของหลิงมู่เอ๋อร์เสียก่อน ถึงอย่างไรพวกเขาก็รอดพ้นจากอันตรายแล้ว ไม่จำเป็ต้องให้หลิงมู่เอ๋อร์ขวัญเสียตามพวกเขา แต่ว่าเื่เมื่อสักครู่น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ถึงถังซื่อจะอายุอานามมากแล้ว ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้มามาก แต่สภาพจิตใจก็ไม่ค่อยจะดีนัก
หลิงมู่เอ๋อร์สังเกตเห็นอารมณ์ของถังซื่อก็รีบนำยาหนึ่งเม็ดใส่เข้าในปากของนาง ยาเม็ดนั้นมีฤทธิ์สงบใจ ทำให้จิตใจของถังซื่อสงบลงได้
หลังจากถังซื่อกินยาลงไปก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง นางหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนกล่าว "มีเพียงเด็กเช่นเ้าเท่านั้นที่พกยาติดตัว"
“ข้าเป็หมอนี่เ้าคะ!” หลิงมู่เอ๋อร์จับมือของถังซื่อแล้วตรวจชีพจรให้นาง “เพียงแค่ใเล็กน้อยเท่านั้น พักผ่อนสักสองสามวันก็หายดีแล้ว ่สองสามวันนี้อย่าได้คิดมากนะเ้าคะ”
"ได้ หญิงชราเช่นข้ายัง้ามีชีวิตอยู่อีกหลายปี คอยเลี้ยงบุตรให้เ้า จะยังไม่ตายเร็วๆ นี้แน่" ถังซื่อยิ้มบางๆ พลางกล่าว
“ท่านยาย ท่านแม่ เพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเ้าคะ? ยามปกติทุกคนล้วนระมัดระวังเป็อย่างดี อีกอย่างเกิดเพลิงไหม้ตอนกลางวัน ทุกคนล้วนอยู่ในร้าน คงจะไม่อาจไหม้ได้ขนาดนี้กระมัง ตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ เพลิงนั้นก็ไม่อาจควบคุมได้แล้ว ตอนนี้เหลาอาหารถูกไฟไหม้จนราบคาบแล้ว” เงินที่หามาได้จากเหลาอาหารสกุลหลิงนั้นแบ่งออกเป็สองส่วน ครึ่งหนึ่งมอบให้นางเพื่อเก็บเอาไว้ ครึ่งหนึ่งให้หยางซื่อเก็บไว้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตั๋วเงินอีกครึ่งหนึ่งของหยางซื่อคาดว่าคงถูกไฟเผาไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ หยางซื่อก็รู้สึกโมโห นางกล่าวอย่างจนใจว่า "ไฟเริ่มลุกลามมาจากในห้องครัว ตอนนั้นแม่ครัวสองนางอยู่ในห้องครัว พวกข้าทุกคนล้วนอยู่ที่เรือนด้านหน้าคอยดูแลลูกค้า จะว่าไปแล้วก็ประจวบเหมาะพอดี เวลานั้นมีรายการสั่งอาหารชุดใหญ่เข้ามา ข้ากับท่านแม่กำลังหารือเื่ซื้อวัตถุดิบอยู่ ท่านพ่อและลุงของเ้ากำลังดูแลคนผู้นั้น ส่วนคนอื่นๆ ต่างยุ่งอยู่กับงานของตนเอง คิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้ ไฟนั้นลุกลามไปเร็วนัก พวกข้ากันเหล่าลูกค้าให้ออกไปก่อน ถึงตอนที่พวกข้าอยากจะไปดับเพลิงก็ไม่อาจควบคุมเพลิงได้แล้ว ตอนแรกก็มีแค่พวกข้าเพียงไม่กี่คน พี่ใหญ่โจวและพี่รองโจวของเ้าก็ไม่อยู่"
"่นี้พี่ใหญ่โจวพี่รองโจวไม่ค่อยอยู่ในบ้านใช่หรือไม่เ้าคะ?" หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยถาม
"เ้าสงสัยว่าเื่นี้เกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือ? ไม่น่าจะใช่หรอกกระมัง! เด็กสองคนนั้นเป็เด็กดี" หยางซื่อส่ายหัว
“ข้าไม่ได้บอกว่าพวกเขาทำเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้ “ในเื่นี้ข้ายังเชื่อใจพวกเขาทั้งสองคน ความหมายของข้าคืออาจจะเป็ศัตรูของพวกเขาที่เป็คนทำ”
“่นี้พวกเขาสองพี่น้องค่อนข้างเก็บตัว แทบจะไม่ออกทางประตูด้านหน้าเลย ถึงแม้จะออกไปทางประตูหลังก็จะปลอมตัวอย่างดี โดยทั่วไปแล้ว คงจะไม่มีผู้ใดจำพวกเขาได้” หยางซื่อคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของทั้งสองคน “ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกคนไม่เป็อันใดก็ดีแล้ว สงสารก็แต่แม่เฒ่าสองคนนั้น พวกนางาเ็หนัก”
"ท่านแม่วางใจ ข้าจะรักษาพวกเขาให้หายเ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว "เื่นี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าผู้ใดเป็คนวางเพลิงกันแน่? ถ้าหากตรวจสอบยังไม่ได้ ข้าไม่อาจวางใจได้"
"ร้านของพวกเรา… การค้าดีถึงเพียงนั้น ร้านดีขนาดนั้น พริบตาเดียวก็ไม่มีแล้ว" ความปวดใจของถังซื่อและหลิงมู่เอ๋อร์นั้นแตกต่างกัน นางรู้สึกปวดใจคือร้านค้าที่เป็แหล่งผลิตเงินทอง ทว่าจากมุมมองของถังซื่อ ชีวิตของบุตรสาวและบุตรเขยกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในเวลานี้
“ซางจือ เ้าเข้ามานี่” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับซางจือที่อยู่ด้านข้างสองสามประโยค หลังซางจือฟังแล้วก็พยักหน้ารับ
หลังจากซางจือไปแล้ว หยางซื่อถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ "เ้าให้ซางจือทำสิ่งใดหรือ?"
"ข้าให้นางไปทำอาหารให้ท่านทานเ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว "ท่านยาย ท่านแม่ พวกท่านและพวกน้องๆ พักผ่อนสักหน่อยเถิด! ข้าจะไปดูแผลของแม่เฒ่าสองนางนั้นสักหน่อยเ้าค่ะ"
หลิงมู่เอ๋อร์ไปดูหลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิวอีกครั้ง แขนของทั้งสองคนมีรอยแผลไฟไหม้เล็กน้อย แต่ว่าไม่ได้ร้ายแรง เพียงแค่ต้องล้างแผลสองครั้งก็ไม่เป็อันใดแล้ว
าแของข้ารับใช้คนอื่นๆ มีทั้งใหญ่และเล็กต่างกัน มีเพียงแม่เฒ่าสองนางนั้นที่มีรอยแผลจากไฟไหม้เป็บริเวณกว้าง โดยเฉพาะเส้นผมและใบหน้าของพวกนาง รอยแผลเป็บนใบหน้านั้นรุนแรงมาก แต่เดิมทีพวกนางก็ไม่ได้หน้าตาดีนัก บัดนี้ถูกไฟคลอกจนกลายสภาพเป็เช่นนี้ ถ้าออกมาเดินเพ่นพ่านกลางดึก คงดูเหมือนกับิญญาร้ายจริงๆ แน่
"คุณหนู เป็พวกข้าไม่ดีเองเ้าค่ะ พวกข้ากำลังทำอาหารอยู่ ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ก็หลับไป" สตรีนางหนึ่งร่ำไห้พลางกล่าว
เชิงอรรถ
[1] เข้าประตูหลัง ( 走后门) หมายถึง ใช้เส้นสายวิธีการที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์หรือเป้าหมายบางอย่าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้