“เหนียนยวี่!”
เขาเอ่ยเรียกอีกครั้ง น้ำเสียงเ็าขึ้นมาหลายส่วน จ้าวเยี่ยนถูฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตนเอง ั์ตาของเขากลายเป็น้ำแข็งเย็นเยียบ
สักวันหนึ่งเขาจะต้องทำให้เหนียนยวี่เห็นตัวตนของเขา และเชื่อฟังเขาอย่างว่านอนสอนง่าย
ครั้นนึกถึงเหตุการณ์ลอบสังหารเมื่อคืน ใบหน้าหล่อเหลาพลันยิ้มเยาะเย็นเยียบอย่างน่าหวาดกลัว
เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ หากเ้าได้รู้ว่าจ้าวอี้ตายแล้ว เ้าจะมีท่าทีเช่นไรนะ?
ท่าทีเฉยเมยไม่สนใจของเหนียนยวี่ผุดขึ้นในหัวของจ้าวเยี่ยน เขาสะบัดแขนเสื้อและก้าวเดินออกจากห้องไป
……
เหนียนยวี่ลงไปข้างล่าง และก้าวเดินออกจากหอชิงยวี่
ชิวตี๋ที่เดินตามหลังจ้องมองแววดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวของเหนียนยวี่ นางจึงครุ่นคิดคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชั้นบนเมื่อครู่นี้
“คุณหนูเ้าคะ เมื่อครู่นี้ ท่านอ๋องหลี…”
ชิวตี๋ลองเอ่ยปากพูดขึ้น ทว่ายังมิทันได้พูดจบ เหนียนยวี่พลันชะงักฝีเท้า ชิวตี๋ตระหนักอะไรบางอย่างได้ทันที นางจึงรีบหยุดเอ่ยอย่างลนลาน “บ่าวสมควรตาย บ่าวไม่ควรถามเ้าค่ะ”
“ข้าให้เ้าคอยเฝ้าระวัง แล้วนี่มันอะไร?” เหนียนยวี่พยายามรวบรวมอารมณ์ ยามที่นางเอ่ยออกไป ความสงบนิ่งและอ่อนโยนของนางได้คืนกลับมาแล้ว
ชิวตี๋คิดถึงข่าวที่เดิมทีนางจะเอามารายงานให้เหนียนยวี่ ทันใดนั้นความโกรธพลันปะทุขึ้นในใจ “คุณหนูเ้าคะ ชายเฒ่าขายเนื้อแซ่จูนั่นมาจริงๆ เ้าค่ะ บ่าวเห็นว่ามีใครบางคนพาเขาเข้ามาทางประตูหลังเ้าค่ะ ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ดูเป็เื่ไม่ดีมากเลยเ้าค่ะ”
“ผู้ใดพาเขามา? แล้วพาไปที่ไหน?”
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เขามาแล้วจริงๆ หรือ?
“ดูเหมือนว่า…สาวใช้ในหอหยางซินกำลังพาเขาไปทางศาลาริมน้ำเ้าค่ะ” ชิวตี๋เอ่ยรายงานตามความจริง
ศาลาริมน้ำ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เบนสายตาไปอีกทาง ขณะที่กำลังก้าวเดินต่อไปทางโถงรับรอง สาวใช้คนหนึ่งพลันรีบวิ่งเข้ามาหานาง ครั้นเห็นเหนียนยวี่ สาวใช้นางนั้นคารวะให้นางทันทีอย่างรีบเร่ง “บ่าวคารวะคุณหนูรองเ้าค่ะ คุณหนูรอง บรรดาเครือญาติสตรีทั้งหมดไปที่สวนเหมยกันแล้วเ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนสั่งให้บ่าวมาเชิญคุณหนูไปที่นั่น เพื่อให้คุณหนูไปทำความรู้จักกับบรรดาฮูหยินขุนนางเ้าค่ะ”
ครั้นได้ยินคำว่า ‘สวนเหมย’ สองคำนี้ แม้แต่ชิวตี๋เองก็ระแวงขึ้นมาทันที นางเหลือบมองเหนียนยวี่ตามสัญชาตญาณทันที สวนเหมย...ข้างสวนเหมย มิใช่ศาลาริมน้ำหรอกหรือ?
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยอยากพบเจอคุณหนู ทว่าวันนี้กลับสั่งให้คุณหนูไปหา เกรงว่าคงจะไม่ใช่เื่ดีแน่!
คุณหนูนาง...ในใจของชิวตี๋รู้สึกกังวล ทว่าเหนียนยวี่กลับยกยิ้มราบเรียบ “ข้าจะไป”
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งมาหรือ?
ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่า นางสั่งมาด้วยตนเอง หากนางไม่ไป จะมิใช่เป็การไม่เชื่อฟังคำพูดของผู้าุโหรอกหรือ?
ส่วนคนขายเนื้อแซ่จูนั่น...
การเดินไปที่สวนเหมยจำต้องเดินผ่านศาลาริมน้ำ ด้วยวิธีนี้ นางอาจจะเจอ ‘สามี’ ที่ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนและหนานกงเยวี่ยหาให้ หากเป็เช่นนี้ก็ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาก็ไม่เลว อีกอย่าง...
เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ เหนียนยวี่เลิกคิ้วขึ้น ไม่ต้องสงสัยว่าเขามีหน้าตาเป็อย่างไร ชิวตี๋ที่เดินนำไปทางสวนเหมยอย่าง ‘เชื่อฟัง’ สาวใช้ที่นำคำสั่งมารายงานเองก็เดินตามหลังมา ระหว่างทาง ชิวตี๋ไม่สามารถหยุดกังวลได้ แต่เมื่อสาวใช้อีกคนยังอยู่ที่นั่น นางจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก
“อา...”
ขณะที่ทั้งสามเดินอยู่บนทางเดิน ทันใดนั้น ชิวตี๋พลันร้องขึ้นมาด้วยความเ็ป ทั้งตัวนางพลันเสียสมดุลและล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง
เหนียนยวี่หันกลับไป เห็นชิวตี๋จับเท้าของตนเองอยู่ที่พื้น นางอดไม่ได้จะขมวดคิ้ว นางย่อตัวลง ้าจะดูแผลให้ชิวตี๋ ทว่าชิวตี๋กลับคว้ามือของเหนียนยวี่ไว้อย่างตื่นใ “คุณหนู...เมื่อครู่...”
เห็นได้ชัดว่า เมื่อครู่นี้มีบางอย่างมากระทบที่ข้อเท้าของนางและทำให้นางเสียหลัก...
แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ เหนียนยวี่กลับเอ่ยขัดจังหวะนางเสียก่อน
“ดูเ้าสิ เหตุใดถึงเดินไม่ระวัง? ซุ่มซ่ามเสียจริง ดูแผลที่มือเ้าสิ...” เหนียนยวี่ดุเบาๆ น้ำเสียงไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง “ในวันเช่นนี้ ดูสภาพเ้าสิ ประเดี๋ยวจะคอยปรนนิบัติข้าได้อย่างไร?”
“คุณหนู บ่าว...”
“ยังอยากแก้ตัวอะไรอีก? ไร้ประโยชน์ ยังไม่ไปให้หมอดูแผลที่มือให้อีก!”
เหนียนยวี่สบตาชิวตี๋ สายตานั้น...ชิวตี๋ใเล็กน้อย หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ครู่ใหญ่ต่อมา นางพลันได้สติ ส่วนเหนียนยวี่ลุกยืนขึ้นแล้วและเหลือบมองสาวใช้ด้านหลัง “เ้าพานางไปจัดการเื่แผล”
“เ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยรับคำสั่ง จิตใจที่ประหม่าของนางพลันโล่งใจขึ้นทันใด
นางคิดว่า ต้องทุ่มแรงมากกว่านี้ในการส่งชิวตี๋ออกไป แต่นึกไม่ถึงเลยว่า...
ครั้นนึกอะไรบางอย่างได้ สาวใช้คนนั้นหันไปมองเหนียนยวี่ “คุณหนูรอง ท่าน...”
“ข้าไปสวนเหมยเองได้” เหนียนยวี่เอ่ยราบเรียบ
“ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งว่า คุณหนูรองรออยู่ที่ศาลากลางสวนก็ได้เ้าค่ะ” สาวใช้ั์ตาเปล่งประกาย หลังจากได้ยินเสียงตอบรับของเหนียนยวี่ จึงลอบสูดหายใจลึก รีบประคองชิวตี๋ให้ลุกขึ้นทันทีอย่างไม่ชักช้ารีรอ ทว่ากลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ยามที่หันไปประคองชิวตี๋ สตรีด้านข้างตัวเองกลับค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก เผยใบหน้าแปลกประหลาดออกมา
ดูเหมือนว่า ยามนี้ชิวตี๋จะเข้าใจเื่ราวบางอย่างขึ้นมาแล้ว
คุณหนูนาง...จงใจหรือ?
คุณหนูช่างเฉลียวฉลาดมาก คุณหนูคงจะสังเกตเห็นว่าการล้มของนางมีบางอย่างแปลกประหลาดเป็แน่ มีใครบางคน้าให้นางออกไป ดังนั้น คุณหนูจึงเล่นไปตามน้ำและให้นางหลบออกไปอย่างนั้นหรือ?!
แต่ตัวนาง...
ตรงทางเลี้ยวบนทางเดิน ชิวตี๋หันหน้ากลับไปมองเหนียนยวี่อย่างไม่รู้ตัว เห็นเพียงคุณหนูของตนเองได้เดินหันหลังออกไปแล้ว แผ่นหลังนั้นยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ...
เหนียนยวี่มาถึงศาลาริมน้ำ และไม่พบใครเลยระหว่างทาง ทว่าทันทีที่นางมาถึงศาลากลางสวน ลมหายใจแปลกประหลาด ทำให้เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว
นางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูมาในห้องหับ กลิ่นเหงื่อของบุรุษผสมกับกลิ่นเนื้อตัวโชยมาแตะปลายจมูก เหนียนยวี่เลิกคิ้ว มีบางอย่างแวบผ่านดวงตา ไม่นานฝีเท้านางก็ชะงักไป
สายลมหนาวเย็นพัดพาเส้นผมของเหนียนยวี่ปลิวไสว ใต้ศาลาริมน้ำมีไอหมอกบางๆ ลอยอยู่บนผิวน้ำ ครั้นเห็นแล้ว จินตนาการได้ทันทีว่า น้ำในฤดูเหมันต์นี้คงจะหนาวเหน็บลึกถึงกระดูก
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของคนผู้หนึ่งพลันดังขึ้นมา แม้จะจงใจแอบซ่อน ทว่าด้วยความว่องไวที่ฝึกฝนมาในชาติก่อน ทำให้ั้แ่ในวินาทีแรกที่เสียงนั้นดังขึ้นมา เหนียนยวี่ก็รู้อยู่ในใจแล้ว
เป็อย่างที่คิด! ให้นางอยู่ที่ศาลากลางสวน เพื่อคนขายเนื้อแซ่จูหรือ?
มุมปากของเหนียนยวี่ยกแย้มเล็กน้อย นางยืนนิ่งดุจูเาอยู่ที่เดิม
ด้านหลัง ชายคนนั้นอ้วน เตี้ย พุงป่องมีแต่ไขมัน รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อย่างสุดจะพรรณนา
เมื่อเห็นหญิงสาววัยสะพรั่งยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของชายคนนั้น จึงมิอาจซ่อนเร้นตัณหาของตนเองได้
นี่คือคุณหนูรองสกุลเหนียนหรือ?
รูปร่างของนางมีส่วนเว้าโค้ง โดยเฉพาะตรงเอวนั่น...บอบบางงดงาม และด้านล่างเอวนั่นอีก...เพียงพริบตา คลื่นความร้อนรุมเร้าเข้ามาในจิตใจของเขา มันช่างดูเย้ายวนมากเสียจน ทำให้ผู้คนอยากััมันอย่างอดไม่ได้
เมื่อคิดถึงเื่นี้ ชายผู้มีความคิดลามก จึงยื่นมือออกไปยังส่วนโค้งนูนใต้เอวของหญิงสาว...
แต่ก่อนที่เขาจะได้แตะต้องหญิงสาว ใน่เวลาอันรวดเร็วดุจฟ้าแลบ ‘เพี๊ยะ’ หญิงสาวหันกลับมาตบหน้าของชายคนนั้น จนเสียงดังก้องไปทั่ว
ความเ็ปที่แล่นเข้ามา ทำให้ชายคนนั้นตกตะลึง หญิงสาวยกเท้าขึ้นเตะหน้าอกของเขา แรงที่เตะออกมา ทำให้ชายคนนั้นสะดุดล้มนั่งลงกับพื้น
“โอ๊ย...” ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเ็ป แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบโต้ พลันมีกริชเล่มหนึ่งกดลงมาที่หน้าอกของเขา และคนที่ถือกริชเล่มนั้น...
“คนขายเนื้อแซ่จูที่ตลาดสดเฉิงตงหรือ?” เหนียนยวี่นั่งลง ค่อยๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง ทว่ารังสีที่แผ่ซ่านออกมาตัวนาง กลับทำให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
“ข้า...ข้า...เป็ข้า” คนขายเนื้อแซ่จู ราวกับหลงลืมความเ็ปไปแล้ว รีบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว “เ้า...เ้าเป็ใคร?”
“ข้าเป็ใครงั้นหรือ?” เหนียนยวี่เลิกคิ้ว “ข้าเป็ใคร เ้าไม่รู้หรือ? พวกนางบอกกับเ้าเช่นไรเล่า? ให้แต่งงานกับข้าหรือ? แต่งข้าแล้วก็ทำให้ข้าทุกข์ทรมานหรือ ไหนเ้าลองบอกข้าสิ ครั้นแต่งข้าแล้ว พวกนางจะสั่งให้เ้าทรมานข้าอย่างไร?”