หลังจากที่ทุกคนทำความเคารพแล้ว หากตวนอ๋องไม่กล่าววาจาอะไร ก็ไม่มีใครกล้าพูดก่อน
จ้าวหยวนเช่อละสายตาจากกู้เจิงไปหยุดอยู่ที่คนตระกูลเสิ่น ใบหน้าเ็าของเขาอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “ที่บอกว่าปรมาจารย์ซางเป็ผู้เช่าร้าน ที่จริงแล้วคนที่เช่าจริงๆ คือเปิ่นหวังเอง เปิ่นหวังไม่รู้ว่าร้านนี้ถูกพวกเ้าเช่าไปแล้ว หากรู้คงไม่เกิดเื่ดังเช่นวันนี้ขึ้น”
สีหน้าของคนตระกูลเสิ่นเริ่มผ่อนคลายลง
จ้าวหยวนเช่อมองเถ้าแก่เ้าของร้านด้วยสายตาเ็า “ตามกฎของแคว้นต้าเยว่ พ่อค้าที่ไม่ซื่อสัตย์จะได้รับโทษโบยสิบไม้ เ้าจงไปรับโทษที่ศาลาว่าการ หากเปิ่นหวังรู้ว่าเ้าไม่ได้ไป จะเพิ่มโทษอีกหนึ่งเท่า”
เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านอ๋อง เถ้าแก่เ้าของร้านผู้นั้นไหนเลยจะกล้ากระทำการมิบังควร เขาพยักหน้าไม่หยุด ก่อนจะโขกศีรษะแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
จ้าวหยวนเช่อหันไปกล่าวกับปรมาจารย์ซาง “ท่านนักพรตซาง แถวนี้ยังมีร้านว่างๆ อยู่ พวกเราไปเช่าร้านอื่นกันก็ได้” เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ท่านก็คิดจะแจกหนังสือด้วยใช่ไหม?”
ปรมาจารย์ซางหัวเราะร่วนพร้อมพยักหน้า
กู้เจิงเมื่อได้ยินก็ถึงกับยืนตัวแข็ง นางรีบฉีกยิ้มประจบตวนอ๋อง นางนึกถึงวันที่นางและตวนอ๋องเกิดเื่ปะทะกันขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หรือท่านนักพรตซางคนนี้ก็คือคนที่ตวนอ๋องมาดักรอพบในตอนนั้น
นับั้แ่ตวนอ๋องก้าวเท้าเข้ามาในร้าน นายหญิงเสิ่นก็ลอบมองท่าทีของลูกสะใภ้และตวนอ๋องอยู่ตลอด นางนึกถึงเื่พัวพันระหว่างพวกเขาก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง
“ท่านอ๋อง้าเปิดร้านหนังสือแถวๆ นี้หรือเพคะ?” กู้เจิงฝืนใจเข้าไปคุยกับตวนอ๋อง
“ถูกต้อง” ตวนอ๋องชายตามองนาง
“บนถนนเส้นนี้ มีร้านหนังสืออยู่แล้ว ท่านไปเปิดที่อื่นจะไม่ดีกว่าหรือเพคะ”
“อย่างงั้นหรือ?” ตวนอ๋องแกล้งตอบอย่างยียวน “เปิ่นหวังตั้งใจจะเปิดร้านหนังสือ ทั้งยังจะแจกหนังสือให้คนที่้าโดยไม่คิดเงินอีกด้วย”
กู้เจิงข่มความโมโห เขาตั้งใจจี้จุดนาง แต่นางจำต้องส่งยิ้มและพูดอย่างอ่อนน้อม “หม่อมฉันขอคุยกับท่านอ๋องเป็การส่วนตัวได้ไหมเพคะ?”
ตวนอ๋องชำเลืองมองนางด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ไม่ได้ เปิ่นหวังไม่้าจะให้คนอื่นเข้าใจผิด”
กู้เจิงแทบจะฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว ตวนอ๋องกวนประสาทนาง เขาย้อนคำพูดของนางในครั้งนั้น เฮอะ นางได้แต่ปั้นหน้ายิ้มต่อไปและกล่าวเสียงอ่อนว่า “ท่านอ๋องเพคะ อีกไม่กี่วันท่านก็จะแต่งงานกับน้องสามของหม่อมฉันแล้ว ระหว่างพวกเราก็ถือเป็ครอบครัวเดียวกัน ท่านจะกรุณาคุยกับหม่อมฉันเป็การส่วนตัวไม่ได้เลยหรือเพคะ”
ตวนอ๋องยิ้มเยาะเขาหันไปพูดกับคนอื่นๆ ว่า “พวกเ้าออกไปก่อนเถอะ เปิ่นหวัง้าคุยกับพี่สาวของว่าที่พระชายาเป็การส่วนตัว”
“ขอรับ/เ้าค่ะ” ทุกคนต่างรับคำ
เมื่อทุกคนออกมาด้านนอก นายหญิงเสิ่นก็เห็นพี่สามกับพี่สะใภ้สามทำหน้างุนงงสงสัย นางจึงเอ่ยชี้แจงว่า “อาเจิงก็มีร้านหนังสืออยู่แถวนี้เหมือนกัน หากท่านอ๋องกับปรมาจารย์ซางมาเปิดร้านหนังสือที่นี่ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อร้านของนาง”
ลุงสามกับภรรยาทำหน้าเข้าใจทันที
ชุนหงแอบกังวลใจ เพราะคุณหนูของนางกับตวนอ๋องมักจะมีเื่ไม่ลงรอยกันเสมอ
ปรมาจารย์ซางยืนลูบเครารออย่างเงียบๆ
ภายในร้าน
กู้เจิงยังคงปั้นรอยยิ้มประจบประแจง “ท่านอ๋องเพคะ ร้านหนังสือชิงหย่าเซวียนที่อยู่ไม่ไกลนี้ เป็ร้านหนังสือที่ท่านพ่อมอบให้หม่อมฉัน ท่านจะมาเปิดร้านหนังสือแข่งกับหม่อมฉันแถวนี้ไม่ได้นะเพคะ”
“อ้อ? คิดไม่ถึงเลยว่าร้านหนังสือนั่นจะมีเ้าเป็เ้าของ ไม่น่าเชื่อเลยว่ากู้หงหย่งจะใจกว้างต่อลูกอนุอย่างเ้าขนาดนี้”
กู้เจิงทนฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว นางมองเขาด้วยสายตาเ็า “ท่านอ๋อง เมื่อก่อนหม่อมฉันยังเด็กและไม่รู้ความ เื่โง่เขลาเ่าั้ที่หมอมฉันได้ทำไป ขอท่านอ๋องได้โปรดลืมมันให้หมด เื่เ่าั้มันช่างน่าอายนักเพคะ”
“แต่เปิ่นหวังไม่อาย”
“หนังหน้าของท่านอ๋องก็หนาเหมือนกันนะเพคะ”
ตวนอ๋องมีสีหน้าทะมึน “เ้ากล้าว่าเปิ่นหวังหรือ?”
กู้เจิงรีบปั้นยิ้มพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คนหน้าบางอย่างหม่อมฉัน เื่น่าอับอายพวกนั้น ย่อมไม่อยากให้เอ่ยถึง และถ้าลืมไปได้ตลอดชีวิตก็ยิ่งดีเพคะ”
ตวนอ๋องแค่นเสียงเย็น “ถ้าเปิ่นหวังไม่เอ่ยถึงเื่พวกนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเ้าดี"
กู้เจิง “...” นางสุดจะทนแล้วจริงๆ “พวกเรามาคุยเื่ร้านหนังสือกันต่อดีกว่าเพคะ ท่านอ๋องมีทรัพย์สมบัติมากมาย ถึงไม่เปิดร้านหนังสือก็คงไม่ทำให้ท่านจนลงหรอกกระมังเพคะ”
“ทำไมเปิ่นหวังจะต้องทำตามที่เ้า้า”
กู้เจิงเบ้ปาก นางไม่อาจทนยิ้มได้อีกต่อไปได้
กู้เจิงนิ่งเงียบอยู่นาน จนจ้าวหยวนเช่อต้องเป็ฝ่ายเอ่ยขึ้น “เ้าเงียบทำไม ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วหรือ?”
“ท่านอ๋อง หลังจากที่เกิดเื่ในตอนนั้นขึ้น หม่อมฉันก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว และอีกอย่างสามีของหม่อมฉันก็เป็คนสนิทของท่าน เมื่อไหร่ท่านจะเลิกรังควานหม่อมฉันเสียทีเพคะ”
เมื่อเอ่ยถึงเสิ่นเยี่ยน จ้าวหยวนเช่อก็คิดอยู่ชั่วครู่ “ต่อให้เปิ่นหวังไม่เปิดร้านหนังสือนี้ ก็ต้องมีคนมาเปิดอยู่ดี บริเวณถนนสองสายนี้เป็ไปไม่ได้ที่จะมีร้านหนังสือของเ้าเพียงร้านเดียว”
เริ่มเข้าทางของนางแล้ว กู้เจิงแอบกระหยิ่มในใจ “ท่านอ๋องพูดถูกแล้ว ดังนั้นหม่อมฉันจึงมีแผนการอื่นเพคะ”
“อ้อ? ว่ามาสิ”
“หม่อมฉันมีความคิดที่จะเปิดร้านเช่าหนังสือเพคะ ที่ร้านหนังสือของหม่อมฉันมีหนังสือเก่าอยู่จำนวนหนึ่ง หนังสือเหล่านี้มักจะขายได้ราคาไม่มากอยู่แล้ว หม่อมฉันจึงคิดจะทำร้านเช่าหนังสือโดยเปิดเป็หอสมุดขึ้นมาเพคะ” กู้เจิงเห็นว่าตวนอ๋องกำลังฟังสิ่งที่ตนพูดอย่างจริงจัง นางจึงเล่าแผนการที่นางกับสามีเคยคิดกันไว้ให้เขาฟัง
“หลังจากจ่ายเงินรายเดือนแล้วก็สามารถอ่านหนังสือในร้านได้ทุกวัน? และสามารถเช่าหนังสือเก่าได้ในราคาที่ถูกกว่าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่เพคะ หม่อมฉันทราบว่าตระกูลชนชั้นสูงมีหอตำรา แต่ทว่าก็มีไว้สำหรับลูกหลานของตระกูลตนเองเท่านั้น แต่หอสมุดนี้ชาวต้าเยว่ทุกคนล้วนสามารถเข้ามาหาความรู้ได้เพคะ” กู้เจิงพูดถึงแผนการของนางอย่างตื่นเต้น
จ้าวหยวนเช่อแอบมองหญิงสาวที่ดวงตาใสกระจ่างตรงหน้า แก้มของนางแดงปลั่งเพราะความตื่นเต้น เมื่อพูดถึงแผนการที่นางคิดจะทำ
“ได้ งั้นเ้าก็ทำเถอะ”
“หืม?” กู้เจิงตกตะลึง นางรีบย้อนถามด้วยความดีใจว่า “ท่านอ๋องจะไม่เปิดร้านหนังสือแล้วหรือเพคะ?”
“ไม่เปิดแล้ว ก็เ้าบอกว่าจะเปิดหอสมุดไม่ใช่หรือ? ข้าจะหุ้นด้วยที่แปดต่อสอง”
ประโยคแรก ทำเอากู้เจิงดีใจจนแทบจะะโตัวลอย แต่ประโยคถัดมาก็ทำเอานางอึ้งอยู่นาน
“เปิ่นหวังจะร่วมลงทุนกับเ้าด้วย เปิ่นหวางแปด เ้าสอง” ตวนอ๋องเอ๋ยทวนซ้ำอีกที
กู้เจิงเกือบจะหลุดด่าออกมา “ท่านอ๋องจะหุ้นเปิดหอสมุดร่วมกับหม่อมฉันหรือเพคะ?”
“ไม่ใช่ว่าที่เ้ามาขอคุยเป็การส่วนตัว ก็เพื่อขอร้องให้เปิ่นหวังมาร่วมหุ้นด้วยกันหรอกหรือ?”
กู้เจิงมองเขาอย่างเคืองๆ “หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้นเพคะ”
“ไม่ได้หมายความเช่นนั้น แล้วเ้ามาพูดตั้งมากมายขนาดนี้กับเปิ่นหวังไปทำไม?”
กู้เจิง “...” แต่พอคิดอีกที หากมีท่านอ๋องร่วมลงทุนด้วย อาศัยชื่อเสียงของเขา ไม่แน่ว่าหอสมุดของนางอาจจะไปได้ดี แต่สองต่อแปดเลยหรือ? กู้เจิงไม่อยากเสียเปรียบ นางต่อรองเสียงอ่อนว่า “ห้าต่อห้าเพคะ”
“สามต่อเจ็ด นี่คือเส้นตายของเปิ่นหวังแล้ว”
“ท่านอ๋อง คนที่จะต้องดูแลจัดการภายในหอสมุดย่อมต้องเป็หม่อมฉัน หม่อมฉันลำบากขนาดนี้ ให้เงินค่าเหนื่อยหน่อยเถอะเพคะ สี่ต่อหก? หม่อมฉันจะพยายามช่วยหาเงินให้ท่านอ๋องเยอะๆ อย่างสุดความสามารถเลยเพคะ” กู้เจิงมองเขาด้วยสีหน้าจริงใจ
ตวนอ๋องแค่นเสียงเ็า “ก็ได้” กู้เจิงฉีกยิ้มดีใจ
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากหม่อมฉันวางแผนทั้งหมดดีแล้ว หม่อมฉันจะไปเอาเงินที่จวนของท่านอ๋องนะเพคะ นับแต่นี้ไป ระหว่างหม่อมฉันกับท่านอ๋องก็ถือว่าเรามาทำความรู้จักกันใหม่นะเพคะ” นางอยากให้ตวนอ๋องลืมกู้เจิงคนก่อนไปจะดีที่สุด
จ้าวหยวนเช่อมองกู้เจิงด้วยแววตาครุ่นคิด “ทำความรู้จักกันใหม่หรือ?”
“ใช่แล้วเพคะ” อีกไม่นานเขาก็จะกลายมาเป็น้องเขยของนาง และสามีของนางก็ยังทำงานให้เขาอีก นางไม่อยากจะต้องคอยระแวงว่าตวนอ๋องจะคอยหาเื่มารังควานนางอีกแล้ว
ทุกอย่างที่กู้เจิงพูดทำเอาจ้าวหยวนเช่ออารมณ์หนักอึ้ง เขาหันหลังจากไปด้วยสีหน้ามืดมน