ร้านภัตตาคารฉือเซ่อมักจะมีงานจัดเลี้ยงเสมอ งานจัดเลี้ยงเป็สิ่งหนึ่งที่สร้างผลกำไรได้มากสำหรับภัตตาคาร แม้ว่าสำนักงานใหญ่ของภัตตาคารจะต้องใช้กำลังคนจำนวนมากก็ตาม แต่เช่นนี้ก็ไม่จำเป็ต้องมีที่นั่งมากในภัตตาคาร ทั้งยังสามารถสร้างรายได้เป็จำนวนมาก ซึ่งทางสำนักงานใหญ่ก็ได้ให้ความสำคัญกับเื่นี้เป็อย่างมาก
อี้สี่เริ่มทำงานเมื่อวาน เฉินเจี้ยนฉวินจึงได้พาเธอไปเตรียมวัตถุดิบบางอย่างที่ยามปกติภายในครัวไม่ได้ใช้กัน เช่น หั่นขนมปังเป็ชิ้นพอดีคำแล้วอบให้แห้งกรอบ จากนั้นเผาพริกแดงจนเปลือกด้านนอกเป็สีดำ ปอกเปลือกพริกแดงออกแล้วสับจนละเอียด หรือการอบเค้กสักก้อน ปาดครีมลงบนเค้ก หั่นเป็ชิ้นพอดีคำแล้วโรยหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รีและบลูเบอร์รีผ่าครึ่ง เตรียมกองส่วนผสมที่สับจนละเอียดไว้ โดยเตรียมใบโหระพาที่เด็ดไว้แล้ว ใบสะระแหน่สองใบ และเตรียมส้มดองน้ำผึ้งบรรจุในถุงซิบล็อกมาวางไว้ในกล่องอาหารอย่างเรียบร้อย
เบื้องหน้าเธอมีรายการอาหารรายการหนึ่ง ซึ่งส่วนผสมแต่ละอย่างถูกระบุไว้เป็หมวดหมู่ อันที่จริงแล้วมีอาหารอยู่เพียงหกคอร์สเท่านั้น ทว่าเมนูกลับมีมากกว่าสามสิบรายการที่ต้องจัดเตรียม โดยหลังจากจัดเตรียมแต่ละรายการแล้วก็ให้ทำเครื่องหมายลงในช่องข้างๆ ซึ่งเป็ระเบียบมาก
ซ่งจื่อฉีเรียกอี้สี่ให้มาหา อี้สี่รู้สึกอึดอัดที่ต้องเผชิญหน้ากับซ่งจื่อฉีเพียงลำพัง แต่เมื่อถึงเวลาทำงานเธอก็ต้องรักษาสติสมาธิเอาไว้ให้ดี ซ่งจื่อฉีพูดว่า “คืนพรุ่งนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงและพวกเราจะทำของว่างในร้านกัน่บ่าย ตอนเย็นคุณกับว่ายฉางจะไปที่งานจัดเลี้ยงด้วยกัน สิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายมากซึ่งก็คือจัดวางใบสะระแหน่ลงบนติ่มซํา และทาพริกหวานบดลงไปบนตัวขนมปังปิ้ง ขนมบางชนิดต้องมีการประดับตกแต่ง คุณเพียงแค่ใส่ของประดับลงไปก็เป็อันเสร็จ แล้วสุดท้ายก็จัดวางของว่างบนจาน”
ติ่มซำทั้งหกชิ้นเป็แบบเค็มสามหวานสาม ซ่งจื่อฉีปาดพริกหวานบดให้เรียบเท่ากัน ใช้ที่บีบครีมรูปทรงกลีบดอกไม้บีบครีมเปรี้ยวลงไปบนพริกหวานก้อนหนึ่งและเติมพริกไทยลงไปเป็อย่างสุดท้าย ส่วนอีกอันจะเรียบง่ายกว่าเป็เพียงมะเขือเทศเสียบไม้กับก้อนมอสซาเรลล่าชีส แต่ในส่วนของของหวาน นอกจากเค้กสี่เหลี่ยมที่ใส่สตรอว์เบอร์รีกับบลูเบอร์รีแล้ว ยังมีมาเดอแลนเคลือบด้วยช็อกโกแลต กับเค้กหน้าส้มอบแห้งสีเหลืองทองสวย “จําไว้ว่าควรวางเค้กสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป็รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนบนถาดเหล็ก” เขาวางเค้กทั้งสามชิ้นเป็รูปสี่เหลี่ยมเปียกปูนสามชิ้น แม้จะเหมือนกันแต่กลับดูหรูหรามากขึ้นทันที “สิ่งเหล่านี้ดูแล้วไม่น่าอัศจรรย์ แต่เวทมนตร์จะอยู่ในรายละเอียดเล็กๆ เสมอ” ซ่งจื่อฉีพูด
เบื้องหน้าอี้สี่มีถาดเหล็กถูกจัดวางเรียงเป็แถว มะเขือเทศเสียบไม้กับมอสซาเรลล่าชีส ทาร์ตกุ้ง ทาร์ตพริกหวาน มาเดอแลน เค้กทรงสี่เหลี่ยมกับชิ้นส้มเชื่อมสีแดงสีเหลืองถูกจัดเรียงตามแนวขวาง สีสันสวยงามน่าดึงดูด และถาดเหล็กก็ทำให้สิ่งเหล่านี้มีระดับมากขึ้น เธอรีบถ่ายรูปทุกรายละเอียดอย่างรวดเร็ว
เฉินเจี้ยนฉวินเดินเข้ามา ในครัวตอนนี้มีแค่ซ่งจื่อฉีที่กำลังสอนอี้สี่อยู่เท่านั้น แม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้ไปตั้งนานแล้ว ก็ยังคงยืนฟังอยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ โดยกลัวว่าเขาจะพลาดรายละเอียดที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นไป “เชฟครับ อี้สี่ไม่เคยไปงานจัดเลี้ยงมาก่อน แม้ว่าพรุ่งนี้ผมจะหยุด แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร ถ้าสามารถเปลี่ยนวันหยุดได้ ผมก็สามารถไปช่วยเธอได้” เฉินเจี้ยนฉวินพูด
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด อี้สี่ก็รู้สึกมีความสุขและคิดว่าเขาช่างมีน้ำใจมากๆ
ทว่าซ่งจื่อฉีปฏิเสธทันทีโดยไม่คาดคิด “ลาพักก็ต้องลาพัก อย่ายุ่งกับตารางงานของฉันและทุกคนก็ต้องเติบโตขึ้น ต้องให้โอกาสคนอื่นได้แสดงฝีมือบ้าง”
“ฉันรู้สึกว่าฉันเพิ่งมาที่นี่ และถ้าต้องไปคนเดียวก็คงต้องรู้สึกประหม่ามากจริงๆ ค่ะ” อี้สี่รีบพูดเพื่อให้เฉินเจี้ยนฉวินได้ไปด้วยกัน
“ผมเชื่อว่าคุณจะไม่ประหม่า” ซ่งจื่อฉีพูดอย่างหนักแน่น เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของอี้สี่ พูดด้วยเสียงกระซิบว่า “ถ้าคุณประหม่า คุณจะต้องไม่กล้าแอบมองคนอื่น การที่คุณกล้าที่จะแอบมองมันก็คือการพิสูจน์ความกล้าหาญของคุณแล้ว” ระดับเสียงนี้ไม่ได้มีการหลบเลี่ยงความสงสัยแต่อย่างใด ใบหน้าของอี้สี่เปลี่ยนเป็สีแดงทันที ั้แ่ต้นจนจบเธอก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ต่างกับซ่งจื่อฉีซึ่งเขาก็พูดออกมาอย่างสบายๆ และตรงไปตรงมา
“แอบมองอะไรเหรอ?” เฉินเจี้ยนฉวินสงสัย
“หลังจากชิมของว่างทั้งหกนี้เสร็จแล้ว จำรสชาติไว้ด้วย จะมีลูกค้าหลายคนที่เห็นว่าคุณใส่ชุดเชฟแล้วจะมาถามคุณว่ารสชาติมันเป็ยังไง” ซ่งจื่อฉีเตือนอี้สี่อีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แอบมองอะไรกันเหรอ?” เฉินเจี้ยนฉวินไม่ยอมแพ้
ซ่งจื่อฉีม้วนกระดาษเมนูแล้วตีไปที่หัวของเฉินเจี้ยนฉวิน “ไปทำสิ่งที่นายควรทำซะ พูดจาไร้สาระอะไร” หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องครัวไปทันที
เฉินเจี้ยนฉวินขยับเข้ามาใกล้อี้สี่อีกครั้ง “แอบดูอะไรงั้นเหรอ? คุณเห็นสมุดบันทึกของเชฟใช่ไหม บอกผมหน่อยสิว่าข้างในมันเขียนว่าอะไร? วางไว้ที่ไหน?”
“ไม่มีอะไร!” อี้สี่ส่ายหัว พยายามไล่เฉินเจี้ยนฉวินที่น่ารำคาญด้วยการแกล้งทำตัวให้ยุ่ง
ในขณะที่อาเฉียงเดินเข้ามาก็ได้ยินเฉินเจี้ยนฉวินถามอี้สี่ว่าแอบดูอะไรย้ำๆ ซ้ำๆ จนรู้สึกรำคาญ จึงพูดออกมาว่า “แอบดูคนกำลังดูดแท่งตรงหว่างขาไงเล่า! นายมันน่ารำคาญ! ถามอยู่ได้”
อี้สี่สะดุ้ง ส้อมที่อยู่ในมือร่วงลงบนพื้นจนเกิดเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าอาเฉียงพูดไปโดยไม่คิดอะไร แต่ก็ตรงประเด็นโดยไม่ได้ระวังเลยเช่นกัน
“หน้าแดงมากเลยนี่ โตๆ กันแล้วน่า ไม่เคยดูดมันมาก่อนงั้นเหรอ?” อาเฉียงหยอกอี้สี่ แม้ว่าจะล้อเล่นอย่างหยาบคาย แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ดุเธออีกเลยทั้งที่ทำอะไรได้ไม่ดี
เย็นวันถัดมา สถานที่จัดเลี้ยงอยู่ริมสระว่ายน้ำในบริเวณสวนส่วนตัวบนเขาหยางิ ภัตตาคารฉือเซ่อส่งคนที่ทำงานเบื้องหน้ามาหกคนและเื้ัมาหนึ่งคน อามีและจินอิ๋นขับรถมินิบัสโฟล์คสวาเกนทีสี่ มีอุปกรณ์มากมายมาด้วย แก้วไวน์แดงสองตะกร้า แก้วค็อกเทลสองตะกร้า และแก้วน้ำสามตะกร้า รวมทั้งหมดเป็ครึ่งคันรถ นอกจากนี้ยังมีกล่องที่บรรจุจนเต็มแน่นไปด้วยสิ่งของ เช่น กระดาษเช็ดจานและอุปกรณ์อื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องดื่มที่แผนกเบื้องหน้าได้เตรียมไว้ น้ำแร่สองยี่ห้อยอดนิยมแล้วยังมีไวน์แดงอีก พร้อมทั้งส่วนผสมในการทำน้ำพันช์อีก ส่วนของว่างจะวางซ้อนกันบนถาดเหล็กที่มีฝาปิด นอกจากนี้ยังมีกระติกสำหรับแช่เย็นขนาดใหญ่โดยภายในมีส่วนผสมที่ต้องประกอบในงานเลี้ยง
การกินข้าวด้านนอกไม่สู้กินที่ภัตตาคาร โดยคนหนึ่งต้องทำงานเหมือนสองคน ไม่ว่าจะเป็เพศไหนก็ต้องช่วยกันขนของขึ้นรถ อามีหยิบรายการมาดูอย่างละเอียดด้วยกลัวว่าจะพลาดอะไรไป และอย่าดูถูกขนาดที่เล็กของของว่าง ด้วยเมื่อวางบนถาดเหล็กก็จะมีน้ำหนักมาก อี้สี่ยกอาหารเข้าไปในรถ หลังจากจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยแล้วก็ถึงกับหอบหายใจ งานในร้านอาหารไม่มีความแตกต่างระหว่างชายหญิง ไม่ใช่ว่าเพราะอ่อนแอแล้วจะขยับน้อยลงได้ มันคืองานที่ต้องอาศัยแรงกายอย่างแท้จริง “อาหารอยู่บนรถหมดแล้วใช่ไหม? งั้นรบกวนคุณช่วยถือตะกร้าสามใบนั้นไปที่รถของจินอิ๋นหน่อยสิ” อามีนับจำนวนถาดเหล็กพลางเอ่ยสั่งงานกำกับอี้สี่ต่อไป
ตะกร้าทั้งสามตะกร้านั้นเป็ถาดและอุปกรณ์ประกอบที่ต้องใช้ตกแต่งภายในงาน ดังนั้นจึงหนักมาก อี้สี่ต้องออกแรงอย่างมากเพื่อยกมัน และรู้สึกว่ามันค่อนข้างเกินความสามารถของเธอเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือเลย ทำเพียงกัดฟันทำให้เสร็จ เมื่อจินอิ๋นเห็นก็ได้รีบเข้ามาช่วย “คุณไม่จำเป็ต้องดูเข้มแข็งในการยกของก็ได้ ถ้า้าความช่วยเหลือก็เรียกสิ ไม่งั้นคุณจะได้รับาเ็จนไม่สามารถทำอะไรได้ และก็ทำให้ทุกคนเหนื่อยเพิ่มขึ้น” เขาพูดจริงจัง อี้สี่พยักหน้า เธอรู้ดีว่าถึงแม้ว่าใครๆ จะชอบล้อเล่นในเวลาว่าง แต่พวกเขาก็จริงจังกับการทำงานมาก แม้ว่าอามีและจินอิ๋นจะดูเด็กมาก แต่จริงๆ แล้วพวกเขาโตแล้ว พวกเขาชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ควรมองพิจารณาอย่างจริงจัง “จินอิ๋น อี้สี่ พวกเธอยกเครื่องดื่มและอาหารขึ้นรถไปก่อน เสี่ยวิ่ ฉิงเหวิน เฉินจั่วชวน และย้าลี่ไปขึ้นรถของฉัน” อามีสั่ง
อี้สี่เหงื่อออกมากตอนที่อยู่ในรถ ความรู้สึกกังวลเดิมแต่ทีได้ถูกหลงลืมไปแล้วเนื่องด้วยตารางงานที่ยุ่ง “ไม่คิดว่าจะต้องเตรียมของเยอะแยะหลายอย่างเพื่อประกอบอาหารเลย” เธอพูด
“เยอะเหรอ? นี่ยังน้อยนะ วันนี้มีคนแค่ห้าสิบคนเท่านั้นเอง และสถานที่ก็มีโต๊ะให้อยู่แล้ว บางครั้งพวกเรายังต้องเอาโต๊ะมาเองด้วยนะ!” จินอิ๋นพูดขณะขับรถ คงจะเพราะต้องทำสมาธิในสิ่งที่จะต้องเจอเขาจึงเงียบกว่าปกติ โดยปกติเวลาที่เขาพูดเล่น เขาดูค่อนข้างน่ารักแล้วก็เ้าเล่ห์นิดหน่อย แต่ตอนนี้เขาสงบนิ่ง แน่วแน่ และดูน่าเชื่อถือมาก การที่มานั่งข้างๆ มองดูเขาขับรถ อี้สี่รู้สึกว่าจริงๆ แล้วจินอิ๋นก็ดูมีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ได้
“เราน่าจะไปถึงเวลาประมาณห้าโมงสี่สิบนาที งานเลี้ยงจะเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม แต่แขกมักจะเริ่มมาถึงงานตอนหกโมงครึ่ง ดังนั้นเราจะมีเวลาเตรียมตัวเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ผมต้องจัดการเตรียมบาร์ให้พร้อมก่อน จากนั้นผมจะขอให้อามีมาช่วยคุณหน้างานด้วย” จินอิ๋นวิเคราะห์ “คุณกังวลหรือ?” เขาถาม
“ตอนนี้ไม่เป็ไรแล้วค่ะ” เมื่อจินอิ๋นพูดแบบนี้ อี้สี่ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
จินอิ๋นหัวเราะเล็กน้อย “อันที่จริงสิ่งที่เครียดที่สุดก็คือความกดดันด้านของเวลา เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง”
รถทั้งสองคันมาถึงเกือบจะพร้อมๆ กัน ดังนั้นจึงทำการขนย้ายสิ่งของต่างๆ เหมือนกับขามา ซึ่งก็เหนื่อยเช่นกัน อามีรู้สึกเหมือนเคยมาที่นี่มาก่อน และเนื่องจากเธอคุ้นเคยจึงได้พาอี้สี่ไปที่โต๊ะกลมเรียบๆ ที่อยู่ภายใน “อาหารจะถูกนำมาวางไว้ที่นี่ก่อน อี้สี่คุณก็เริ่มประกอบอาหารก่อน จากนั้นก็นำอาหารลงจาน เดี๋ยวพวกเบื้องหน้าจะมารับอาหารไป” อามีเป็เหมือนผู้กำกับรายการ เช่นเดียวกับจินอิ๋น อี้สี่ที่เคยเห็นพวกเขาเพียงด้านที่สนุกสนาน แต่ความจริงจังของเธอในเวลานี้ช่างน่าเกรงขาม ในขณะที่ทำตามคำสั่งของอามี ชายหนุ่มทั้งสองคนเฉินจั่วชวนและย้าลี่ได้ช่วยย้ายถาดที่ใส่อาหารไว้ทั้งหมดมาที่โต๊ะตัวนี้หมดแล้ว “วันนี้มีเสิร์ฟห้าสิบที่ ดังนั้นจากทั้งหกอย่างแบ่งเป็เซตละยี่สิบห้าที่ให้ฉันก่อน ฉันจะไปจัดโต๊ะอาหารก่อน ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆ จัดการไปนะ” อามีสั่งอีกครั้ง
อี้สี่ดูเวลาแล้วดูเวลาอีก แน่นอนว่ามีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการจัดเตรียมเท่านั้น ในเวลาครึ่งชั่วโมงต้องเตรียมของว่างหนึ่งร้อยห้าสิบชิ้น ความกดดันของเวลานั้นช่างหนักหนาจริงๆ เธอไม่กล้าคิดอะไรมากมาย ดังนั้นจึงทำได้เพียงเริ่มต้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น พลางมองดูเวลาเป็ครั้งคราว หัวใจเธอเต้นเร็วมาก และมือก็สั่นเล็กน้อย
โชคดีที่ห้องครัวจัดเตรียมวัตถุดิบมาอย่างดี การประกอบจัดจานจึงทำได้อย่างไม่ช้านัก โต๊ะทานอาหารด้านนอกถูกจัดวางอย่างรวดเร็ว ดังนั้นอามีจึงให้เสี่ยวิ่และฉิงเหวินเข้ามาช่วยอี้สี่ เสี่ยวิ่เพิ่งมาใหม่เหมือนอี้สี่ เธอมีรูปร่างตัวเล็กน่ารัก ดวงตากลมโต เป็คนประเภทที่ผู้ชายจะชอบ แต่เธอคงเคยทำงานในร้านอาหารมาก่อน ดังนั้นมือและเท้าของเธอจึงว่องไวมาก เธอดูการทำอาหารของอี้สี่และเริ่มทำมันอย่างรวดเร็ว ทว่าฉิงเหวินนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า ตอนที่เธอมาถึงอันดับแรกก็ได้จัดเคาน์เตอร์รกๆ ที่อี้สี่ทำไว้อย่างรวดเร็ว แล้ววางประกอบทีละขั้นตอน จากนั้นค่อยจัดเป็หมวดหมู่เพื่อว่าเมื่อเติมอาหารทีหลังจะได้ราบรื่นขึ้นและลดความสับสนให้น้อยลง
“จินอิ๋นอยู่ที่ไหนคะ?” อี้สี่ถามขณะกำลังทำงานอยู่ ซึ่งนี่กลายเป็การพึ่งพาอาศัยกันอย่างอธิบายไม่ได้ พอได้เห็นเขา อี้สี่ก็จะรู้สึกสบายใจมาก
“เขาเป็คนที่ยุ่งที่สุด เขาต้องเตรียมน้ำพันช์ แล้วยังต้องเตรียมไวน์และเครื่องดื่มต่างๆ” ฉิงเหวินพูด ฉิงเหวินก็เหมือนกับอี้สี่ ไม่ใช่คนที่หน้าตาดี แต่เธอเป็มิตรดูใจดี และมัดผมหางม้าอย่างเรียบร้อยเช่นเดียวกับอี้สี่
“ฉันคิดว่าเขาหล่อมาก อาจจะหล่อที่สุดในเบื้องหน้าเลย แต่น่าเสียดายที่เป็เพียงตัวสำรอง จบสัปดาห์นี้เขาก็จะต้องกลับไปที่ร้านของเขาแล้ว” เสี่ยวิ่พูด
“เขาถูกนำตัวมาจากบาร์เหล้าเพื่อมาแทน ถ้าคุณชอบเขา คุณสามารถทำเื่ย้ายร้านได้นะ”
“ฉันไม่ได้ชอบหรือว่าไม่ชอบ ก็แค่พูดเฉยๆ” เสี่ยวิ่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ฉิงเหวินไม่ได้สังเกตเห็นความเขินอายของเสี่ยวหมินจึงลดเสียงลงแล้วพูดต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปชอบ เขาเป็นักล่าแต้มที่ดังมากในกลุ่มของเรา”
“นักล่าแต้มเหรอ?” อี้สี่พูดด้วยความประหลาดใจ จินอิ๋นดูไม่ใช่คนที่อันตรายเลย
“ใช่ แต่ก็ไม่มีใครหักอกเขาได้เลย พูดได้คำเดียวว่าเขาหล่อมากจริงๆ” ทั้งสามสาวยังคงซุบซิบกันต่อไป และอาหารถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
มีแขกมามากขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าเองก็เริ่มมืดลง เสี่ยวิ่และฉิงเหวินถูกย้ายกลับไปคอยให้บริการที่ด้านนอกก่อนที่จะมีแขกเข้ามามากมาย อี้สี่ได้เดินไปที่สวนเพื่อตรวจงาน ข้างริมสระว่ายน้ำมีโต๊ะยาวปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีดำสองตัว อาหารถูกจัดวางเรียงสูงต่ำตามลำดับบนชั้นอะคริลิกใสดูหรูหรามาก นอกจากนี้ยังมีดอกไม้ประดับดาและของตกแต่งอยู่ข้างๆ ให้บรรยากาศไฮโซ ส่วนโต๊ะยาวอีกตัวหนึ่งเต็มไปด้วยแก้วไวน์แวววาว น้ำแร่สองแบรนด์ดัง รวมถึงเครื่องดื่มน้ำอัดลมสีฟ้าแช่เย็น แล้วก็มีไฟส่องสว่างใต้อ่างเครื่องดื่มซึ่งดูน่าตื่นตาและงดงามมาก
จินอิ๋นผูกผ้ากันเปื้อนรอบเอว เส้นผมถูกจัดแต่งอย่างดีเสื้อเชิ้ตสีดำและผ้ากันเปื้อนสีดำทำให้เขาผอมเพรียวมาก เนื่องจากมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก เขาจึงเปลี่ยนขวดไวน์เพื่อทิ้งให้ไวน์หายใจก่อนดื่ม ท่าทางการเปลี่ยนขวดไวน์นี้สวยงามมาก โดยยกขวดไวน์แดงขึ้นสูง เทไวน์แดงให้ไหลออกมาช้าๆ เบาๆ ให้ลงไปในเหยือกโดยไม่ให้หกออกมา เขาทั้งมั่นใจและคล่องแคล่ว แขกมากมายทั้งชายหญิงต่างก็ถูกดึงดูดสายตาจับจ้องไปทางจินอิ๋นโดยสมบูรณ์ พวกเขาพากันเดินไปที่หน้าโต๊ะราวกับว่าอยากพูดคุยกับเขาสักสองสามคำ อามี เฉินจั่วชวนและย้าลี่ต่างก็ดูดีเช่นกัน พวกเขาต่างก็เดินถือถาดแก้วไวน์และแก้วน้ำอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดูสูงสง่าและดูดีเป็อย่างมาก เสี่ยวิ่และฉิงเหวินถือถาดกระจกที่มีของว่างอยู่เพื่อให้แขกสามารถทานอาหารได้ตลอดเวลา
เมื่อก่อนอี้สี่ไม่เคยคิดเลยว่าคนพวกนี้ที่ถือถาดอาหารและเครื่องดื่มจะมีความพิเศษอะไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพวกเขาต่างก็เป็มืออาชีพ ภาพที่สวยงามราวกับความฝันขนาดนี้ เกิดขึ้นได้จากการที่ทุกคนแบ่งงานกันอย่างเป็ระบบระเบียบแล้วร่วมมือกันอย่างรวดเร็ว คนเสิร์ฟอาหาร คนทำเครื่องดื่ม และคนทำอาหาร นี่มันไม่ใช่งานง่ายๆ เลย ทุกอย่างต้องใช้สมองและกำลังกายจึงจะสำเร็จ ความหล่อเหลางดงามของพวกเขามาจากความมั่นใจในตนเอง และความมั่นใจในตนเองมาจากการรู้ว่าความเชี่ยวชาญของตัวเองอยู่ที่ไหน
ไม่ว่าจินอิ๋นจะรินหรือเชคเหล้าก็เป็เหมือนซูเปอร์สตาร์ในตอนนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดึงดูดความสนใจของสาวๆ เมื่อตอนที่เขาเชคเหล้าในแก้วเชค อี้สี่ก็ได้สบตาเขาเข้า เขาส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามันเป็เพราะบรรยากาศหรือดนตรีกันแน่ แต่อี้สี่รู้สึกใจเต้นรัวพุ่งพล่าน
เขาให้อี้สี่ขยับเข้ามาอยู่ข้างกายเขา กระซิบข้างหูเธอว่า “ช่วยผมใส่มะนาวสไลด์ลงในแก้วแต่ละใบหน่อยสิ” มันเป็เพียงการกระทำง่ายๆ แต่เมื่อยืนอยู่ข้างเขา อี้สี่ดูเหมือนว่าจะััได้ถึงแสงสว่างออร่าของเขา อี้สี่รู้สึกว่าคนหลายคนมองเธอด้วยความอิจฉาริษยา อย่างไรก็ตามเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาจากด้านข้าง ยามที่เขาจริงจังนั้นเขาช่างดูดีมากจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้