เสี่ยวเสวียนไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิด ถึงได้ถูกควบคุมตัวเช่นนี้ สาวใช้ทั้งสองดึงนางให้เดินตามไป ซึ่งหนึ่งในนั้นยังแอบบีบต้นแขนอย่างแรง จนหญิงสาวน้ำตาคลอ “คุณหนู ช่วยข้าด้วย”
หนีเจียเอ๋อร์มองหลินมามาด้วยสีหน้าเ็า “นี่เ้าจะลงโทษคนของข้า โดยไม่คิดจะบอกคนเป็นายเช่นข้าเลยหรือ?”
“เื่นี้เป็ระเบียบปฏิบัติของบ่าวรับใช้เ้าค่ะ เสี่ยวอวี้ เสี่ยวชุ่ย ไม่ต้องสนใจ พานางออกไปเสีย” หลินมามาค้อมร่างลง แต่สีหน้าไม่ปรากฏร่องรอยของความเคารพแม้แต่น้อย
บ่าวรับใช้ทั้งสอง จึงพาตัวเสี่ยวเสวียนออกไป
หนีเจียเอ๋อร์สบตาพวกนาง ใบหน้านิ่งเรียบ ไร้ซึ่งรอยยิ้ม ทว่า ดวงตากลับวาวโรจน์ด้วยโทสะ
ระหว่างทาง พ่อบ้านก็ทำท่าจะกระซิบบอก “คุณหนู...”
แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ก็ถูกหลินมามาที่อยู่ด้านหลังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“พ่อบ้าน ไม่รู้ว่าท่านเคยได้ยินสำนวน ‘ไม่มีหญ้าริมน้ำ มาเลี้ยงลาปากมาก[1]’ หรือไม่?”
พ่อบ้านหยุดชะงัก กำลังจะโต้กลับ ก็ถูกหนีเจียเอ๋อร์เข้ามาห้ามเสียก่อน เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงได้แต่สงบปากสงบคำต่อไป
เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว หลินมามาก็อดหัวเราะอย่างประชดประชันมิได้
หนีเจียเอ๋อร์มีสีหน้านิ่งเฉย ไม่รู้คิดสิ่งใดอยู่ แต่ทันใดนั้น นางก็หยุดเดินกะทันหัน ทำให้หลินมามาที่ตามมาติดๆ ยั้งเท้าไม่ทัน จึงกระแทกหลังอีกฝ่ายจนซวนเซ
หญิงสาวพลันหันหลังกลับ ยกมือตบหน้าหลินมามาไปหนึ่งฉาด ก่อนจะตบซ้ำอีกครั้ง จนบ่าวรับใช้ชราทรุดตัวลงกับพื้น
ทุกคนรวมทั้งพ่อบ้าน พากันตกตะลึง
สตรีที่อยู่ตรงหน้า ช่างลงมือได้เด็ดขาดยิ่งนัก ผิดไปจากคุณหนูรองผู้อ่อนหวาน ซึ่งมักจะให้เกียรติผู้อื่นอยู่เสมอเช่นก่อนหน้านี้
หลินมามาโมโหยกใหญ่ บนแก้มทั้งสองของนางปรากฏรอยนิ้วมือชัดเจน หญิงชราลุกขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่าย “หนีเจียเอ๋อร์ เ้ากล้าตบหน้าข้า บังอาจนัก! ตบข้าก็เท่ากับตบนายหญิง”
คนอื่นๆ ถึงกับปาดเหงื่อ ความผิดของคุณหนูรองยังมิได้ถูกตัดสิน ก็มีข้อหาเพิ่มเข้ามาแล้ว... คราวนี้ คุณหนูใหญ่ต้องเต้นเร่าเอาเปรียบนางอีกเป็แน่!
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้ว พลางพูดเสียงดัง “ช่างเป็บ่าวรับใช้ที่หยิ่งผยองนัก ข้าคือเ้านายคนหนึ่งของจวนสกุลหนี เ้ากล้ามาหาเื่ข้าเช่นนี้ คิดว่าจะเอาชนะได้หรือ? วันนี้ ข้าจะสอนบทเรียนให้บ่าวผู้ไม่รู้จักบุญคุณเช่นเ้าให้รู้สำนึกเอง!”
จู่ๆ คุณหนูรองซึ่งเคยเกรงใจและสุภาพกับตนมาตลอด กลับหันมาบริภาษเสียงดังลั่น หลินมามาจึงโกรธจนปากสั่น “เ้า...”
หนีเจียเอ๋อร์ชี้นิ้ว “ใครก็ได้มานี่สิ หลินมามาจงใจเดินชนเ้านาย นำตัวไปลงโทษโบยสิบไม้ แล้วขังไว้ที่ห้องเก็บฟืน”
บ่าวรับใช้ต่างลอบสบตากัน ท้ายที่สุด บ่าวสองคนที่อยู่ด้านข้างก็จับตัวหลินมามาไปลงโทษ ก่อนนำไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน
บรรดาบ่าวรับใช้ในจวน ที่เคยถูกหญิงชราผู้นี้กลั่นแกล้งรังแกอย่างโหดร้ายทารุณมาตลอด ต่างมองหนีเจียเอ๋อร์ด้วยสายตาซาบซึ้ง
ทุกคนรู้สึกขอบคุณ ที่หญิงสาวออกหน้ามาจัดการกับบ่าวผู้นั้น แต่ก็อดเป็ห่วงมิได้ “คุณหนูรองพลาดเสียแล้ว การลงมือกับหลินมามา หาใช่เื่ที่สมควรกระทำในยามนี้”
แม้หนีเจียเอ๋อร์จะไม่ทราบว่าพวกเขาคิดเห็นเช่นไร แต่ก็รู้ดีว่า ต่อให้นางไม่ลงโทษหลินมามา อย่างไรเสีย สวีซื่อก็ไม่คิดจะปล่อยตนไปอยู่ดี
เช่นนั้นแล้ว จะยอมอดทนให้ถูกโขกสับอยู่อีกหรือ?
หญิงสาวมองบ่าวรับใช้ในจวนด้วยสีหน้าหดหู่ ก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไปกันเถิด มิฉะนั้น ท่านพ่ออาจจะตำหนิพวกเ้าได้”
บ่าวรับใช้จึงหลีกทางอย่างนอบน้อม เพื่อให้นายสาวก้าวนำหน้า ก่อนเดินตามกันไปเป็พรวน
…
เมื่อเห็นประตูห้องหนังสือเปิดกว้าง หนีเจียเอ๋อร์ก็เดินตรงเข้าไป พลางน้อมทักทาย “คารวะท่านพ่อ คารวะท่านแม่”
จากนั้น ก็มองไปยังชายวัยกลางคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ด้านข้าง แต่ทันทีที่คนผู้นั้นรู้ว่าถูกนางจับจ้อง ก็รีบเบนสายตาไปทางอื่น
และทันใดนั้น นายท่านหนีก็โยนหนังสือสัญญาลงตรงหน้านาง “ดูเื่งามหน้าที่เ้าทำสิ!”
สวีซื่อก้มหน้าลง ลูบกำไลหยกทองคำม่วงของตน แต่แพขนตาที่ลดต่ำ กลับไม่อาจซ่อนความมุ่งร้ายในแววตาได้
หนีเจียเอ๋อร์ถอนสายตา พลางหยิบแผ่นกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาอ่านโดยละเอียด แล้วพูดอย่างแช่มช้า “ท่านพ่อ ข้าไม่เคยไปเล่นการพนัน แล้วหนังสือสัญญาพวกนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
จากนั้น หญิงสาวก็ค่อยๆ เดินไปหาสวีซื่อ “ท่านแม่ ท่านรู้เื่หรือไม่?”
สวีซื่อเงยหน้าขึ้น ก่อนเอ่ยอย่างงุนงง “แม่จะรู้ได้อย่างไรกัน!”
ว่าแล้ว ก็พยักพเยิดไปยังบุรุษที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วพูดว่า “เอกสารทั้งหมดนี้ มาจากเ้าของบ่อน เ้าน่าจะถามเขาดู”
เ้าของโรงพนัน ผู้มีนามว่าหวงซาน เดินมาตรงหน้านายท่านหนี และกล่าวว่า “เอกสารเหล่านี้ ล้วนเป็ของจริงขอรับ!”
จากนั้นจึงเสริมว่า “นายท่านหนี ก็อย่างที่บอก ในเมื่อเป็หนี้แล้ว ลูกหนี้ก็ต้องชำระหนี้สินที่ค้างคาเป็ธรรมดา นี่คือเื่อันสมเหตุสมผล ข้าคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ เพียงเพราะคุณหนูรองเป็บุตรสาวของขุนนางกรมพิธีการ ท่านคงไม่คิดจะปกป้องคนของตัวเอง และมากลั่นแกล้งรังแกผู้ไร้ซึ่งอำนาจอย่างข้ากระมัง? หากในวันนี้ ท่านไม่มีคำพูดใดจะกล่าวกับข้า ข้าก็จะไปยื่นเื่ร้องเรียนต่อศาลแล้ว!”
เขายังพูดต่ออีก “ไม่สำคัญว่าหนี้สินจะมากน้อย อย่างไรก็ต้องคืน เพราะข้าคงไม่อาจดื่มกินอากาศได้กระมัง?”
นายท่านหนีเป็ผู้ที่รักษาหน้าตาเป็ที่สุด หากหวงซานยื่นเื่ร้องเรียนจริง จะไม่เท่ากับว่าต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ? ผู้คนในเมืองหลวงคงจะรู้ไปทั่ว ว่าบุตรสาวของเขาติดการพนัน…
“หนีเจียเอ๋อร์ ทั้งพยานและหลักฐานทั้งหมดอยู่ตรงหน้าแล้ว เ้ายังกล้าเล่นลิ้นอีกหรือ?” นายท่านหนีลุกขึ้นจากเก้าอี้ และจับจ้องด้วยความโกรธ “สารภาพมาเดี๋ยวนี้! ข้าจะได้ช่วยหาทางปลดหนี้ให้เ้า”
หนีเจียเอ๋อร์สบสายตาอันเกรี้ยวกราดของอีกฝ่าย “ท่านพ่อ ข้าไม่เคยไปโรงพนันจริงๆ หนังสือสัญญาเหล่านี้ อาจจะถูกปลอมแปลงขึ้นมาก็เป็ได้ โปรดให้เวลาสักหน่อย ลูกจะตามหาคนร้ายมาให้ได้”
ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย นางก็หันไปมองสวีซื่อ
สวีซื่อมองหน้าลูกเลี้ยงด้วยสายตาท้าทาย “ข้ารู้ว่าเ้ามีคุณงามความดีจากการช่วยชีวิตองค์ชาย จนตอนนี้ ฝ่าายังโปรดปรานเ้าเสียยิ่งกว่าบิดาหรือพี่ชาย แต่เ้าก็ไม่ควรทำหูหนวกตาบอดกับเื่ที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้เช่นนี้”
คำพูดนี้ ยิ่งไปกระตุ้นโทสะในใจของนายท่านหนี ไม่ว่าหนีเจียเอ๋อร์จะแก้ตัวอย่างไร เขาก็ไม่ฟัง
หญิงสาวยังคงยืนยันไม่ยอมรับผิด นายท่านหนีจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษนาง แม้เว่ยอี๋เหนียงจะขอร้องอย่างไรก็ไร้ผล ทั้งเขายังสั่งให้บ่าวพาตัวอนุภรรยากลับเรือนไปอีกด้วย
ไม้แข็งๆ ที่โบยตีลงมาบนร่างในแต่ละครั้ง พลันลบล้างความรักเคารพที่มีต่อบิดาไปจนเกือบจะหมดสิ้น หนีเจียเอ๋อร์กัดฟันแน่น ไม่ยอมส่งเสียงหรือท้อถอย พลางมองนายท่านหนีด้วยสายตาท้าทายระคนน้อยใจ
ท่าทีเช่นนี้ ยิ่งทำให้นายท่านหนีหงุดหงิดมากขึ้น “หากยังไม่ยอมรับผิดอีก ก็จงลงโทษให้หนัก”
บ่าวผู้ทำหน้าที่โบย จึงเพิ่มน้ำหนักมือมากขึ้น จนหนีเจียเอ๋อร์ต้องกัดริมฝีปากแน่น
เมื่อเห็นเช่นนั้น สวีซื่อก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาปกปิดรอยยิ้ม
“หยุดนะ!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้น
เป็โจวชิงหวานั่นเอง ที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแววตาอันเยียบเย็น...
------------------------------------------
[1] ‘ไม่มีหญ้าริมน้ำ มาเลี้ยงลาปากมาก’ (河边无青草,不养多嘴驴) เป็คำอุปมาอุปไมย หมายถึงไม่ให้พูดมาก มักจะใช้ปรามคนที่ชอบพูดขัดจังหวะผู้อื่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้