องค์หญิงฮุ่ยหลิงแค่นเสียง นางลุกขึ้นยืน ชี้นิ้วใส่หน้าฮวาชีเยว่อย่างถือดี “เ้า ออกมานี่!”
สีหน้าของอวิ๋นสือโม่ถมึงทึงขึ้น จี้ฟางเองก็แทบลุกขึ้นยืนแต่กลับถูกจี้จิงจับตัวไว้ก่อน “อย่าทำแบบนั้นเ้าค่ะ...พี่ชีเยว่มิใช่คนที่จะถูกรังแกได้โดยง่าย”
จี้จิงกระซิบให้จี้เฟิงได้ฟัง แต่หวงฝู่เซียนกลับมีรอยยิ้มถูกใจเมื่อได้ยินคำนั้น ใจเชื่อว่าชีเยว่คงได้ถูกสั่งสอนเสียบ้างแล้ว
ฮวาชีเยว่ลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ฝากฝังเทียนซีกับอวิ๋นสือโม่แล้วจึงตามองค์หญิงไปห้องส่วนตัวห้องอื่น เมื่อเข้าห้องไปแล้ว ฮวาชีเยว่จึงเปิดหน้าต่างอย่างใจเย็น จากนั้นจึงได้ยินเสียงองค์หญิงฮุ่ยเจินผู้กำลังกัดฟันกล่าว “นังสำส่อนนั่นทำลายชื่อเสียงข้า ทั้งยังทำให้ข้าต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้นาม...” จากห้องข้างๆ
เมื่อได้ยินเข้า สีหน้าขององค์หญิงฮุ่ยหลิงจึงซีดลงแล้วผลักฮวาชีเยว่ออกไปทันที จากนั้นนางจึงผึ่งหูฟังเสียงจากห้องข้างๆ
เมื่อครู่นี้องค์หญิงฮุ่ยเจินพาโจวจื่อเฉิงเข้าไปยังห้องอาหารส่วนตัวเพื่อเลี่ยงสายตาคนนอก แต่องค์หญิงฮุ่ยเจินมิคาดว่าตนจะถูกองค์หญิงฮุ่ยหลิงพบเข้าอีกครั้ง
ฮวาชีเยว่มีท่าทีงงงันแล้วจึงกะพริบตา กล่าวกับองค์หญิงฮุ่ยเจิน “องค์หญิง ท่านมีธุระกับข้ามิใช่หรือ?”
“ออกไปเสีย!” องค์หญิงฮุ่ยเจินคำรามเสียงต่ำ จากนั้นจึงส่งฉิงเอ๋อร์ผู้เป็สาวใช้ไปดูว่าโจวจื่อเฉิงกำลังอยู่กับองค์หญิงฮุ่ยเจินจริงหรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมรายงานองค์หญิงฮุ่ยหลิงว่าโจวจื่อเฉิงกำลังอยู่กับองค์หญิงฮุ่ยเจินจริงๆ
องค์หญิงฮุ่ยหลิงพึมพำด้วยสายตาคั่งแค้น “มิน่าที่ท่านแม่จึงทำกับข้าเช่นนั้น...เป็เช่นนี้เอง เป็เพราะนังสำส่อนนั่นมันยังไม่ตาย! ก็แน่สิ ฮองเฮาจะยอมปล่อยให้นางตายได้อย่างไร ท่านแม่เพียงใช้แพะมาตายแทนนาง!!!”
สีหน้าของนางกำนัลข้างกายพลันซีดเผือด
หากเื่ที่องค์หญิงตรัสนั้นรั่วไหลออกไป ชื่อเสียงของราชวงศ์คงได้มีอันต้องจบสิ้นแล้ว
องค์หญิงฮุ่ยหลิงจิกเล็บแน่นจนเสียง เป๊าะ ดังขึ้น เล็บนางหักเสียแล้ว
“องค์หญิง ระวังคำพูดด้วยเพคะ!”
ฉิงเอ๋อร์ผู้ยืนอยู่ข้างองค์หญิงกระซิบออกมา องค์หญิงฮุ่ยหลิงเลิกคิ้ว รอยยิ้มเย็นะเืปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก “ใครก็ได้ ส่งคนไปดักฟังนางเสีย!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงมีทหารองครักษ์คนสนิทสองคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้เองโดยตรง อย่างไรเสียนางก็ยังเป็องค์หญิงแห่งแคว้น การมีผู้มีวรยุทธ์มากประสบการณ์เป็องครักษ์จึงมิใช่เื่แปลกแต่อย่างใด
องครักษ์ทั้งสองปรากฏร่างโดยพลัน เมื่อรับคำสั่งองค์หญิงก็จากไปอย่างเงียบงัน
หนึ่งชั่วยามให้หลัง องครักษ์ทั้งสองจึงกลับมารายงานว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินได้เดินทางเข้าจวนที่ฮวาชีเยว่เพิ่งได้รับพระราชทานไปแล้ว
องค์หญิงฮุ่ยหลิงรู้สึกทึ่งกับข่าวนี้ ‘หมายความว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินไปเข้ากับฮวาชีเยว่แล้วหรือ? ทว่าฮวาชีเยว่เป็เพียงคนไร้น้ำยา ย่อมไม่อาจเอาชนะข้าได้’ องค์หญิงฮุ่ยหลิงคิด
เสียง “นังสำส่อน” ที่องค์หญิงฮุ่ยเจินเค้นออกมายังคงติดอยู่ที่หู เป็เสียงที่เปี่ยมด้วยความเคียดแค้นรุนแรงอันอำมหิต องค์หญิงฮุ่ยหลิงโบกมืออย่างร้อนรน “พวกเ้าตามข้ามาที่จวนจิ่งฮวาทางใต้ของเมืองเสีย”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงมีองครักษ์ส่วนพระองค์สองนาย แต่นางก็ยังมีทหารองครักษ์ทั่วๆ ไปอีกหลายสิบนาย ทุกครั้งที่นางออกไปข้างนอก นางมักจะพาองครักษ์เหล่านี้ไปไหนมาไหนด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการลอบสังหาร และนางยัง้าโอ้อวดอีกด้วย
ด้วยคำสั่งนี้เอง องค์หญิงและเหล่าองครักษ์จึงมุ่งหน้าไปยังจวนจิ่งฮวา
ตอนนี้เป็ยามเว่ย ผู้คนมากมายเร่งร้อนเดินข้ามถนนหลีกหนี แต่กลับมีคนสอดรู้สอดเห็นกลุ่มใหญ่คอยตามพวกนางอยู่ด้านหลังเพราะเกิดเห็นสีหน้ากระหายเืขององค์หญิงเข้า
จากนั้นพวกเขาจึงได้เห็นว่าองค์หญิงผู้นี้นำองครักษ์มาถึงจวนจิ่งฮวา องครักษ์สองนายก้าวออกมาข้างหน้าแล้วจึงถีบประตูจวนเปิดออกโดยแรง
อันที่จริงฮวาชีเยว่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอาศัยที่นี่ ประตูจวนจึงเปิดได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อประตูเปิดออก และฮวาชีเยว่ก็เดินนำสาวใช้ลู่ซินแล้วโหย่วชุ่ยออกมา เมื่อได้เห็นองค์หญิงและเหล่าองครักษ์แล้ว ฮวาชีเยว่ก็มีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็ปรับสีหน้าให้ดูสงบได้ทันที
ฮวาชีเยว่ทำความเคารพอีกฝ่ายแล้วจึงออกปากถาม “องค์หญิง ยินดีต้อนรับสู่จวนหม่อมฉันเพคะ เหตุใดมิทรงให้หม่อมฉันออกมาคารวะพระองค์ด้านนอกเล่าเพคะ?”
“ฮวาชีเยว่ เ้ากล้าดีอย่างไร! เ้ากล้าดีอย่างไรจึงให้ที่พักพิงกับอาชญากร! องครักษ์ข้า ไปค้นจวนเสีย!” องค์หญิงกล่าว
องค์หญิงฮุ่ยหลิงแค่นเสียง สายตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร
ดวงตางดงามของฮวาชีเยว่ดูคาดไม่ถึงระคนด้วยความแปลกใจ “องค์หญิง คงเป็ความเข้าใจผิดกระมังเพคะ! ต่อให้ท่านสั่งการมา หม่อมฉันก็มิกล้าให้ที่พักพิงต่ออาชญากรหรอกเพคะ!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงยังคงมองนางอย่างชิงชัง เหล่าองครักษ์นับสิบนั้นได้บุกเข้าจวนของฮวาชีเยว่และเริ่มลงมือตามหาองค์หญิงฮุ่ยเจิน
ฮวาชีเยว่ขมวดคิ้วงาม มีท่าทีราวใบหญ้าแห้งในระหว่างที่มองแผ่นหลังของเหล่าองครักษ์
มิคาดว่าอีกหนึ่งเค่อต่อมา องครักษ์จะกลับมารายงานว่า “องค์หญิง ไม่พบใครเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“อะไรนะ?” องค์หญิงฮุ่ยหลิงมึนงงเสียจนกลายเป็ความใและความโกรธเคือง นางหันมองฮวาชีเยว่อย่างเดือดดาล “ท่านหญิงจิ่งฮวา หากเ้ายอมส่งตัวอาชญากรผู้นั้นออกมาแต่โดยดี ข้าจะยอมไว้ชีวิตเ้า!”
คนที่มามุงรอบนอกประตูเริ่มส่งเสียงซุบซิบ การที่องค์หญิงฮุ่ยหลิงบุกเข้าจวนของจิ่งฮวาเพื่อหาตัวอาชญากรเป็เื่น่าใก็จริง แต่ในทางกลับกันก็เริ่มเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงขึ้นมา เพราะว่า อย่างไรเสียในจวนก็ไม่พบอะไรเลย
“องค์หญิงเป็อะไรไป? เหตุใดจึงใส่ความท่านหญิงจิ่งฮวาว่าให้ที่พักพิงอาชญากร?”
“ข้าได้ยินว่าระหว่างทั้งสองท่านนั้นไม่ลงรอยกันอยู่!”
“จุ๊ๆ ยามนี้กลายเป็องค์หญิงผู้ไร้กฎเกณฑ์ไปเสียแล้ว”
“รู้ตัวแล้วหรือ? องค์หญิงผู้นี้กับองค์หญิงผู้นั้นที่ถูกสั่งปะาไปก็...”
“หม่อมฉันไม่ทราบว่าองค์หญิงทรงตรัสเื่อะไรเพคะ ผู้คนในจวนรวมถึงหม่อมฉันล้วนแต่ตรงไปตรงมา ท่านจะพบอาชญากรที่นี่ได้อย่างไร?” ฮวาชีเยว่เอ่ยเสียงดัง ในดวงตาทอประกายเสียดสี
ยามนี้เอง องค์หญิงฮุ่ยหลิงคล้ายจะทราบว่าตนโดนหลอกเข้าเสียแล้ว นางโกรธเป็อย่างยิ่ง “ฮวาชีเยว่ เ้ากล้า! เมื่อครู่ข้าเห็นองค์หญิงฮุ่ยเจินอยู่ชัดๆ...”
ทุกสรรพเสียงเงียบลงกลางคัน องครักษ์ล้วนแต่มององค์หญิงฮุ่ยหลิงอย่างหวาดกลัว นางทราบว่าตนพูดผิดไปเสียแล้ว จึงได้แต่กัดฟัน ดวงตาแดงก่ำด้วยความโมโหเกลียดชัง
ฮวาชีเยว่ส่ายหน้าอย่างสบายอารมณ์ “องค์หญิง องครักษ์ของพระองค์คงเข้าใจผิดไปกระมัง อย่างไรองค์หญิงฮุ่ยเจินก็จากไปแล้ว จะยังเสด็จเข้าออกจวนหม่อมฉันได้อีกหรือ? หรือบางทียามหม่อมฉันเดินเข้ามาในจวนพร้อมกับลู่ซินและสาวใช้คนอื่นๆ ท่านคงเห็นแผ่นหลังพวกนางดูคล้ายองค์หญิงฮุ่ยเจินแล้วเข้าใจผิดไปกระมัง เื่นี้หม่อมฉันเข้าใจได้ อย่างไรเสียองค์หญิงก็คิดถึงพระเชษฐภคินีมากนัก”
สีหน้าขององค์หญิงฮุ่ยหลิงขาวซีด เหล่าฉางจิงมุงโดยรอบเริ่มส่งเสียงดังขึ้น “ได้ยินหรือไม่ ทรงตรัสว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินเสด็จเข้าจวนนี้”
“ฮาๆ องค์หญิงนั่นถูกปะาไปนานแล้ว หากยังอยู่ก็หมายความว่าองค์ฮ่องเต้พยายามปกป้ององค์หญิงหัวรุนแรงนั่น ไร้มนุษยธรรมนัก!”
“ใช่ ดูองค์หญิงฮุ่ยหลิงเถอะ หากทรงมีท่าทีเช่นนี้ องค์หญิงฮุ่ยเจินคงยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่? มิเช่นนั้นมีหรือองค์หญิงฮุ่ยหลิงจะเป็กังวล...”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงได้ยินชัดทุกถ้อยคำที่ฝูงชนกล่าวก็หันกลับไปมองอย่างเ็า สายตาเปี่ยมจิตสังหารสร้างความหวาดกลัวให้ฝูงชนจนแยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว
ฮวาชีเยว่ยืนอยู่อย่างสงบ ละอองจากน้ำตกใหญ่เื้ัขับความงามของนางจนดูราวภูตพรายจาก์ที่ลงมาจุติบนโลก ไม่ว่าฉากหลังจะงดงามเพียงใดก็ล้วนแต่ดูจืดจางลงไปเสียสิ้น
“ฮวาชีเยว่! เ้าชนะแล้ว! แต่ข้าไม่ยอมแพ้หรอก!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกัดฟันกรีดร้องออกมา ยิ่งเมื่อคิดว่าอวิ๋นสือโม่มักอ่อนโยนกับฮวาชีเยว่ด้วยแล้ว ความชิงชังก็ทำลายใบหน้าอันงดงามของนางสิ้น
ฮวาชีเยว่สงบนิ่งราวผืนน้ำแม้เผชิญกับสายตาบันดาลโทสะรุนแรง ที่เปล่งประกายเสียจนองครักษ์ขององค์หญิงยังลอบหนาวสันหลัง
“องค์หญิง พระองค์ก็ว่าเกินไป เื่ที่เกิดวันนี้เป็เพียงเื่เข้าใจผิด อีกทั้งหม่อมฉันก็ยังเป็เพียงสตรี และสตรีต้องพึ่งพาบุรุษ หรือก็คืออาชญากรผู้นั้นควรไปซ่อนอยู่กับคนรักของนางมากกว่าจะมาอยู่กับหม่อมฉัน เช่นนั้นเป็เื่แน่นอน เว้นเสียแต่ว่าชายคนนั้นจะปันใจให้ผู้อื่น แล้วยัง...”
ฮวาชีเยว่พึมพำ เมื่อได้ยิน องค์หญิงฮุ่ยหลิงจึงเลี่ยงสายตาแล้วเริ่มคิด ‘คำพูดของฮวาชีเยว่นี้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?’
‘หรือฮวาชีเยว่กำลังพยายามบอก ว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินยังคงอยู่กับโจวจื่อเฉิง นางล่อข้ามาที่นี่เพื่อทำให้ข้าเข้าใจฮวาชีเยว่ผิดไป เพื่อให้ฝูงชนได้ดูแคลนข้าและฮวาชีเยว่เช่นนั้นหรือ เป็เช่นนั้นหรือ?’ องค์หญิงฮุ่ยหลิงคิด
“ฮวาชีเยว่ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเ้าไปก่อน!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกล่าวก่อนจะหันหลังเดินไป นางเดินทางกลับตำหนักองค์หญิง ส่วนฮวาชีเยว่มีสายตาแฝงความเ็า นางหันหน้าไปมองจวนที่ถูกเหล่าองครักษ์ทำพังอย่างสงบ “ลู่ซิน บอกให้บ่าวไพร่ปิดจวนทำความสะอาดเสีย...อย่างไรเสียจวนนี้ก็เป็ของรับพระราชทานจากฮ่องเต้ ข้าจะปล่อยให้มันอยู่ในสภาพนี้ได้เช่นไร?”
เมื่อลู่ซินรับคำแล้วฮวาชีเยว่จึงกลับเข้าไปยังโถงด้านใน ทุกสิ่งภายในนั้นล้วนแต่หรูหรางดงามยิ่งนั้น สมแก่ยศศักดิ์ของนางแล้ว
อีกหนึ่งเค่อให้หลัง โหย่วชุ่ยก็เข้ามาแจ้งว่าอวิ๋นสือโม่้าพบนาง
เมื่อฮวาชีเยว่อนุญาต อวิ๋นสือโม่ก็ดิ่งเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นฮวาชีเยว่นั่งจิบชาอยู่ตรงนั้นก็เข้ามาหาพร้อมสายตาเ็า
อวิ๋นสือโม่ยื่นแขนไปแย่งแก้วชาจากฮวาชีเยว่แล้วกล่าว “เ้ายังกล้ามานั่งดื่มชาอยู่อีกหรือ? ฮวาชีเยว่ ให้ที่พักพิงอาชญากรมีโทษหนักสองเท่า ทั้งเ้ายังเป็ถึงท่านหญิง!”
ฮวาชีเยว่กะพริบตาอย่างอ่อนใจ รอยเย้ยหยันผุดขึ้นบนริมฝีปากนาง “หนานอ๋อง ท่านกล่าวว่าข้าทำสิ่งใดผิดไปหรือ? เหตุใดจึงคิดเช่นนั้นเล่า?”
อวิ๋นสือโม่มองนางอย่างเ็าและเงียบงัน
“องค์หญิงได้พาองครักษ์มาค้นจวนข้าแล้ว ทรงทราบแล้วว่าเป็เพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น ข้าต้องขอขอบคุณหนานอ๋องที่ใส่ใจข้ามากเพียงนี้ ทว่าอย่าได้พูดจาไร้สาระกับข้าบ่อยๆ เลย”
ริมฝีปากปิงอี่กระตุกพลางคิด ‘ท่านอ๋องเป็อะไรไป? ไม่ควรมาช่วยนางผู้นี้เลย!’
สายตาอวิ๋นสือโม่ทอประกายโกรธเคือง “ข้าเพียงเกรงว่าจะมีคนละโมบจะบุกเข้ามาทำลายหลงแดงหากเ้าตายไปเท่านั้น”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง “ท่านอ๋อง หากข้าตาย เช่นนั้นแล้วหลงแดงก็จะกลายเป็ของท่านมิใช่หรือ?”
สีหน้าของอวิ๋นสือโม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความโกรธในสายตาพลันทวีความรุนแรงขึ้น “ข้าไม่มีวาสนาพอจะรับสิ่งใดจากเ้าหรอก”
กล่าวจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อออกไป
โหย่วชุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เกิดสงสัยในบทสนทนาระหว่างนายหญิงของนางและท่านอ๋องขึ้นมา
แต่เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว อวิ๋นสือโม่ก็หันกลับมาพร้อมบอกให้ปิงอี่แล้วโหย่วชุ่ยออกไปก่อน
ทว่าฮวาชีเยว่กลับแสร้งทำเป็ไม่สนใจ แล้วดื่มชาต่อ คิ้วและสายตาของนางดูงดงามราวภาพวาด และเมื่อนางลดคิ้วลง นางก็ดูน่าทะนุถนอมราวดอกบัว
อวิ๋นสือโม่เดินเข้าหานาง “องค์หญิงฮุ่ยเจินมิใช่คนที่เ้าควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ฮวาชีเยว่ เ้าตีตัวให้หากนางไว้เสียดีกว่า!”
องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ไม่ใช่คนที่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจริงๆ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ยังเป็บุตรีของฮองเฮา แม้องค์หญิงฮุ่ยเจินจะทำความผิดร้ายแรงไป แต่ฮองเฮาก็ยังช่วยให้นางรอดด้วยการใช้ตัวตายตัวแทน
ดังนั้นแล้ว การทำให้องค์หญิงฮุ่ยเจินลำบาก ย่อมหมายถึงการิ่ฮองเฮา
ฮวาชีเยว่รู้ดีว่าวันหนึ่งฮองเฮาจะได้รู้ถึงแผนของนางที่คอยชักใยให้สองพี่น้องฆ่าฟันกันเอง
ฮวาชีเยว่กำลังแข็งแกร่งขึ้นทีละนิด นางย่อมไม่เกรงกลัว แม้ศัตรูจะเป็ถึงฮองเฮา
ฮวาชีเยว่เลิกดวงตาฉ่ำน้ำคู่นั้นขึ้น ริมฝีปากบางอ้าออก “ข้าไม่ทราบว่าท่านอ๋องหมายถึงอะไร”
“ฮวาชีเยว่ เ้ายังแกล้งโง่อีกหรือ? เป็เ้าที่ช่วยให้ฮุ่ยเจินมีที่อยู่ ยามนี้ยังกล้าทำเป็ไม่รู้เื่รู้ราว!” ดวงตาของอวิ๋นสือโม่เ็าลง “เพื่อเทียนซีข้าจึงต้องเข้ามาวุ่นวายเื่เ้าจนหัวหมุนไปหมด!”
ดวงตาสีดำของฮวาชีเยว่ทอประกายพร่างพราว นางมองใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นสือโม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้