คนตระกูลหลินทั้งหมดถูกลงโทษโบยคนละสามสิบไม้ตามที่หยางซีสั่ง สภาพของพวกเขาย่ำแย่เป็อย่างมาก นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องมาเสียเงินค่าทำขวัญให้กับคนตระกูลไป๋ถึงสามร้อยตำลึงอีกด้วย เงินจำนวนนั้นไม่น้อยเลย แต่ถึงแม้จะโมโหมากเพียงใด แต่ยามนี้ยังไม่ใช่เวลามาผูกใจเจ็บ รอให้พวกเขาหายดีแล้ว ค่อยเอาคืนก็ยังไม่สาย
ไป๋เยว่ซินมองดูคนตระกูลหลินที่ถูกหามกลับจวนไปด้วยแววตาที่เรียบเฉยคราหนึ่ง เื่การทำโทษคนเช่นนี้นางเคยเห็นมาจนชินตาเสียแล้วจึงไม่ได้รู้สึกใอันใด นางกำตั๋วเงินสามร้อยตำลึงในมือเอาไว้แน่น ก่อนจะเก็บมันยัดใส่แขนเสื้อของตนเอาไว้ แต่ก่อนเงินเพียงเท่านี้ไม่นับเป็ใดสำหรับนาง นางเป็ถึงองค์หญิงใหญ่ ตอนเสด็จแม่ยังมีชีวิตอยู่นางไม่เคยขาดแคลนเงิน แต่หลังจากเสด็จแม่ตายจากไปก็ค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่ถึงกับขัดสน
อย่างน้อยด้วยฐานะของนางตอนนี้ เงินจำนวนเท่านี้นับว่าไม่น้อยเลย มันอาจจะทำให้นางเอาไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย
นับแต่นี้นางจะต้องเผชิญชีวิตด้วยตนเอง ความสุขสบายในกาลก่อนนั้น นางจะลืมมันไปเสียให้หมดสิ้น
ไป๋เซียงมองน้องสาวตนด้วยแววตาสับสนเป็อย่างมาก นางจำได้ว่าแต่ก่อนน้องเล็กมีนิสัยอ่อนโยน ขี้กลัวคนไม่กล้าทำเื่เช่นนี้ ทว่าั้แ่น้องเล็กฟื้นขึ้นมาจากการล้มป่วยปางตายในครั้งนั้น กลับเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน
นางสงสัยยิ่งนัก บางคราน้องเล็กก็ดูห่างเหินกับพวกนาง อีกทั้งนางยังรู้สึกว่ามีรัศมีของความสูงส่งอย่างแปลกประหลาดที่แผ่ออกมาจากกายของน้องเล็ก
แต่ถึงแม้น้องสาวจะเปลี่ยนไปอย่างไร ในใจของไป๋เซียงก็ยังคงรักและเอ็นดูน้องเล็กของนางอยู่เช่นเดิม
เมื่อเห็นว่าไม่มีอันใดแล้ว นางจึงพาไป๋เซียงกลับบ้าน ระหว่างนั้นยังซื้อเนื้อหมูและเนื้อวัว รวมถึงผักสดอีกหลายอย่างติดมือกลับไปที่จวนอีกด้วย
อีกไม่นาน ท่านลุง ท่านพ่อและพี่ชายของนางก็จะกลับมาจากต่างอำเภอแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่านางเกาและนางหลี่กำลังยืนรอพวกนางด้วยความร้อนใจเป็อย่างมาก เพราะบุตรสาวหลานสาวทั้งสองออกไปด้านนอกนานมากแล้วยังไม่กลับมาเสียที ไป๋เซียงจึงทำได้เพียงอธิบายให้พวกนางฟังอย่างละเอียดว่าเกิดเื่ใดขึ้น นางเกาและนางหลี่เมื่อฟังจบก็ถึงกับอกสั่นขวัญหาย รีบเข้ามาสำรวจดูไป๋เยว่ซินและไป๋เซียงยกใหญ่
ไป๋เยว่ซินเคยชินกับท่าทางเช่นนี้ของพวกนางไปเสียแล้วจึงไม่ได้รู้สึกว่าผิดแปลกอันใด
"ป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านแม่ วันนี้ข้าซื้อเนื้อหมูมาด้วย ข้าอยากให้พวกท่านได้กินของดีดีบ้าง วันนี้ข้าจะเข้าครัวเองเ้าค่ะ"
นางเกาผู้เป็ป้าสะใภ้ใหญ่เมื่อได้ฟังก็รีบปรามทันที
“เ้าเพิ่งหายป่วยจะมาทำงานหนักไม่ได้ ป้าสะใภ้จะเป็คนทำเอง เ้าไปพักเถอะ"
ไป๋เยว่ซินรีบโต้แย้งทันที นางใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งจนคนในจวนยอมให้นางไปทำอาหาร
ไป๋เยว่ซินเดินเข้าในห้องครัว พบว่าของใช้ต่างๆค่อนข้างเก่ามากแล้วแต่ยังใช้งานได้อยู่ ไม่ไกลกันนักมีฟืนแห้งที่ใช้ก่อไฟวางกองอยู่
"อาหลิง เ้ามาช่วยข้าก่อไฟที"
อาหลิงพยักหน้า ก่อนจะรีบมาช่วยก่อไฟ แม้นางจะอายุยังน้อยแต่กลับทำงานคล่องแคล่วเป็อย่างมาก ไป๋เยว่ซินจ้องมองอาหลิงด้วยแววตาสนใจ
ก่อนหน้านี้ไป๋เซียงเล่าให้นางฟังว่า อาหลิงนั้นกำลังจะถูกขายไปที่หอนางโลม นางวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่รู้สึกสงสารจึงนำสินเดิมของตนส่วนหนึ่งมาซื้อตัวอาหลิงไว้ นับแต่นั้นอาหลิงก็ขอรับใช้พวกนางอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่รับเงินเดือน ขอเพียงมีข้าวกินก็พอ แต่ถึงอย่างนั้นคนในตระกูลไป๋ก็ไม่เคยมองอาหลิงเป็สาวใช้ซ้ำยังไม่เคยทารุณนาง กลับเอ็นดูนางเหมือนหลานสาวคนหนึ่งด้วยซ้ำ
"เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะพี่เยว่ซิน"
ไป๋เยว่ซินพยักหน้าก่อนจะให้อาหลิงไปล้างผักและเตรียมลงมือทำอาหาร
อย่างไรย่อมต้องกินใช้ให้ประหยัด นางจึงไม่ได้ทำอาหารหลายอย่างมากนัก เพียงผัดผักใส่หมูหนึ่งจาน น้ำแกงกระดูกหมูหนึ่งถ้วย และต้มโจ๊กเอาไว้ ถึงจะมีอาหารเพียงไม่กี่อย่างแต่ก็นับว่าดีกว่าหลายวันก่อนมากนัก
แม้นางจะเป็องค์หญิงใหญ่ แต่เสด็จแม่ของนางไม่เคยสอนให้นางใช้คนจนเคยตัว เื่เล็กน้อยใดที่ทำด้วยตนเองได้เสด็จแม่ล้วนสอนนางทั้งหมด เื่ทำอาหารนั้นเสด็จแม่ของนางเก่งกาจไม่น้อยเลย อีกทั้งยังถ่ายทอดความรู้ให้กับนางทุกอย่าง นางถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงสามัญชนทั้งที่เป็ถึงองค์หญิงใหญ่ เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดทุกอย่าง เสด็จแม่ล้วนตามใจนาง มีครั้งหนึ่งนางอยากเรียนวรยุทธ์เสด็จแม่ก็ตามใจให้นางเรียน ชีวิตของนางตอนที่มีเสด็จแม่นับเป็่เวลาที่ดีมากยิ่งนัก
เมื่อต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในร่างผู้อื่นที่ยากจนถึงเพียงนี้ นางจึงไม่ได้รู้สึกยำแย่เท่าใดนัก
ชีวิตของคนเราก็มีเพียงเท่านี้ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครที่สามารถเอาสิ่งใดติดตัวไปได้ยามหมดลมหายใจ เช่นนั้นแล้วจะยึดติดกับฐานันดรศักดิ์และของนอกกายไปทำไมกัน
อาหลิงมองดูไป๋เยว่ซินทำอาหารด้วยความสนใจ นางเป็เพียงเด็กสาวอายุสิบสองปีจึงมองทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"พี่เยว่ซิน ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านมีฝีมือทำครัวเก่งกาจถึงเพียงนี้"
ไป๋เยว่ซินยิ้มให้อาหลิง เมื่อเห็นอาหลิงยิ้มแย้มร่าเริงมันก็ทำให้นางหวนคิดถึงเหล่านางกำนัลน้อยในตำหนักของนางที่ถูกสังหารตาย ใจของไป๋เยว่ซินก็พลันรู้สึกหดหู่ขึ้นมา
คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพียงเพราะภักดีกับนาง ช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก
นางไม่อยากคิดอันใดให้มากความอีก จึงรีบทำอาหารและให้อาหลิงยกเข้าไปที่โต๊ะอาหารกลางเรือน
นางเกาและนางหลี่นั้น หลังจากที่กินอาหารอิ่มแล้วก็มานั่งรับลมที่ศาลาใต้ต้นไม้ พลางสนทนาอันใดไปเรื่อยเปื่อยและช่วยกันเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เด็กๆ พวกนางสองคนเองก็สงสัยที่ไป๋เยว่ซินเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่ได้คิดอันใดมากนัก เพียงคิดว่าอาจเพราะไป๋เยว่ซินเติบโตขึ้นมากแล้วจึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเช่นนี้
ท้องฟ้าในคืนนี้ข้างค่อนแจ่มใส แสงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า ดอกบัวในสระน้ำเอนสะบัดพลิ้วไหลไปตามแรงลมช่างดูงดงามนัก
ไป๋เยว่ซินนั่งอยู่ที่นอกระเบียงบ้าน ยามนี้เป็่ฤดูร้อนอากาศจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวอยู่บ้าง นางเหม่อมองไปบนท้องฟ้าพลางครุ่นคิดเื่ต่างๆไปเรื่อยเปื่อย
การได้พบกับหยางซีอีกครั้ง ทำให้นางรู้สึกคิดไม่ตก นางไม่รู้ว่าเหตุใดอยู่ๆเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่
แต่คิดเช่นไรนางก็คิดไม่ออก ไป๋เยว่ซินรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก จึงกลับเข้าไปนอนพักในห้องนอน
ด้านหยางซีนั้นหลังจากที่กลับมาถึงเรือนพักแล้ว เขาก็จัดการสั่งสอนนายอำเภอเจี่ยงไปหลายคำรบ นายอำเภอเจี่ยงถึงกับร้องไม่เป็ภาษา
"ฮือ นายท่าน ข้าน้อยไม่กล้าแล้ว ต่อไปไม่กล้าแล้วขอรับ ไม่กล้ารับสินบนผู้ใดส่งเดชอีกแล้ว ผู้ใดจะทราบกันว่าท่านจะถูกตาต้องใจแม่นางน้อยไป๋ผู้นั้น!"
"หุบปาก!"
นายอำเภอเจี่ยงสะดุ้งโหยงไม่กล้าเอ่ยวาจาส่งเดชอีก หลายปีมานี้ที่เขามีหน้ามีตาล้วนเป็เพราะบารมีของนายท่านทั้งสิ้น เดิมทีเขาก็เป็เพียงคนไม่เอาไหน เป็เพียงบัณฑิตยากจน หลังจากภรรยาแขวนคอตายจากไปก็ทิ้งบุตรชายวัยสิบปีให้เขาคนหนึ่ง เขาสอบไม่ติด ทำอันใดก็ไม่เป็ชิ้นเป็อัน แต่เพราะได้พบนายท่านช่วยให้เขาและบุตรชายมีชีวิตดีขึ้นและมีหน้ามีตาเป็ถึงนายอำเภอ เขาจึงมีทุกวันนี้ได้ หากไม่ได้นายท่านมีหรือที่ชายวัยสามสิบกว่าอย่างเขาจะเป็ถึงนายอำเภอที่ผู้คนนับหน้าถือตาได้
นายท่านดีกับเขามาก ช่วยฉุดให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เขากลับหน้ามืดตามัวหลงระเริงในอำนาจไปเสียได้
เมื่อคิดถึงคหบดีหลินเขาก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
หยางซีที่มองเห็นท่าทีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของนายอำเภอเจี่ยงก็ส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง คนเรานี่หนอ ตนเองก็มีส่วนผิดแต่ยามเกิดเื่กลับมองเห็นเพียงด้านเลวของผู้อื่น แต่กลับไม่มองด้านเลวของตน!
เพราะรีบร้อนเดินทางมา หยางซีจึงยังไม่ได้หาที่พักจำต้องมาพักอยู่ที่จวนนายอำเภอเจี่ยงก่อน ส่วนเจี่ยงเฉินบุตรชายของเจี่ยงเฉานั้นเป็เด็กน่ารัก ไม่เหมือนบิดาย่อมไม่สร้างความลำบากใจให้เขาอยู่แล้ว
เขาปรายตามองนายอำเภอเจี่ยงก่อนจะเอ่ย
"นับแต่นี้ไปอย่ายุ่งกับคนตระกูลไป๋นั่นอีก กลับกันเ้ายังต้องปกป้องพวกเขาด้วย"
นายอำเภอเจี่ยงเมื่อได้ฟังก็ย่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย
"นายท่าน ข้าน้อยไม่เข้าใจจริงๆขอรับ ท่านไม่เคยรู้จักกับพวกเขามาก่อน เหตุใดจึง..?"
"คนแซ่เจี่ยง หากเ้ายังถามไม่เลิก ข้าจะตัดลิ้นเ้าเสีย!"
"ข้าน้อยทราบแล้ว น้อมรับคำสั่งของนายท่านขอรับ"
นายอำเภอเจี่ยงกลัวจนหัวหด หยางซีรำคาญแล้วจึงไล่คนออกไปเสีย
เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตีย งพลางยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วตน
เขาเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ผู้มีความดีความชอบ ตระกูลหยางเองก็เป็แม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน ไม่เว้นแม่แต่ท่านปู่ท่านพ่อ หลังจากท่านปู่สิ้น ท่านพ่อก็รับหน้าที่นี้ต่อ แต่เพราะหลายปีมานี้สุขภาพของท่านพ่อไม่ใคร่จะสู้ดีเท่าใดนัก ทำให้ต้องลาออกจากราชการ และเขาเองก็ทำความดีความชอบเดินตามรอยบิดา ได้เป็ถึงแม่ทัพใหญ่มากความสามารถต่อจากบิดาของตน
เสด็จป้าของเขาเป็ถึงฮองเฮามารดาของแผ่นดิน แน่นอนว่าเพราะได้ผูกสัมพันธ์เป็พระญาติกับราชวงศ์จึงได้ตำแหน่งกั๋วกงมาประดับบารมี
ผู้คนต่างรู้จักเขาในนามของคุณชายรอง เดิมทีเขาเป็เพียงบุตรนอกสมรสของหยางกั๋วกง มารดาของเขาเป็สตรีบ้านป่านามว่าอู่หลาน เพราะสุขภาพของนางไม่ดีและเกิดเื่ไม่คาดฝันกับตระกูลอู่ ทำให้ท่านพ่อต้องพาเขากลับเข้าจวนตอนอายุห้าขวบมาเลี้ยงในนามบุตรอีกคนของฮูหยินใหญ่ เป็คุณชายรองตระกูลหยาง เขามีพี่ชายหนึ่งคนที่เกิดจากภรรยาเอกนามว่าหยางเฉวียน
ภายนอกตระกูลหยางดูเหมือนจะรักใคร่ปรองดองกันดี แต่ทว่าภายในจวนกลับเละเทะจนเกินจะทานทน
ฮูหยินใหญ่ไม่พอใจที่เขาซึ่งเป็เพียงบุตรนอกสมรสกลับมีหน้ามีตามากกว่าหยางเฉวียนซึ่งเป็ถึงซื่อจื่อผู้สืบทอดจวนกั๋วกง จึงหาทางกำจัดเขาสารพัด เขาต้องหาทางเอาตัวรอด ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงั้แ่อายุห้าขวบ จนอายุได้สิบสามปีเขาจึงหนีเข้าไปเป็ทหารในกองทัพโดยไม่บอกบิดา และได้ทำความดีความชอบไต่เต้าจนมีทุกวันนี้
หยางเฉวียนที่เกิดจากท้องภรรยาเอก แต่กลับไม่เอาไหน บุ๋นบู๊ไม่ได้เื่ วันๆเอาแต่ทำตัวเสเพลไร้แก่นสาร
เขารู้ดีว่าฮูหยินใหญ่ไม่มีทางปล่อยเขาไป เพราะนางเกรงว่าการมีอยู่ของเขาอาจจะทำให้ตำแหน่งซื่อจื่อของบุตรชายตนเกิดการสั่นคลอน เพราะหยางเฉวียนไม่ได้เื่ อีกทั้งฮ่องเต้ยังตำหนิลงมาหลายหนแล้ว
เขาเองก็ไม่ได้อยากจะเป็ซื่อจื่อเฮงซวยใดนั่นเช่นเดียวกัน แท้จริงแล้วเขาอยากจะตัดขาดจากคนตระกูลหยางไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่ายังไม่อาจทำได้และเขายังมีแค้นที่จะต้องสะสางให้แล้วเสร็จทำให้จำต้องต้องพัวพันกับคนพวกนี้อยู่
ตอนนั้นเขายังเด็กนัก ทำให้ไม่ได้สงสัยในการตายของท่านแม่และคนในตระกูลอู่ แต่เมื่อเขาเติบใหญ่กลับเข้าใจเื่ราวมากขึ้น
ท่านแม่ยังสาว งดงามบริสุทธิ์และแข็งแรงยิ่ง อยู่ๆจะมาล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุได้เช่นไรกัน
เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นจึงได้สืบหาความจริงจนพบว่า ท่านพ่อเป็คนวางแผนสังหารตระกูลอู่ล้างตระกูล ท่านแม่ไม่ใช่สาวบ้านป่า แต่เป็บุตรสาวของคหบดีที่แสนจะร่ำรวยผู้หนึ่งที่อำเภอหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงไม่ไกลนัก พ่อบ้านสวีคนสนิทของท่านพ่อเล่าให้เขาฟังว่ายามนั้นท่านพ่อเพิ่งจะแต่งกับฮูหยินใหญ่ แต่กลับไปมีความสัมพันธ์กับท่านแม่จนนางตั้งครรภ์ เพราะเกรงว่าฮูหยินใหญ่จะรังแก ท่านพ่อจึงยังไม่ได้รับท่านแม่เข้าจวน ท่านแม่เองก็เต็มใจเป็ภรรยาลับของท่านพ่อ รั้งรอเวลามาเขาอายุห้าขวบอยู่ๆท่านแม่ก็ล้มป่วยหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ท่านพ่ออยากรับเขากลับจวนตระกูลหยางแต่ท่านตาไม่ยอม ท่านพ่อจึงยื่นข้อเสนอมอบเงินให้ก้อนหนึ่งแลกกับการห้ามติดต่อกับเขาอีกชั่วชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีของเขา แต่ท่านตาอย่างไรก็ไม่ยอม ท่านพ่อก็ไม่เร่งรัด แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเคราะห์กรรมจะถาโถมเข้าใส่ คืนนั้นจวนตระกูลอู่กลับเกิดเพลิงไหม้ ทุกคนล้วนถูกไฟคลอกตายทั้งหมด ท่านพ่อเร่งรุดมาช่วยเหลือแต่กลับไม่ทันการณ์ สามารถช่วยเขาได้เพียงคนเดียว เขาจึงรอดมาได้ จากนั้นท่านพ่อก็พาตัวเขากลับจวนตระกูลหยาง ทำให้เขาซาบซึ้งที่บิดาไม่เคยคิดทอดทิ้งตน
เขาใช้ชีวิตเป็คุณชายรองอยู่ในนครหลวง ผ่านร้อนผ่านหนาวจนเข้าสู่กองทัพ แต่ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมายามนอนหลับเขากลับฝันถึงเื่แปลกประหลาดเื่หนึ่ง
ในฝันเขาเห็นท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้วร่ำไห้กอดเขา ราวกับ้าจะบอกบางอย่างกับเขา เมื่อตื่นนอนขึ้นมาเขากลับปวดหัวนัก เขาฝันเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเติบใหญ่ เขาจึงเริ่มสืบค้นเื่การตายของท่านแม่อย่างจริงจัง
เขาใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อสืบค้นเื่ราวทุกอย่างของตระกูลมารดา จนกระทั่งได้พบกับท่านลุงหม่าต้วน ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบปีที่รอดชีวิตจากการฆ่าล้างตระกูลอู่ไปได้
ท่านลุงหม่าต้วนเป็พ่อบ้านของตระกูลอู่ ตอนนั้นเขาอายุเพียงยี่สิบกว่าๆ หม่าต้วนได้ไปส่งสินค้าแทนเ้านายตน คืนเกิดเหตุเขากลับมาในกลางดึก พบว่าจวนตระกูลอู่ดูเงียบผิดปกติ ทุกคราที่กลับมาเขามักเข้าจวนทางประตูหลัง แต่เดินเข้ามาได้เพียงไม่กี่ก้าวกลับได้ยินเื่ที่น่าหวาดหวั่นเข้าเสียก่อน
เขาได้ยินเสียงร้องไห้ดังระงมมาจากในจวน เสียงของท่านตาะโด้วยความโกธรแค้นก่อนจะสิ้นชีวิตว่า
หยางเยี่ยน เ้าไม่มีวันตายดีหรอก เ้าสังหาร....
วาจานั้นยังไม่ทันเอ่ยจบหม่าต้วนก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ปของท่านตาดังขึ้นเสียก่อน ตามด้วยเสียงด่าทอของมารดาเขา ชายปริศนาที่เป็คนฆ่าล้างตระกูลอู่กลับบอกว่าเพราะนางดื้อรั้นและล่วงรู้ความลับของเขา เขาย่อมไม่อาจเก็บพวกนางเอาไว้ได้ และเขาเป็คนวางยานางเอง ที่นางล้มป่วยไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี แต่เพราะถูกวางยา หม่าต้วนยังจำเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของนายหญิงได้ดี หม่าต้วนไม่อาจช่วยเ้านายได้ จำต้องหนีตายไปก่อน
คืนนั้นจวนตระกูลอู่ก็มอดไหม้กลายเป็เถ้าถ่าน ผู้คนต่างคิดว่ามันเป็เพราะอุบัติเหตุ แต่หยางซีที่เข้าใจเื่ราวทุกอย่างกลับยิ้มทั้งน้ำตา
หยางเยี่ยนคือนามของท่านพ่อ เขาไม่เคยคิดเลยว่า ท่านพ่อจะเป็คนฆ่าล้างตระกูลท่านแม่มันเพราะเหตุใดกัน!
หลังจากคนตระกูลอู่ตายไปจนหมด หม่าต้วนก็เร้นกายไปอยู่ต่างอำเภอ หยางซีต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะสืบสาวหาตัวเขาพบ
แต่หม่าต้วนกลับไม่รู้ว่าความลับที่ท่านแม่และท่านตาของเขาไปล่วงรู้นั้นคือเื่ใด หม่าต้วนไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่ที่จวนมากนัก เขาเป็เพียงเด็กกำพร้าที่คหบดีอู่เก็บมาเลี้ยง หนึ่งปีจะกลับจวนมาสักสองครั้งเพราะต้องไปสะสางงานให้คหบดีอู่ที่หลายอำเภอ ทำให้เขาไม่ได้รู้ความเป็ไปของคนในจวน ที่เขารู้ก็มีเพียงเท่านี้ แม้กระทั่งหยางเยี่ยนคือใครเขาก็ยังไม่ทราบ
หยางซีกำมือแน่นจนเส้นเืปูดโปน ความแค้นนี้เขาไม่เคยลืม
ที่เขามาที่อำเภอเซียงถงเพราะได้รับจดหมายจากท่านลุงหม่าต้วน หม่าต้วนบอกว่าตนมาค้าขายที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่หยางซีได้รับพระบัญชาจากฝ่าา ให้มาควบคุมการสร้างเขื่อนใหม่ที่อำเภอเซียงถงเขาจึงมาที่นี่
เดิมทีคนที่ต้องมาคุมการก่อสร้างไม่ใช่เขา แต่เพราะเขาขอร้องฝ่าาว่าอยากทำงานนี้ด้วยตนเอง ฝ่าาจึงทรงอนุญาต
นอกจากจะมาควบคุมการสร้างเขื่อนใหม่และมาพบท่านลุงหม่าต้วนแล้ว สาเหตุที่เขามาที่นี่ก็เพราะิจู!
ไม่คาดคิดว่า เขาจะได้พบกับนางอีกครา ซ้ำร้ายการพบกันครั้งนี้ นางกลับไปอยู่ในร่างของคนอื่นเหมือนเช่นที่เขาเห็นในฝันจริงๆ!