พอคิดได้อย่างนั้น ในใจของพวกเขาก็เริ่มสบายใจขึ้น ความเครียดที่ต้องจ่ายค่าเข้าเมืองแพงหูฉี่ก็หายวับไปทันตา
ดูๆ ไปแล้วิอวี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
เห็นพวกเขาสามคนส่งสายตาข่มขู่มา ิอวี่ก็อึ้งไป
เขากวาดสายตาไปที่พวกลู่เจี้ยน จากนั้นก็ยิ้มแสยะแล้วหันมามองลู่เจี้ยนแล้วพูดว่า “หมายความว่า ข้าต้องจ่ายยาจูหยวนตันทั้งหมดสองพันเม็ดแทนท่านไปก่อนหรือ?”
ยาจูหยวนตันสองพันเม็ดสำหรับคนอื่นแล้ว มันเป็ทรัพย์สินก้อนใหญ่มาก แต่พูดตามตรงสำหรับิอวี่แล้วมันเป็เหมือนเศษเงินเล็กๆ
เดิมทีเขาได้ก็รางวัลจากภารกิจสนามรบร้างโบราณมาเป็ยาจูหยวนตันหนึ่งแสนเม็ดมาแล้ว ทั้งก่อนหน้านี้ที่ิเฉินเหยียนให้เขามาหนึ่งร้อยล้านเหรียญหยกดำเขาก็ยังใช้ไม่หมด แล้วิอวี่ยังได้ทรัพย์สินเงินทอง ยาสมุนไพรต่างๆ มากมายมาจากการฆ่าศิษย์ของสายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนสิบกว่าคนตอนที่อยู่ในสนามรบร้างโบราณมาอีก รวมแล้วเขาก็มียาจูหยวนตันอยู่ประมาณเกือบสามหมื่นเม็ด
ยาจูหยวนตันแค่สองพันเม็ดในสายตาของเขาแล้วไม่มากเท่าไรเลย
หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขานั้นรับไม่ไหว ยังไม่สามารถทะลวงระดับได้ ิอวี่คงใช้ทรัพย์สินมหาศาลจำนวนนี้ไปซื้อยาวิเศษมาบำรุงฝึกอย่างบ้าคลั่งไปแล้ว จากนั้นก็รอทะลวงระดับอย่างเดียว
พูดกันตามตรงเลย คิดอยากจะทำทุกอย่างนี้ให้สำเร็จ ยังต้องรอได้หัวใจเทวะิญญาที่ได้มาจากการภาวนาของชาวเผ่าิญญาถึงจะทำตามใจแบบนั้นได้ ...
“ถูกต้องแล้ว เ้าสำรองให้พวกเราก่อน กลับไปแล้วถ้ามีเวลาเราจะคืนให้เ้าเอง”
ลู่เจี้ยนเห็นิอวี่ชักสีหน้าใส่เขาก็เริ่มไม่พอใจ เขาพูดซ้ำอีกครั้ง แล้วเน้นย้ำไปที่ “สำรองออก” แต่ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก เขากำลังบอกว่าเราไม่ได้จะหลอกเอาเงินเ้า แต่ตอนนี้เราแค่ไม่มีเงินเท่านั้นเอง
แต่ิอวี่จะไม่รู้แผนของลู่เจี้ยนได้อย่างไรล่ะ?
ลู่เจี้ยนเ้าเล่ห์จะตายไป ถึงแม้เขาจะบอกว่าสำรองออกไปก่อน แล้วยังบอกอีกว่าจะคืน แต่เขากลับบอกว่า “ถ้ามีเวลาจะคืน” อะไรคือถ้ามีเวลา? ความหมายของเขาก็คือ ถ้าข้าไม่มีเวลา อย่างนั้นข้าก็จะไม่คืน
เหอะๆ
ิอวี่นับถือลู่เจี้ยนจริงๆ ไม่ใช้สมองไปเรียนรู้เื่การฝึกวิชา แต่กลับเอามาใช้ในเื่เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ เสียแรงที่เป็ยอดฝีมือขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ พูดออกมาได้หน้าด้านๆ
“ยาจูหยวนตันสองพันเม็ด อยู่นี่”
ิอวี่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม แล้วก็หยิบยาจูหยวนตันจำนวนมหาศาลออกมาจากเกราะแขนเฮยจิน แล้วโอนถ่ายเข้าไปในกำไลข้อมือเก็บของของชายเฝ้าประตู
เขานำยาจูหยวนตันจ่ายไปด้วยพร้อมกับพูดว่า “ข้ารู้ว่าปกติแล้วพวกศิษย์พี่ยุ่งกันมาก กลับไปข้าเองก็แทบจะไม่ได้เจอหน้าพวกท่านเลย เงินนี่พวกท่านไม่ต้องเอามาคืนข้าหรอก ค่าเข้าเมืองนี่ ศิษย์น้องจ่ายให้เอง”
เมื่อจ่ายยาจูหยวนตันเรียบร้อยแล้ว ิอวี่ก็เอามือของลู่เจี้ยนที่อยู่บนหัวไหล่ของเขาออก จากนั้นก็จูงเ้าวิหคัปีกมืดเข้าเมืองไป
“เอาล่ะ พวกเ้าเข้าเมืองไปได้แล้ว”
ชายเฝ้าประตูกวักมือให้กับฉินฟ่าน ลู่เจี้ยน แล้วก็หวังฮาน เพื่อให้พวกเขาเดินเข้าไปเร็วหน่อย เขาจะได้เก็บค่าเข้าเมืองกับคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังต่อ
พวกของลู่เจี้ยนจูงอสูรสัตว์ปีกที่พวกเขาภาคภูมิใจแล้วมองแผ่นหลังิอวี่เดินเข้าเมือง ในเวลานี้พวกเขารู้สึกอายมาก
เดิมพวกเขาอารมณ์ดีกันมาก คิดอยากจะให้ิอวี่จ่ายค่าเข้าเมืองให้ แต่สุดท้ายกลับถูกิอวี่ตอกกลับมาจนอารมณ์ไม่ดีไป
จ่ายยาจูหยวนตันออกไปเด็ดขาดแบบนั้นเลย?
อะไร อวดรวยหรือ?
ทุกคนล้วนแต่ฟังออกว่าิอวี่นั้นประชด เขาเป็ศิษย์น้องแต่กลับจ่ายค่าเข้าเมืองให้ทั้งหมด หากเื่นี้แพร่ออกไป พวกเขาในฐานะศิษย์พี่จะไม่ขายหน้าได้อย่างไร
หากให้ิอวี่จ่ายค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก มันจะดูเหมือนพวกเขาใจกว้างไม่พอ
“เงินแค่เล็กน้อยของข้า ยังคิดจะมาอวดรวยต่อหน้าข้าอีก? ข้าเอาเงินออกมาทั้งหมดทับหัวเ้าตายได้เลย”
ลู่เจี้ยนคิดแบบนี้ในใจ เขาจูงกาเหว่าสีรุ้งของตนเดินเข้าเมืองพร้อมกับหวังฮานและฉินฟ่าน และเดินแซงหน้าิอวี่โดยทิ้งเขาเอาไว้ด้านหลัง
เหมือนอยากจะทำให้บรรยากาศขัดเขินจางลง ฉินฟ่านเลยพูดเข้าประเด็นสำคัญ เสียงของเขาเข้มมาก “จากรายงานที่เราได้รับมา สาวเผ่าิญญานั่นน่าจะถูกนำมาประมูลขายที่หอการค้าแดนสุขาวดีของเมืองสุขาวดีในอีกสามวันข้างหน้า ทางหอการค้าแดนสุขาวดีมีกฎในการประมูลทาสที่เข้มงวดมาก หากเราเข้าไปในตอนนี้ไม่มีทางช่วยนางออกมาได้แน่”
“ใช่”
หวังฮานเองก็พูดต่อจากลู่เจี้ยน “เราจะช่วยคน คงต้องรอให้ถึงเวลาประมูลแล้วบุกจากด้านข้าง ถึงจะสามารถชิงตัวสาวเผ่าิญญาแล้วหนีได้”
“อือ” ลู่เจี้ยนพยักหน้า “ส่วนรายละเอียดอื่น เราหาที่พักแล้วค่อยหารือกันอีกที ตอนนี้อยู่ข้างหน้าไม่สะดวกพูดอะไรมากนัก เรารีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ สำรวจว่าเมืองสุขาวดีที่ว่านี่มันเป็เมืองอย่างไรก่อนดีกว่า”
หวังฮานตื่นเต้นมาก นางเกาะแขนของลู่เจี้ยนเอาไว้แล้วพูดว่า “อืออือ ได้ยินมาว่าที่เมืองสุขาวดีนี่มีผ้าไหมสวยๆ เยอะแยะเลย ลู่เจี้ยน เ้าไปเดินดูเป็เพื่อนข้าหน่อยสิ”
การที่หวังฮานรับภารกิจในครั้งนี้ สาเหตุใหญ่ๆ เลยเพราะรู้ว่ามันคือเมืองสุขาวดี
ถึงแม้ในเมืองจะมีคนกระทำผิดมากมาย แต่สำหรับหวังฮานที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ นางไม่ได้กลัวเลย เมืองสุขาวดีนั้นยังมีเื่อื่นๆ ที่นางสนใจ
เมืองสุขาวดีนั้นไม่ได้เป็แค่สถานที่กินดื่มเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็เมืองที่มีการค้าที่รุ่งเรืองอย่างมาก มีเสื้อผ้า เครื่องประดับดีๆ เยอะแยะมากมายวางขายอีกด้วย
หวังฮานหวังว่าจะสามารถซื้ออะไรดีๆ จากเมืองสุขาวดีกลับไปได้ พอคิดถึงการซื้อของอย่างเมามัน นางก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจถึงที่สุด
“อือ ... ”
ลู่เจี้ยนรับปากอย่างปวดใจนิดหน่อย ก่อนหน้านี้เขารับปากหวังฮานว่าจะซื้อของให้นางอย่างรวดเร็ว แต่พอนึกถึงค่าเข้าเมืองที่แพงหูฉี่เมื่อครู่ เขาก็รู้สึกว่าคงเก็บเงินไม่อยู่แล้วแน่นอน ...
ฉินฟ่านที่อยู่ข้างๆ ลูบเคราเหมือนคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็พูดว่า “เอาอย่างนี้ เราเดินไปกลางเมืองแล้วเดินเล่นไปด้วยเลย แล้วหาที่พักใกล้ๆ กับหอการค้าแดนสุขาวดี จะได้สำรวจความเคลื่อนไหวของที่นั่นได้สะดวก เตรียมพร้อมสำหรับการลงมือ”
“ไม่มีปัญหา”
ทั้งสองคนไม่ได้ปฏิเสธ เพราะภารกิจในครั้งนี้ฉินฟ่านคือกำลังหลัก พวกเขาเห็นฉินฟ่านเป็ผู้นำ และยอมรับในตัวเขามาก
ทุกคนตกลงกันตามนี้ แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในเมืองสุขาวดี
ิอวี่เองก็ได้ยินสิ่งที่พวกเขาสามคนพูดกัน หลังจากนั้นในใจก็มีการประเมินเบื้องต้นขึ้นมา เขาคิดจะผ่อนคลาย สำรวจดูว่าเมืองสุขาวดีที่ว่ามันเป็สถานที่แบบไหนก่อน
หลังจากที่เดินลึกเข้าไปในเมือง ทั้งสองข้างทางก็เริ่มมีผู้คนมากขึ้น มีร้านค้ามากมายละลานตา ผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างขวักไขว่
ิอวี่พบว่า คนพวกนี้สวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายหรูหรา ถึงแม้จะเป็แค่นักท่องเที่ยว แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะเป็ขุนนางชนชั้นสูงของราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งก็เป็ได้
เพราะเมืองสุขาวดีนั้นมีผู้คนผสมปนเปมากมาย อาจเกิดการปล้นชิงทรัพย์ได้ทุกเมื่อ หลายคนจึงมีองครักษ์ติดตามมาด้วยตลอด คนที่มาคนเดียวส่วนมากก็จะมีขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง
พูดได้เลยว่า คนที่เข้ามาที่นี่แต่ละคนล้วนแต่มีวิธีการรักษาชีวิตที่มากพอตัว
อีกทั้งกลางวันแสกๆ เมืองสุขาวดีเองก็ไม่อนุญาตให้มีการตีรันฟันแทงอะไร
นักโทษกับโจรพวกนี้ถ้าไม่มีใครไปหาเื่ พวกเขาก็ไม่อยากไปมีเื่ผูกความแค้นกับคนในยุทธภพเท่าไร การหาเงินคือสิ่งที่สำคัญมากกว่า แต่ละคนอยากจะลองล้างตัวเองให้สะอาด ทำการค้าอย่างถูกต้อง ให้เปลือกนอกดูเหมือนคนมีวัฒนธรรม
ดังนั้น นักโทษกับโจรที่เปิดร้านทำการค้าในเมืองสุขาวดีนั้นมีเกินสามส่วน มีประมาณห้าหกส่วนที่เป็ร้านค้าจากภายนอกที่เข้ามาเก็งกำไร
ดังนั้น ในเมืองสุขาวดี เปลือกนอกทุกคนดูเป็มิตร แต่ความชั่วร้ายทั้งหมดล้วนแต่ซ่อนเอาไว้ภายใต้ความเจริญรุ่งเรืองเหล่านี้
แต่ละคนสามารถหลงมัวเมาไปกับความสวยงามจากภายนอก จนถลำลึกจนยากที่จะถอนตัว
ถนนแต่ละเส้นที่ิอวี่เดินผ่าน เขาพบว่ามันมีตลาดมืดกับร้านค้าที่ขายสินค้าหรูอยู่จำนวนมาก
ตลาดมืดนั้นมีทุกอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ของหรูพวกนั้นก็มีระดับเกินจะบรรยาย ถ้าไม่ใช่ของที่มีส่วนผสมที่หายากล้ำค่า ก็เป็พวกของที่ทำมาจากขนและหนังอสูรระดับสูง ยังมีสินค้าที่ทำมาจากเืกระดูกของยอดฝีมือที่ตายไป ซึ่งขายในราคาที่สูงเสียดฟ้าเลย
และในเมืองสุขาวดีมีร้านอยู่สามประเภทที่ทำกำไรได้มากที่สุด
นั่นก็คือร้านเหล้า บ่อนพนัน แล้วก็บ่อนต่อสู้
ร้านเหล้านั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก สถานที่เริงรมย์กินดื่ม ไม่ใช่แค่อาหารที่เลิศรส แต่มีหญิงสาวที่แต่ละคนล้วนแต่งดงามมาให้เชยชม
เพราะการแข่งขันที่สูง บริการของแต่ละร้านจึงแตกต่างกันออกไป แต่รับประกันเลยว่าหลังจากที่เข้าไปแล้วครั้งหนึ่งก็จะหลงโงหัวไม่ขึ้นอีก จะได้ัักับทุกสิ่งทุกอย่างที่หาไม่ได้จากโลกภายนอกเลย
ซึ่งแน่นอนว่า ราคาค่าบริการนั้นก็สูงจนคาดเดาไม่ได้ บางคนคืนเดียวเสียทรัพย์สินหมดบ้าน สุดท้ายพอไม่มีเงินจ่ายก็จะถูกเ้าหนี้หักแขนหักขา หรืออาจจะต้องจ่ายด้วยชีวิต ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีหลายคนที่มัวเมาไปกับสิ่งเหล่านี้จนยากที่จะถอนตัว
ส่วนบ่อนพนัน ของที่ให้เล่นนั้นก็เยอะแยะมากมาย เช่น ลูกเต๋า ไพ่ หรือการเล่นเฉพาะของแต่ละสถานที่
บ่อนต่อสู้ พูดง่ายๆ คือการต่อสู้ตัวต่อตัว ที่นั่นเป็สถานที่ดุเดือดและตื่นเต้นที่สุด ในแต่ละวันแต่ละนาที จะมีคนยืนรับชัยชนะอยู่บนลานประลอง และก็มีคนเือาบอยู่ที่พื้นไม่รู้สึกตัวจำนวนมาก
ความปรารถนา เกียรติยศ ความโลภ ความโเี้ ...
ทั้งหมดทุกอย่างมันอยู่ในทั่วทุกที่ในเมืองแห่งนี้ คนที่นี่เรียกมันว่า สุขสุขาวดี
หลังจากที่เดินๆ หยุดๆ มาตลอดทาง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง พระอาทิตย์ตกดินหมดทั้งดวงแล้ว ในความมืด ดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้า ในเมืองสุขาวดีกลับมีแสงไฟทั่วไปหมด ดูอ่อนโยนและหอมหวานมากทีเดียว
ด้านหน้าของิอวี่นั้น หวังฮานซื้อของไปไม่น้อย ของที่แพงที่สุดของนางคือชุดกระโปรงลายดอกบัวขอบทอง ลู่เจี้ยนใช้ยาจูหยวนตันหนึ่งพันห้าร้อยเม็ดซื้อมันมา รวมกับเครื่องประดับอื่นๆ อีก รวมแล้วก็ประมาณยาจูหยวนตันสองพันห้าร้อยเม็ด นั่นมันเงินยี่สิบห้าล้านเหรียญหยกดำเลยนะ! มันเป็เงินสะสมหนึ่งในสามส่วนที่เขาทำภารกิจหามาได้อย่างยากลำบาก!
มองออกเลยว่า สีหน้าของลู่เจี้ยนนั้นแย่มาก เขารู้สึกไม่ดีสุดๆ ...
“ข้าควรจะซื้ออะไรกลับไปด้วยดีไหมนะ?”
ในใจของิอวี่เหมือนจะมีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา ถึงแม้ยังไม่ได้ถึงขนาดจะใช้เงินแบบสุรุ่ยสุร่าย แต่ถ้าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มอรรถรสมันก็พอได้อยู่
เขารู้สึกว่าเขาควรจะให้ของเป็การขอบคุณกับซ่งหยวนหยวน แล้วเิหยูเยียนก็ให้ของขวัญเขามาด้วย ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็ควรขอบคุณ
เครื่องประดับที่นี่ทั้งสวยแล้วก็มีของดีเยอะ ิอวี่เชื่อว่าพวกนางจะต้องชอบแน่
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็ผูกเ้าวิหคัปีกมืดเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในร้านขนาดใหญ่มากร้านหนึ่ง แล้วมองไปรอบๆ ลองเลือกเครื่องประดับที่เขารู้สึกว่าเหมาะสม
แต่เลือกอยู่นาน ิอวี่กลับไม่เจอสิ่งที่ถูกใจ เพราะของมันมีมากเกินไป เขาจึงไม่รู้เลยว่าจะเลือกอย่างไร
จริงสิ!
ถามเฮยจีก็ได้นี่นา? ผู้หญิงด้วยกันน่าจะรู้ นางจะต้องเลือกของได้ดีแน่
“เฮยจี อยู่ไหม?”
ิอวี่ลองถามหยั่งเชิงดู เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้เฮยจีจะแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินอีกหรือเปล่า
แต่ว่าครั้งนี้เฮยจีไม่ได้เงียบ เสียงใสๆ ของนางดังขึ้นมาเหมือนคาดหวังนิดหน่อย “ ... อือ อยู่ มีอะไรหรือ?”
“เ้าอยู่หรือ ดีจังเลย”
ิอวี่ยิ้ม ่ที่ผ่านมาเฮยจีเงียบไม่สนใจเขาเลย เห็นนางตอบกลับมาิอวี่ก็เลยรู้สึกดีใจมาก
