“สายฟ้าโจมตี”
พลังของมู่เฟิงพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนสามารถเทียบเท่ากับระดับหนิงกัง และทันใดนั้นเขาก็ตวัดหอกออกมา ปล่อยมีดสายฟ้าให้กวาดออกไปทางชายหัวโล้นทันที
แน่นอนว่าพลังโจมตีนี้ย่อมไม่ธรรมดา สีหน้าของชายหัวโล้นพลันเปลี่ยนไป เขารีบยกดาบในมือขึ้นมาสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้ พร้อมกับที่พลังกังหยวนเริ่มก่อตัวขึ้นเป็เกราะป้องกันอย่างรวดเร็ว และมีดสายฟ้าเ่าั้ก็ไม่อาจเจาะผ่านพลังกังหยวนเข้ามาได้
แต่มู่เฟิงกลับแสยะยิ้มและพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว แผ่นยันต์สีน้ำเงินพลันปรากฏขึ้นในมือของเขา
เมื่อเด็กหนุ่มขว้างแผ่นยันต์ออกไป มันก็เปล่งแสงสีน้ำเงินก่อนจะกลายเป็ดาบน้ำแข็งเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงเกราะพลังกังหยวนอย่างแรง อานุภาพพลังิญญาที่แผ่ออกมาจากตัวมันนั้นทรงพลังเป็อย่างยิ่ง
เปรี๊ยะ...!
ดาบน้ำแข็งเล่มนั้นสามารถเจาะทะลุเกราะพลังกังหยวนได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าปะทะกับดาบในมือของชายหัวโล้นอย่างต่อเนื่อง และในพริบตาดาบของอีกฝ่ายก็ถูกแช่แข็งโดยพลัน ทั้งยังลามไปถึงท่อนแขนของอีกฝ่ายอีกด้วย
สีหน้าของชายหัวโล้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นเองมู่เฟิงก็ใช้ก้าวปทุมเพลิงทะยานร่างขึ้นสูงและพุ่งหอกลงมาอย่างรวดเร็ว
“ตายเสีย!”
“ไม่…!”
ชายหัวโล้นใกลัว รูม่านตาของเขาขยายกว้าง มันสะท้อนภาพคมหอกที่กำลังเข้ามาประชิด
ฉึก!
ชั่วพริบตาหอกก็แทงทะลุศีรษะของชายหัวโล้นอย่างโเี้ โดยที่ปลายหอกได้ทะลุออกมาถึงด้านหลังศีรษะของเขา จากนั้นมู่เฟิงก็เตะร่างของชายหัวโล้นออกไปปล่อยให้อีกฝ่ายตายในสภาพอเนจอนาถและดึงหอกกลับมา
แผ่นยันต์เมื่อครู่ของมู่เฟิงนั้นเหมาะกับเขาอย่างยิ่ง สามารถช่วยะเิพลังดาบที่น่าสะพรึงออกมาได้! และนี่ก็คือความน่ากลัวของนักสลักลายเส้น
“อะไรกัน นี่มัน...!”
เมื่อเห็นภาพนี้จากระยะไกล บัณฑิตสายในของสำนักศึกษาเทียนอวิ่นต่างก็ตกตะลึง แม้แต่ยอดฝีมือห้าอันดับแรกของสำนักศึกษาก็ตกตะลึงเช่นกัน
“พลังของแผ่นยันต์แผ่นนั้นเทียบได้กับการโจมตีของยอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นหก”
เว่ยอี้อวิ๋นเอ่ยพึมพำ
“เ้าเด็กนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถในการสลักลายเส้นของมันจะสูงขนาดนี้!”
ซือถูคงหรี่ตาลงขณะกล่าวพึมพำกับตัวเอง
“หวังเจี้ยน!”
อินเหมี่ยนตื่นตะลึงทั้งยังโกรธเกรี้ยว เขามองไปทางมู่เฟิงด้วยสายตาอำมหิต ส่วนศิษย์คนอื่นของตระกูลอินต่างก็ตื่นใเช่นกัน
“เ้า ข้าจะฆ่าเ้า!”
อินเหมี่ยนแผดเสียงคำรามพร้อมกับตบโลงศพด้านข้างหลัง ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากโลงศพ
พรึ่บ...!
หุ่นเชิดร่างกายผอมแห้งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
หุ่นศพตนนี้ดูผอมแห้งและเปราะบางเป็อย่างมาก แต่ทั่วทั้งตัวของมันกลับเปล่งแสงสีเงินจางๆ และดูเหมือนว่าิัจะถูกเคลือบเอาไว้ด้วยโลหะ นอกจากนี้พลังหยินที่แผ่ออกมายังทรงพลังไม่น้อย
“ฉีกร่างของเขาให้เป็ชิ้นๆ!”
อินเหมี่ยนเริ่มโบกมือเพื่อควบคุมหุ่นเชิด
“แฮ่…”
หุ่นเชิดตัวนั้นแผดเสียงคำรามออกมา จากนั้นมันก็พุ่งเข้าหามู่เฟิงด้วยความเร็วสูงทันที บริเวณพื้นที่มันใช้ดีดตัวออกมาปรากฏรอยแตกร้าวให้เห็น โดยสิ่งนี้สามารถบอกได้ว่ามันแข็งแกร่งมากเพียงใด
“บีบให้ผู้าุโอินเหมี่ยนต้องนำหุ่นเชิดเกราะเงินออกมาเช่นนี้ เ้าเด็กนั่นได้ตายจริงๆ แน่”
ศิษย์ตระกูลอินคนอื่นๆ กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ย
มู่เฟิงจ้องมองหุ่นเชิดที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คาดว่านี่คือหุ่นเชิดเกราะเงินที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง
“พวกเราไปกันเถอะ วันนี้เ้าเด็กนั่นคงไม่มีทางมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้แล้ว และเรายังต้องไปยังวังโบราณจิ่วซานเพื่อทำภารกิจด้วย”
ซือถูคงกล่าวขึ้น บัณฑิตคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าก่อนจะหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงข่งย่วนที่ยังประคองกอดข่งเซวียนเอ๋อร์อยู่เท่านั้นที่ยังไม่จากไปไหน
“ย่วนเอ๋อร์ เราไปกันเถอะ”
ซือถูคงเดินไปดึงมือของข่งย่วน หญิงสาวสะบัดมือของเขาออกพร้อมจ้องเขาอย่างเ็า การกระทำนี้ทำให้รอยยิ้มของซือถูคงชะงักค้างไปทันที
“มู่เฟิง ข้าหวังว่าเ้าจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้นะ”
ข่งย่วนชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด จากนั้นนางก็ประคองร่างของข่งเซวียนเอ๋อร์จากไป หญิงสาวทะยานร่างออกไปไกลโดยไม่คิดจะสนใจซือถูคงอยู่ด้านข้างอีก
มู่เฟิงแทงหอกไปยังหุ่นเชิดเกราะเงินอย่างแรง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหุ่นเชิดเกราะเงินจะสามารถสกัดกั้นคมหอกของเขาเอาไว้ได้ จากนั้นมันก็โต้กลับด้วยการตะปบกรงเล็บมาทางมู่เฟิงทันที
มู่เฟิงเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อหลบหลีกพร้อมกับดึงหอกกลับคืนมา จากนั้นเขาก็ปล่อยหมัดที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงออกไปโจมตีอีกฝ่ายแทน
“ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
มู่เฟิงปล่อยหมัดออกมาอย่างดุดัน และเมื่อมันกระแทกเข้ากับร่างของหุ่นเชิดเกราะเงิน เปลวเพลิงก็พลันปะทุออกมาเป็วงกว้าง ทำให้หุ่นเชิดเกราะเงินต้องถอยออกไปสองก้าว แต่หลังจากนั้นมันก็พุ่งเข้ามาโจมตีมู่เฟิงต่อทันที ก่อนจะตบเข้าที่หน้าอกของมู่เฟิงอย่างแรง
ปัง...!
ราวกับถูกอัสนีบาตฟาด มู่เฟิงถูกหุ่นเชิดเกราะเงินตบจนกระเด็นไปด้านหลังพร้อมกับกระอักเืออกมา ร่างของเด็กหนุ่มล้มฟุบลงไปบนพื้น แต่เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทรวงอก คล้ายกับว่าซี่โครงของเขาอาจจะหักไปสักซี่หนึ่ง
หุ่นเชิดศพเกราะเงินยังคงเข้ามาโจมตีต่ออย่างไม่ลดละ โดยครั้งนี้มันได้ตวัดกรงเล็บที่มีประกาบแสงสีเงินออกมา
ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงก็พลันปะทุออกมาจากใต้ฝ่าเท้าข้างหนึ่งของมู่เฟิง ร่างของเขาพุ่งถอยออกไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว หุ่นเชิดเกราะเงินจึงโจมตีพลาด และในเวลาเดียวกันแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่เฟิงอีกครั้ง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะโยนมันไปทางหุ่นเชิดเกราะเงินทันที
สีหน้าของอินเหมี่ยนพลันเปลี่ยน แน่นอนว่าเขาไม่อาจมองข้ามแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์เหล่านี้ไปได้ ดังนั้นเขาจึงรีบส่งพลังปราณจำนวนมหาศาลเข้าไปในหุ่นเชิดเพื่อสร้างเกราะพลังกังหยวนให้ห่อหุ้มร่างของมันเอาไว้ทันที
บึ้ม...!
เมื่อคลื่นพลังเปลวเพลิงะเิออกมา อานุภาพพลังของมันก็แผ่ขยายปกคลุมไปทั่วรัศมีสิบเมตร และรวมไปถึงหุ่นเชิดเกราะเงินตัวนั้นด้วย มู่เฟิงพลันก้าวเท้าออกมา ร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปไกลกว่าสิบเมตร จากนั้นเด็กหนุ่มก็ขว้างแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ไปทางอินเหมี่ยนและกลุ่มศิษย์ตระกูลอินอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนตื่นใและรีบหนีในทันที
บึ้ม...!
เปลวเพลิงะเิออกมาเป็วงกว้าง ทำให้บริเวณโดยรอบในรัศมีหลายสิบเมตรล้วนกลายเป็ทะเลเพลิง พื้นถนนถูกะเิจนกลายเป็หลุมบ่อ ทั้งยังมีหินกรวดปลิวว่อนไปทั่ว
“อ๊าก…!”
ศิษย์หลายคนของตระกูลอินกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ร่างของพวกเขามีเปลวเพลิงลุกท่วมเพราะไม่อาจหลบได้ทัน ส่งผลให้ในเวลานี้ร่างของพวกเขาดูเหมือนกับมนุษย์ไฟที่น่าสยดสยอง
มู่เฟิงกระโจนร่างขึ้นไปบนอากาศสามก้าวจนขึ้นไปอยู่ในความสูงเหนือพื้นราวสามสิบถึงสี่สิบเมตร และมันก็อยู่นอกรัศมีการะเิ
“ตระกูลอิน ความแค้นในวันนี้จะต้องชำระคืนอย่างสาสมแน่! เสี่ยวเทียน!”
มู่เฟิงประกาศกร้าว ทันใดนั้นเสี่ยวเทียนก็กลายร่างเป็งูเจียวสีขาวขนาดั์ที่มีความยาวมากกว่ายี่สิบเมตร
“โฮก…!”
เสี่ยวเทียนแผดเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่น พร้อมกับปรากฏตัวใต้ฝ่าเท้าของมู่เฟิง แน่นอนว่าการปรากฏตัวของเสี่ยวเทียนย่อมสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนเป็จำนวนมาก มู่เฟิงเหยียบยืนอยู่บนหลังของเสี่ยวเทียน ก่อนที่มันจะพาเขาบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เปลวเพลิงด้านล่างเริ่มมอดดับ แต่สถานการณ์ของศิษย์ของตระกูลอินยังคงวุ่นวาย ฝูงชนโดยรอบที่เข้ามามุงดูทำให้พวกเขารู้สึกอับอายเป็อย่างมาก แต่ละคนต่างก็ทำได้เพียงมองตามหลังของเด็กหนุ่มที่กำลังบินหายไป
“น่ารังเกียจนัก เ้าเด็กเดรัจฉาน ข้าผู้เฒ่าจะต้องสังหารเ้าให้ได้!”
เมื่อเห็นมู่เฟิงจากไปพร้อมกับงูเจียว อินเหมี่ยนก็แผดเสียงออกมาด้วยความใระคนโมโห
ยามนี้ที่พื้นเบื้องล่างมีศพไหม้เกรียมของศิษย์ตระกูลอินนอนเกลื่อนพื้นมากกว่าสิบคน
“ผู้าุโ เราควรจะทำอย่างไรดีขอรับ”
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลอินเอ่ยถามขึ้น
ใบหน้าของอินเหมี่ยนพลันมืดครึ้มลง เมื่อเขาหันไปมองรอบๆ ก็พบว่ามีฝูงชนกำลังจับตามองสถานการณ์นี้อยู่เป็จำนวนมาก “เ้าเด็กนั่นต้องตาย ไม่อย่างนั้นตระกูลอินของเราจะยังมีหน้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร ที่พวกเขาผ่านทางมายังเมืองจิ่วซานก็เพื่อเดินทางไปยังวังโบราณจิ่วซานไม่ใช่รึ เช่นนั้นพวกเราก็จะไปยังวังโบราณจิ่วซานด้วย”
“วังโบราณจิ่วซาน!”
เมื่อศิษย์ตระกูลอินได้ยินดังนั้น พวกเขาก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาพร้อมกันในทันที สถานที่แห่งนั้นสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้ก็จริง แต่ที่นั่นก็เต็มไปด้วยอันตรายที่อาจพรากชีวิตของพวกเขาไปได้ทุกเมื่อเช่นกัน
“ไป!”
อินเหมี่ยนขึ้นหลังม้า เขาสั่งการให้ศิษย์สองคนทำหน้าที่เก็บกวาดซากศพ จากนั้นเขาก็นำศิษย์ตระกูลอินที่เหลือกว่าสามสิบคนมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกข่งย่วนจากไป
มู่เฟิงกำลังนั่งอยู่บนคอของเสี่ยวเทียน เขารีบกลืนยาผสานกระดูกลงไปก่อนจะเริ่มรักษาอาการาเ็ภายใน ในขณะที่เสี่ยวเทียนกำลังบินทะยานไปข้างหน้าผ่านมวลเมฆสีขาวปุย
“หึๆ จนแล้วจนรอดก็มีเพียงเ้าที่ข้าพอจะพึ่งพิงได้"
มู่เฟิงแค่นยิ้มขณะลูบหัวของเสี่ยวเทียน
“โฮก…”
เสี่ยวเทียนส่งเสียงออกมาราวกับเป็การตอบรับ ต่อให้มันเป็อสูรร้ายหรืองูเจียว แต่มันก็จะไม่มีวันจากไปไหน
“ธรรมชาติของมนุษย์ก็เป็เช่นนี้ บนโลกนี้ผู้ที่ชอบซ้ำเติมผู้อื่นนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะยินดีหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ผู้อื่น”
เสียงของซีเยว่ดังก้องในห้วงความคิดของมู่เฟิง
“หึๆ เหตุการณ์เช่นนี้ใช่ว่าข้าจะไม่เคยเห็น”
มู่เฟิงเหยียดยิ้ม เื่แบบนี้เขาเคยประสบมาไม่น้อย
“ใครก็ตามที่หักหลังข้าในวันนี้ ต่อไปมันผู้นั้นไม่มีสิทธิ์มาร้องขอสิ่งใดจากข้าอีก!”