สีหน้าของเซียวเจวี๋ยดูสุขุม และไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขาเปิดปากพูดว่า “มีข่าวลือที่ไม่น่าเชื่อถือมากมายเกี่ยวกับองค์หญิง องค์รัชทายาทเองทรงต้องระมัดระวังด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่จื่ออวี้แบะปาก มีคนตั้งมากมายเห็นว่าพวกท่านไปด้วยกัน ยังจะไม่ยอมรับอีก
“นั่นน่ะสิ เมื่อวานพี่ใหญ่เซียวบอกว่าต้องไปจัดการบางอย่างที่กรมกลาโหม ถึงได้รีบออกจากวัง คิดดูแล้ว ท่านจะไปปรากฏตัวที่ศาลาในสวน แล้วดื่มกับนางได้อย่างไรกันใช่ไหมล่ะ?” ฉู่จื่ออวี้ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ทว่า เมื่อมองหน้าของเซียวเจวี๋ย ก็พบว่าเขายังมีสีหน้าดั่งเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังสงบเสงี่ยม มองฉู่จื่ออวี้ด้วยสีหน้าและท่าทีนิ่งๆ
ฉู่จื่ออวี้มองอยู่ชั่วครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าทำไม ถึงช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขาไม่เข้าใจจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเซียวเจวี๋ยสนใจชิงอีอยู่นิดหน่อย ยังจะมาปฏิเสธอีก
ส่วนพี่หญิงของเขานั้น...
ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงเสียดีกว่า
ด้วยอารมณ์โมโหร้ายอย่างไร้เหตุผล คาดว่าทั้งราชวงศ์เหยียน มีคนไม่มากนักที่รอดมาได้ แล้วก็มีพี่ใหญ่เซียวนี่แหละที่สามารถควบคุมนางได้
“ข้ายังคิดอยู่เลย ว่าเมื่อไรข้าจะได้เรียกท่านว่าพี่เขยสักที” ฉู่จื่ออวี้พึมพำ
เซียวเจวี๋ยแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน แล้วขอตัวลาและเดินจากไป
ฉู่จื่ออวี้รีบหยุดเขาไว้ จากนั้นก็สั่งให้คนนำบางสิ่งเข้ามา เพื่อมอบมันให้กับเซียวเจวี๋ย
“สิ่งนี้คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“นี่คือยากล่อมประสาทที่เพิ่งได้มาจากหมอหลวง ข้าเดาว่าตื่นขึ้นมา นางคงรู้สึกไม่สบายจากอาการเมา แต่ข้ามีเื่ที่ต้องทำมากมาย เช่นนั้นข้ารบกวนพี่ใหญ่เซียวช่วยนำไปให้นางหน่อยแล้วกัน” ฉู่จื่ออวี้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เซียวเจวี๋ยมองไปยังกล่องยาในมือครู่หนึ่ง ่เวลาแห่งความเงียบงันเผยให้เห็นจิตใจอันซับซ้อน ท่าทางเช่นนี้ของฉู่จื่ออวี้ที่ทำเอาเขาพูดไม่ออก
“...องค์รัชทายาท ช่างเอาใจใส่นางจริงๆ”
“พี่ใหญ่เซียวก็พูดไป นางเป็พี่หญิงของข้า พี่สาวคนโตก็เป็เหมือนท่านแม่ แน่นอนว่าในฐานะน้องแล้ว ก็ต้องเอาใจใส่ดูแลผู้าุโอยู่แล้ว”
“เรียนแล้วนำมาใช้ ดีมาก”
เซียวเจวี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึก รับกล่องยามา แล้วหันหลังเดินออกไปโดยไม่บอกกล่าว
ฉู่จื่ออวี้ลอบหัวเราะ และพึมพำกับตัวเองว่าฉู่ชิงอี ต่อไปอย่ามาพูดก็แล้วกัน ว่าน้องชายอย่างข้าไม่ช่วยท่าน
ขันทีหลี่อวี้ที่มองอยู่ข้างๆ ลอบยิ้มเช่นกัน ทว่า เขากังวลเล็กน้อย “องค์รัชทายาท ดูเหมือนว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะไม่ค่อยมีความสุขนะพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉู่จื่ออวี้เหลือบมองมาที่เขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดว่า “ใครสั่งให้เ้าพูด?”
หลี่อวี้กล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉู่จื่ออวี้หันกลับมาพร้อมกับเชิดคางขึ้น ทำให้ดูเหมือนคนที่หยิ่งยโสอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดว่า “ข้าก็เห็นว่าเขาดูมีความสุขจะตายไป”
ทุกคนในตำหนักเชียนชิวรู้ดีว่าเ้าหญิงของพวกเขาเป็คนดื้อรั้น จู้จี้จุกจิก และชอบทำตัวเหมือนปีศาจ
การกระทำเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก่อให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนไก่หมากระเจิง และได้กำเนิดดอกไม้ที่หายากที่เลี้ยงในเรือนกระจก ไม่สิ ดอกไม้ที่บอบบางต่างหาก
แน่นอนว่านางไม่สามารถทนต่อความทุกข์ทรมานจากอาการเมานี้ได้ เถาเซียงและต้านเสวี่ยเองก็นำซุปแก้เมาค้างมาให้นาง ทว่า ไม่นานนัก นางก็อาเจียนออกมา และร้องโอดครวญจากอาการปวดหัว ปวดไหล่ และปวดเมื่อยตามร่างกาย ทั้งยังมีเสียงท้องร้องโครกรากเนื่องด้วยความหิว
พอเอาอาหารเข้าปากไม่ทันไร ก็อาเจียนออกมาอีก
เป็ถึงเ้าแห่งปรโลกผู้สง่างาม กลับถูกฤทธิ์เหล้าของโลกมนุษย์สยบ อับอายขายขี้หน้าราวกับลูกเจี๊ยบ
สองสาวน้อยกังวลจนเหงื่อแตกพลั่ก คิดที่จะเชิญหมอหลวงมา ทว่า ชิงอีกลับปฏิเสธอยู่เรื่อย ในตำหนักเชียนชิวแห่งนี้มีพลังหยินผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็ว ทำให้นางยังคงร้องโอดโอย เพราะความร้อน จึงสั่งให้พวกนางไปเปิดประตู
สาวน้อยทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเปิดประตูตำหนัก ทว่า เมื่อเปิดประตูไป พวกนางก็เห็นเซ่อเจิ้งอ๋องที่ยืนนิ่งอยู่นอกตำหนัก
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงเสด็จมาที่นี่ได้ล่ะเพคะ?” เถาเซียงพูดด้วยความประหลาดใจ
เซียวเจวี๋ยกระตุกมุมปาก ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ผ่านมา”
“ไม่ใช่สิ ที่ตั้งของตำหนักเชียนชิวอยู่ห่างไกลขนาดนี้ ท่านจะ...” ยังไม่ทันที่เถาเซียงจะพูดจบ ต้านเสวี่ยก็หยุดนางไว้เสียก่อน
เ้าโง่ ไม่มีสมองหรือไร แน่นอนว่าท่านอ๋องต้องมาเยี่ยมองค์หญิงอยู่แล้ว ใครจะมาเดินผ่านทางนี้กัน? เขาก็แค่ปากแข็ง ไม่ยอมรับเท่านั้นแหละ หากเ้าพูดเช่นนี้ มันก็เท่ากับไล่เขาไปไม่ใช่หรือ?
“ท่านอ๋องเพคะ ในเมื่อมาแล้ว เข้ามาดื่มชาก่อน แล้วค่อยออกไปจะดีกว่านะเพคะ” ต้านเสวี่ยก้าวไปข้างหน้า และยืนขวางทางกลับของเซียวเจวี๋ยพอดิบพอดี เถาเซียงเห็นเช่นนั้นก็รีบตอบสนองทันที โดยการมายืนกั้นอีกข้างไว้
ถูกล้อมรอบทั้งซ้ายขวา จึงเหลือเพียงทางเดียวคือทางเข้าตำหนักเชียนชิว
ท่าทางเช่นนั้น เป็การเชิญชวนไปดื่มชาเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็การผลักคนเข้าไปในถ้ำเสือต่างหาก
เซียวเจวี๋ยลอบมองนางกำนัลทั้งสอง และเอ่ยปากออกมาว่า “เดี๋ยวนี้พวกเ้าช่างจงรักภักดีต่อนางเสียจริง”
หญิงสาวทั้งสองถึงกับตัวสั่นเทา อย่างไรเสีย แรกเริ่มเดิมทีพวกนางก็มาจากจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง จะไม่ให้พวกนางหวาดกลัวเซียวเจวี๋ยได้อย่างไร ยิ่งในยามนี้ที่รู้ตัวว่าการกระทำของตนอาจหาญเพียงใด แข้งขาก็ถึงกับอ่อนเปลี้ย ไร้เรี่ยวแรงไปเลยทีเดียว
สองสาวเตรียมจะสารภาพผิด ทว่า เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นกลับเห็นว่าเซียวเจวี๋ยเดินเข้าไปในตำหนักเชียนชิวแล้ว พวกนางมองหน้ากัน และถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย
แน่นอนว่าการอยู่กับองค์หญิงเป็เวลานาน แม้กระทั่งความกล้าหาญของพวกนางก็เพิ่มตามไปด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าขวางทางท่านอ๋อง
ทันทีที่เซียวเจวี๋ยเข้าไปในห้อง ก็รู้สึกได้ถึงพลังหยินรอบๆ ตัว เขาหรี่ตาลง พลางคิดว่านางคงกำลังเพลิดเพลินกับมัน ไม่คิดว่าจะใช้แหวนจื่อจินไวขนาดนี้
ชิงอีนอนอยู่ในลานบ้านและแสร้งตาย แต่ใบหน้าซีดเซียวราวกับขาดอาหารมานาน รวมไปถึงการทุกข์ทนทรมานจากอาการเมานั่นเป็ของจริง ก่อนหน้านี้ นางยืนกรานที่จะจัดการกับเ้าเด็กอ้วน แล้วก็จัดการกับพวกหวังฮู่ได้อย่างไรกัน? นางนับถือตนเองจริงๆ!
ทันทีที่ชิงอีหันหน้ามา นางก็เห็นเซียวเจวี๋ยกำลังเดินมา
เขาย่างเดินทีละก้าวพร้อมกับแสงด้านหลัง ถึงจะมองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด ทว่า ก็ไม่สามารถซ่อนความสง่างามที่แผ่ออกมาภายใต้แสงและเงา ขนาดแสงยังดูเหมือนไล่ตามหลังเขามา
ตาของชิงอีเป็ประกาย ทันใดนั้น นางก็ะโขึ้นจากตั่ง ยกมือปิดใบหน้า และพูดกับเขาว่า “เดี๋ยวก่อน ท่านอย่าเพิ่งเข้ามา” หลังจากพูดจบ นางก็รีบหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง
เซียวเจวี๋ยมองด้วยความสงสัย นางคิดจะทำอะไรอีกแล้ว?
เมื่อนางกำนัลทั้งสองเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็สับสนเช่นกัน ไม่ใช่ว่าท่าทางขององค์หญิงใหญ่เมื่อครู่ ราวกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดพอเจอเซ่อเจิ้งอ๋องถึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ล่ะ?
ไม่นานนัก ก็มีสาวงามผู้มีเสน่ห์ยั่วยวนท่านหนึ่ง ไม่สิ หญิงงามในชุดแดงค่อยๆ เดินกรีดกรายออกจากในห้อง ด้วยรูปลักษณ์ที่ต่างออกไป ใบหน้าถูกแต่งด้วยความประณีต รวมไปถึงริมฝีปากสีแดงราวกับมีเืไหลออกมา
เอ่อ...
เซียวเจวี๋ยถึงใเล็กน้อย
เถาเซียงและต้านเสวี่ยก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ เมื่อครู่ที่องค์หญิงรีบเร่ง...ก็เพื่อไปแต่งหน้างั้นหรือ?
ด้วยการแต่งหน้าที่งดงาม ทำให้ชิงอีมีความมั่นใจหลายร้อยเท่าอย่างไม่มีเหตุผล ล้อเล่นน่ะ รูปลักษณ์ที่ซีดเซียวของนางเมื่อครู่ หากไปอยู่ตรงหน้าเซียวเจวี๋ยแล้ว ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้เ้าหนุ่มน้อยผู้นี้หล่อดูดีขึ้นกว่าเดิมหรือไร?
ใบหน้างามคือเกราะของหญิงสาว ต่อให้ไม่สบายแค่ไหน ก็ห้ามเสียหน้าต่อผู้อื่นเด็ดขาด โดยเฉพาะต่อหน้าเ้าหนุ่มน้อยผู้นี้!
“คงจะเป็ลมปีศาจลูกใหญ่ที่พัดพาเซ่อเจิ้งอ๋องมาที่นี่สินะ” ชิงอีเท้าสะเอว เลิกคิ้วขึ้น และจ้องมาที่เขา ท่าทางที่หยิ่งผยองเช่นนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใช่คนเดียวกับคนที่ทุกข์ทรมานก่อนหน้าหรือไม่ หรือทั้งหมดเป็เพียงการแสดง
ใบหน้าที่ราวกับอยากตายและทนทุกข์ทรมาน
เซียวเจวี๋ยคิด
“แค่ผ่านมา” เซียวเจวี๋ยพูด
“ผ่านมาก็ผ่านมา เช่นนั้นท่านเข้ามาในตำหนักเชียนชิวของข้าทำไมล่ะ?” ใบหน้าของชิงอีที่ดูไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าคนผู้นี้ต้องมาดูเื่ที่น่าอายของนาง
เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้ว หยิบกล่องยาออกมา แล้วโยนมันลงในมือของนาง แล้วหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกไป
เถาเซียงและต้านเสวี่ยเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ก็รีบเข้าไปหาเขา อย่างแรกคือขวางทางก่อน จากนั้น ค่อยรีบแก้ไขสถาการณ์อย่างรวดเร็ว “ท่านอ๋องแค่เสด็จผ่านมาเป็เื่จริงเพคะ เป็หม่อมฉันเองที่เชิญเขาเข้ามาดื่มชา”
ต้านเสวี่ยที่เห็นกล่องยาในมือของชิงอีก็พูดออกมาว่า “ท่านอ๋องเองก็ทรงใจดีเหมือนกันนะเพคะ คิดว่าองค์หญิงคงจะปวดหัวจากอาการเมา เลยนำยามาให้”
“เ้าแน่ใจหรือว่านี่คือยา?”
ชิงอีเปิดกล่องยา และหยิบมันออกมาด้วยท่าทางเยาะเย้ย
หลังจากที่เถาเซียงแลต้านเสวี่ยเห็นมัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจทันที จากนั้นจึงมองไปยังเซียวเจวี๋ยอย่างคลุมเครือ
คุณพระช่วย ท่านอ๋อง ท่านเองก็เป็คนปากอย่างใจอย่างเหมือนกันสินะเพคะ
เซียวเจวี๋ยสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ก็หันกลับไปมองด้วยใบหน้าที่แข็งกระด้าง
สิ่งที่อยู่ในกล่องยา มันคือเชือกถักสีแดงเส้นหนึ่งที่มีความหมายว่ารักกันกลมเกลียวตลอดไป ซึ่งมีไว้สำหรับคู่แต่งงาน...
