ฉางอัน
ณ จวนเทพนักรบ ัคำราม
ที่นี่เคยเป็จวนของเทพนักรบ จิติญญาแห่งต้าเว่ย แม่ทัพตู้เหว่ยมาก่อน
นับแต่เป่ยทงเสวียนได้รับแต่งตั้งให้เป็เทพนักรบ ัคำรามเ้าของของจวนนี้ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย
หลังกลับจากงานเลี้ยงในพระราชวัง ตู้หงฉางพามารดาย้ายออกไปจากจวนและไปอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ตู้เหว่ยเคยสร้างขึ้นเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ทันที
หากจะว่าไป จวนหลังนี้เปลี่ยนเ้าของมาถึงสามครั้งแล้วและดูเหมือนครั้งที่สี่ คือครั้งนี้ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกัน
ณ ห้องที่ถูกจัดแต่งหรูหราภายในจวน ชายผู้หนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือดทว่าริมฝีปากกลับแดงก่ำราวถูกฉาบไปด้วยโลหิตอย่างไรอย่างนั้น
ข้างโต๊ะที่ปูด้วยผ้าสีขาว ชายชราผู้หนึ่งถือแก้วชาเอาไว้ในมือแต่กลับไม่มีทีท่าจะดื่มมันกลับกัน ดูราวกับเขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่มากกว่า
ในที่สุดชายที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ลืมตาที่หลับพริ้มขึ้น
“ตื่นแล้วรึ? ” ชายชราวางแก้วในมือลงพลางถามขึ้น โดยมิได้มองชายหนุ่มแม้แต่ครู่เดียวราวกับรู้อยู่แล้วว่าชายบนเตียงต้องได้สติในเวลานี้ เสียงของเขาจึงแล่นเข้าโสตประสาทของชายบนเตียงทันทีที่เขาได้สติ
ชายบนเตียงก็ไม่ได้ใเพราะเสียงที่ดังขึ้นเฉียบพลันของชายชราแม้แต่น้อยเขาลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่ต่างจากสระน้ำแข็งพันปี
“ท่านเสนาบดี ท่านมาแล้วรึ” เขากล่าวขึ้น
“อืม” ชายชราพยักหน้า หยิบกาน้ำชาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นรินชาจนเต็มแก้ว
“แม่ทัพเป่ยรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง? ” ชายชราถามเสียงของเขาไม่ได้ราบเรียบเกินไป แต่ก็ไม่ได้แฝงไปด้วยความรู้สึกใดๆทำให้ฟังไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ ทั้งไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดเห็นสิ่งใดอยู่ในใจ
“เพราะบารมีจากท่านเสนาบดี ข้าน้อยรู้สึกดีขึ้นมากแล้วสามารถเข้าพิธีแต่งงานกับคุณหนูได้ตามกำหนดขอรับ”
“หืม? ”ชายชราเลิกคิ้วขึ้นเขาวางกาน้ำชาลงบนโต๊ะอีกครั้ง จากนั้นก็ยกแก้วชามาจิบเล็กน้อย “ดูเหมือนแม่ทัพเป่ยจะให้ความสำคัญกับงานแต่งของฉางเสว่มาก”
“คุณหนูฉางเสว่มีรูปโฉมงดงามราวนาง์ ทั้งยังสง่างามและมีมารยาททงเสวียนย่อมให้ความสำคัญอยู่แล้ว” ชายหนุ่มทาบมือลงที่กลางอก มีาแที่มีขนาดใหญ่จนน่าใอยู่ขณะที่น้ำเสียงกลับราบเรียบ
“อย่างนั้นรึ? ” ชายชราลุกขึ้นยืนหันไปมองชายหนุ่มในที่สุด “จากที่เห็นในวันนั้นดูเหมือนวิชาก้าวแหลกธุลีของแม่ทัพเป่ยยังขาดอะไรบางอย่างไปรอให้แม่ทัพเป่ยฝึกวิชานี้จนช่ำชองก่อน ค่อยเข้าวิวาห์กับฉางเสว่ดีไหม?”
คำพูดของชายชราดั่งหินใหญ่ ทำให้ใบหน้าสงบนิ่งราวกับน้ำในสระของเป่งทงเสวียนปรากฏคลื่นอารมณ์ขึ้นในพริบตา
“แม่ทัพเป่ยรักษาตัวให้หายดีก่อนเถิด ส่วนเื่งานแต่ง ไม่จำเป็ต้องรีบร้อนไป”ชายชรากล่าวทิ้งท้ายเพียงเท่านี้ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินจากไปทันที
เหลือเพียงชายหนุ่มเหม่อมองความว่างเปล่าเบื้องหน้าด้วยแววตาหลากความรู้สึกก่อนสติจะหลุดลอยไปชั่วขณะ
เช้าวันต่อมา
ณ สำนักเทียนหลาน
ฝานหรูเยว่ในชุดคลุมสีเหลืองกำลังกวาดใบไม้แห้งที่ร่วงอยู่ในลานสำนัก
เหมันตฤดูย่างกรายเข้ามาแล้ว ต้นไม้ในสำนักเทียนหลานปลิดใบลงมาทุกวันเหตุนี้ฝานหรูเยว่จึงเก็บกวาดพวกมันทุกวันเช่นกัน เื่เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่นางกลับไม่มีท่าทีรำคาญใจแม้แต่น้อย
เมื่อเทียบกับชีวิตในหอหมู่ตันแล้ว นางรู้สึกว่ายามนี้ต่างหาก ที่เรียกได้ว่ามีชีวิตอย่างแท้จริงแม้จะลำบากไปเสียหน่อย แต่ชีวิต ณ เวลานี้มีดีที่ความอิสระ ไม่มีผู้ใดจำกัดควบคุม นางมีเวลามากมายทำสิ่งที่ตนปรารถนาไม่ว่าจะดีดผีผา[1] ฝึกยุทธ์ และใช้เวลาอยู่กับซูฉางอัน ต่อให้ไม่ทำสิ่งใดเลย แต่สำหรับนางเพียงได้มองซูฉางอันไปวันๆ ก็นับเป็เื่เปี่ยมสุขที่สุดแล้ว
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ความสุขเช่นนี้กลับกลายเป็เื่ไกลเกินเอื้อม
ั้แ่กลับจากงานเลี้ยงในพระราชวัง ซูฉางอันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทุกวันแม้แต่ดาบที่เขาเคยโปรดปรานที่สุด ตอนนี้ซูฉางอันก็เลิกฝึกไปเสียแล้วเมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ ฝานหรูเยว่ก็อดเป็ห่วงไม่ได้ ใช่ว่านางไม่เคยพูดปลอบและเกลี้ยกล่อมซูฉางอันแต่อย่างใดทว่าซูฉางอันในยามนี้ ไม่ยอมฟังใครแม้สักคน วันๆ เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ในลานฝึกท่าเดียว
ฝานหรูเยว่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นางเพียงภาวนาในใจขอให้ซูฉางอันหลุดพ้นจากความเศร้านี้ในเร็ววัน
นางคิดเช่นนั้นไปพลาง ก้มหน้าก้มตากวาดใบไม้บนพื้นไปพลางเช่นกัน
จู่ๆ รองเท้าสีขาวของใครบางคนก็ปรากฏอยู่บนพื้นเบื้องหน้า
นางเงยหน้าขึ้นมอง พบกับหญิงในชุดสีเขียวผู้หนึ่ง มองมาทางตนด้วยสีหน้าราบเรียบ
“คุณหนูชิงหลุน? ” ฝานหรูเยว่วางเครื่องไม้เครื่องมือลงด้วยท่าทางตื่นตระหนกนางไม่ได้กลัว แต่ชิงหลุนมีนิสัยเ็า นอกจากซูฉางอันกับอวี้เหิง นางแทบไม่สนใจผู้อื่นในสำนักอีกเมื่อเห็นว่าจู่ๆ นางก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเช่นนี้ ฝานหรูเยว่จึงทำตัวไม่ถูกนั่นเอง
“พอจะว่างไหม? ข้าอยากถามอะไรเ้าหน่อย” ชิงหลุนกล่าวน้ำเสียงของนางไม่เ็าสักเท่าไรนัก แต่ก็ไม่มีกระแสแห่งความรู้สึกแฝงอยู่แม้แต่น้อยพลอยทำให้ผู้ฟังรู้สึกราวนางเป็เทพธิดาผู้แสนเ็าไปอย่างเสียมิได้
“หืม? ”ฝานหรูเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แม้จะแปลกใจที่ชิงหลุนมาหาแต่นางก็พยักหน้ารับ แล้วส่งประกายรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกไป ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“เออ...” เมื่อได้รับการตอบตกลงจากฝานหรูเยว่ ชิงหลุนกลับชะงักไปเล็กน้อยก่อนหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อวานนี้
ตอนนั่งดื่มสุราที่โรงเตี๊ยม เห็นได้ชัดว่าซูฉางอันอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วแต่หลังพูดคุยกับหนอนหนังสือผู้นั้น ระหว่างทางกลับ จู่ๆ เขาก็นิ่งขรึมไปอีกในการฝึก่เช้า ซูฉางอันเอาแต่นั่งเหม่ออยู่กลางลานฝึกชิงหลุนคิดว่าหากเป็เช่นนี้ต่อไป นางก็ไม่รู้ว่าจะสอนวิชากระบี่ให้ซูฉางอันจนสำเร็จตอนไหนดังนั้นนางจึงจำต้องหาวิธีทำให้ซูฉางอันอารมณ์ดีให้ได้โดยเร็ว
แต่นางก็ไม่มีพร์ทางด้านนี้เสียจริงๆ หลังคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็ตัดสินใจว่าต้องลองถามใครสักคนและแน่นอน เป้าหมายของนางพุ่งมาที่หญิงสาวผู้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซูฉางอันอย่างฝานหรูเยว่
“เ้ารู้ไหมว่าทำอย่างไร คนๆ หนึ่งถึงจะอารมณ์ดีขึ้นได้? ”ชิงหลุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามออกไปในที่สุด
ท่าทีของนางในยามนี้ทั้งจริงจังและมุ่งมั่นมากราวกำลังขอคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาอันแสนลึกซึ้งเช่นนั้น
ทว่าความจริงแล้ว ด้วยพร์ที่มี ใน่ชีวิตเฉียดสามร้อยปีที่ผ่านมาชิงหลุนแทบจะไม่พบปัญหาด้านการฝึกยุทธ์ที่แก้ไขไม่ได้เลย แต่เื่เล็กๆ เช่นนี้กลับทำให้นางจนปัญญาเสียอย่างนั้นเหตุนี้ นางจึงคิดว่านี่น่าจะเป็เื่ที่ลึกล้ำมาก เป็เหตุให้นางรวบรวมสติและขอคำแนะนำจากฝานหรูเยว่ด้วยความจริงจังเช่นนี้
พรืด!
แต่ฝานหรูเยว่กลับะเิเสียงหัวเราะออกมาอย่างยากจะเก็บกลั้น นางรู้สึกว่าชิงหลุนในตอนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกินแตกต่างจากภาพลักษณ์เ็าที่นางมักแสดงออกมาคนละขั้วก็ว่าได้
“ตลกมากรึ? ” ชิงหลุนขมวดคิ้วมุ่น จ้องไปยังหญิงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“อืม...” ฝานหรูเยว่ลากเสียงยาวพลางส่ายหน้าไปมา จากนั้นกลั้นขำเอาไว้แล้วมองไปยังชิงหลุนด้วยตาหยีราวจันทร์เสี้ยว พลางกล่าวถามขึ้น “คุณหนูชิงหลุนก็กำลังเป็ห่วงคุณชายซูอยู่หรือเ้าคะ?”
“อืม” ชิงหลุนพยักหน้าอาจเพราะหวนนึกถึงสภาพของซูฉางอันเมื่อหลายวันที่ผ่านมา นางจึงขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม“ข้าอยากทำให้เขาอารมณ์ดี อยากให้เขามีความสุข อืม...อย่างน้อยก็เลิกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบทุกวันนี้เสียที”
“แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำให้คนๆ หนึ่งอารมณ์ดีได้เช่นไร ข้าจึงหวังว่าเ้าจะสอนข้า”ชิงหลุนมองไปยังฝานหรูเยว่ ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนไปเป็จริงจังอีกครั้ง
อาจเป็เพราะท่าทางจริงจังเคร่งขรึมของชิงหลุนฝานหรูเยว่จึงกลั้นขำเอาไว้ จ้องไปยังชิงหลุน “คุณหนูชิงหลุนท่านชอบคุณชายซูใช่หรือไม่? ” ไม่รู้สิ่งใดดลใจทำให้นางถามออกไป
..............
[1]ผีผา หมายถึง เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งของจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้