ยาที่ซูเฉินให้ซูิเยว่มาได้ถูกใช้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงประสิทธิภาพ แค่หนึ่งวันหนึ่งคืนปากแผลก็สมานเข้าหากันมากขึ้นแล้ว นางจึงไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว
นางลองขยับตัว ค่อยยังชั่ว ขอแค่ไม่ขยับตัวมากก็ไม่มีทางกระทบกับแผล
ซูิเยว่ขยับตัวลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง นางข้ามตัวของจี๋โม่หานลงจากเตียง การกระทำนั้นเงียบเชียบมาก ทั้งยังระวังว่าจะทำให้เขาตื่น
นางคลุมเสื้อแล้วเปิดประตูออกไป คนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูคือจิ่งฉือ ในมือของเขายังถือถ้วยยาเอาไว้ด้วย พออีกฝ่ายเห็นนางก็เบิกตากว้าง
ตอนที่กำลังจะเปิดประตู ซูิเยว่ก็ทำท่าเป็นัยว่าอย่าขยับ จากนั้นพอออกมาแล้วก็หันกลับไปปิดประตูแล้วพูดเสียงเบา “เบาหน่อย เขากำลังหลับอยู่ อย่าทำให้เขาตื่น”
ด้านนอกประตูพวกิจิ่วกับหลิงชวนก็อยู่กันทั้งหมด จิ่งฉือได้ยินดังนั้นแววตาก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ ก่อนจะพูดเสียงเบาตอบกลับมา “เช่นนั้นพระชายาลุกขึ้นมาได้อย่างไรขอรับ แผลบนตัวไม่เป็อะไรแล้วหรือ?”
ซูิเยว่ส่ายหน้า นางยอมรับที่พวกจิ่งฉือเรียกนางว่าพระชายาแล้ว “ข้าไม่เป็อะไร แผลก็ดีขึ้นมากแล้ว”
จิ่งฉือส่งถ้วยยาไปให้นาง “นี่เป็ยาที่ซูเฉินทำให้ท่านขอรับ”
ซูิเยว่รับถ้วยมาแล้วยกดื่มทีเดียวจนหมดโดยที่ไม่กะพริบตา รสชาติขมของยากระจายอยู่ที่ปลายลิ้น แต่นางก็เหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วส่งถ้วยคืนให้จิ่งฉือ
“องค์ชายเฝ้ามาทั้งคืนคงจะเหนื่อย รบกวนพวกเ้าไปทำอาหารมาสักหน่อยเถิด”
“ไม่รบกวนขอรับ ไม่รบกวนเลย” จิ่งฉือรีบรับคำ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ หากพระชายามีอะไรจะสั่งก็สั่งมาได้เลย”
ซูิเยว่พยักหน้าน้อยๆ “จริงสิ รบกวนพวกเ้าไปบอกกับสาวใช้ของข้าด้วย พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวล”
หลิงชวนที่อยู่ด้านข้างพูดแทรกขึ้นมา “วางใจเถิดพระชายา เมื่อวานองค์ชายได้ให้พวกเราไปบอกแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี” ซูิเยว่หมุนตัวกลับเข้าห้องไป พอเดินผ่านที่บังลมก็เห็นจี๋โม่หานกำลังนั่งอยู่ที่ริมเตียง ฝีเท้าจึงชะงักไป “เหตุใดท่านถึงตื่นแล้วล่ะ หม่อมฉันทำให้ท่านตื่นหรือ”
จี๋โม่หานไม่ได้พูด แต่กวักมือเรียกนาง พอซูิเยว่เดินไปหาก็ถูกจี๋โม่หานดึงให้มานั่งบนตัก ท่านี้เหมือนกำลังกอดเด็ก ซูิเยว่รู้สึกเขินเล็กน้อย กกหูเริ่มร้อนขึ้นมา
“เหตุใดเ้าถึงตื่นล่ะ” จี๋โม่หานซบลงที่คอของนางแล้วสูดกลิ่นอายบนตัวของนาง เสียงแหบต่ำ ทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นที่เพิ่งตื่นนอนหมาดๆ “เหตุใดถึงไม่พักผ่อนให้เยอะๆ แผลบนตัวเป็อย่างไรบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือไม่?”
ซูิเยว่กอดคอจี๋โม่หานก่อนจะส่ายหน้า “ดีมากแล้วเพคะ ไม่เจ็บแล้ว เมื่อครู่จิ่งฉือเอายามาให้ แต่ท่านยังหลับอยู่ หม่อมฉันจึงไม่ได้ปลุกท่าน ท่านนอนอีกหน่อยจะดีกว่า ตอนนี้หม่อมฉันไม่ง่วงแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะเฝ้าเอง”
จี๋โม่หานร้องอือ ใบหน้าฉายความเกียจคร้านออกมา ซูิเยว่เพิ่งได้เห็นสีหน้าอื่นของเขาอย่างหาได้ยาก ในใจตอนนั้นก็อ่อนยวบยาบ
“ไม่นอนแล้ว” จี๋โม่หานกล่าว “พอตื่นแล้วก็จะนอนไม่หลับแล้ว หลังจากที่ตาบอด ข้ามักจะแยกกลางวันกับกลางคืนไม่ค่อยได้ ข้าไม่ได้นอนอย่างสบายใจขนาดนี้มานานมากแล้ว แต่เพราะมีเ้าอยู่ข้างๆ ข้าถึงได้วางใจ”
ซูิเยว่ยกมือขึ้นลูบดวงตาของจี๋โม่หานเบาๆ ขนตาเรียงกันเป็แพปัดผ่านฝ่ามือทำให้รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย คำพูดของจี๋โม่หานเหมือนกับเข็มที่เข้ามาทิ่มแทงให้นางรู้สึกไม่ดี
“ท่านวางใจเถิด พิษในดวงตาของท่านถูกชำระไปได้พอสมควรแล้ว ตอนนี้รอแค่พวกหลิงชวนรวบรวมสมุนไพรในสูตรยาได้ครบ ท่านก็จะมองเห็นอีกครั้งแล้ว”
“อืม” จี๋โม่หานรับคำเสียงเรียบ ความจริงก่อนหน้านี้เขาได้ยอมแพ้แล้ว ตาบอดมาสิบกว่าปี มองเห็นกับมองไม่เห็น สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เื่สำคัญอีกต่อไป แต่หลังจากคบกับซูิเยว่ก็ทำให้เขามีความหวังขึ้นมา
ซูิเยว่นอนอยู่บนเตียงมาหนึ่งวัน หลังจากทานอาหารเสร็จก็ไปนั่งตากลมอยู่ในศาลากับจี๋โม่หาน แล้วฟังรายงานจากพวกหลิงชวนไปด้วย
ฮ่องเต้ได้มีคำสั่งให้ประกาศเื่ในครั้งนี้ไปทั่วทั้งเมือง ทั้งยังคืนความบริสุทธิ์ยุติธรรมให้กับซูิเยว่ เื่ในวันนั้นมีคนเห็นมากมาย ฮ่องเต้จึงอับจนหนทาง อย่างไรก็สูญเสียความเชื่อถือจากประชาชนไม่ได้
เื่ของเวินเยว่เองก็ถูกล้างความผิดแล้ว ครั้งนี้ถือว่าองค์ชายห้าไปแตะโดนจุดเดือดของฮ่องเต้เข้า เขาจึงถูกปลดจากตำแหน่งองค์ชาย กลายเป็สามัญชน ทั้งยังถูกส่งไปอยู่ที่ด่านชายแดน คงจะเริ่มออกเดินทางในอีกสองวันนี้
ถึงแม้เื่ที่องค์ชายห้าจะทำผิดในครั้งนี้ การลงโทษตัดหัวนั้นก็ไม่ถือว่าทำเกินไป แต่อย่างไรฮ่องเต้ก็ไม่มีทางทำให้ลูกชายคนนี้ถึงตาย อีกทั้งยังมีข่าวที่จี๋โม่หานให้พวกหลิงชวนแอบไปสอบถามมา
ครั้งนี้ซ่งซินเวยพระมารดาขององค์ชายห้าร้องไห้โวยวายหนัก เื่นี้กระทบไปทั้งสกุลซ่ง พี่ชายของซ่งซินเวยหรือก็คือแม่ทัพซ่งลุงขององค์ชายห้าก็รีบกลับมาจากชายแดนโดยเฉพาะ
ถึงแม้ฮ่องเต้จะไม่สนใจสิ่งอื่นใด แต่ก็ยังระมัดระวังสีหน้าของแม่ทัพซ่งอยู่พอสมควร
ถึงแม้ครั้งนี้องค์ชายห้าจะไม่ตาย แต่ก็ต้องถูกถอดบรรดาศักดิ์ แค่นี้ซูิเยว่ก็พอใจแล้ว
ตอนบ่ายเสี่ยวอวี่กับหนิงหยวนก็มาหานาง สีหน้าของทั้งสองคนเหนื่อยล้า ั้แ่วันก่อนที่ซูิเยว่เข้าคุกพวกนางก็แทบไม่ได้นอน ตาของเสี่ยวอวี่ยังบวมแดง พอเห็นซูิเยว่น้ำตาก็ไหลลงมา
“คุณหนู สบายดีหรือไม่เ้าคะ?”
“ข้าไม่เป็อะไรแล้ว” ซูิเยว่ยิ้ม “เ้าดูสิ ข้าก็ยังดูดีอยู่ไม่ใช่หรือ อย่ากังวลใจไปเลย”
หนิงหยวนเงียบอยู่ตลอด แต่สายตาไม่ได้ละไปจากตัวของซูิเยว่เลย
พวกเขามาอยู่ได้ครู่เดียวก็ไป อย่างไรตอนนี้ซูิเยว่ก็ยังไม่ได้แต่งงานกับจี๋โม่หานอย่างเป็ทางการ พวกเสี่ยวอวี่มาอยู่ด้วยก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไร
ซูิเยว่ไม่ได้กลับไปจวนสกุลซูและอาศัยอยู่ในจวนของจี๋โม่หานแทน หนึ่งก็เพราะว่าจี๋โม่หานไม่ให้นางไป สองก็คือั้แ่ที่พูดคุยกับซูโม่ชัดเจนเมื่อคืนนั้น นางก็ไม่เชื่อเขาอีกแล้ว
ไม่ว่าซูโม่อยากจะฆ่านางด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้ก็ถือว่าความแตกแล้ว
อีกทั้งตอนนี้บนตัวของนางยังมีาแอยู่ หากกลับไป ไม่แน่ว่าซูโม่ก็ยิ่งอยากฆ่านางมากกว่าเดิม จวนสกุลซูไม่ปลอดภัยอีกแล้ว อีกทั้งเมื่อวานเื่ที่จี๋โม่หานไปช่วยซูิเยว่นั้นก็ครึกโครมใหญ่โต
ตอนนี้แทบทุกคนต่างรู้เื่ความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ซูิเยว่เองก็เผชิญหน้าอย่างนิ่งสงบ การที่จะมาพักอยู่ในจวนขององค์ชายสามอย่างเปิดเผยก็ไม่ใช่อะไรที่ไม่ดี ซูโม่จึงไม่อาจพานางกลับไปได้ตอนนี้
หลายวันต่อมาซูิเยว่ก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ตลอด ซูเฉินให้ยาที่ดีที่สุดกับนาง วันที่สามปากแผลจึงสมานเข้าหากันดีและไม่เจ็บแล้ว
หลายวันต่อมา ซูเฉินก็จัดให้นางแช่น้ำโอสถ เขารับประกันว่าปากแผลของนางจะหายดีโดยไม่ทิ้งรอยเอาไว้
จี๋โม่หานขมวดคิ้วพร้อมกอดซูิเยว่ในอ้อมกอดนิ่ง
หลายวันมานี้พวกเขาแนบชิดตัวติดกันอย่างเปิดเผย พวกหลิงชวนที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นจนชินแล้ว ซูิเยว่ม้วนปลายผมของจี๋โม่หาน “คนในวังส่งคนมาทำอะไรตอนนี้หรือ?”
“ไม่รู้สิ” น้ำเสียงของจี๋โม่หานเต็มไปด้วยความรำคาญ
“ไปดูเถิด จะไม่สนใจเขาก็คงจะไม่ได้ ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้อาจจะหาข้ออ้างมากมายมาหาเื่แน่นอน”