โบ๋เวินนอกจากไม่มีความแค้นต่อประมุขพันปีแล้วยังเพิ่มความยินดีขึ้นมาอีกหลายส่วน ยามนี้สามารถเป็ส่วนหนึ่งของสำนักพันปีหมายความว่าตนเองมีโอกาสได้ใหญ่ยิ่งกว่าตอนอยู่สำนักเมฆั
เนื่องจากที่พักใหม่ของเหล่าลูกศิษย์ยังไม่ได้สร้างดังนั้นไท้หยูจึงให้เขานำศิษย์มาอาศัยอยู่ที่พักเก่าของศิษย์สายนอกของสำนัก ซึ่งตั้งอยู่ส่วนทางเข้าประตูแดงของสำนักพันปี จะอย่างไรสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ล้วนไม่ได้ใช้งานอยู่แล้ว
ยามนี้ลูกศิษย์สำนักพันปีมีเพิ่มขึ้นมาหลายร้อย สายสำนักพันปีมีสี่คน อีกร้อยกว่าเป็สำนักเมฆั ทว่าไท้หยูไม่เกี่ยงที่จะสั่งสอนศิษย์เหล่านี้ ดังนั้นทันทีที่ขึ้นเขามาก็สั่งโบ๋เวินให้เขาจัดการเื่หนึ่ง นั้นคือจัดอันดับลูกศิษย์ของสายเมฆั ให้เขานำลูกศิษย์ทั้งหลายประลองสูงต่ำดูว่าผู้ใดกล้าแข็งแล้วค่อยรวมเป็ศิษย์สำนักพันปี อีกประการหนึ่งเพื่อจะสามารถจัดสรรทรัพยากรให้ศิษย์ทั้งหลายได้
จะอย่างไรคลังของสำนักพันปีในตอนนี้ร่อยหรอไม่มีจำนวนมากพอคนทั้งหมด
ศิษย์ของสาขาเมฆักลุ่มที่มีพร์สูงส่งมีไม่กี่คน หลังจากที่อี้ฟานและพวกพ้องไม่ยอมเข้าร่วมสำนักพันปี กำลังรุ่นเยาว์ที่สามารถเอ่ยปากว่าใช้ได้หลงเหลืออยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่ที่เหลือเป็ลูกศิษย์ที่รับเข้ามาได้ไม่นาน อายุราวสิบสามถึงสิบหก ส่วนใหญ่เป็ผู้ฝึกตนระดับหลอมจิต มีระดับรวมกายแค่คนเดียว
สำนักเมฆัเป็สายยุทธ์ที่ฝึกลมปราณ ลูกศิษย์ทั้งหมดฝึกวิชาที่ศึกษาค้นคว้าจากวิชาเมฆของยอดคนในอดีต ยามนี้ย้ายถิ่นสำนักขาดแคลนเมฆที่เป็พลังในหนุนนำฝึกตนหลายคนจึงเริ่มคร่ำเครียด ทว่ายังไม่มีผู้ใดกล้ากล่าววาจา ซึ่งคนทั้งหมดยังไม่ทราบว่าชะตากรรมของตนเองจะเป็อย่างไร แต่เข้าใจว่าฐานะของตนเองไม่ต่างจากทาสของสำนักพันปี
แม้เป็ยามค่ำคืน่เวลาเข้านอน ทว่าลูกศิษย์ทั้งร้อยกว่าคนยังไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะนอนหลับ ส่วนใหญ่ตึงเครียด ยามนั้นโบ๋เวินพลันเดินเข้ามา คนทั้งหลายรอคอยเขาอยู่ที่ลานกว้างด้านนอกที่พัก ท่ามกลางความมืดของราตรีกาลความเงียบงันในบริเวณนี้ยังขับเน้นความเคร่งเครียดในใจของทุกคน
โบ๋เวินหลังจากรับประทานโอสถก็อาการาเ็ก็เริ่มทุเลาลงบ้างทว่าตามตัวยังาแ ลูกศิษย์ทั้งหมดมองเห็นกลับคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าประมุขสำนักพันปีลงมือดุดันทำร้ายเ้าสำนักของตนเองจนมีสภาพเช่นนี้ ช่างน่ากลัวอำมหิตยิ่งนัก
“ต่อจากนี้จะไม่มีชื่อของสำนักเมฆัอีกต่อไป พวกเ้าทั้งหมดจะเป็ลูกศิษย์ของสำนักพันปี ไม่ใช่สำนักเมฆัแล้ว พวกเ้าคือศิษย์สายนอกของสำนัก กฎของสำนักไม่ได้เข้มงวดแต่อย่าได้คิดฝ่าฝืนมิเช่นนั้นตายสถานเดียว หอตำราพวกเ้าสามารถใช้ได้เฉพาะชั้นที่หนึ่งเท่านั้น หากอยากขึ้นชั้นอื่นต้องเป็ศิษย์สายในของสำนักก่อน หออาวุธ หอเรียนรู้ หอโอสถ สามารถใช้ได้ทว่าไม่อนุญาตให้หยิบฉวยสิ่งใดออกจากหอ ใช้งานเสร็จเก็บคืนสู่ที่เดิม หากนำสิ่งของใดออกจากหอที่ว่ามาตายสถานเดียว”
หลังจากคำพูดของโบ๋เวินจบลงกลับเป็ความเงียบงันที่ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ คล้ายกับเป็ป่าช้า เงียบสงัดไร้ผู้คน กระทั่งผ่านไปหลายอึดใจค่อยมีเสียงคนโพล่งขึ้นมาด้วยความแตกตื่นยินดี
“พวกเรา พวกเรากลายเป็ศิษย์สำนักพันปีแล้ว?”
“มิใช่ว่าเราเป็ทาสเป็เชลยที่ประมุขสำนักพันปีจับตัวมาใช้งานหรือ”
“กลายเป็ศิษย์สำนักพันปี แม้แต่หอตำราก็สามารถใช้งาน นั้นหมายความว่าพวกเราสามารถฝึกปรือวิชาของสำนักพันปีใช่หรือไม่”
“โชคหล่นจากฟ้า โชคหล่นจากฟ้า ข้ากลายเป็ลูกศิษย์ของสำนักพันปีแล้ว ฮา ท่านพ่อท่านแม่ลูกของท่านเป็ลูกศิษย์สำนักพันปีแล้ว ที่แท้พวกท่านคอยช่วยเหลือลูกอยู่บน์ตลอดมา ขอบคุณ....” น้ำเสียงประโยคหลังไม่ชัดเพราะสะอึกสะอื้น
จากนั้นเป็เสียงเด็กน้อยตื่นเต้น หลายคนยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทาร่ำร้องจนฟังไม่เป็ศัพท์ สำหรับผู้ฝึกตนทั้งหลาย ประวัติศาสตร์อันยาวนานของสำนักพันปีเป็ที่รู้จักกันทั่วทั้งหมด แน่นอนว่าสำนักที่มีรากฐานยาวนานเช่นนี้ย่อมต้องมีตำราสำหรับฝึกตนมากมาย หลายเคล็ดวิชาย่อมเป็ที่หายสาบสูญไปจากโลก
ดังนั้นไม่มีผู้ใดไม่เพ้อฝันอยากเข้าสำนักพันปี ยามนี้เมื่อได้เข้ามาเป็ศิษย์สำนักพันปียิ่งยินดีจนร่ำไห้ออกมา
มาตรว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่าสำนักพันปีตกต่ำลูกศิษย์และประมุขทั้งหมดล้วนอ่อนแอ ทว่าดูจากตอนนี้ไหนเลยมีเค้าว่าอ่อนแอ ไม่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะประมุขสำนักพันปี ที่เพิ่งทำลายยอดเขาเมฆาทิ้งไป ความทรงพลังและน่าสะพรึงที่เป็ประจักษ์แก่ทุกคน
“วันพรุ่งนี้จัดการประลองคัดอันดับศิษย์ พวกเ้าพักผ่อนแต่เนิ่น แม้นว่าตอนนี้จะไม่มีชื่อของสำนักเมฆัอีกแล้วทว่ายังได้ให้บรรพชนและข้าต้องขายหน้า ผู้ใดเด่นล้ำแสดงออกถึงพร์จะได้รับการบ่มเพาะสนับสนุนจากท่านประมุข”
ยามนี้โบ๋เวินเป็หนึ่งในผู้าุโใหญ่ของสำนักพันปี กล่าวไปก็รู้สึกน่าหัวร่ออยู่บ้าง สำนักพันปียามนี้มีผู้าุโเพียงสองคนเท่านั้น โบ๋เวินพ่นลมหายใจขุ่นออกมา แหงนหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะ
ท่ามกลางเสียงเฮฮาดีใจของลูกศิษย์ทั้งหลาย เขาคล้ายกลายเป็ก้อนหินก้อนหนึ่ง ไร้ความรู้สึกไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ในความคิดบังเกิดความละอายใจมากมาย รู้สึกว่าตนเองทำเช่นนี้ออกจะไม่ถูกต้องอยู่บ้าง สำนักที่อาจารย์และปรมาจารย์ดูแลปกป้องมานับร้อยปีพังทลายลงด้วยเงื้อมมือของตนเอง
ผ่านไปเนิ่นนานสุ้มเสียงเฮฮาค่อยเบาลงโบ๋เวินตื่นจากภวังค์ความคิด สลัดตัวตนและความอาวรณ์ทั้งหมดที่อยู่ในใจทิ้งไป
“ต่อจากนี้ ข้าคืออี้อิง (เงาปีก) องครักษ์ของท่านประมุขพันปี” ราวกับสลัดอาภรณ์ที่สวมใส่ทิ้ง ตัวตนและความรู้สึกทั้งหลายพลันปลาสนาการจนหมดสิ้น มิใช่โบ๋เวินแห่งสำนักเมฆัอีกต่อไป ทว่าเป็อี้อิง องครักษ์ใหญ่แห่งสำนักพันปี
ที่ศาลบรรพชนไท้หยูเข้าสู่ใจกลางห้องลับพยุหะของสำนัก ในห้องสลักกลไกที่ใต้เท้าส่งเสียงลั่นอึงอลสดใสราวกับเสียงดีดพิณตึงตัง ยามนี้กลไกที่ใต้เท้าขยับเคลื่อนไหวตลอดเวลา ในกลไกที่หมุนโยงต่อกันยังมีแสงเรืองรองจางๆ สะท้อนออกมา ที่ใจกลางห้องทันทีที่ไท้หยูเข้ามา สิ่งที่คล้ายเส้นผมสีฟ้าที่แท่นใจกลางห้องพลันขยับเคลื่อนไหว สั่นะเืราวกับมีชีวิต
ดาบโพ่คงที่โปร่งใสจนแทบจะะเิออกพลันสั่นสะท้าน ยามนั้นเสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากปากของไท้หยูกล่าวว่า
“ช่างน่าคิดถึงยิ่งนัก ผ่านไปพันปียังคงหลับใหลอยู่”
ไท้หยูแค่นเสียงกลับกล่าวว่า
“ยังคงหลับใหลหมายความว่าสำนักของท่านยังอยู่ดี ถือเป็เื่ดีมิใช่” เขาเข้าใจว่ากลไกพยุหะชุดนี้คงเป็อาวุธที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของมหาพยุหะ เปรียบเสมือนยันต์คุ้มกันภัยของสำนักพันปีที่จะใช้ออกยามคับขันเท่านั้น
ทันใดนั้นดาบในมือพลันลอยขึ้นพุ่งเข้าหาแท่นที่กลางห้องลอยอยู่้า สลักกลไกใต้เท้าพลันหยุดลงจากนั้นสามอึดใจกลไกทั้งหมดพลันดังแกรก สลักทั้งหมดหมุนทวนเข็มนาฬิกา ระดับความเร็วในการหมุนวนเร็วกว่าเดิมสิบเท่า แท่นที่ใสราวกระจกบรรจุเส้นปฐีอยู่ด้านในพลันเรืองแสงมากมาย แสงสาดส่องขึ้น้า จากนั้นแสงที่เพดานพลันเรืองรองกระจายตัวราวกับน้ำหมึกหมุนวนบิดเบี้ยวจนลามไปทั้งห้อง
ยามนั้นไท้หยูพลันกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ที่แขนซ้ายปรากฏโล่สีดำที่ไม่ดำแล้วลอยออกมาจากนั้นโล่พลันแตกสลายกลายเป็ละอองถูกดูดเข้าหาดาบโพ่คงที่ลอยอยู่ ดาบโพ่คงพลันสั่นสะท้าน เส้นสีฟ้าเลื้อยออกมาจากด้านในเข้าหาเส้นปฐีที่อยู่ใจกลางแท่นใส จากนั้นทั้งหมดพลันเชื่อมโยงพัวพันกัน ราวกับอสรพิษมากมายกำลังผสมพันธุ์ เลื้อยพันไปมา
ดาบโพ่คงเริ่มหม่นแสงเริ่มจากด้ามดาบไหลลงมาเรื่อย ๆ รอยปริแตกมากมายพลันเกิดขึ้น
“เปร้ง”
ดาบสูญสลายกลายเป็เศษมากมาย จากเศษก้อนใหญ่กลายเป็ผุยผงจากนั้นกลายเป็สิ่งไม่มี ไท้หยูใบหน้าซีดเผือด ความเชื่อมโยงระหว่างอาวุธกับผู้เป็นายขาดสะบั้นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างสาหัสกระอักโลหิตออกมาอีกหลายคำ เ็ปถึงิญญา
โลหิตไหลลงพื้นตกใส่สลักกลไกที่หมุนวน ราวกับราดน้ำเย็นลงเหล็กร้อนพลันบังเกิดเสียงฉี่ฉี่ขึ้นมา โลหิตระเหยเป็ไอ แสงที่ปกคลุมทั้งผนังและเพดานห้องพลันถูกรวบรั้งคืนสู่จุดกึ่งกลาง กลไกทั้งหมดหยุดลงอักขระที่เรืองแสงเจือจางเปลี่ยนเป็สีแดง โลหิตทั้งหมดของไท้หยูถูกดูดเข้าไป ความเ็ปมากมายพลันแล่นเข้ามา ราวกับมีเข็มมากมายแทงทั่วทั้งร่างไท้หยูสั่นสะท้านเข่าทรุดกับพื้น ทั้งจิตและิญญาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ยามตื่นตระหนกกลับไม่สามารถควบคุมแขนขาของตนเองได้ จึงกล่าวอย่างร้อนรนว่า
“ท่านทำอะไรกับข้า”
ยามนั้นความเ็ปเท่าตัวทวีคูณพลันะเิออกมา แขนขาปรากฏโลหิตไหลจากรูขุมขนอาภรณ์เปียกชุ่มเปลี่ยนเป็สีแดง ลมหายใจถี่กระชั้นร้อนรุ่มราวกับหินเหลว โลหิตที่ไหลลงพื้นถูกดูดเข้าสู่กลไกที่เรืองรอง รู้สึกพลังชีวิตทั้งร่างไหลออกอย่างไม่อาจควบคุม
เสียงทรงอำนาจพลันกล่าวจากปากของไท้หยู
“หลอมรวมทั้งสามเป็หนึ่ง ฝึกขั้นแรกของวิถีตรีภาคาภาคสมบูรณ์ ข้าได้คิดและปรับปรุงวิถีตรีภาคาเล็กน้อย ข้ารู้ว่าเ้าจะไม่ยินยอมดังนั้นได้แต่ฉวยโอกาสเช่นนี้ หลับไปเถิดเ้าจะไม่ทรมาน”
ไท้หยูพยายามจะควบคุมร่างของตนเองทว่าไม่สามารถทำได้ รู้สึกหมดสิ้นเรี่ยวแรงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสบถด่าคำเดียวก็สิ้นสติไป ยามนั้นโลหิตเกือบทั้งร่างถูกดูดเข้าไปในสลักกลไกที่ใต้เท้า ร่างกายกลายเป็เหี่ยวย่นกระดูกก็ขดงอราวกับกลายเป็เฒ่าชราใกล้สิ้นอายุขัยผู้หนึ่ง
เสียงของฉงฉงพลันดังขึ้นมาว่า
“เ้าปรับปรุงวิถีตรีภาคาใหม่อย่างไร”
เสียงทรงอำนาจเคร่งขรึมดังขึ้นว่า
“หากรอให้เขายอมฝึกไยมิใช่ใช้เวลานานอย่างยิ่ง อีกอย่างวิถีตรีภาคามิใช่เส้นทางที่ง่ายดาย ต้องรอจนเขาฝึกสำเร็จแยกออกได้สามร่างพวกเราค่อยสามารถเข้าสิง ทำเช่นนั้นมิทราบกี่ร้อยปีจึงจะสำเร็จจนสามารถกลับคืนสู่โลก ดังนั้นข้าตัดทอนบางส่วนเพิ่มบางส่วนปรับปรุงเป็วิถีตรีภาคาฉบับสมบูรณ์ ข้าจะหลอมชิ้นส่วนของข้าและร่างหนอนของเ้ารวมกับร่างเนื้อของเขา ทันทีที่เริ่มฝึกวิถีตรีภาคาก็จะเพาะร่างเนื้อของพวกเราไปด้วย เมื่อฝึกจนสำเร็จก็สามารถคืนสู่โลกในระดับสูงสุด ไม่ต้องเสียเวลาเพิ่ม”
ฉงฉงพลันกล่าวว่า
“ทำเช่นนี้เขาอาจจะตาย” หากไท้หยูได้ยินคงรู้สึกแปลกใจที่หนอนตัวนี้ยังรู้สึกเป็ห่วงเป็ใยตนเอง
เสียงทรงอำนาจไร้ความรู้สึก
“เป็หรือตายหาสำคัญไม่ จะอย่างไรข้าและเ้าล้วนตายแล้ว หากเขาไม่สามารถฝึกสำเร็จแม้อยู่ในร่างของเขาได้แต่นานไปก็จะสูญเสียตัวตน มีแต่ทำเช่นนี้ เสี่ยงดวงดูสักครา”