แม้ว่าหานฉงอันจะกระตือรือร้นที่จะทำ ทว่าฮ่องเต้เทียนฮุยก็ไม่ได้ขอให้เขาตรวจสอบในทันที และถามอย่างจริงจังว่า “หมอหลวงกู้ เ้าตรวจสอบแล้วใช่หรือไม่ เืเหล่านี้มีพิษจริงหรือไม่?”
หมอหลวงกู้เป็สุนัขจิ้งจอกที่อ่อนโยนตัวหนึ่ง เขาถ่อมตัวมาก “ฝ่าา อย่างที่ท่านรู้ว่ากระหม่อมไม่เก่งเื่ยาพิษ เหตุใดท่านไม่ให้หมอเทวดาหานตรวจดูล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
เขาพูดและเสริมว่า “แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัย เชิญหมอพิษมืออาชีพมาตรวจสอบด้วยตนเองจะดีกว่าหรือไม่?”
หานฉงอันที่เชื่อมั่นในการวินิจฉัยของตัวเองอย่างแน่วแน่ จนกระทั่งถึงตอนนี้เขายังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ “หมอหลวงกู้พูดถูกต้อง เราต้องเชิญหมอพิษมืออาชีพมาทำการตรวจสอบ”
ขณะที่พูด สายตาก็มองไปยังหานอวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ “ฉินหวังเฟย ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
หานอวิ๋นซีพยักหน้าพร้อมกับยกยิ้มอย่างเยาะเย้ยที่มุมปาก โดยไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา
“ทหาร ไปเรียกหมอพิษสามคนมาที่นี่ เดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้เทียนฮุยออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเ็า
สถานการณ์ในตอนนี้ ไท่เฮาและฮองเฮาต่างมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ความจริงแล้ว ถ้าเืสกปรกนี้ไม่ใช่พิษ แต่เป็เืของทารกในท้อง ไม่ว่าหานอวิ๋นซีหรือหานฉงอันจะถูกหรือผิด ก็คงมี่เวลาที่ยากลำบากไม่ต่างกัน ด้วยเพราะไท่จื่อหายดีแล้ว พวกเขายังจะ้าหมออยู่งั้นหรือ? แม้ว่าหานฉงอันจะเป็หมอที่มีชื่อเสียง แต่เขาก็เป็แค่คนธรรมดา และแม้ว่าหานอวิ๋นซีจะเป็ฉินหวังเฟย แต่ก็เป็แค่ในนามเท่านั้น
หานฉงอันที่เอาแต่รีบร้อนที่จะพิสูจน์การวินิจฉัยของเขา แต่กลับไม่ได้สนใจประเด็นที่สำคัญที่สุดเช่นเื่นี้
ในไม่ช้า หมอพิษสามคนก็เข้ามา ฮ่องเต้เทียนฮุยสั่งให้พวกเขาตรวจเืบนเตียงพร้อมกัน สุดท้ายก็ทูลรายงานผลออกมา
เมื่อมองไปที่หมอพิษสามคนที่กำลังตรวจเื ทุกคนในห้องต่างมีความคิดที่ต่างกันไป หานฉงอันชำเลืองมองกล่องยาของหานอวิ๋นซีและกล่องยาของหมอหลวงกู้ ราวกับว่าเขาพบอะไรบางอย่าง
หานอวิ๋นซีที่ดูเหมือนจะเหนื่อยมาก ก็นั่งลงข้างๆ อย่างเงียบๆ เอาเถอะ เหนื่อยก็ส่วนเหนื่อย อย่างไรก็ตามนางยังคงรอคอยผลการตรวจอยู่
ไม่นาน หมอพิษทั้งสามก็ได้ข้อสรุป
“ทูลฝ่าา เืนี้มีพิษจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ และความเป็พิษนั้นมิใช่น้อย ถือได้ว่ามีพิษมากเลยทีเดียว เพียงแต่กระหม่อมไม่สามารถรู้แจ้งได้ว่าพิษนั้นเกิดจากอะไร” หมอพิษทูลตามความเป็จริง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานฉงอันที่เต็มไปด้วยความมั่นใจก็ใและพูดด้วยความโกรธว่า “เป็ไปไม่ได้!”
ฮ่องเต้เทียนฮุยส่งสายตาเ็า หานฉงอันจึงจะสงบลง ระงับความใและความโกรธ แล้วพูดด้วยความเคารพว่า “ฝ่าา แม้ว่าเืจะเป็พิษ แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเืเหล่านี้เป็เืพิษที่อยู่ในท้องของไท่จื่อ มันอาจจะไหลออกมาแล้วโดนพิษก็เป็ได้”
“หมอเทวดาหาน ท่านหมายความว่าอย่างไร?” กู้เป่ยเยวี่ยผู้ซึ่งสงบมาโดยตลอด ก็เอ่ยปากถามอย่างเ็า
แน่นอนว่าหานฉงอันสงสัยแม้กระทั่งกู้เป่ยเยวี่ย เพียงแต่เขาไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น
“ฝ่าา หากไม่มีหลักฐานเพียงพอ ก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้ นับประสาอะไรกับการพิจารณาความจริงล่ะ!” หานฉงอันพูดเตือน
“หาก้าวางยาพิษ เช่นนั้นก็ต้องมียาแก้พิษสิ!” กู้เป่ยเยวี่ยพูด
ฮ่องเต้เทียนฮุยที่ไว้วางใจกู้เป่ยเยวี่ยในระดับหนึ่ง เขาพยักหน้า พร้อมกับสายตาที่มองไปยังหม้อยาต้มซึ่งอยู่ไม่ไกล
กู้เป่ยเยวี่ยพูดอย่างใจเย็น “ฝ่าา ยานี้กระหม่อมเป็คนต้มเอง และมันก็ไม่มีพิษ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อหมอพิษอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ลองให้พวกเขาทดสอบดูล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
หานอวิ๋นซีที่จัดการกับสิ่งเหล่านี้ไปก่อนหน้านั้นแล้ว จะไปเผยไต๋ได้อย่างไรกัน?
ฮ่องเต้เทียนฮุยพยักหน้า และให้หมอพิษไปตรวจสอบอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานก็สรุปได้ว่า “ฝ่าา วัตถุดิบเหล่านี้เป็ยา ไม่มีพิษ และมีหลายชนิดที่กระหม่อมไม่คุ้นเคย จึงไม่สามารถระบุตัวยาได้”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของหานฉงอันก็ซีดลงอีกครั้ง และฮ่องเต้เทียนฮุยเองก็ดูมีแผนการในใจแล้ว
“หานฉงอัน เ้าเชี่ยวชาญด้านยา ทำไมเ้าไม่ไปดูล่ะว่ายาพวกนั้นคือยาอะไร” ฮ่องเต้เทียนฮุยพูดด้วยน้ำเสียงเ็า
หานฉงอันที่ไม่เชื่อและ้าจับผิดหานอวิ๋นซี “พ่ะย่ะค่ะ!”
ดังนั้น หานฉงอันจึงเทยาทั้งหมดในหม้อยา วิเคราะห์และตรวจสอบทีละอย่าง จดยาทั้งหมดที่เขาพบและเขียนออกมา
หานอวิ๋นซีเฝ้าดูอย่างเ็าั้แ่ต้นจนจบ นางไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมตอนนั้นแม่ของนางถึงแต่งงานกับชายผู้นี้้ และตกหลุมรักเขาได้อย่างไรกัน?
หลังจากนั้นไม่นาน หานฉงอันก็วิเคราะห์กากยาทั้งหมดออกมาและเขียนจนเสร็จ
เขาคิดว่าเพียงมียาที่แตกต่างไปจากใบสั่งยาก่อนหน้านี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าหานอวิ๋นซีเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน
ใบรายชื่อยาถูกส่งไปยังฮ่องเต้เทียนฮุย ในขณะเดียวกัน กู้เป่ยเยวี่ยก็นำใบสั่งยาดั้งเดิมออกมาเช่นกัน ฮ่องเต้เทียนฮุยเปรียบเทียบทั้งสองใบด้วยตนเอง ทั้งห้องเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะทุกคนต่างรอผลอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่รู้ว่าเป็เพราะบรรยากาศหรือสิ่งใด หานฉงอันเกิดประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเช่นกัน มือของเขาไพล่หลังและสิบนิ้วประสานกัน
ในที่สุด ท่ามกลางความเงียบงัน ฮ่องเต้เทียนฮุยก็เงยศีรษะขึ้นและมองดูหานฉงอัน ชั่วครู่หนึ่ง การเต้นของหัวใจของทุกคนต่างเต้นตึกตัก สรุปแล้วผลของการเปรียบเทียบ...
“ตึง!”
ทันใดนั้น ฮ่องเต้เทียนฮุยก็ตบโต๊ะอย่างแรง จากนั้นก็โยนใบสั่งยาทั้งสองใบไปที่ใบหน้าของหานฉงอัน และพูดด้วยความโกรธว่า “ดีจริงๆ หมอเทวดาหาน เ้าดูมันด้วยตัวเองเถอะ!”
ใบหน้าของหานฉงอันซีดเผือด เขาหยิบใบสั่งยาขึ้นมาเปรียบเทียบกัน และพบว่าใบสั่งยาทั้งสองนั้น...เหมือนกันทุกประการ!
พระเ้า...มันจะเป็ไปได้อย่างไร?
“ไม่! ไม่จริง!”
หานฉงอันส่ายศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า “ฝ่าา ไม่มีทาง มันเป็ไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ต้องเป็หานอวิ๋นซีที่วางยาทารก ต้องมีพิษตกค้างแน่ๆ เป็นางที่ซ่อนมันไว้!"
ยังโชคดีที่เขาเดาได้ แต่น่าเสียดายที่เขาเพิ่งเดาได้ตอนนี้ มันสายเกินไปเสียแล้ว
“หานฉงอัน เ้ากำลังพูดเื่ไร้สาระอะไรอยู่?” ในที่สุดฮองเฮาที่อยู่ข้างๆ ก็ทนไม่ไหว
ข้อเท็จจริงปรากฏต่อหน้าต่อตาแล้ว ไท่จื่อไม่มีทารกอยู่ในท้อง และในท้องของไท่จื่อก็เป็เพียงแค่เนื้องอกพิษเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าหานฉงอันยังกล้าจะใส่ร้ายไท่จื่อด้วยคำพูดที่อุกอาจเช่นนี้อีก!
“ไท่เฮา หานอวิ๋นซีต้องวางยาพิษแน่ๆ ต้องมีพิษตกค้างแน่ๆ! ท่านเชื่อกระหม่อมเถิด!” หานฉงอันที่ใกล้จะอกแตกตาย
ทันใดนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่กล่องยาข้างๆ กู้เป่ยเยวี่ย เปิดออกและค้นหาอย่างลนลาน แต่ไม่พบเจออะไรเลยแม้กระทั่งยาพิษ
เมื่อเห็นเช่นนี้ หานอวิ๋นซีจึงโยนกล่องยาของนางไป “หมอเทวดาหาน ดูของข้าไปด้วยสิ”
ทันทีที่หานฉงอันรับมา เขาก็คุ้ยมันและเททุกอย่างในกล่องของหานอวิ๋นซี ใน่เวลาสั้นๆ เข็มสีทองขนาดต่างๆ ก็ตกลงบนพื้นและมีผ้าพันแผลสีขาวส่วนหนึ่ง นอกจากยา ก็ไม่มีอะไรอีกเลย
ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงหานฉงอันหรอก ฮ่องเต้เทียนฮุย ไท่เฮาและฮองเฮาต่างเชื่อในหานอวิ๋นซีอย่างสมบูรณ์แบบ และเชื่อว่าในท้องของไท่จื่อคือเนื้องอกมะเร็งเท่านั้น!
มือของหานฉงอันอ่อนแรงลง ปล่อยกล่องยาของหานอวิ๋นซีลง ได้ยินเพียงแค่เสียง “วิ้ง” ในหัวของเขา ราวกับว่าหัวของเขาถูกกระแทกอย่างแรงด้วยอะไรบางอย่าง และรู้สึกวิงเวียนทันที ขาของเขาก็ชาไปด้วย!
“ไม่...เป็ไปไม่ได้!”
“ทำไมถึง…”
ไม่มีการวางยาพิษจริงๆ หรือ? การวินิจฉัยของหานอวิ๋นซีนั้นถูกต้อง แต่เขาไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน มันคือทารก!
“ไม่...เป็ไปไม่ได้!”
“ไม่มีทางเป็ไปได้ ข้าไม่เชื่อ!”
…
ขณะที่หานฉงอันพูด ขาของเขาก็อ่อนแรงและทรุดลง
ข้อเท็จจริงที่แท้จริงอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เขาพลาดงั้นหรือ เป็ไปได้หรือไม่ว่าแม้แต่ผู้ดูแลสำนักแพทย์หยุนคงเองก็พลาดเช่นกัน?
สิ่งนี้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาพลิกคว่ำไปอย่างสิ้นเชิง และไม่สามารถหักล้างได้
ทันใดนั้นเขามองไปที่หานอวิ๋นซี และเห็นนางยิ้มให้ เขาจึงะโขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “หานอวิ๋นซี บอกข้ามาว่าทำไม! เห็นๆ กันอยู่ว่าไท่จื่อท้อง มีเด็กอยู่ในท้องของไท่จื่อ!”
คำพูดเหล่านี้ อาจจะพูดก่อนหน้านี้ได้ แต่หลังจากที่ฮ่องเต้เทียนฮุยเชื่อในตัวหานอวิ๋นซีอย่างสมบูรณ์แบบ การพูดคำเหล่านี้อีกครั้งก็เท่ากับ...รนหาที่ตาย
อะไรที่เรียกว่าตายเพราะปากนะหรือ? นี่อย่างไรล่ะคือตายเพราะปาก!
ฮ่องเต้เทียนฮุยที่โกรธอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็โกรธมากขึ้นไปอีก
ในขณะที่กำลังจะะเิความโกรธ ฮองเฮาก็ทนไม่ไหวและพูดว่า “เ้าสารเลว จอมลวงโลก วินิจฉัยผิดพลาดจนทำร้ายผู้คน เ้ายังกล้าเล่นลิ้นอีกหรือ บุรุษมีลูกเนี่ยนะ ขอบคุณเ้าจริงๆ ที่วินิจฉัยมันออกมาได้! หานฉงอัน ถ้าข้าไม่ฆ่าเ้าวันนี้ ก็คงไม่ใช่การขอโทษที่ทำให้บุตรชายหลงเทียนโม่ของข้าทนทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปีเช่นนี้!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หานฉงอันที่บ้าคลั่งก็สงบลงและไม่สามารถโต้แย้งได้ เมื่อเขาได้ยินคำว่า “ตาย” หัวของเขาก็ว่างเปล่าและสติหลุดลอยไป
แววตาที่เ็าของฮ่องเต้เทียนฮุยฉายแววอาฆาตแค้น เขาเตะเท้าออกไปและพูดอย่างเฉียบขาดว่า “หานฉงอัน จนถึงเวลานี้เ้ายังไม่รู้ถึงความผิดพลาดของเ้าอีกหรือไร ถึงได้กล้าใส่ร้ายไท่จื่อ! เ้าช่างกล้าเหลือเกิน! ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ! ทหาร มาจับคนโกหกคนนี้เข้าคุกเพื่อลงโทษเสีย แล้วฆ่าล้างสามตระกูล!”
ฆ่าล้างสามตระกูล?
อาการเจ็บป่วยที่หานฉงอันวินิจฉัยผิดพลาด ทำให้ไท่จื่ออับอายและส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของราชวงศ์ ความผิดนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะฆ่าล้างสามตระกูลได้ ยิ่งไปกว่านั้นโรคประหลาดนี้ยังคงยืดเยื้อมานานหลายปี ซึ่งทำให้ไท่จื่อมี่วัยรุ่นที่น้อยลง
ฆ่าล้างสามตระกูลยังถือว่าน้อยไปสำหรับหานฉงอัน อย่างไรก็ตาม คำคำนี้เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่เขา!
และหานอวิ๋นซีซึ่งเฝ้าดูอย่างสบายๆ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยและนั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว
หานฉงอันผงะไป แล้วร้องโหยหวนเสียงดัง “ฝ่าา กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมรู้ตัวเองดีว่าผิด! ฝ่าา โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าา เห็นแก่อวิ๋นซีผู้ช่วยชีวิตไท่จื่อ โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมและตระกูลหานเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าา!”
“โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมเถิด! ไท่เฮา ฮองเฮา เห็นแก่ความทุ่มเทและการทำงานหนักของกระหม่อมตลอดหลายปีที่ผ่านมา โปรดยกโทษให้กระหม่อมในครั้งนี้ด้วย...”
หานฉงอันคุกเข่าคำนับอย่างสิ้นหวัง ขอร้องอย่างสิ้นหวังและร้องไห้โฮออกมา แต่น่าเสียดาย ที่ทหารเข้ามาจับตัวเขาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของฮ่องเต้เทียนฮุยก็เต็มไปด้วยความดุร้ายและไร้ความปรานีอย่างน่าสะพรึงกลัว
ในเวลานี้ ในที่สุดหานฉงอันก็นึกขึ้นได้ว่าอย่างไรหานอวิ๋นซีก็เป็บุตรสาวของเขา
เขาทรุดลงแทบเท้าของหานอวิ๋นซีและะโว่า “อวิ๋นซี บุตรสาวของข้า เ้ามีบุญคุณต่อไท่จื่อ เ้าช่วยพ่อกับตระกูลหานด้วยเถิด!”
หานอวิ๋นซีหรี่ตาลง พร้อมกับความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
แม้ว่าการวินิจฉัยของหานฉงอันจะไม่ผิด และการรักษาแบบอนุรักษนิยมของเขาก็ถูกต้อง เื่นี้หานฉงอันได้รับความผิดอย่างไม่เป็ธรรม แต่อย่างไรหานอวิ๋นซีก็ไม่มีความตั้งใจที่จะช่วยเขาอยู่แล้ว
และไม่ต้องพูดถึงเื่แม่ทัพใหญ่เลย หานฉงอันในฐานะพ่อที่ไม่ช่วย แถมยังแทงข้างหลังนาง และั้แ่เด็กจนโตก็เป็นางที่รับผิดทุกครั้ง หานอวิ๋นซีจึงไม่มีเหตุผลที่จะช่วยชีวิตเขา
ในสายตาของนาง หานฉงอันสมควรได้รับมัน
อย่างไรก็ตาม เื่นี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหานสามชั่วโคตร
ฆ่าล้างสามตระกูล สามตระกูลหานคือตระกูลบิดา ตระกูลมารดา และตระกูลอนุ รวมแล้วทั้งหมดคงไม่น้อยไปกว่าหลายร้อยคน
ยิ่งกว่านั้นสิ่งนี้ยังเกี่ยวพันกับนางและตระกูลของมารดา
ฮ่องเต้เทียนฮุยคิดอะไรอยู่?
หานอวิ๋นซีเพิกเฉยต่อหานฉงอัน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็มองไปที่ฮ่องเต้เทียนฮุย เมื่อกำลังจะอ้าปากพูด ฮ่องเต้เทียนฮุยก็พูดว่า “เ้าทำได้ดีมากในการช่วยเทียนโม่ ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเ้า แต่ความผิดของหานฉงอันนั้นไม่สามารถให้อภัยได้ เขาจะต้องชดใช้สำหรับสิ่งนี้!”
หานอวิ๋นซียืนขึ้นทำความเคารพ และพูดว่า “โปรดฝ่าาทรงคิดอีกทีเถิดเพคะ!”
แม้ว่าอนุและพี่น้องหลายคนในตระกูลหานจะทำร้ายนาง แต่ความผิดนี้นั้นไม่สมควรที่จะถึงแก่ความตาย อย่างไรก็ตามในสามตระกูลหานนั้นก็ยังมีคนบริสุทธิ์มากมาย!
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดจากหานฉงอัน แต่นางก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นางไม่ใช่หมอนักบุญ แต่นางก็ไม่้าเป็เพชฌฆาตหรือคนบาปของตระกูลหานเช่นกัน