หลังจากรอให้ชายชุดดำสองคนจากไปแล้ว แววตาของมู่อวิ๋นจิ่นกลับแน่นิ่งหยุดชะงัก
เมื่อครู่ระหว่างที่สองคนนั้นสนทนากัน ได้เอ่ยถึงองค์ชายและตำแหน่งองค์รัชทายาท นั่นหมายความว่าต้องมีองค์ชายสักคนที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องกำจัดฉู่ลี่ให้พ้นทาง
อีกอย่างองค์ชายผู้นั้นย่อมรู้ชัดว่าฉู่ลี่กำลังตามเสาะหาสิ่งใดอยู่
ทว่าเป็ใครกันแน่?
“นายหญิง ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” ฉีฉี่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจเสียเท่าไหร่ ได้แต่รอการตัดสินใจของมู่อวิ๋นจิ่น
“กลับกันก่อนเถอะ” มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวไปยังเรือนที่พักอยู่
เมื่อกลับมาถึงเรือนแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอยู่ภายในจวน ฉีฉี่ที่ประสาทหูไวก็รีบหลบกลับเข้าไปในข้อมือมู่อวิ๋นจิ่นทันที
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นว่าฉีฉี่หายตัวไปแล้ว จึงรีบสาวเท้ากลับห้อง เงี่ยหูฟัง และสังเกตดูความเคลื่อนไหวด้านนอก
เห็นเพียงฉู่ลี่ถือหยกประจำตัวด้วยสีหน้าบึ้งตึง จึงรีบเดินกลับเข้าห้องของตัวเองทันที ส่วนติงเสี่ยนก็แยกย้ายไปอีกทาง
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงเื่ที่ได้ยินจากชายชุดดำสองคนนั้น
…
ตลอดทั้งคืน มู่อวิ๋นจิ่นจับตามองไปที่ห้องของฉู่ลี่ตลอด ด้วยกลัวฉู่ลี่และติงเสี่ยนจะแอบหนีออกไปที่อาณาจักรตงหลินยามวิกาล
พอเช้าวันใหม่มาถึง มู่อวิ๋นจิ่นที่อาบน้ำและเกล้าผมเสร็จเรียบร้อย ก็เปิดประตูออกมานั่งรอฉู่ลี่อยู่ที่สวนกลางลาน
ติงเสี่ยนออกมาจากห้องด้านข้างฉู่ลี่ เขาเห็นมู่อวิ๋นจิ่นนั่งอยู่กลางลานจึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “พระชายา วันนี้ตื่นแต่เช้าเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้ว นอนไม่หลับน่ะ” มู่อวิ๋นจิ่นตอบยิ้ม ๆ
ติงเสี่ยนพยักหน้ารับ จากนั้นหมายเดินไปที่ห้องครัว ทว่าถูกมู่อวิ๋นจิ่นเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
“พระชายามีเื่ใดรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ติงเสี่ยนเอ่ยถามขึ้น
“วันนี้พวกเ้าวางแผนไปไหนกันหรือเปล่า?” มู่อวิ๋นจิ่นถามกระซิบกระซาบ
ติงเสี่ยนชะงัก ยกมือขึ้นเกาหัวไปมา “่สองสามวันนี้ กระหม่อมต้องติดตามองค์ชายไปทำธุระที่เมืองอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
ไปที่เมืองอื่น…
มู่อวิ๋นจิ่นขบฟันแน่นและกำลังจะถามขึ้น ทว่าห้องที่อยู่ด้านหลังกลับถูกเปิดออก ฉู่ลี่ที่สวมชุดสีม่วงก้าวย่างออกจากประตู
“องค์ชาย อรุณสวัสดิ์พ่ะย่ะค่ะ” ติงเสี่ยนทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ ก่อนมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความแปลกใจที่นางตื่นมาั้แ่เช้าตรู่ “ดีเลย ข้ามีเื่อยากจะถามเ้าพอดี”
“เื่อะไรหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“หลายวันมานี้ข้าจะต้องไปทำธุระที่เมืองอื่น ไม่สะดวกให้เ้าติดตามไปด้วย ประเดี๋ยวจะให้ติงเสี่ยนกลับไปส่งที่จวน” ฉู่ลี่พูดจบลง โดยไม่เหลือพื้นที่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธ
มู่อวิ๋นจิ่นกำชายเสื้อซ้ายขวา คำพูดที่นางได้ยินชายชุดดำสองคนนั้นสนทนากัน ยังคอยเวียนวนอยู่ในโสตประสาท แต่ว่านางไม่รู้จะอธิบายให้ฉู่ลี่ฟังอย่างไร!
หากเขาเดินทางมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรตงหลิน แม้เตรียมตัวไปล่วงหน้า ก็อาจเกรงว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคน้อยใหญ่มากมายที่รออยู่เบื้องหน้า
การอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ของมู่อวิ๋นจิ่น ทำให้ไม่สามารถอธิบายให้ฉู่ลี่เข้าใจได้ทั้งหมด หรือหากบอกออกไปอาจนำมาซึ่งความสงสัยจากฉู่ลี่เป็ได้
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกปวดขมับทั้งสองข้างอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าอย่างไร?” ฉู่ลี่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นยืนใจลอยอยู่นานสองนานจึงเอ่ยถามซ้ำอีกรอบ
“อ๋อ พอดีข้านึกเื่หนึ่งขึ้นมาได้” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปากออกมา
ฉู่ลี่จ้องมองสายตาที่แวววาวเป็ประกายของมู่อวิ๋นจิ่น
“เมื่อวานนี้ระหว่างที่ข้าเดินเล่นอยู่นั้น พบกับผู้ทำนายโชคชะตาคนหนึ่ง ทำนายว่า่นี้ใบหน้าข้าหมองคล้ำอาจเกิดเื่ร้ายขึ้น ทั้งยังสามารถส่งผลเสียต่อคนรอบข้างด้วย”
“เพราะฉะนั้น เ้าอยู่ที่นี่เสียสองสามวันก่อน ค่อยไปจัดการธุระเื่อื่นแล้วกัน”
มู่อวิ๋นจิ่นพูดจบก็แอบต่อว่าตัวเองในใจ ด้วยคิดว่าเพื่อห้ามปรามฉู่ลี่ไม่ให้ไปอาณาจักรตงหลิน นางถึงกลับต้องแช่งตัวเองให้พบเจอเคราะห์กรรม
ฉู่ลี่หลุดหัวเราะออกมา พร้อมกับส่งสายตาที่อ่อนโยนไปให้นาง “เ้ากลัวข้ามีอันตรายอย่างนั้นหรือ?”
มู่อวิ๋นจิ่นอ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองค้อนแก้เขิน “จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เื่ของเ้า แต่อยู่นี่สักสองสามวันก่อนแล้วกัน”
ฉู่ลี่เห็นแววตาที่ออดอ้อนของนางอย่างมีหวัง จึงพยักหน้ารับ “ก็ได้ เอาตามที่เ้าว่ามาแล้วกัน”
ทางด้านติงเสี่ยนถึงกับอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อ หลายปีมานี้นี่เป็ครั้งแรกที่องค์ชายยอมรับปากสตรีที่ขอร้องอย่างไร้เหตุผล และเลื่อนการเดินทางออกไปตามหาของชิ้นนั้น
เมื่อกล่าวจบ มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินกลับไปที่ห้องของตน โดยที่ฉู่ลี่ยังคงยืนแน่นิ่งด้วยสายตาที่เรียบเฉย
“องค์ชาย วันนี้พระชายาแปลก ๆ ไปพ่ะย่ะค่ะ” ติงเสี่ยนเข้าไปกระซิบด้านข้าง
“เ้าก็ดูออกเหมือนกันหรือ” ฉู่ลี่เลิกคิ้ว
ติงเสี่ยนพยักหน้า “แต่ไหนแต่ไรมาเมืองธารรัตติกรไม่อนุญาตให้มีผู้ทำนายโชคชะตา ย่อมไม่มีทางที่นางไปเจอในตลาดได้ ที่สำคัญเมื่อองค์ชายรับปากจะอยู่ที่นี่ พระชายาดูโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับกลัวองค์ชายไปที่นั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ หรือว่าพระชายาจะรู้เื่อะไรบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉู่ลี่ขมุบขมิบเสียงเเผ่วเบา “เื่นี้ไม่ได้มีผลเสียต่อข้า ไม่จำเป็ต้องนำมาคิดอีกแล้ว”
“เช่นนั้น…” ติงเสี่ยนหยุดพูดลงในทันที
ด้วยเห็นฉู่ลี่หรี่ตาจ้องมองมา เขาจึงต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก
…
มู่อวิ๋นจิ่นกลับไปที่ห้องแล้ว โดยมีฉีฉี่กำลังยืนผิงผนังรออยู่ด้านใน
พอเห็นฉีฉี่อยู่ด้านใน มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความใ “แม้เ้าจะเป็จิติญญาแมว แต่ไม่ควรเข้ามาอยู่อย่างเงียบเชียบแบบนี้นี่หน่า”
ฉีฉี่ยกมือขึ้นกลั้นหัวเราะ “นายหญิง ฉีฉี่พบเื่สำคัญถึงได้มาหาเ้าค่ะ”
“หือ” มู่อวิ๋นจิ่นแววตาลุกวาวด้วยความสงสัย
“เมื่อคืนที่ผ่านมา ฉีฉี่ไล่ตามชายชุดดำสองคนนั้นไป จนกระทั่งพบว่าสองคนนั้นพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยวี่ยทิงในเมืองธารรัตติกรเ้าค่ะ” ฉีฉี่เล่า
มู่อวิ๋นจิ่นถามกลับอย่างสงสัย “เ้าหมายความว่าพวกนั้น ยังอยู่ในเมืองธารรัตติกรใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้ว เดิมทีฉีฉี่คิดว่าสองคนนั้นจะรีบกลับไปรายงานเ้านาย แต่นึกไม่ถึงว่าพวกนั้นเข้าไปพักที่โรงเตี๊ยมเยวี่ยทิง ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เื้ัจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่เ้าค่ะ?”
“ไม่น่าใช่ คนอยู่เื้ัไม่กล้าปรากฏตัวออกมาอย่างง่ายดายหรอก” มู่อวิ๋นจิ่นตอบเสียงเรียบ ในขณะที่ภายในหัวกลับคิดเื่ของฉู่ชิงเฉียงร่วมมือกับหอนางโลม
บรรดาองค์หญิงองค์ชายในราชสำนัก ล้วนมีความลับมากมายเหลือเกิน
พอนึกไปนึกมาถึงเื่หอบุหลัน มู่อวิ๋นจิ่นกวาดสายตามองมาที่ฉีฉี่พร้อมกับตัดสินใจว่า “ฉีฉี่ ในเมื่อเ้าถนัดเื่การติดตาม เช่นนั้นเ้าสามารถตามสืบได้หรือไม่ว่าหอนางโลมที่ชื่อหอบุหลันนั้นตั้งอยู่ที่ใด?”
“หอบุหลัน? ขอเวลาประมวลความคิดสักครู่เ้าค่ะ” ฉีฉี่พยายามนึก “นายหญิง ตอนนี้พวกเรากำลังจะทำอะไรกัน จะกำจัดชายชุดดำสองคนนั้นหรือไม่?”
“ในเวลานี้อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ฉู่ลี่มิใช่คนเลอะเลือน ไม่แน่ว่าเขาอาจวางแผนอยู่ในใจแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มมุมปาก
“ได้เ้าค่ะ อย่างนั้นฉีฉี่ขอตัวก่อน หากอยู่นานไปกว่านี้ เกรงว่าองค์ชายหกอาจััได้ถึงการมีอยู่ของฉีฉี่”
หลังสิ้นเสียง แสงสีชมพูแวบขึ้นมา ร่างของฉีฉี่ก็หายวับไปในพริบตา
พอฉีฉี่จากไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นกลับไม่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอีก จึงเปิดประตูออกไปสูดอากาศด้านนอก
ภายในลานตรงกลางขณะนี้มีเพียงติงเสี่ยนอยู่ผู้เดียว
“องค์ชายของเ้าล่ะ?” มู่อวิ๋นจิ่นมองซ้ายมองขวาก่อนถามขึ้น
“องค์ชายไปที่สวนด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ” ติงเสี่ยนชี้ไปทางด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับทราบ “ข้าจะไปเดินเล่นที่ตลาดเสียหน่อย ไปสักประเดี๋ยวก็กลับมา”
นางบอกกล่าวจบก็พรวดเดินออกประตูใหญ่ไปได้ไม่ทันกี่ก้าว พลันนึกถึงเื่บางอย่างขึ้นได้ จึงหยุดนิ่งหันกลับมากำชับติงเสี่ยนว่า “จำเอาไว้ อย่าใช้โอกาสที่ข้าไม่อยู่แอบไปไหนกันล่ะ!”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ติงเสี่ยนยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงงงวย
…
มู่อวิ๋นจิ่นเดินออกจากซอยไป โดยมีหมวกตาข่ายอำพรางใบหน้า เพราะเมื่อวานนี้นางได้สร้างเื่เอาไว้ นางจึงไม่อยากให้ใครจำนางได้
ตลอดเส้นทางที่เดินเล่น มู่อวิ๋นจิ่นบังเอิญเดินผ่านหน้าโรงเตี๊ยมเยวี่ยทิงโดยไม่รู้ตัว นางจึงหยุดยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“แม่นางมาทานอาหารหรือ้าที่พัก?” เสี่ยวเอ้อร์ออกมาต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น
“ทานอาหาร” มู่อวิ๋นจิ่นตอบโดยกวาดสายตาไปรอบร้าน
เสี่ยวเอ้อร์รีบกุลีกุจอหยิบรายการอาหารไปแนะนำมู่อวิ๋นจิ่นอย่างตั้งใจ
มู่อวิ๋นจิ่นเลือกอาหารไปสองสามอย่าง เสี่ยวเอ้อร์จึงไปสั่งที่หลังร้าน
มู่อวิ๋นจิ่นถอดหมวกตาข่ายออกยกน้ำชาขึ้นจิบ จากนั้นใช้สายตามองสำรวจไปทั่วโรงเตี๊ยม
จากนั้นไม่นาน อาหารที่สั่งถูกยกมาวางไว้ที่โต๊ะอย่างครบถ้วน
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งทานอาหารอย่างละเมียดละไมไปกว่าครึ่งชั่วยาม ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ
แต่ในระหว่างที่เก็บเงิน กลับมีเสียงเรียกดังขึ้นจากโต๊ะด้านหลัง “เสี่ยวเอ้อร์ เอาสุราและอาหารชั้นดีมาจำนวนหนึ่ง”
“ได้ขอรับ นายท่านทั้งสอง”
น้ำเสียงนั้นช่างคุ้นเคยเหมือนได้ยินได้ฟังมาก่อน ในที่สุดความตั้งใจที่จะมาเสาะหาเบาะแสชายชุดดำทั้งสองของนางของจะประสบความสำเร็จแล้ว นางจึงนั่งลงต่อด้วยรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ไม่เสียเวลา
ชายสองคนนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะของมู่อวิ๋นจิ่นพอดิบพอดี ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเปิดประเด็นขึ้นว่า “วันนี้หลังจากฉู่ลี่ออกจากเมืองธารรัตติกรไปแล้ว พวกเราก็สามารถกลับเมืองเตี๋ยฮวาได้”
“อืม ใช่แล้ว แผนการที่วางไว้ในครั้งนี้ช่างแยบยล คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายจะสามารถซื้อคนของฉู่ลี่ได้”
“โบราณว่าไว้ เงินทองสามารถเนรมิตได้ทุกสิ่ง องค์ชายของพวกเรามีเงินทองมากเหลือ มีหรือจะหาคนโลภมิได้?”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ พูดได้ดีๆ ๆ ๆ”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินบทสนทนาชัดเจนทุกถ้อยคำ มือที่ถือถ้วยน้ำชาสั่นระริก ทว่าสีหน้ากลับเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มิน่าเล่าเื่ที่ทำให้ฉู่ลี่เชื่อจนต้องเดินทางไปยังอาณาจักรตงหลินด้วยตนเอง ที่แท้ก็มาจากพวกหนอนบ่อนไส้นี่เอง
ในระหว่างที่นางคิดอยู่นั้น เสียงด้านหลังกลับดังขึ้นต่อว่า “เดี๋ยวกลับไปครั้งนี้ ต้องขอตกรางวัลจากองค์ชายเสียหน่อย ไม่แน่ว่าโชคดี องค์ชายอาจให้ตำแหน่งขุนนางก็เป็ได้”
“พวกเราติดตามองค์ชายมาหลายปี ควรถึงเวลาได้มีหน้ามีตาบ้างแล้ว! ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าอิจฉาติงเสี่ยนที่อยู่ในชุดองครักษ์ลับกับข้า แต่กลับเป็คนที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก แต่ไม่เป็ไรหรอก รอให้เื่ใหญ่ที่พวกเราทำสำเร็จลุล่วง องค์ชายก็ต้องไว้วางใจพวกเราเหมือนกัน”
“หวางเหม่า เราสองพี่น้องใกล้จะลืมตาอ้าปากได้แล้ว! รีบกินเข้า กินเสร็จจะได้ไปรวมตัวกับพี่น้องคนอื่นทำแผนการที่วางไว้ให้สำเร็จ”
มู่อวิ๋นจิ่นยังคงรักษาท่าทางการดื่มน้ำชาที่สงบนิ่ง เพียงแต่ว่ายังไม่รู้ว่าองค์ชายที่ชายสองนี้เอ่ยถึงเป็ใครกันแน่
ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็เอ่ยเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาเก็บเงิน แล้วเดินออกจากโรงเตี๊ยมไป
มู่อวิ๋นจิ่นถือโอกาสเรียกเก็บเงินด้วยและรีบตามทั้งสองออกไปเช่นกัน ทว่าเมื่อออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้ว สองคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้