บ้านที่โรงจวี้ฉ่างจัดเตรียมให้อันเจิงเป็บ้านหลังใหญ่แต่ทว่าหากจะใช้เป็สำนักวรยุทธ์ก็ดูเหมือนจะเล็กเกินไปสักหน่อย อย่างไรก็ถือว่าจางอี้ฟูที่ดูแลโรงจวี้ฉ่างละเอียดรอบคอบไม่น้อยเพราะบ้านที่หาได้มีบรรยากาศไม่เลว ทั้งยังเงียบสงบเพราะไม่ได้อยู่ติดริมถนน
ดวงตากลมโตของกู่เชียนเยว่จ้องมาที่อันเจิงอย่างจริงจังราวกับกำลังอ่านความคิดของเขาอยู่
ในขณะที่อันเจิงนั่งกินข้าวเช้าอย่างสบายใจเฉิบ
“เพราะอะไร?” สุดท้ายกู่เชียนเยว่อดใจไม่ไหวจึงถามขึ้น
แน่นอนว่าอันเจิงรู้ดีว่า สิ่งที่นางถามมาหมายความว่าอะไรเขาจึงตักข้าวต้มคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วเอามือตบท้องอย่างสบายใจ“ขณะที่เรากำลังเดินทางมา ข้าคิดเื่นี้มาโดยตลอดว่าเราจะปิดบังตัวตนกันดีหรือไม่สุดท้ายข้าก็ถามตัวเองว่าพวกเรา้าปกปิดอะไร? คำตอบมีเพียงสิ่งเดียวก็คือปิดบังตัวตนของเสี่ยวชีเต้านอกจากตัวเสี่ยวชีเต้า ข้าเองก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจ”
กู่เชียนเยว่เงียบไปชั่วครู่แล้วถามขึ้น“เช่นนั้น...เ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวชีเต้าเป็ใครกันแน่?”
“เราเป็คนกันเองแน่นอนว่าต้องได้อยู่แล้ว พวกเราใช้ชีวิตอย่างสงบด้วยกันมาตั้งหลายปีแต่การมาเมืองฟางกู้เป็สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ฉะนั้นสามปีกว่าที่ผ่านมานี้ข้าส่งคนไปสืบเื่ของเสี่ยวชีเต้ากับแม่นางเยว่มาหมดแล้ว ความจริงเื่ของแม่นางเยว่สืบได้ไม่มากนักไม่มีใครรู้ว่าตอนที่แม่นางเยว่หนีออกจากเมืองฟางกู้คราวนั้น นางได้ตั้งครรภ์แล้ว”
อันเจิงยกถ้วยชาแล้วเดินถือไปยืนข้างหน้าต่างจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ก็เป็เหมือนเื่ที่เคยเกิดขึ้นทั่ว ๆไป...แม่นางเยว่เป็สตรีที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน บิดาของนางเป็ถึงเสนาบดีมหาดไทยครั้งหนึ่งาาแคว้นเยี่ยนจัดงานชมดวงจันทร์ บิดาของแม่นางเยว่พานางเข้าไปร่วมงานด้วยจึงมีผู้คนมากมายที่ชื่นชอบนาง เ้าไม่เคยเจอนางมาก่อน ความงามของนางมากพอให้ทุกคนตกตะลึงได้เลยทีเดียว”
กู่เชียนเยว่ขยับไปด้านหน้า “งามกว่าข้าหรือไม่?”
จมูกของนางขยับเข้าใกล้จนแทบจะชนจมูกของอันเจิงแล้วราวกับทั้งสองรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
อันเจิงไม่สนใจแล้วพูดต่อ “ถึงกระนั้นเพียงเจอกันแค่ครั้งเดียวนางกับองค์ชายมู่ฉางอันรัชทายาทของแคว้นเยี่ยนก็มีใจให้กันแล้วองค์ชายมู่ฉางอันเป็โอรสองค์โต ฉะนั้นจึงได้รับการแต่งตั้งเป็รัชทายาทั้แ่แรกต่อมาหลังจากที่พระมารดาขององค์ชายมู่ฉางอันสิ้นพระชนม์ ตำแหน่งาาจึงสั่นคลอนตอนนั้นาาจึงคิดแต่งตั้งมเหสีองค์ใหม่ และเพื่อสานสัมพันธ์กับแคว้นจ้าวจึงเลือกอภิเษกกับองค์หญิงซูชิงนวนธิดาองค์โตของาาแห่งแคว้นจ้าว”
“หลังจากองค์หญิงซูชิงนวนขึ้นเป็มเหสีซูก็คลอดโอรสให้กับาาแคว้นเยี่ยนนับั้แ่ตอนนั้น พระนางก็เริ่มมีใจั์ใจมารมากขึ้นเรื่อย ๆ ทรงคิดหาทางกำจัดองค์ชายมู่ฉางอันทิ้งและให้โอรสของตนขึ้นเป็รัชทายาทแทน พระนางเ้าเล่ห์มาก คอยหาวิธีต่าง ๆนานามากำจัดองค์ชายมู่ฉางอัน และก็สำเร็จในที่สุด โดยการเริ่มลงมือกับเสนาบดีมหาดไทยผู้เป็บิดาของแม่นางเยว่ก่อนเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็ฏ ดังนั้นตระกูลเยว่ทั้งตระกูลจึงถูกปะา เพื่อปกป้องแม่นางเยว่รัชทายาทจึงนำนางไปซ่อนไว้ แต่สุดท้ายกลับถูกมเหสีซูพบเข้า พระนางจึงคิดหาวิธีใช้รัชทายาทกับแม่นางเยว่เป็เครื่องมือในแผนการครั้งนั้น”
“มเหสีซูแกล้งเผยให้าารู้เื่ของคนทั้งสองด้วยเหตุนี้ รัชทายาทมู่ฉางอันและาาจึงทะเลาะกันในท้องพระโรง าาโกรธมากสั่งขังรัชทายาทไว้ในคุกหลวงแต่อย่างไราาก็ยังคงรักรัชทายาทเป็อย่างมาก มเหสีซูจึงใช้วิธีการอื่น โดยวางแผนให้าาไปพบฉลองพระองค์ของตนในตำหนักรัชทายาทจากนั้นจึงกลายเป็เื่ใหญ่ขึ้นมา”
กู่เชียนเยว่ขมวดคิ้ว “ดังนั้น าาจึงสั่งปะารัชทายาทมู่ฉางอัน?”
อันเจิงส่ายหน้า “ไม่ าาเข้าใจนิสัยโอรสของตนเองดีจึงไม่ได้เชื่อถือเื่ราวทั้งหมด แต่ในเมื่อเื่กลายเป็แบบนี้ าาจึงจำต้องถอดถอนองค์ชายมู่ฉางอันออกจากตำแหน่งรัชทายาทและขังเอาไว้ในคุกเพื่อเป็การลงโทษให้เหล่าขุนนางได้เห็น แต่าาก็รู้ดีแก่ใจว่าหากเป็อย่างนี้อดีตรัชทายาทต้องได้รับอันตรายแน่นอนฉะนั้นจึงสั่งยอดฝีมือไปคุ้มครองเขาในคุกด้วยเช่นกัน”
“สุดท้าย...มเหสีซูก็หาแม่นางเยว่จนเจอและวางแผนล่อให้นางไปแหกคุก...”
กู่เชียนเยว่ตบโต๊ะด้วยความโมโห“ผู้หญิงคนนี้ช่างจิตใจต่ำช้า!”
“เื่ในวังก็เป็แบบนี้แหละ เมื่อแม่นางเยว่รู้ว่าองค์ชายมู่ฉางอันถูกจับจึงใจร้อนวู่วามพอฟ้ามืดก็นำทหารของตนบุกเข้าไปในคุก แต่ทหารแคว้นเยี่ยนเข้มแข็งนัก ด้วยความสามารถของนางคงไม่อาจบุกเข้าไปได้ข้าคิดว่ามเหสีซูน่าจะเตรียมคนเข้าไปจัดการทหารในคุกก่อนแล้วและโทษทั้งหมดนี้ก็ตกอยู่ที่ตัวแม่นางเยว่เพียงคนเดียว จากนั้นพระนางก็จงใจบอกเื่นี้กับาา”
กู่เชียนเยว่กำหมัดแน่น “สรุปง่าย ๆก็คือ มเหสีซูวางแผนล่อให้แม่นางเยว่เข้าไปแหกคุกช่วยอดีตรัชทายาทออกมาแล้วสั่งให้คนเอาเื่นี้ไปกราบทูลาาเพื่อเอาผิดพวกเขาสินะ”
อันเจิงพยักหน้า “จากเื่ราวทั้งหมดก็คิดว่าคงเป็อย่างนั้น ครั้งนี้าาโกรธเป็อย่างมาก จึงออกคำสั่งให้ตามจับองค์ชายมู่ฉางอันแต่เหล่ายอดฝีมือได้ถูกมเหสีซูซื้อตัวไปหมดแล้ว เมื่อพวกเขาตามจนเจอตัว องค์ชายมู่ฉางอันจึงถูกฆ่าตาย”
อันเจิงดื่มชาเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง“ส่วนองค์ชายรองมู่ฉางเยียน ที่เป็าาในตอนนี้ก็แอบรักแม่นางเยว่อยู่แต่เขาผู้นี้...เขาเป็เด็กที่เชื่อฟังมากเคยทำเื่นอกกรอบไว้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก็คือหนีออกจากวังเพื่อช่วยแม่นางเยว่ซึ่งตอนนั้นแม่นางเยว่ก็ตั้งครรภ์แล้วด้วย”
“จากนั้นองค์ชายมู่ฉางเยียนก็คุ้มครองแม่นางเยว่ไปโลกมายา?” กู่เชียนเยว่คาดเดา
อันเจิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ แม่นางเยว่ไม่ได้ชอบองค์ชายมู่ฉางเยียนและไม่อยากรบกวนเขาด้วย ฉะนั้นนางจึงซ่อนตัวและคลอดเสี่ยวชีเต้าจากนั้นก็หนีไปอยู่ในโลกมายา เมื่อองค์ชายมู่ฉางเยียนรู้เื่นี้เลยตามไปอยู่ที่โลกมายาด้วยและคอยปกป้องเสี่ยวชีเต้ากับแม่นางเยว่อย่างลับ ๆ”
กู่เชียนเยว่ขมวดคิ้ว “ฉะนั้น...ในตอนนี้ซูไทเฮาก็ยังไม่รู้ว่าองค์ชายมู่ฉางอันมีทายาทและมีเพียงาามู่ฉางเยียนคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความลับนี้”
“คงเป็แบบนั้น ด้วยความรักที่าามู่ฉางเยียนมีต่อแม่นางเยว่ข้าคิดว่าเขาคงไม่บอกเื่นี้กับใคร แต่กระนั้นเขาก็อ่อนแอเกินไป ต่อหน้าซูไทเฮาจึงไม่มีความกล้ามากพอที่จะออกมาต่อต้าน”
กู่เชียนเยว่ถามขึ้น“หากเื่ทั้งหมดนี้ซูไทเฮาทำเพื่อให้โอรสของตนขึ้นเป็รัชทายาทแล้วทำไมตอนนี้มู่ฉางเยียนจึงได้เป็าาแห่งแคว้นเยี่ยนเล่า”
อันเจิงตอบ“เพราะเกิดเื่ที่ไม่คาดคิดขึ้น...คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต ตอนนั้นแผนของมเหสีซูชิงนวนถือว่าสำเร็จแล้วเพียงฆ่าองค์ชายมู่ฉางอันได้ โอรสของพระนางก็จะได้เป็รัชทายาทองค์ใหม่แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า แผนการที่พระนางลงมือกับองค์ชายมู่ฉางอัน แม่นางเยว่และครอบครัวแม่นางเยว่...จะมีคนในตระกูลเยว่กลับมาแก้แค้นแทนเ้านายตัวเองคนพวกนั้นใช้เวลาหนึ่งปีในการแทรกซึมเข้าไปอยู่ในตำหนักวิหาร์ เดิมทีพวกเขาคิดฆ่ามเหสีซูแต่กลับเปลี่ยนใจฆ่าโอรสของพระนางแทน”
สีหน้าของกู่เชียนเยว่เปลี่ยนไปในแววตาแสดงความรู้สึกสับสน “เื่แก้แค้นกันระหว่างผู้ใหญ่สุดท้ายเด็กที่ไม่รู้เื่ต้องมาเสียชีวิต นี่...ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สำหรับมเหสีซูก็ถือเป็กรรมตามสนองแต่กับเด็กเล่า เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย”
“ใช่ เด็กไม่ได้ผิดอะไรน่าสงสารก็แต่ไปเกิดเป็โอรสของคนจิตใจแบบนั้น เมื่อสูญเสียโอรสไป พระนางเสียใจมากและตอนนั้นาาก็กำลังป่วยหนัก แต่พระนางกลับให้พระองค์กินยาบำรุงจำนวนมากเกินไปนางอยากตั้งครรภ์โอรสอีกองค์ แต่ผลที่ออกมากลับทำให้าาแห่งแคว้นเยี่ยนสิ้นพระชนม์”
“หลังจากนั้น อำนาจทั้งหมดอยู่ในมือพระนางแต่เพียงผู้เดียวแต่ถึงกระนั้น พระนางก็ไม่กล้าบังอาจขึ้นครองราชย์ด้วยตัวเอง จึงส่งคนออกตามหาตัวมู่ฉางเยียนกลับมาตั้งเขาขึ้นเป็าา ส่วนพระนางก็รั้งตำแหน่งไทเฮา”
กู่เชียนเยว่ทำความเข้าใจกับเื่ราวทั้งหมด จากนั้นก็พูดขึ้น“เื่ทั้งหมดนี้ก็บอกได้ว่า าามู่ฉางเยียนเป็หุ่นเชิดของซูไทเฮา ถึงแม้เขาจะไม่ทรยศบอกเื่ของเสี่ยวชีเต้าในตอนนี้แต่ก็ยังไม่น่าไว้วางใจอยู่ดี หากซูไทเฮารู้ตัวตนที่แท้จริงของเสี่ยวชีเต้าละก็แน่นอนว่าพระนางต้องส่งคนมาฆ่าเสี่ยวชีเต้าในทันที”
‘อืม’ อันเจิงเปล่งเสียงออกมา “ถูกต้อง”
กู่เชียนเยว่นั่งลงบนหน้าต่างแล้วแกว่งขาทั้งสองข้างไปมา“แล้วอย่างนั้นเรามาที่นี่ทำไม?”
นางมองอันเจิง“หาก้าจะช่วยเสี่ยวชีเต้าจริง ๆ สู้อยู่แถบชายแดนไม่ดีกว่าหรือ?”
“เพราะเสี่ยวชีเต้า้ามารดา”
กู่เชียนเยว่อ้าปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่นางรู้ดีว่าเหตุผลนี้เพียงพอสำหรับทุกสิ่งแล้ว
“ฉะนั้น”
อันเจิงพูดต่อ “ข้ารู้ว่าพวกเราไม่สามารถปิดบังตัวตนที่แท้จริงได้่ที่พวกเราอยู่แถวชายแดนและได้เตรียมการอะไรมากมาย หากสืบขึ้นมาจริง ๆก็คงเป็เื่ยากที่จะขุดหาความจริงออกมา แต่อย่างไรเราก็ไม่อาจมองข้ามความสามารถของพวกเขาพวกเราสามารถเปลี่ยนชื่อได้ แต่แบบนี้จะยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยและสืบเื่นี้มากยิ่งขึ้นชวีหลิวซี เ้า รวมถึงข้าและตู้โซ่วโซ่ว เพียงแค่เราเข้าสำนักสักแห่งและเข้าร่วมงานเทศกาลใบไม้ร่วงคิดว่าพวกเราจะสามารถปิดเื่พวกนี้ได้รึ?”
กู่เชียนเยว่ยกนิ้วให้“เ้านี่สุดยอดจริง ๆ เลย”
อันเจิงยิ้มแล้วพูด “ในเวลาอันสั้นแต่กลับมีหนุ่มสาวมากพร์ปรากฏตัวตั้งหลายคนเ้าคิดว่าในแคว้นเยี่ยนนี้จะไม่มีใครสงสัยบ้างหรือ เมื่อถึงเวลานั้นด้วยอำนาจของโรงจวี้ฉ่างกับหน่วยทหารคงต้องสืบจนรู้แน่ อย่างนี้แล้ว มิสู้เราตีสนิทโรงจวี้ฉ่างและหน่วยทหารั้แ่แรกจะดีกว่าเมื่อกลายเป็คนกันเอง เราก็บอกความจริงบางเื่ให้พวกเขารู้แบบนี้แล้วพวกเขาคงไม่มาสืบเื่พวกเราอีก”
“ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองหน่วยงานคนอื่นที่อยากกำจัดเราก็คงต้องเกรงใจบ้างแหละ”
กู่เชียนเยว่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ“เ้านี่...เ้าอายุแค่เท่าไหร่กัน ทำไมสมองถึงคิดอะไรมากมายขนาดนี้นะ”
“ตอนนี้ข้าอายุสิบห้า ไม่ใช่เด็กแล้วตามธรรมเนียมชาวเยี่ยน อายุสิบสี่ก็สามารถแต่งงานได้แล้ว”
กู่เชียนเยว่พุ่งเข้ามาทันที “เช่นนั้นเ้าว่า...จะแต่งกับข้าหรือชวีหลิวซีดีเล่า”
คำถามแบบนี้คงไม่มีวันออกจากปากของชวีหลิวซีแน่นอนทว่านี่เป็กู่เชียนเยว่ จึงไม่แปลกอะไรที่นางจะถามออกมา ทั้งยังไม่มีสีหน้าเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย
อันเจิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง“แต่ข้ากลับรู้สึกว่าตัวเองยังเด็ก จึงต้องให้ความสำคัญกับการเรียนก่อน”
กู่เชียนเยว่เบ้ปาก“เหตุผลนี้ช่างฟังไม่ขึ้นสิ้นดี ไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย พูดความจริงมาเถอะเลือกยากมากใช่หรือไม่ ระหว่างชวีหลิวซีที่แสนจะเชื่อฟัง กับข้าที่ร่าเริง น่ารักเ้ารักทั้งสองคนเลยใช่หรือไม่?”
อันเจิงเปิดตำราออกในทันที“การทดสอบเทศกาลใบไม้ร่วงจะยากหรือไม่นะ”
กู่เชียนเยว่นั่งอยู่บนโต๊ะของอันเจิงแล้วมองหน้าเขาอย่างจริงจัง “ต่อให้ยากแค่ไหนก็คงยากไม่เท่าเข้าใจความคิดของผู้หญิงหรอก”
อันเจิงพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ
กู่เชียนเยว่ะโลงจากโต๊ะ“น่าเบื่อจริง ๆ ข้าไปแกล้งชวีหลิวซีสนุกกว่าเยอะ”
นางเอามือไขว้หลังแล้วเดินออกไปท่าทางราวกับผู้ใหญ่ไม่มีผิด
นางเพิ่งออกไปไม่นาน ตู้โซ่วโซ่วก็เข้ามา“อันเจิง เ้าจะไปหน่วยทหารไม่ใช่รึ ทำไมตอนนี้ยังไม่เตรียมตัวอีก”
“โดนปีศาจร้ายกักตัวไว้ จะไปได้อย่างไร”
ตู้โซ่วโซ่วหัวเราะ “ชวีหลิวซีใสซื่อบริสุทธิ์กู่เชียนเยว่ร้ายกาจเ้าเล่ห์ เ้าสนุกแน่...เมื่อครู่หน่วยฟางกู้ส่งคนมาเรียกให้เราไปศาลทางนั้นกำลังตรวจสอบโกวจ่านหลีอยู่ บอกให้เราไปให้ความร่วมมือ”
“ให้ชวีเฟิงจื่อไปเถอะ เขาแถเก่งกว่าใครเ้ากับข้าไปหน่วยทหารกัน จากนั้นก็ไปที่สำนักวรยุทธ์ของหน่วยทหารด้วย”
อันเจิงลุกขึ้น “หน่วยฟางกู้ไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตาแต่ก็ไม่กล้าทำให้หน่วยทหารกับสำนักวรยุทธ์ของหน่วยทหารโมโหมีหวังไคไท่ช่วยดูแลเื่นี้อยู่ หน่วยฟางกู้ไม่กล้าเข้าข้างฝ่ายตัวเองแน่”
“จากนั้นก็ไปต้าฟางจาชัวด้วย”
“ไปทำไม?” ตู้โซ่วโซ่วถามอย่างสงสัย
“ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าจะให้ต้าฟางจาชัวปิดกิจการลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น”
อันเจิงจัดระเบียบเสื้อผ้าตนเองจากนั้นก็เดินออกไปพลางพูดขึ้น “เ้ารู้หรือไม่ว่าเราจะจัดการหัวโจกได้อย่างไร?ก็คือการเป็หัวโจกคนใหม่อย่างไรเล่า ต้าฟางจาชัวเป็แค่พวกปลายแถวเท่านั้นหากเรายังจัดการแม้แต่ปลายแถวไม่ได้ แล้วเราจะขึ้นเป็ใหญ่ได้อย่างไรเราจะยังอยู่เมืองฟางกู้ต่อไปได้อย่างไร”
“ข้าชอบคนที่มีเหตุผลแบบเ้าพูดคำไหนคำนั้น” ตู้โซ่วโซ่วชื่นชม
“ยังจำคำพูดของข้าได้หรือไม่ แท้จริงแล้วพวกเราต่างก็เป็คนดี”
ตู้โซ่วโซ่วพูดขึ้นทันที“ต้องจำได้อยู่แล้ว เ้าเคยบอกว่า คนชั่วมักจะทำอะไรไม่เกรงกลัวฟ้าดินส่วนคนดีมักจะต่ำต้อย นี่เป็เื่ที่ผิด คนดีต้องสูงส่ง สูงไปให้ถึงบนฟ้านับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป พวกเราเป็ตัวแทนของคนดี...พวกเรามีเงิน มีอำนาจ พวกเราจะสูงส่งและหยิ่งทะนงแต่ก็จะคอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้