ทังหงเอินยื่นเงื่อนไขนี้ เป็การผลักเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินให้เข้าสู่ใจกลางของปัญหา
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกรู้สาอะไร ในขณะที่ย่าอวี๋กลัวหลิวเฟินจะใจเสาะจึงปรายตามองหลิวเฟินเล็กน้อยเพื่อสื่อว่า คนแซ่จี้ถูกตอกกลับจนไม่กล้าเงยหน้าสู้คนเช่นนี้ แล้วยังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก?
หลิวเฟินยืดตัวตรง
เธอไม่กลัว!
คนทำผิดยังไม่กลัว แล้วเธอที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมเธอต้องกลัวด้วยเล่า
“คุณคิดว่าจะเหยียดหยามลูกสาวคนอื่นได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ อยากไปด่าเธอที่มหาวิทยาลัยก็ทำอย่างนั้นใช่หรือไม่ คุณไม่คิดเลยสินะว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้เธอมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่ไปขอโทษต่อหน้าสาธารณชนที่มหาวิทยาลัย ฉัน... ฉันจะทำแบบเดียวกันกับลูกชายของคุณบ้าง!”
ลูกใครใครก็รัก
ั้แ่เสี่ยวหลานเกิดเป็ลูกสาวเธอ สิบกว่าปีมานี้เสี่ยวหลานเจอเื่อยุติธรรมมามากพอแล้ว
หลิวเฟินไม่อยากให้ลูกสาวต้องอดทนอีกต่อไป
ตัวเธอเองอดทนมานานหลายปี ทว่าคนบ้านเซี่ยก็หาได้ทำดีกับเธอเพราะเธออดทนสักครั้ง ไม่ว่าจะนานเพียงใดคนที่ถูกรังแกมากที่สุดคือเธอมาโดยตลอด หลิวเฟินที่เคยถูกคนเอาเปรียบ การให้เธอเถียงกับคนตระกูลจี้ เธอคงอ้างเหตุผลที่ยิ่งใหญ่อะไรไม่เป็ เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีการศึกษาอะไร
แต่ลูกสาวของเธอไม่ใช่ดอกหญ้าริมทาง ลูกสาวเธอมีคนคอยรักและทะนุถนอม!
แม้หลิวเฟินจะตัวไม่สูง แต่เมื่อยืนบังอยู่ข้างหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างปกป้อง ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่เสือผู้ดุร้าย จี้หย่าใกับสายตาของหลิวเฟิน เธอััได้ว่า หากเธอปฏิเสธไม่ยอมขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลาน หลิวเฟินคงพุ่งเข้ามาฉีกกระชากเธอเป็ชิ้นๆ อย่างแน่นอน!
แต่จี้หย่าไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว
ตอนนี้เธอเองก็เดือดดาลถึงขีดสุดเช่นกัน จี้เจียงหยวนเลือกที่จะอยู่จีนต่อ นี่เป็สิ่งที่จี้หย่าคาดไม่ถึง ทังหงเอินบีบจนตระกูลจี้แทบไม่มีที่ยืน และจี้หย่ารู้ดีว่าทังหงเอินเป็คนทำได้อย่างที่พูด
การยอมให้จี้เจียงหยวนอยู่จีนต่อ ยังพออธิบายได้ว่าเพราะทังหงเอินอยากสานสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ทว่าการขอให้ตระกูลจี้ขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟิน นี่มันเพื่ออะไรกัน?
ทังหงเอินพาหญิงบ้านนอกคนนี้มาด้วย เพื่อให้เธอยอมก้มหัวให้ เพื่อหยามเกียรติเธออย่างนั้นหรือ?
ริมฝีปากของจี้หย่าสั่นเทิ้มด้วยความโมโห
จี้หลินเองก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “นายกทัง นี่มันคนละเื่กัน!”
จะให้จี้หย่ายอมก้มหัวขอโทษสักครั้งยังยาก แต่นี่ดันเอาสองเื่มารวมกันเป็เื่เดียวกัน อยากบีบให้จี้หย่าคลุ้มคลั่งหรืออย่างไรกัน
จี้หลินไม่พูดยังไม่เท่าไร ทว่าพอเขาพูดย่าอวี๋ก็ส่งเสียงฮึออกมาอย่างเ็า
เขาถูกย่าอวี๋ข่มจนแทบไม่กล้าเงยหน้า
จี้หลินมีข้อบกพร่องมากมาย แต่อย่างน้อยเขาก็เป็คนรักเกียรติและศักดิ์ศรี ความเป็ ‘ผู้มีการศึกษา’ ทำให้เขาต้องรักษาหน้าตาของตระกูลเอาไว้ ที่นี่มีคนอยู่มากมาย เขาสามารถเถียงกับใครก็ได้ แต่คนนั้นต้องไม่ใช่กับย่าอวี๋!
จี้หย่าให้ตายก็ไม่ยอมขอโทษ พี่สะใภ้ของเธออยากคุกเข่าขอร้องเธอเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เซี่ยเสี่ยวหลานเฝ้ามองอยู่นาน ในที่สุดก็อดพูดออกมาไม่ได้
“คุณอาทัง ทำแบบนี้เหมือนเป็การใช้อำนาจรังแกเธอเลยนะคะ คำขอโทษที่ไม่ได้มาจากใจจริง ไม่เอาก็ไม่เป็ไรหรอกค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากเห็นจี้หย่าก้มหน้ายอมรับผิด ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนใจกว้างอะไร
“เสี่ยวหลาน...”
ทังหงเอินไม่เข้าใจ จี้เจียงหยวนเองก็อยากพูดบางอย่าง
เซี่ยเสี่ยวหลานหันหน้าไปมองจี้เจียงหยวน “จี้เจียงหยวน เธอกับฉันเป็เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกัน ทั้งยังรู้จักกับคุณอาทังเหมือนกันอีกด้วย เดิมทีพวกเราคงเป็เพื่อนที่ดีต่อกันได้ ทว่าเธอกลับมีแม่ที่ไม่รู้ว่าคำว่า ‘เคารพผู้อื่น’ สะกดอย่างไร ตอนนี้ฉันไม่อยากเป็เพื่อนกับเธออีกแล้ว ก่อนตัดขาดกันฉันมีคำถามหนึ่ง ที่แม่ของเธอกลายเป็แบบนี้ เธอมีส่วนด้วยหรือเปล่า เพราะหากไม่มีพวกเธอคอยตามใจ แม่ของเธอก็คงไม่กลายเป็คนเห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้!”
ศักดิ์ศรีของคนคนหนึ่งสำคัญมากแค่ไหน?
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่า บางครั้งศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตเสียด้วยซ้ำ
หากมีคนบีบให้เธอยอมก้มหัวให้ผู้อื่น เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็คงไม่ยอมเช่นกัน แต่ถ้ามีคนเอาหลิวเฟินหรือหลิวหย่งมาบีบเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะยอมก้มหัวเพื่อคนในครอบครัวได้! แม้จะไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่หากก้มหัวแค่ชั่วขณะแล้วทำให้คนในครอบครัวพ้นภัย เซี่ยเสี่ยวหลานก็คิดว่าสิ่งนั้นมันคุ้มค่าแล้ว
และหากเป็ความผิดของเธอจริง ยิ่งไม่มีอะไรต้องอิดออด
คนที่ไม่อาจเผชิญหน้ากับความผิดพลาดของตัวเอง แม้กระทั่งยอมรับผิดยังทำไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคนประเภทนั้นช่างขี้ขลาดตาขาวเหลือเกิน
จี้หย่าปฏิบัติตัวเลวร้ายกับทังหงเอิน จงใจทำให้สองพ่อลูกขาดการติดต่อกัน ซ้ำร้ายยังไปคุกคามเซี่ยเสี่ยวหลานถึงหัวชิง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ตระกูลจี้ต้องมาอ้อนวอนขอประนีประนอม เรียกได้ว่าที่วันนี้คนตระกูลจี้ปรากฎตัวที่นี่ 90% มาจากฝีมือของจี้หย่า... อยากใช้ชีวิตตามใจชอบ แต่กลับไม่มีความสามารถนั้น ทั้งยังต้องให้คนในครอบครัวคอยตามเช็ดตามล้าง เซี่ยเสี่ยวหลานดูแคลนจี้หย่าจากใจจริง
คำถามของเธอทำให้จี้เจียงหยวนถึงกับพูดไม่ออก
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่หยุดเพียงเท่านี้
“แล้วก็ลุงของเธอ... คุณจี้หลินอาจจะคิดว่าฉันจิตใจคับแคบสินะคะ ข้าราชการชั้นสูงมาขอโทษนักศึกษาอย่างฉันทั้งที แต่ฉันกลับเล่นตัวไม่รับเอาไว้ คงคิดว่าฉันทำไปเพราะมีตระกูลโจวคอยหนุนหลังสินะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอบอกตรงนี้เลยว่า ตระกูลโจวไม่เล่นงานพวกคุณหรอกค่ะ ตอนนี้หากจี้หย่าไม่ยอมขอโทษฉันกับแม่ ความบาดหมางระหว่างฉันกับตระกูลจี้ก็จะไม่มีวันคลี่คลาย ฉันจะไม่พึ่งพาอำนาจใครไปบีบคั้นตระกูลจี้ แต่สักวันหนึ่งในอนาคต ฉันจะทำให้เวลาคิดถึงชื่อฉัน ตระกูลจี้จะไม่อาจข่มตาหลับได้ลง ฉันชื่อเซี่ยเสี่ยวหลาน ตอนนี้เป็เพียงนักศึกษาคนหนึ่ง ทว่าในอนาคตรับรองว่า ฉันจะไม่ใช่แค่นักศึกษาธรรมดาคนหนึ่งแน่นอน”
ยืมมือผู้อื่นได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น
พึ่งตัวเองต่างหากที่ยืนนาน
ตระกูลจี้ไม่กล้ามีเื่กับตระกูลโจว และไม่กล้าหาเื่ทังหงเอิน พลังอำนาจจากทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเป็รองใคร แล้วเหตุใดตระกูลจี้ถึงลองขอเจรจากับทังหงเอิน แต่ไม่ยอมขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลานเล่า?
นั่นเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานต้องพึ่งพาอำนาจคนอื่น ตระกูลโจวยอมออกหน้าแทนเธอก็จริง แต่ตระกูลจี้คิดว่าตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ได้เป็คนตระกูลโจว พวกเขาจึงจัดอันดับความน่ากลัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้หลังทังหงเอิน
ทังหงเอินมีความสามารถเป็ของตัวเอง ตระกูลจี้จึงไม่กล้าละเลย
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพื่อข่มให้ตระกูลจี้รู้สึกหวั่นเกรง นี่คือความแตกต่างระหว่างทังหงเอินและเซี่ยเสี่ยวหลาน
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนใหญ่คนโต มีหรือที่จี้หย่าจะกล้าไม่มาขอโทษ ป่านนี้ตระกูลจี้คงรีบแจ้นมาขอขมาเธอตั้งนานแล้ว
“พูดได้ดี! มีความแน่วแน่!”
ย่าอวี๋ปรบมือชื่นชมเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนแรก
ทังหงเอินเป็คนต่อมาที่ตั้งสติได้
“เ้าเด็กคนนี้...”
เด็ดขาดกว่าจี้เจียงหยวนเสียอีก ถ้าทังหงเอินมีลูกสาวแบบนี้ล่ะก็เขาคงรักยิ่งกว่าอะไร
หลิวเฟินจับมือเซี่ยเสี่ยวหลานแน่น พร้อมทั้งพยายามฝืนกลั้นน้ำตา
“เสี่ยวหลาน พวกเราจะทำได้อย่างแน่นอน”
ไม่มีตระกูลไหนยั่งยืนได้ตลอดไป ความเคารพที่ผู้อื่นได้รับ สักวันเธอกับเสี่ยวหลานก็จะหามาได้เช่นกันอย่างแน่นอน!
คนตระกูลจี้รู้สึกตกตะลึง
ภรรยาของจี้หลินไม่อยากจะเชื่อ นี่หมายความว่าไม่ต้องขอโทษแล้วอย่างนั้นหรือ?
จี้หลินรู้สึกไม่สบายใจ
จี้เจียงหยวนเองก็อับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
มีเพียงจี้หย่าที่ยิ้มหยันออกมาอย่างไม่ปิดบัง เซี่ยเสี่ยวหลานประกาศกร้าวอย่างเข้มแข็ง บอกว่าไม่้าความช่วยเหลือของผู้อื่น จี้หย่าไม่ซาบซึ้งสักนิด และยิ่งไม่มีทางยอมขอโทษ
เป็แค่นักศึกษามหาวิทยาลัยแต่กลับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
หากไม่พึ่งอำนาจของตระกูลโจว ไม่ให้ทังหงเอินยื่นมือเข้าช่วยเหลือ จี้หย่าไม่เชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะอยู่เหนือกว่าตระกูลจี้ได้
“ดี ถ้าเธอทำได้ฉันจะยอมขอโทษเธอกับแม่ คุกเข่าที่ถนนฉางอัน ชูป้ายขอขมาพวกเธอ!”
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกัน?
สิบปี ยี่สิบปี หรือสักสามสิบปีกันล่ะ?
จี้หย่ายิ้มอย่างเย้ยหยัน “ถ้ารอจนฉันตายแต่เธอยังไม่มีปัญญาเอาชนะตระกูลจี้ เช่นนั้นก็คงต้องขอโทษที คำขอโทษนี้เธอคงต้องรอดูว่าชาติหน้าจะมีโอกาสได้ยินมันหรือเปล่า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้